Share

บทที่ 531

Author: หูเทียนเสี่ยว
“ไปจับเจ้าสองคนที่ก่อนหน้านี้ถูกเฮยหลิงกัดแล้วยังบ้าอยู่นั่นมาเสีย”

เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเอ่ยขึ้น โบกๆ ตำรับยาในมือ “จากนั้นเจ้าตำรับยาสองชุดนี้ จัดการไปต้มมาอย่างละชุด”

ลูกน้องเองก็ไม่ใช่เพิ่งจะติดตามเจ้าสำนักหอฟ้าดาวเป็นวันแรก พอได้ยินก็ขานรับคำสั่ง กระทั่งยังถามเหมือนจะเตรียมการล่วงหน้ามาอีกคำหนึ่ง “นายท่าน แล้วต้อง...ให้คนไปเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้มาไหม?”

เจ้าสำนักหอฟ้าดาวเหลือบมองตำรับยาสองแผ่นนั้นผาดหนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่า คนอย่างจั๋วซือหราน ไม่เคยทำสงครามโดยไม่เตรียมตัว ในเมื่อวางหมากนี้ออกมา ก็เห็นได้ว่าเตรียมการไว้ดีระดับหนึ่งแล้ว

ดังนั้นถึงแม้จะไม่มีการพิสูจน์ที่สมบูรณ์ แต่เจ้าสำนักหอฟ้าดาวก็ยังพยักหน้า “ได้”

ลูกน้องออกไปจัดเตรียมทันที

ไม่นานนัก สองคนที่ถูกพิษกู่จนกลายพันธุ์ไป ก็ถูกลากออกมาจากในคุกใต้ดิน

และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปทำร้ายคนอื่นจนระบาด ดังนั้นจึงนำกรงเหล็กมาด้วยกันเลย

“แฮ่แฮ่...!” ส่วนใหญ่เป็นเพราะเลือดเนื้อสดใหม่ของคนรอบๆ สำหรับพวกเขาแล้วมีแรงดึงดูดอย่างมาก

ในคอหอยพวกเขาส่งเสียงคำรามต่ำออกมา

น้ำแกงยาที่ต้มออกมาจากสองตำรับยานั้นก็เตรียมไว้เสร็จแล้ว

เจี่ยง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 532

    เจ้าสำนักหอฟ้าดาวแหงนตาขึ้นฉับพลัน มองตรงไปยังทิศของกรงและก็เห็นว่าคนในกรงที่ผูกแถบผ้าสีแดงไว้ สองมือจับรั้วกรงเหล็กเอาไว้แน่น ในดวงตามีความตื่นกลัวและตื่นเต้น ความหวาดกลัวน่าจะทำเอาสติไม่อยู่กับเนื้อตัว ส่วนความตื่นเต้นก็น่าจะเป็นความยินดีเหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติ“เจ้าสำนัก! เจ้าสำนัก!” เขาร้องเรียกเป็นชุด “ข้าคิดว่าข้าจะตายไปเสียแล้ว...”ดวงตาเจี่ยงเทียนซิงจ้องเขาขรึมๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอียงตาไปกำชับกับลูกน้อง “ขังต่อไปก่อน หลังจากกรอกยาไปสองสามวันแล้วค่อยปล่อยออกมา”“ขอรับ” ลูกน้องขานรับคำสั่งคนที่เหมือนเกิดใหม่หลังเจอภัยพิบัติในกรง ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองเพราะตนเองยังต้องถูกยังไว้อีกหลายวันเลยแม้แต่น้อยเขามีแต่ความรู้สึกโชคดี รีบเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณเจ้าสำนัก ขอบคุณเจ้าสำนัก!”เจ้าสำนักหอฟ้าดาวกำชับลูกน้องต่อ “วัตถุดิบยาเหล่านั้นที่เตรียมไว้ก่อนหน้า ทั้งหมดให้ส่งไปยังร้านยาของจั๋วซือหราน ดูด้วยว่านางยังต้องการอะไรอีก จัดเตรียมให้นางเสีย”“ขอรับ”หลังจากเจ้าสำนักฟ้าดาวกำชับเสร็จสิ้น ก็ลุกขึ้นเดินไปด้านนอกมุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบาง เดินไปด้วยพลางพูดกับตนเอง “เจี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 533

