Share

บทที่ 525

Author: หูเทียนเสี่ยว
ไม่ว่านางจะดูเด็ดเดี่ยวไม่อ่อนข้อต่อภายนอกเพียงใด จะดูดื้อรั้นไม่ยอมใครสักแค่ไหน แต่อันที่จริงในใจ เกี่ยวกับเรื่องสัมพันธ์ชายหญิง...

อันที่จริงนางก็ไม่มีประสบการณ์

ชาติที่แล้วก็เป็นแค่หญิงโสดไม่มีคนรักจนกระทั่งตาย

ส่วนชาตินี้ เพราะตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างมีอิสรเสรี จึงไม่คิดจะยึดติดกับอะไรมากมายนัก

ดังนั้นคนที่หล่อเหลาฟ้าประทานไม่มีใครเทียมอย่างท่านอ๋องนี่ จั๋วซือหรานจึงรู้สึกกระหายอยากมาตั้งแต่แรก

หรือก็คือ ในเมื่อตัดสินใจจะอิสระเสรีแล้ว แล้วยังกระหายอยากกับความหล่อเหลาหุ่นดีของอีกฝ่าย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะเป็นอะไรสิ

อยากจูบก็จูบ เหมือนจะไม่มีอะไรที่ไม่ได้นี่นา

แต่พอจะทำอะไรแบบนั้น ก็เหมือนจะยังหวาดๆ อยู่บ้าง

ทว่า เฟิงเหยียนก็เหมือนจะแค่แหย่นางเล่นเท่านั้น อันที่จริงไม่ได้คิดจะทำอะไรนางหรอก

พอเห็นนางค้านกลับคอแข็งเช่นนี้ เขากระทั่งยัง...พยักหน้าตามใจให้เสียด้วย

เขาบีบคางของนาง พยักหน้า “อืม ไม่กลัวสินะ”

ในเส้นเสียงมีความแหบพร่าอยู่ แต่ในน้ำเสียงกลับไม่ได้เปลี่ยนไปแปลงไปเท่าใดนัก เหมือนจะไม่ค่อยแตกต่างกับช่วงเวลาปกติ

แต่ก็ประหลาด มันทำให้คนที่ได้ยิน...รู้สึกว่าต้องอ่อนโ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 526

    จั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ท่าทางของทั้งสองคนเวลานี้มันจะมากเกินไปหน่อยแล้ว สาเหตุจากเพราะเมื่อครู่เพิ่งกอดจูบกันไปตอนนี้ เฟิงเหยียนนอนอยู่ข้างตัวนางใกล้กันมาก ไหล่ของนางสามารถรู้สึกได้ถึงกล้ามมัดไหล่ของเฟิงเหยียนได้ยิ่งไปกว่านั้น ความใกล้ขนาดนี้...เฟิงเหยียนหมุนตามองมา จั๋วซือหรานจึงรู้สึกว่า ลมหายใจของเขารดลงมาบนใบหน้า ราวกับพัวกันเข้ามาในลมหายใจของตนเอง“อื๋อ? อื๋อ?” จั๋วซือหรานยังตั้งตัวไม่ได้ ส่งเสียงสงสัยออกมาสองคำเฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น “ช่วงนี้ ข้าไม่มีที่จะอยู่แล้ว”จั๋วซือหรานตกตะลึงนางกระพริบตาปริบ จากนั้นก็กระพริบตาปริบๆ อีกจู่ๆ ก็เข้าใจความหมายของเฟิงเหยียนขึ้นมาจั๋วซือหรานคิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “เพราะข้าไม่ค่อยแน่ใจ ดังนั้นจึงอยากจะถามท่านอ๋องเสียหน่อย...อยากจะพักอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” “是。” นางมองดวงตาเฟิงเหยียน เฟิงเหยียนเองก็มองนาง จากนั้นจึงพยักหน้า “ใช่”จั๋วซือหรานมึนงง “หรือก็คือ..จะอยู่กับข้าที่นี่?”“ใช่” เฟิงเหยียนพยักหน้าอีกครั้ง “ข้าไม่มีที่ไหนที่จะไปได้แล้ว”หญิงสาวคนนี้ ปกติหยิ่งทะนงองอาจ จะใครก็ไม่อาจมาข่มเหงนางได้ดูแล้วเหมือนไม่กลัวฟ้ากลัวดิน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 527

