เรื่องเหล่านี้ จะให้แม่นางจิ่วมาแบกคนเดียวไม่ได้ ซือคงเซี่ยนคิดในใจแต่ยังเขายังไม่ทันลุก มือข้างหนึ่งก็กดลงมาบนบ่าเขา กดเขาให้นั่งลงไปบนเก้าอี้ซือคงเซี่ยนหันไปมองอย่างตกใจ จึงเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ด้านหลังตนเอง ชายหนุ่มสวมหน้ากากไว้ มองไม่ออกถึงสีหน้าแต่การเคลื่อนไหวและน้ำเสียง ยังเผยความมั่นคงออกมา“ไม่ได้ ซือหรานบอกให้พวกท่านอยู่ที่นี่ ที่นี่ปลอดภัย” เสียงของเขาไม่ได้ติดอ่างนัก เพียงแต่ว่าน้ำเสียงเปลี่ยนช้าลงมาหน่อย และจากความเร็วของเสียงที่เปลี่ยนไปนี้ ฟังแล้วจึงยิ่งรู้สึกมั่นคงขึ้น“ตอนนี้เมืองหลวงเป็นช่วงที่มีแต่เรื่อง พวกท่านห้ามออกไป” เสียงของชิ่งหมิงมั่นคงปกติพูดติดอ่างอยู่แท้ๆ เวลาพูดกับคนที่ไม่สนิทก็เสียเวลาไปครึ่งค่อนวันกว่าจะได้สักประโยค ตอนนี้กลับมั่นคงพึ่งพาได้ขึ้นมาราวกับรู้สึกว่าเช่นนี้ยังมีกำลังไม่เพียงพอ เพราะซือคงเซี่ยนถึงอย่างไรก็เป็นอ๋องชิ่งหมิงหยุดไปขณะหนึ่ง เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “ซือหรานวาให้ข้าปกป้องพวกท่านให้ปลอดภัย นางจึงจะวางใจออกไปรับมือกับความยุ่งยากภายนอก ข้าได้รับการไหว้วานมาก็ต้องทำตามอย่างซื่อสัตย์ ปล่อยให้พวกท่านออกไปไม่ได้ จะได้ลดความยุ่งยากให้ซ
“ไปจับเจ้าสองคนที่ก่อนหน้านี้ถูกเฮยหลิงกัดแล้วยังบ้าอยู่นั่นมาเสีย”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเอ่ยขึ้น โบกๆ ตำรับยาในมือ “จากนั้นเจ้าตำรับยาสองชุดนี้ จัดการไปต้มมาอย่างละชุด”ลูกน้องเองก็ไม่ใช่เพิ่งจะติดตามเจ้าสำนักหอฟ้าดาวเป็นวันแรก พอได้ยินก็ขานรับคำสั่ง กระทั่งยังถามเหมือนจะเตรียมการล่วงหน้ามาอีกคำหนึ่ง “นายท่าน แล้วต้อง...ให้คนไปเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้มาไหม?”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเหลือบมองตำรับยาสองแผ่นนั้นผาดหนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่า คนอย่างจั๋วซือหราน ไม่เคยทำสงครามโดยไม่เตรียมตัว ในเมื่อวางหมากนี้ออกมา ก็เห็นได้ว่าเตรียมการไว้ดีระดับหนึ่งแล้วดังนั้นถึงแม้จะไม่มีการพิสูจน์ที่สมบูรณ์ แต่เจ้าสำนักหอฟ้าดาวก็ยังพยักหน้า “ได้”ลูกน้องออกไปจัดเตรียมทันทีไม่นานนัก สองคนที่ถูกพิษกู่จนกลายพันธุ์ไป ก็ถูกลากออกมาจากในคุกใต้ดินและเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปทำร้ายคนอื่นจนระบาด ดังนั้นจึงนำกรงเหล็กมาด้วยกันเลย “แฮ่แฮ่...!” ส่วนใหญ่เป็นเพราะเลือดเนื้อสดใหม่ของคนรอบๆ สำหรับพวกเขาแล้วมีแรงดึงดูดอย่างมาก ในคอหอยพวกเขาส่งเสียงคำรามต่ำออกมาน้ำแกงยาที่ต้มออกมาจากสองตำรับยานั้นก็เตรียมไว้เสร็จแล้วเจี่ยง