    “อือ...” จั๋วซือหรานพ่นลมจมูกเป็นสัญญาณปฏิเสธออกมาเบาๆ พลิกตัวงุดหน้าเข้าไปในต้นกำเนิดความร้อนข้างตัว เหมือนอยากจะเอาหัวทั้งหัวหลบเข้าในหน้าอกเขา ให้ตนเองได้นอนเพิ่มต่ออีกหน่อยอาการขี้เกียจลุกจากที่นอนเฟิงเหยียนเดิมทียังคิดจะเรียกนางอีกครั้ง แต่พอมองสภาพของนาง ดวงตาลึกซึ้งของเขาก็ค่อยๆ หรี่ลง และไม่ส่งเสียงออกมาอีกเพียงแต่ต่อให้เขาไม่เรียก จั๋วซือหรานเองก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากเสียงที่เขาเรียกก่อนหน้าแล้ว ต่อให้ยังดูมึนๆ งงๆ อยู่บ้าง...แต่ว่า เพราะไม่ได้อยู่ในสภาพหลับลึกแบบก่อนหน้า ดังนั้น จั๋วซือหรานจึงได้ยินการเคลื่อนไหวของเฉวียนคุนที่เดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกพอได้ยินก็รู้ว่ากำลังกระวนกระวายใจไม่ต้องคิดก็รู้ จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแล้ว...ตอนที่หลับลึกก่อนหน้านี้ ไม่รู้สึกถึงก็ช่างมันตอนนี้ในเมื่อสังเกตเห็นแล้ว แน่นอนว่าไม่มีทางนั่งนิ่งไม่สนใจแน่หลังจากจั๋วซือหรานงุดหัวฝังเหมือนนกกระจอกเทศอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างจำใจ มองไปทางเฟิงเหยียน ดวงตามีแววเศร้าสร้อยเฟิงเหยียนเองก็ไม่เคยเห็นสายตานี้จากนางมาก่อนสายตาของเขาหยุดอยู่บนหน้านางครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นเสี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 534

    เฟิงเหยียนส่ายหัวเขาอยู่ข้างกายนางมาตลอด การเคลื่อนไหวนอกประตู ถ้าหากไม่มีคนมารายงาน เขาเองก็ไม่มีทางรู้เช่นกัน“ใช่เลย มีคนที่ดูดุร้ายมากคนหนึ่งด้วย...” เฉวียนคุนเอ่ยขึ้น “ข้าได้ยินคนนอกประตูเหล่านั้น แล้วก็เด็กฉลาดยังบอกว่า คนๆ นั้นเหมือนเป็นคนของตลาดมืด”แต่ว่าเด็กฉลาดก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ไม่ใช่เพราะจำไม่ได้ แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้เด็กฉลาดหลังจากมาทำงานที่จวนของจั๋วซือหรานแล้ว ก็มีชีวิตที่มั่นคงขึ้น สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดมืด ตนเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วดังนั้นแค่รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคนผู้นั้นเป็นถึงผู้ชนะการทดสอบของตลาดมืดเลยนะ! จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกันพอได้ยินเฉวียนคุนพูดเช่นนี้ จั๋วซือหรานก็เริ่มเดาได้แล้วว่าเป็นใคร“เขามาแล้วหรือ?”“คุณหนูรู้จักใครหรือ?” เฉวียนคุนเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “พวกเขาบอกว่าเป็นผู้ชนะการทดสอบของตลาดมืด...น่าจะไม่ใช่เรื่องจริงหรอกกระมัง?”“อืม” จั๋วซือหรานพยักหน้า “ไปเถอะ ออกไปดูหน่อย”คุนแทบจะตกตะลึงไป ผู้ชนะการทดสอบในตลาดมืดทำไมจึงมาหาพวกเขาที่นี่...ยังไม่ทันที่จั๋วซือหรานจะเดินไปที่ประตูเพื่อดู ก็เห็