    เฟิงเหยียนเอียงตามองไปพอเห็นใบหน้าหลับของจั๋วเสียวจิ่ว ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ ว่าหญิงสาวคนนี้งดงามเหลือเกินเฟิงเหยียนอันที่จริงก็รู้ว่าตนเองจำหน้าใครไม่ค่อยได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจำใครไม่ได้เลย แต่บางครั้งเพียงแค่พบหน้ากันแล้วก็ผ่านไป จึงขี้เกียจจะไปจดจำรูปร่างหน้าตาแต่ต่อให้คนแบบเขา ก็ยังต้องยอมรับ ว่าจั๋วเสียวจิ่วคนนี้ มีใบหน้าที่ไม่ว่าจะยอมหรือไม่ยอมจดจำ แต่เพียงมองแค่แวบเดียว ความงามนั้นก็ราวกับประทับลงไปในความทรงจำของสมองแล้วตอนที่ยังตื่นดี ก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมแกมโกงอยู่หน่อยๆ งดงามเป็นพิเศษ และพอหลังจากหลับไป สองตาที่มีประกายเฉลียวฉลาดนั้นหลับลง ขนตาเรียวยาว ก็ราวกับปีกผีเสื้อหุบคลุมลงมาอย่างไรอย่างนั้น มีรอยดำเป็นวงบริเวณเบ้าตาดูเป็นความงามที่สงบเยือกเย็นเฟิงเหยียนเอียงตามอง หญิงสาวเช่นนี้ อายุก็ยังไม่มากยังหน้าตางดงามเสียขนาดนี้ ราวกับเป็นดอกไม้บนกิ่งที่เปราะบางอ่อนแอที่สุด พร้อมที่จะถูกเด็ดดอมไปทุกเมื่อ ใครจะคิดถึงว่าในกระดูกกลับเป็นดอกไม้งามอหังการ มีหนามแหลมพิษงอกยาวยื่นอยู่ ไม่ว่าใครที่อยากจะข่มเหงนาง ก็ต้องจ่ายออกมาด้วยเลือดทั้งสิ้นยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวคนนี้ ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 528

    “โรคระบาดจะมาแล้ว นางรับผิดชอบไหวหรือ!”“รีบเปิด รีบเปิดร้าน!”“ข้าต้องการซื้อยา ข้าจะซื้อยา!”เหยียนหยี่หลิงยืนอยู่หน้าประตูศูนย์การแพทย์ตระกูลเหยียนที่ปิดสนิท ตาหรุบต่ำ สีหน้าบนใบหน้ายังคงมีท่าทีรู้สึกลำบากใจแต่ในดวงตาที่หรุบต่ำนั้น กลับมีประกายขบขันอยู่เหยียนหยี่หลิงคิดถึงแขกคนสำคัญที่จู่ๆ ก็มาหานางเมื่อเช้าแม้เหยียนหยี่หลิงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าองค์หญิงเจาหมิ่นทำไมจู่ๆ จึงมาหานางแต่เช้าขนาดนั้นยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้แจ้งกล่าว แต่แอบเข้ามาพบอีกด้วยเหยียนหยี่หลิงมองออก ว่าองค์หญิงคนนี้ก็เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แม้บนใบหน้าจะมีรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบก็ตามแต่ก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนไม่ค่อยจะดีใจเท่าไรนักหลังจากนั้น องค์หญิงเจาหมิ่นก็ให้ตำรับยานางมาหนึ่งตำรับ และบอกกับนางว่า...“ในเมืองหลวงจะมีโรคระบาดปรากฏ นี่คือตำรับยาที่เอามารักษาโรคระบาดนั้น”“เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะจั๋วจิ่วก่อนหน้านี้ ตระกูลเหยียนของพวกเจ้าเสียหายไปไม่น้อย ถ้ามีตำรับยานี้ โรคระบาดที่ว่า ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะกู้ชื่อเสียงกับความเสียหายกลับมาได้บางส่วน”เหยียนหยี่หลิงจำได้ว่าตนเองตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 529