เจ้าสำนักหอฟ้าดาวแหงนตาขึ้นฉับพลัน มองตรงไปยังทิศของกรงและก็เห็นว่าคนในกรงที่ผูกแถบผ้าสีแดงไว้ สองมือจับรั้วกรงเหล็กเอาไว้แน่น ในดวงตามีความตื่นกลัวและตื่นเต้น ความหวาดกลัวน่าจะทำเอาสติไม่อยู่กับเนื้อตัว ส่วนความตื่นเต้นก็น่าจะเป็นความยินดีเหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติ“เจ้าสำนัก! เจ้าสำนัก!” เขาร้องเรียกเป็นชุด “ข้าคิดว่าข้าจะตายไปเสียแล้ว...”ดวงตาเจี่ยงเทียนซิงจ้องเขาขรึมๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอียงตาไปกำชับกับลูกน้อง “ขังต่อไปก่อน หลังจากกรอกยาไปสองสามวันแล้วค่อยปล่อยออกมา”“ขอรับ” ลูกน้องขานรับคำสั่งคนที่เหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติในกรง ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเพราะตนเองยังต้องถูกยังไว้อีกหลายวันเลยแม้แต่น้อยเขามีแต่ความรู้สึกโชคดี รีบเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณเจ้าสำนัก ขอบคุณเจ้าสำนัก!”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวกำชับลูกน้องต่อ “วัตถุดิบยาเหล่านั้นที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ทั้งหมดให้ส่งไปยังร้านยาของจั๋วซือหราน ดูด้วยว่านางยังต้องการอะไรอีก จัดเตรียมให้นางเสีย”“ขอรับ”หลังจากเจ้าสำนักฟ้าดาวกำชับเสร็จสิ้น ก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอกมุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบาง เดินไปด้วยพลางพูดกับตนเอง “เจี
“อือ...” จั๋วซือหรานพ่นลมจมูกเป็นสัญญาณปฏิเสธออกมาเบาๆ พลิกตัวงุดหน้าเข้าไปในต้นกำเนิดความร้อนข้างตัว เหมือนอยากจะเอาหัวทั้งหัวหลบเข้าในหน้าอกเขา ให้ตนเองได้นอนเพิ่มต่ออีกหน่อยอาการขี้เกียจลุกจากที่นอนเฟิงเหยียนเดิมทียังคิดจะเรียกนางอีกครั้ง แต่พอมองสภาพของนาง ดวงตาลึกซึ้งของเขาก็ค่อยๆ หรี่ลง และไม่ส่งเสียงออกมาอีกเพียงแต่ต่อให้เขาไม่เรียก จั๋วซือหรานเองก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากเสียงที่เขาเรียกก่อนหน้าแล้ว ต่อให้ยังดูมึนๆ งงๆ อยู่บ้าง...แต่ว่า เพราะไม่ได้อยู่ในสภาพหลับลึกแบบก่อนหน้า ดังนั้น จั๋วซือหรานจึงได้ยินการเคลื่อนไหวของเฉวียนคุนที่เดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกพอได้ยินก็รู้ว่ากำลังกระวนกระวายใจไม่ต้องคิดก็รู้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว...ตอนที่หลับลึกก่อนหน้านี้ ไม่รู้สึกถึงก็ช่างมันตอนนี้ในเมื่อสังเกตเห็นแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางนั่งนิ่งไม่สนใจแน่หลังจากจั๋วซือหรานงุดหัวฝังเหมือนนกกระจอกเทศอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างจำใจ มองไปทางเฟิงเหยียน ดวงตามีแววเศร้าสร้อยเฟิงเหยียนเองก็ไม่เคยเห็นสายตานี้จากนางมาก่อนสายตาของเขาหยุดอยู่บนหน้านางครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นเสี