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 535

    “ไม่รู้หรอก” จั๋วซือหรานเห็นสีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าเฉวียนคุน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้จริงๆ แค่ก่อนที่ข้าจะทำอะไรก็ติดนิสัยเช่นนี้ ก่อนฝนจะตกก็จัดแจงเตรียมร่มเสีย จะได้ไม่ถูกคนอื่นเขาเล่นงานเอา”สีหน้าบนหน้าเฉวียนคุน ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เขาเดิมทีก็ศรัทธาต่อตัวคุณหนูมากจั๋วซือหรานมองสีหน้าเฉวียนคุน หัวเราะขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างจำใจ “ข้าแค่ว่าจะมีความเป็นไปได้เช่นนี้ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหยียนจะออกมาแล้ว”จากนั้นเฉวียนคุนจึงเห็นตอนที่คุณหนูของตนเองพูดถึงจุดนี้ ความอบอุ่นที่อยู่ในรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนหน้านั้นก็ค่อยๆ จางหายไปนางเอ่ยต่อว่า “สิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้เป็นการเตรียมการล่วงหน้า เดิมทียังคิดว่าใครออกมาก่อนก็จะตีทิ้งเสียก่อน”ใครจะรู้ว่าเป็นตระกูลเหยียนกันเฉวียนคุนพอได้ยินคำพูดนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนว่าจนตอนที่ได้ยินคำพูดของนางที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงและมั่นใจ เฉวียนคุนถึงรู้สึกว่า “ใช่สิ มันควรจะเป็นเช่นนี้” ขึ้นมาเพราะรู้ถึงสถานการณ์ด้านนอกในตอนนี้ ดังนั้นจากคำพูดที่อิ๋นไป๋ลูกมือของเจ้าสำนักหอฟ้าดาวนำมา เฉวียนคุนจึงรู้ว่าตอนนี้น่าจะเป็นสถานการณ์แบบไหนดังนั้น

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 536

    เฉวียนคุนรีบเสริมเข้ามา “ท่านเขย...ท่านเขยในอนาคต”เฉวียนคุนพูดแล้วก็คิดจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยขึ้นว่า “คุณหนู ถ้าอย่างนั้นท่านตอนนี้ก็จะไปที่ร้านขายยาศูนย์การแพทย์ไหม?”จั๋วซือหรานขี้เกียจจะตำหนิที่เฉวียนคุนเมื่อครู่หลุดปากออกมา จึงพูดว่า “ข้าไม่ไป ข้ายังมีที่อื่นต้องไปอีก ศูนย์การแพทย์ทางนั้นเจ้าก็ไปเถอะ เรื่องราวเจ้าเองก็รู้แล้ว ตนเองไปจัดการให้ดี อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ รอข้าเสร็จเรื่องอื่นก่อนแล้วข้าค่อยไปที่ร้านยาศูนย์การแพทย์”เฉวียนคุนถูกจั๋วซือหรานพูดมาเช่นนี้ จึงตึงเครียดขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ไม่รู้เพราะอะไรความตึงเครียดนั้น ไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่เป็น...ความอยากริอยากลอง!เหมือนว่า ในที่สุดก็ทำอะไรให้กับคุณหนูได้บ้างแล้ว!“รับทราบ! ข้าจะไปจัดการตอนนี้เลย” เฉวียนคุนขานรับอย่างระมัดระวัง“อืม เจ้าไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่ข้าถูกคนสาดน้ำสกปรกใส่หรอกหรือ? เรื่องนี้เจ้าก็ไปจัดการแล้วกัน” คำพูดนี้ของจั๋วซือหราน ทำให้เฉวียนคุนยิ่งระมัดระวังขึ้นไปอีกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี ว่านี่คุณหนูให้ความสำคัญกับเขา และเป็นการทดสอบต่อตัวเขาของคุณหนูด้วย เขารีบขานรับ “คุณหนูวางใจได้เลย! ข้าจะต้องทำดี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 537