    หลังจากที่ศูนย์การแพทย์ร้านยาของตระกุลเหยียนเปิดทำการรักษาจ่ายยาอีกครั้งเพียงไม่นานนัก ก็มีข้อมูลส่งมาจากตระกูลเฟิงว่าหญิงสาวที่กำลังจะหมั้นหมายกับซื่อจื่อตระกูลเฟิง ก็เหมือนคิดวางแผนทำลายตระกูลเฟิง จนทำให้ตระกูลเฟิงเสียหายอย่างหนักหนาสาหัสไม่ใช่ตระกูลเฟิงที่ส่งต่อกันออกมา แต่เหมือนจะเป็นข่าวที่ลือออกมาจากกลุ่มคนใช้ในบ้านตระกูลเฟิงว่าตามหลักการ น่าจะไม่ได้อยู่ในท่าทีตัวแทนของตระกูลเฟิงแต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าหากเป็นตระกูลอื่น ข่าวลือที่พวกคนใช้ลือออกมา อาจจะไม่สามารถเป็นท่าทีตัวแทนของตระกูลนั้นได้แต่นี่ไม่ใช่ตระกูลอื่น ทว่าเป็นตระกูลเฟิงตระกูลเฟิงนั้นเข้มงวดในกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางยอมให้พวกเหล่าคนใช้ลือข้อมูลออกมาภายนอกง่ายๆ ยังไม่ต้องสนใจว่าลือออกมาได้หรือเปล่าก่อน ต่อให้จะลือออกมา ถ้าตระกุลเฟิงไม่อนุญาต ก็จะจัดการกลบข่าวลือนี้ทิ้งไปแต่ว่าข่าวลือครั้งนี้ กลับปะทุออกมา ไม่มีการสกัดกั้นแต่อย่างใด ดังนั้น ต่อให้บอกว่าเป็นคนใช้ลืออกมา ก็ยังอธิบายได้ว่าเป็นท่าทีต่อเรื่องนี้ของตระกูลเฟิงอยู่ดีดังนั้นชั่วเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ชื่อเสียงของจั๋วซือหราน ก็เน่าเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 530

    เรื่องเหล่านี้ จะให้แม่นางจิ่วมาแบกคนเดียวไม่ได้ ซือคงเซี่ยนคิดในใจแต่ยังเขายังไม่ทันลุก มือข้างหนึ่งก็กดลงมาบนบ่าเขา กดเขาให้นั่งลงไปบนเก้าอี้ซือคงเซี่ยนหันไปมองอย่างตกใจ จึงเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังตนเอง ชายหนุ่มสวมหน้ากากไว้ มองไม่ออกถึงสีหน้าแต่การเคลื่อนไหวและน้ำเสียง ยังเผยความมั่นคงออกมา“ไม่ได้ ซือหรานบอกให้พวกท่านอยู่ที่นี่ ที่นี่ปลอดภัย” เสียงของเขาไม่ได้ติดอ่างนัก เพียงแต่ว่าน้ำเสียงเปลี่ยนช้าลงมาหน่อย และจากความเร็วของเสียงที่เปลี่ยนไปนี้ ฟังแล้วจึงยิ่งรู้สึกมั่นคงขึ้น“ตอนนี้เมืองหลวงเป็นช่วงที่มีแต่เรื่อง พวกท่านห้ามออกไป” เสียงของชิ่งหมิงมั่นคงปกติพูดติดอ่างอยู่แท้ๆ เวลาพูดกับคนที่ไม่สนิทก็เสียเวลาไปครึ่งค่อนวันกว่าจะได้สักประโยค ตอนนี้กลับมั่นคงพึ่งพาได้ขึ้นมาราวกับรู้สึกว่าเช่นนี้ยังมีกำลังไม่เพียงพอ เพราะซือคงเซี่ยนถึงอย่างไรก็เป็นอ๋องชิ่งหมิงหยุดไปขณะหนึ่ง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ซือหรานวาให้ข้าปกป้องพวกท่านให้ปลอดภัย นางจึงจะวางใจออกไปรับมือกับความยุ่งยากภายนอก ข้าได้รับการไหว้วานมาก็ต้องทำตามอย่างซื่อสัตย์ ปล่อยให้พวกท่านออกไปไม่ได้ จะได้ลดความยุ่งยากให้ซ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 531