เฟิงเหยียนส่ายหัวเขาอยู่ข้างกายนางมาตลอด การเคลื่อนไหวนอกประตู ถ้าหากไม่มีคนมารายงาน เขาเองก็ไม่มีทางรู้เช่นกัน“ใช่เลย มีคนที่ดูดุร้ายมากคนหนึ่งด้วย...” เฉวียนคุนเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินคนนอกประตูเหล่านั้น แล้วก็เด็กฉลาดยังบอกว่า คนๆ นั้นเหมือนเป็นคนของตลาดมืด”แต่ว่าเด็กฉลาดก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ไม่ใช่เพราะจำไม่ได้ แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้เด็กฉลาดหลังจากมาทำงานที่จวนของจั๋วซือหรานแล้ว ก็มีชีวิตที่มั่นคงขึ้น สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดมืด ตนเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วดังนั้นแค่รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคนผู้นั้นเป็นถึงผู้ชนะการทดสอบของตลาดมืดเลยนะ! จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกันพอได้ยินเฉวียนคุนพูดเช่นนี้ จั๋วซือหรานก็เริ่มเดาได้แล้วว่าเป็นใคร“เขามาแล้วหรือ?”“คุณหนูรู้จักใครหรือ?” เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “พวกเขาบอกว่าเป็นผู้ชนะการทดสอบของตลาดมืด...น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอกกระมัง?”“อืม” จั๋วซือหรานพยักหน้า “ไปเถอะ ออกไปดูหน่อย”คุนแทบจะตกตะลึงไป ผู้ชนะการทดสอบในตลาดมืดทำไมจึงมาหาพวกเขาที่นี่...ยังไม่ทันที่จั๋วซือหรานจะเดินไปที่ประตูเพื่อดู ก็เห็
“ไม่รู้หรอก” จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าเฉวียนคุน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้จริงๆ แค่ก่อนที่ข้าจะทำอะไรก็ติดนิสัยเช่นนี้ ก่อนฝนจะตกก็จัดแจงเตรียมร่มเสีย จะได้ไม่ถูกคนอื่นเขาเล่นงานเอา”สีหน้าบนหน้าเฉวียนคุน ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เขาเดิมทีก็ศรัทธาต่อตัวคุณหนูมากจั๋วซือหรานมองสีหน้าเฉวียนคุน หัวเราะขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ “ข้าแค่ว่าจะมีความเป็นไปได้เช่นนี้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหยียนจะออกมาแล้ว”จากนั้นเฉวียนคุนจึงเห็นตอนที่คุณหนูของตนเองพูดถึงจุดนี้ ความอบอุ่นที่อยู่ในรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆ จางหายไปนางเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เดิมทียังคิดว่าใครออกมาก่อนก็จะตีทิ้งเสียก่อน”ใครจะรู้ว่าเป็นตระกูลเหยียนกันเฉวียนคุนพอได้ยินคำพูดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนว่าจนตอนที่ได้ยินคำพูดของนางที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงและมั่นใจ เฉวียนคุนถึงรู้สึกว่า “ใช่สิ มันควรจะเป็นเช่นนี้” ขึ้นมาเพราะรู้ถึงสถานการณ์ด้านนอกในตอนนี้ ดังนั้นจากคำพูดที่อิ๋นไป๋ลูกมือของเจ้าสำนักหอฟ้าดาวนำมา เฉวียนคุนจึงรู้ว่าตอนนี้น่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหนดังนั้น
เฉวียนคุนรีบเสริมเข้ามา “ท่านเขย...ท่านเขยในอนาคต”เฉวียนคุนพูดแล้วก็คิดจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู ถ้าอย่างนั้นท่านตอนนี้ก็จะไปที่ร้านขายยาศูนย์การแพทย์ไหม?”จั๋วซือหรานขี้เกียจจะตำหนิที่เฉวียนคุนเมื่อครู่หลุดปากออกมา จึงพูดว่า “ข้าไม่ไป ข้ายังมีที่อื่นต้องไปอีก ศูนย์การแพทย์ทางนั้นเจ้าก็ไปเถอะ เรื่องราวเจ้าเองก็รู้แล้ว ตนเองไปจัดการให้ดี อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ รอข้าเสร็จเรื่องอื่นก่อนแล้วข้าค่อยไปที่ร้านยาศูนย์การแพทย์”เฉวียนคุนถูกจั๋วซือหรานพูดมาเช่นนี้ จึงตึงเครียดขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไรความตึงเครียดนั้น ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เป็น...ความอยากริอยากลอง!เหมือนว่า ในที่สุดก็ทำอะไรให้กับคุณหนูได้บ้างแล้ว!“รับทราบ! ข้าจะไปจัดการตอนนี้เลย” เฉวียนคุนขานรับอย่างระมัดระวัง“อืม เจ้าไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่ข้าถูกคนสาดน้ำสกปรกใส่หรอกหรือ? เรื่องนี้เจ้าก็ไปจัดการแล้วกัน” คำพูดนี้ของจั๋วซือหราน ทำให้เฉวียนคุนยิ่งระมัดระวังขึ้นไปอีกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ว่านี่คุณหนูให้ความสำคัญกับเขา และเป็นการทดสอบต่อตัวเขาของคุณหนูด้วย เขารีบขานรับ “คุณหนูวางใจได้เลย! ข้าจะต้องทำดี
พอได้ยินคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็เม้มปากไม่ส่งเสียงนางโกรธจริงๆ นั่นล่ะ ไม่ว่าจะตระกูเหยียนหรือว่าตระกูลจั๋ว นางก็ใช้ประโยชน์มาตลอด ต่อให้ผิวเผินจะดูเป็นการร่วมมือก็ตามแต่ถ้าแค่ใช้ประโยชน์กันและกันเท่านั้น แต่สำหรับตระกูลเฟิง...จั๋วซือหรานนึกถึงตอนที่ตนเอง “แลกเปลี่ยนพลัง” กับเฟิงเหยียน บวกกับความเห็นใจต่อตัวเฟิงเหยียนรวมถึงชะตากรรมวีรบุรุษที่น่าเศร้าของตระกูลเฟิงนางเข้าใจว่าตนเองไม่มีประโยชน์ใดกับตระกูลเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ ที่นางเข้าช่วยเหลือนตระกูลเฟิงก็เพื่อเฟิงเหยียนจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงมองตระกูลเฟิ่งล่มสลายไปในคลื่นพายุครั้งนี้แล้วต่อให้ตัดสี่คนนั้นออก บางทีอาจจะไม่ได้สร้างการบาดเจ็บล้มตายมากนัก แต่ก็ทำให้ตระกูลเฟิงวุ่นวายได้แล้วผลลัพธ์คือที่นางคิดถึงเกียรติของเฟิงเหยียนด้วยความหวังดีแต่สิ่งที่ได้รับมากลับเป็นตระกูลเฟิงเอามีดมาแทงหลัง...ต่อให้ในใจจั๋วซือหรานจะคาดคะเนนิสัยชั่วร้ายของพวกตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ไว้แล้ว แต่การที่เพิ่งจะยกชามกินข้าว แต่พริบตาต่อมาก็คว่ำชามด่ากราดคนแบบนี้มันก็ช่าง...ไม่ว่าจะตระกูลเหยียนหรือตระกูลจั๋ว เหมือนจะยังไม่ได้เลวร้