    “ไปจับเจ้าสองคนที่ก่อนหน้านี้ถูกเฮยหลิงกัดแล้วยังบ้าอยู่นั่นมาเสีย”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเอ่ยขึ้น โบกๆ ตำรับยาในมือ “จากนั้นเจ้าตำรับยาสองชุดนี้ จัดการไปต้มมาอย่างละชุด”ลูกน้องเองก็ไม่ใช่เพิ่งจะติดตามเจ้าสำนักหอฟ้าดาวเป็นวันแรก พอได้ยินก็ขานรับคำสั่ง กระทั่งยังถามเหมือนจะเตรียมการล่วงหน้ามาอีกคำหนึ่ง “นายท่าน แล้วต้อง...ให้คนไปเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้มาไหม?”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเหลือบมองตำรับยาสองแผ่นนั้นผาดหนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่า คนอย่างจั๋วซือหราน ไม่เคยทำสงครามโดยไม่เตรียมตัว ในเมื่อวางหมากนี้ออกมา ก็เห็นได้ว่าเตรียมการไว้ดีระดับหนึ่งแล้วดังนั้นถึงแม้จะไม่มีการพิสูจน์ที่สมบูรณ์ แต่เจ้าสำนักหอฟ้าดาวก็ยังพยักหน้า “ได้”ลูกน้องออกไปจัดเตรียมทันทีไม่นานนัก สองคนที่ถูกพิษกู่จนกลายพันธุ์ไป ก็ถูกลากออกมาจากในคุกใต้ดินและเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปทำร้ายคนอื่นจนระบาด ดังนั้นจึงนำกรงเหล็กมาด้วยกันเลย “แฮ่แฮ่...!” ส่วนใหญ่เป็นเพราะเลือดเนื้อสดใหม่ของคนรอบๆ สำหรับพวกเขาแล้วมีแรงดึงดูดอย่างมาก ในคอหอยพวกเขาส่งเสียงคำรามต่ำออกมาน้ำแกงยาที่ต้มออกมาจากสองตำรับยานั้นก็เตรียมไว้เสร็จแล้วเจี่ยง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 532

    เจ้าสำนักหอฟ้าดาวแหงนตาขึ้นฉับพลัน มองตรงไปยังทิศของกรงและก็เห็นว่าคนในกรงที่ผูกแถบผ้าสีแดงไว้ สองมือจับรั้วกรงเหล็กเอาไว้แน่น ในดวงตามีความตื่นกลัวและตื่นเต้น ความหวาดกลัวน่าจะทำเอาสติไม่อยู่กับเนื้อตัว ส่วนความตื่นเต้นก็น่าจะเป็นความยินดีเหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติ“เจ้าสำนัก! เจ้าสำนัก!” เขาร้องเรียกเป็นชุด “ข้าคิดว่าข้าจะตายไปเสียแล้ว...”ดวงตาเจี่ยงเทียนซิงจ้องเขาขรึมๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอียงตาไปกำชับกับลูกน้อง “ขังต่อไปก่อน หลังจากกรอกยาไปสองสามวันแล้วค่อยปล่อยออกมา”“ขอรับ” ลูกน้องขานรับคำสั่งคนที่เหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติในกรง ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเพราะตนเองยังต้องถูกยังไว้อีกหลายวันเลยแม้แต่น้อยเขามีแต่ความรู้สึกโชคดี รีบเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณเจ้าสำนัก ขอบคุณเจ้าสำนัก!”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวกำชับลูกน้องต่อ “วัตถุดิบยาเหล่านั้นที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ทั้งหมดให้ส่งไปยังร้านยาของจั๋วซือหราน ดูด้วยว่านางยังต้องการอะไรอีก จัดเตรียมให้นางเสีย”“ขอรับ”หลังจากเจ้าสำนักฟ้าดาวกำชับเสร็จสิ้น ก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอกมุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบาง เดินไปด้วยพลางพูดกับตนเอง “เจี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 533

    “อือ...” จั๋วซือหรานพ่นลมจมูกเป็นสัญญาณปฏิเสธออกมาเบาๆ พลิกตัวงุดหน้าเข้าไปในต้นกำเนิดความร้อนข้างตัว เหมือนอยากจะเอาหัวทั้งหัวหลบเข้าในหน้าอกเขา ให้ตนเองได้นอนเพิ่มต่ออีกหน่อยอาการขี้เกียจลุกจากที่นอนเฟิงเหยียนเดิมทียังคิดจะเรียกนางอีกครั้ง แต่พอมองสภาพของนาง ดวงตาลึกซึ้งของเขาก็ค่อยๆ หรี่ลง และไม่ส่งเสียงออกมาอีกเพียงแต่ต่อให้เขาไม่เรียก จั๋วซือหรานเองก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากเสียงที่เขาเรียกก่อนหน้าแล้ว ต่อให้ยังดูมึนๆ งงๆ อยู่บ้าง...แต่ว่า เพราะไม่ได้อยู่ในสภาพหลับลึกแบบก่อนหน้า ดังนั้น จั๋วซือหรานจึงได้ยินการเคลื่อนไหวของเฉวียนคุนที่เดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกพอได้ยินก็รู้ว่ากำลังกระวนกระวายใจไม่ต้องคิดก็รู้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว...ตอนที่หลับลึกก่อนหน้านี้ ไม่รู้สึกถึงก็ช่างมันตอนนี้ในเมื่อสังเกตเห็นแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางนั่งนิ่งไม่สนใจแน่หลังจากจั๋วซือหรานงุดหัวฝังเหมือนนกกระจอกเทศอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างจำใจ มองไปทางเฟิงเหยียน ดวงตามีแววเศร้าสร้อยเฟิงเหยียนเองก็ไม่เคยเห็นสายตานี้จากนางมาก่อนสายตาของเขาหยุดอยู่บนหน้านางครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นเสี