ถังหยวนมองสภาพจั๋วหรูซินตอนนี้ เขาอดมีสายตาสับสนขึ้นมาไม่ได้ตรงหน้าเขามีภาพตอนที่จั๋วซือหรานถูกลงโทษแวบผ่านขึ้นมา กระดูกสันหลังที่ไม่ยอมคดงอนั่นเก้าแส้ฟาดลงไป หน้าขาวซีด เหมือนจะร่วงพับสิ้นสติ สภาพซมซานน่าเวทนาแต่ในสีหน้าท่าทาง ไม่มีท่าทีเจ็บปวดร้องไห้ชักกระตุกให้เห็นกระทั่งว่า ถังหยวนเกิดความรู้สึกลวงขึ้นมา ว่ามันควรจะเป็นเช่นนี้หรือเปล่า?แต่ตอนนี้พอเห็นท่าทางของจั๋วหรูซิน จึงมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นทันที จั๋วหรูซินแบบนี้ต่างหากที่เป็นสภาพปกติแต่แบบจั๋วซือหรานนั่น เป็นตัวตนที่แตกต่างจากคนอื่นจั๋วหลานมองจั๋วซือหราน "เสียวจิ่ว พอสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง?"จั๋วซือหรานเดินขึ้นไปทีละก้าวทุกคนล้วนคิดว่า หญิงสาวคนนี้ยังไม่สะใจพอ ต้องเข้าไปมองความเจ็บปวดทรมานของจั๋วหรูซินใกล้ๆ จึงจะพอใจจั๋วอวิ๋นชินอดทนอยู่ข้างๆ แม้เขาจะไม่พอใจน้องสาวคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวจะอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกทนไม่ไหวอยู่ เขาเตรียมจะยัดยาลูกกลอนให้กับจั๋วหรูซินแล้วแต่ตอนนี้พอเห็นจั๋วซือหรานเดินขึ้นมา แม้เขาจะหยุดเท้าลง แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจั๋วอวิ๋นชินเอ่ยขึ้นเสียงขรึม "จั๋วซือหราน หรูชินได้ร
จั๋วอวิ๋นฉียืนอยู่ท้ายกลุ่มคน ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้ยืนอยู่ข้างเขา ดึงแขนเขาอย่างตื่นเต้นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าเขาจะวิ่งหนีหายไปอย่างไรอย่างนั้นทั้งสองคนยืนอยู่แบบนั้นที่ท้ายกลุ่มคน ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของจั๋วซือหรานด้านในจั๋วอี้อดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ เขากระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหูกับจั๋วอวิ๋นฉี "ตอนนั้นถ้าเจ้ามีนิสัยแบบนางก็คงดี"จั๋วอวิ๋นฉีพอได้ยินก็ยิ้มบางๆก็ไม่มีจริงๆ นั่นล่ะคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน เหมือนแทบจะพูดออกมาตรงๆ ว่าจะกำจัดจั๋วหรูซินออกไปถ้าท่านลุงถังลงมือ ดุจากจำนวนโบยที่จั๋วหรูซินต้องโดน นางได้พิการแน่สิ่งเดียวที่จะเดิมพันได้ก็คือ...การหวดทีเดียวของจั๋วซือหราน ว่าจะเบามือกว่าหรือไม่แต่ ให้ใครมาอยู่ในมุมของจั๋วหรูซิน ที่มีความแค้นเก่ากับจั๋วซือหรานมากขนาดนั้น จะกล้าเดิมพันให้จั๋วซือหรานลงมือเบาหน่อยได้หรือ?ใครจะกล้าเดิมพันกัน? ต่อให้เป็นคนอื่น ก็คงไม่กล้าเดิมพันเช่นนี้แต่นี่ก็เป็นความหวังสุดท้ายแล้ว นี่ต่างหากที่ทรมานคนมากที่สุดจั๋วอวิ๋นฉีอดถอนใจไม่ได้ นางจับทางใจคนได้พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆจั๋วซือหรานไม่รีบร้อนเลยสักนิด มองดูจั๋วอวิ๋นชินกับจั๋วหรูซินอย
จั๋วซือหรานมองนางเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ไม่ต้องพูดอะไร ในดวงตาเหมือนเขียนคำว่า 'เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร? ข้าต้องจงใจอยู่แล้ว' เอาไว้จั๋วอวิ๋นชินที่อยู่ข้างๆ สูดลมหายใจลึก บอกกับผู้อาวุโสใหญ่ว่า "ผู้อาวุโสใหญ่ หรูซินทำผิด เป็นเพราะพี่ชายอย่างข้าไม่สั่งสอนนางให้ดี..."แต่ผู้อาวุโสใหญ่ก็คิดว่าเขาคงคิดจะทำเหมือนจั๋วเห้อหรงก่อนหน้านี้ คิดจะรับโทษแทนนาง จึงส่ายหัวเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องพูดอะไร ใครทำใครก็รับ นางทำผิด นางก็ต้องรับโทษด้วยตนเอง!"จั๋วอวิ๋นชินพอได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่เข้าใจผิดแล้ว "ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้จะขอร้องแทนนาง เพียงแต่ว่า ถึงอย่างไรข้าที่ไม่ได้สั่งสอนน้องสาวให้ดี ดังนั้นถ้าหากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะลงมือเอง หวังว่าท่านจะเห็นด้วย"จั๋วหลานได้ยินคำนี้ ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรในเมื่อไม่ได้ปฏิเสธทันที ก็ถือว่ายังมีหวังนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จั๋วอวิ๋นชินจะช่วยน้องสาวคนนี้แม่จะไม่สามารถใจดีหรือใจอ่อนเกินไปได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะเบามือลงในขอบเขตที่เป็นไปได้จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มข้างๆ "ในเมื่อท่านพี่รักและสงสารขนาดนี้ เช่นนั้นก็ตรงไปตรงมาหน่อย..."นาง
จั๋วอวิ๋นชินถูกน้องสาวคนนี้ทำให้โกรธมาก ชัดเจนว่า ที่นางมีวันนี้ ก็เพราะความผิดของตัวนางเองทั้งนั้นกระทั่งการกระทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวนางเองเท่านั้น แต่ยังทำร้ายท่านพ่อด้วยหลังจากที่จั๋วเห้อหรงรับกฏของตระกูลแทนจั๋วหรูซินครั้งที่แล้ว สภาพก็ย่ำแย่มาตลอด เดิมทีที่อำนาจในตระกูลถูกรีบกลับไปยังไม่พอสภาพร่างกายเองก็ได้รับผลกระทบจากการถูกโบยตามกฏตระกูลด้วยด้วยเหตุนี้จึงอดพูดไม่ได้ ว่าจั๋วซือหรานคืออัจฉริยะ หลังจากถูกโบยไปเก้าครั้ง ก็ยังทนมาได้โดยไม่พิกลพิการ แล้วยังมีฝีมือความสามารถความสำเร็จแบบในตอนนี้อีกไม่ง่ายเลยจริงๆกระทั่งว่า จั๋วอวิ๋นชินมาคิดอย่างละเอียด การทำลายตัวเองของจั๋วหรูซิน ยังทำร้ายทั้งตระกูลจั๋วอีกด้วยแม้จะบอกว่า ที่จั๋วซือหรานรู้สึกย่ำแย่ต่อตระกูลจั๋วขนาดนี้ ก็เพราะวิธีการที่ตระกูลจั๋วปฏิบัติต่อนางมาตลอดแต่ว่า สาเหตุหลักยังคงเป็นเพราะจั๋วหรูซินวางแผนร้าจการเกินไปเป็นลูกหลานตระกูลเดียวกันแท้ๆ นางกลับจะเอาชีวิตของจั๋วซือหรานมาล้อเล่น...ถ้าหากไม่ใช่ด้วยฝีมือของจั๋วซือหรานเอง เช่นนั้นก็จะต้องจับคู่กันไปทั้งชีวิตเลยนะ เสน่ห์หนอนพิษกู่ไม่ใช