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1120

    เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีกจนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียทีตอนนี้จึงออกมาจากในห้องก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้นดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซนจากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราจั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร""เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหารจากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?""ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1119

    น่าจะเพราะคิดว่าเช่นนี้จะไม่ถูกพบเข้ากระมังจั๋วซือหรานแค่รู้สึกว่า...ถ้าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมา คงจะน่าดูชมเลยทีเดียวแต่แมงมุมน้อยก็เอ่ยขึ้นข้างๆ ว่า "นายท่าน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านจะลืมตาขึ้นมาหรือ?"จั๋วซือหรานหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "ไม่ล่ะ"แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขินหรือกลัวอะไร ก็แค่เพราะนางเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เท่านั้นเรื่องด่วนที่นางต้องทำตอนนี้ คือเพื่อรับมือกับสำนักเมฆาวารีถ้าหากตอนนี้ลืมตาขึ้นมา แล้วเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเขาขึ้นมา ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องที่กองหนุนของสำนักเมฆาวารีกำลังจะมาถึงก็ได้ไหนจะเรื่อง..."แบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี "เขาไม่ใช่ว่าชอบแสดงนักหรือไง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่นด้วยจนจบเลย ดูว่าเขาจะแสดงได้ถึงตอนไหน จะแสดงได้นานแค่ไหน"จะว่าอย่างไรดี...?พูดได้แค่ว่า...สู้กับเฟิงเหยียน มันสนุกเสียจริงฮ่าๆ!จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีบอกกับราชาแมงมุมหน้าผี "แต่ว่า แมงมุมน้อยเจ้าตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป สภาพของข้าฟื้นฟูแล้ว จัดการหุ่นเชิดความมืดนี่ต่อได้แล้ว"ขณะเดียวกัน ภายในห้องเงามืดร่างนั้น คอยซ่อนอยู่ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1118

    แต่พอออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างประหลาดและปันอวิ๋นเองก็ทำตามสิ่งที่จั๋วซือหรานคาดหวัง ชี้แนะถึงระบบของวิชากู่และวิชาหุ่นเชิดแก่นางจั๋วซือหรานเองก็ฉลาดเฉลียว เรียนอะไรก็เข้าใจไปหมดคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไปพอเทียบมาเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงศิษย์พวกนั้นในหุบเขาหมื่นพิษ ก็เหมือนมีแต่พวกหัวแข็งออกมาคนแล้วคนเล่าและคืนนี้ ตอนที่จั๋วซือหรานพักผ่อน เงาดำร่างหนึ่ง ก็แอบเข้ามาในห้องการเคลื่อนไหวก็ดูลึกลับผิดปกติ ทักษะการเคลื่อนไหวใช้งานถึงขีดสุด กระทั่งคนระดับจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อาจสังเกตได้ในทันทีและขณะเดียวกัน จั๋วซือหรานก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องหุ่นเชิดความมืดในมิติของนางพวกก้อนเนื้อกับเหล่าสัตว์ประหลาด ก็ล้วนสังเกตได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดนี้มีกลิ่นอายที่เย็นเยียบมากจริงๆถ้าแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา สภาพของจั๋วซือหรานเองก็ต้องถูกผลกระทบไปบ้าง"...นายท่าน ช่างมันดีกว่าไหม ไม่น่าจะต้องรีบร้อนในตอนนี้ ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว" ราชาแมงมุมหน้าผีเตือนเสียงต่ำขึ้นมาข้างๆจั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตายิ้มให้มัน จา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status