คนเหล่านั้นไม่กล้าอิดออดอีก ทยอยกันคุกเข่าลงหลังจากตอนที่ได้ยินเสียงหัวเข่ากระแทกหนักๆ ตึงๆๆตอนที่ผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลานรีบพุ่งไปเข้าไปขวางตรงหน้าจั๋วซือหราน นางก็ไม่ได้ตบเขาออกไปผู้อาวุโสใหญ่มองจั๋วซือหราน เอ่ยขึ้นว่า "ข้าลงโทษพวกเขาแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่พอใจ เจ้าไปลงโทษพวกเขาด้วยตนเองได้เลย ด้วยฝีมือของเจ้า คิดจะลงโทษพวกเขาไม่ใช่เรื่องยากอยู่แล้ว"จั๋วซือหรานพอได้ยิน มุมปากก็ยกขึ้น "ก็ไม่ยากจริงๆ"จั๋วอวิ๋นฉีถอนหายใจเงียบๆ ถอนหายใจกับการตัดสินใจของนางคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเหล่านั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาจริงด้วย ด้วยฝีมือของนาง เธอแค่คนเดียวก็จัดการรับมือกับคนเถื่อนได้นับสิบ แล้วทำไมตอนที่พวกเขาพูดอะไรไม่น่าฟัง นางถึงไม่ตบพวกเขาจนคว่ำไปล่ะ?นางมีฝีมือจะตบพวกเขาจนคว่ำอยู่แล้วแท้ๆพวกเขาตอนนี้เข้าใจแล้ว นางจงใจทำ จงใจจะให้ตระกูลจั๋วมารับมือพวกเขา ให้พวกเขาตบหน้าพวกเขากันเองนางจะให้พวกเขาได้รู้:พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแค่ไหน ข้าก็จะให้พวกเจ้ากินขี้ของพวกเจ้ากลับไป ลองดูสิว่าใครจะสะอิดสะเอียนยิ่งกว่าถ้าหากพวกเขาไม่ญาติดีกับท่าทีของนาง เช่นนั้นนางก็จะไม่
ผู้อาวุโสเจ็ดจั๋วอี้แทบจะพุ่งเข้ามาอย่างอดไม่อยู่ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มองจั๋วอวิ๋นฉีอยู่เป็นระยะ"อวิ๋นฉี! อวิ๋นฉี! นั่นเจ้าจริงหรือ!" เสียงของผู้อาวุโสเจ็ดสั่นพร่าขึ้นมาจั๋วอวิ๋นฉีมองไปทางผู้อาวุโสเจ็ด เผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนน้ำตาของจั๋วอี้แทบจะร่วงลงมาแล้ว ตอนที่เขามองไปทางจั๋วซือหราน ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งเดิมทีเขายังคิดว่า ดันจั๋วซือหรานขึ้นไปนั่งตำแหน่งอาวุโสที่นางต้องการ จากนั้นก็จะขอให้นางช่วยอวิ๋นฉีกลับมาในตระกูลนางวันนี้เพิ่งจะมาถึง ก็ทำได้เสียแล้ว!ตอนนี้เอง ข้างๆ ก็เกิดเสียงที่ต่างกันขึ้นมา มีคนที่แม้จะไม่ชอบผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้า แต่ก็ไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นฉีที่ปรากฏตัวขึ้นอย่งกะทันหัน แล้วก็หญิงสาวที่ขนยังไม่ทันขึ้นอย่างจั๋วซือหราน จะสามารถมานั่งตำแหน่งนี้ได้ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า "แต่เขาไม่ได้อยู่ในตระกูลมานานแล้วนะ จะมารับผิดชอบได้ที่ไหน...นี่เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลเชียว ดูจะรีบร้อนเกินไปหน่อย"จั๋วซือหรานไม่สนใจกับเสียงต่างนางยักไหล่ เอ่ยขึ้นว่า "ข้ายังไงก้ได้ แต่ว่าพวกท่านต้องเข้าใจจุดนี้นะ ตอนนี้พวกท่านต้องการให้ข้ากลับมา อย
จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นด้านใน "ในเมื่อข้ากล้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว่าเขาอยู่ทึ่ไหน"จั๋วซือหรานพูดพลางมองไปทางประตูจากนั้นนางจึงดึงไหมกู่ไร้รูปร่างในมือของตนเอง ไม่กู่ค่อยๆ เปลี่ยนจากโปร่งใสจนมีสีกึ่งโปร่งใส เชื่อมออกไปยังนอกประตูจั๋วซือหรานมองไปทางประตู เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เชลยคนอื่นถ้าหลบหนีไปไกลแบบเจ้าเนี่ย คงจะเอาชีวิตไปทิ้งกันหมดแล้ว"ทุกคนตกตะลึงขึ้นมาจากเนื้อหาในคำพูดของนาง...เชลยหรือ?นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?จากนั้นจึงเห็นว่า พอจั๋วซือหรานดึงมือ ไหมกู่กึ่งโปร่งใสเส้นนั้นก็ดึงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในประตูดูจากเสื้อผ้าของเขาแล้ว ทุกคนล้วนตกตะลึงกันหมด"นี่มัน...นี่ไม่ใช่เชลยจากแดนใต้ที่อยู่ข้างๆ เจ้าก่อนหน้านี้คนนั้นหรือ?""นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"จั๋วซือหรานลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินตรงไปยัง 'ฮาร์วีย์'ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชายหนุ่มก้มหน้ามองนาง เส้นผมไม่ยาวนักของเขาถักเป็นเปีย ปลายผมยังห้อยลูกปัดไว้ ผิวหนังสีคล้ำ แม้จะไม่ถึงกับดำ แต่ก็ไม่ใช่ผิวขาวนวลเบ้าตาลึก โหนกแก้มสูงเล็กน้อย จะดูอย่างไร...ก็ล้วนเป็นเอกลักษณ์หน้าตาคนแดนใต้แต่จั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขา
"อะไรนะ!" ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าพอได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ก็ยิ่งตกตะลึงขึ้นไปอีกแต่จั๋วซือหรานก็เหมือนจะมองไม่เห็นพวกเขาเสียอย่างนั้นนางมองผู้อาวุโสใหญ่จั๋วหลาน หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางจั๋วอี้ผู้อาวุโสเจ็ดตอนนี้จึงเอ่ยต่อว่า "เรื่องนี้พวกท่านไม่ต้องกังวล ข้าหาตัวเลือกผู้อาวุโสที่เหมาะสมไว้แล้ว"ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสห้าทนไม่ไหวขึ้นอีกครั้ง แต่ต่อให้รู้ว่านางตอนนี้จะสำคัญมากกับตระกูลก็ทนต่อไม่ไหวแล้วจึงก่นด่าจั๋วซือหรานขึ้นมา"เจ้ากล้าดียังไง!" ผู้อาวุโสห้าเดิมทีก็มีนิสัยขี้โมโห ด่ากราดขึ้นมา "เจ้าอย่าคิดว่าตอนนี้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองหลวง แล้วจะหลงตัวเองจนไม่มีขอบเขตนะ!"ผู้อาวุโสสามไม่ได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น แต่ก็มองออกได้ไม่ยากถึงอารมณ์โกรธแค้น พูดจาให้ขุ่นเคืองขึ้นมา "เจ้าคิดว่าหมูหมากาไก่ที่ไหนก็จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลได้หรือ?! ตระกูลเราไม่เคยมีผู้อาวุโสหญิงมาก่อนด้วยซ้ำ! ไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวที่ขนยังไม่งอกแบบเจ้าเลย!"พอเทียบกับความเดือดดาลของพวกเขาสองคนจั๋วซือหรานกลับนิ่งกว่ามาก "พอเห็นคนแบบพวกท่านมาเป็นผู้อาวุโสตระกูลนี่ล่ะ ดังนั้นถูกต้อง ข้าคิดจ
ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