    พอได้ยินคำพูดนี้ของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็เม้มปากไม่ส่งเสียงนางโกรธจริงๆ นั่นล่ะ ไม่ว่าจะตระกูเหยียนหรือว่าตระกูลจั๋ว นางก็ใช้ประโยชน์มาตลอด ต่อให้ผิวเผินจะดูเป็นการร่วมมือก็ตามแต่ถ้าแค่ใช้ประโยชน์กันและกันเท่านั้น แต่สำหรับตระกูลเฟิง...จั๋วซือหรานนึกถึงตอนที่ตนเอง “แลกเปลี่ยนพลัง” กับเฟิงเหยียน บวกกับความเห็นใจต่อตัวเฟิงเหยียนรวมถึงชะตากรรมวีรบุรุษที่น่าเศร้าของตระกูลเฟิงนางเข้าใจว่าตนเองไม่มีประโยชน์ใดกับตระกูลเฟิง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ ที่นางเข้าช่วยเหลือนตระกูลเฟิงก็เพื่อเฟิงเหยียนจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงมองตระกูลเฟิ่งล่มสลายไปในคลื่นพายุครั้งนี้แล้วต่อให้ตัดสี่คนนั้นออก บางทีอาจจะไม่ได้สร้างการบาดเจ็บล้มตายมากนัก แต่ก็ทำให้ตระกูลเฟิงวุ่นวายได้แล้วผลลัพธ์คือที่นางคิดถึงเกียรติของเฟิงเหยียนด้วยความหวังดีแต่สิ่งที่ได้รับมากลับเป็นตระกูลเฟิงเอามีดมาแทงหลัง...ต่อให้ในใจจั๋วซือหรานจะคาดคะเนนิสัยชั่วร้ายของพวกตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ไว้แล้ว แต่การที่เพิ่งจะยกชามกินข้าว แต่พริบตาต่อมาก็คว่ำชามด่ากราดคนแบบนี้มันก็ช่าง...ไม่ว่าจะตระกูลเหยียนหรือตระกูลจั๋ว เหมือนจะยังไม่ได้เลวร้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 538

    นางกระทั่งเหมือนไม่เห็นพวกเขาด้วยซ้ำ ยังคงเดินต่อไปสีหน้าท่าทางของจั๋วซือหรานที่ดูเรียบเฉย เวลานี้กลายเป็นเหตุผลที่พวกเขาโกรธแค้นขึ้นมาจากนั้น ก็มีเสียงแผละดังขึ้น!กองผักกาดเน่าหนึ่งกอง ถูกเทลงไปตรงหน้าใต้เท้าจั๋วซือหรานเท้าของจั๋วซือหรานหยุดลง มองไปทางคนที่โยนขยะนี้เข้ามาสายตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใด นิ่งเงียบไปทั้งผืนคนที่โยนผักกาดเน่ากองนี้มา ถูกสายตาของนางจ้องจนขนลุกขึ้นในใจปากแข็งเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าทำเรื่องเช่นนี้! แล้วยังกล้าทำตัวไม่เกรงกลัวเช่นนี้อีก! จั๋วซือหรานเจ้ามันหน้าไม่อาย!” “ใช่! หน้าไม่อาย! หน้าไม่อาย!”“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรจะอยู่ในเมืองหลวง!”เรื่องการโห่ประจานก็เป็บแบบนี้ ขอแค่มีคนแรกเอ่ยขึ้นมา คนอื่นๆ ก็จะสอดประสานเข้ามาง่ายเป็นพิเศษยิ่งไปกว่านั้นเพราะมีคนเยอะ ก็มักจะรู้สึกกันว่า ตนเองขอแค่หลบอยู่ในกลุ่มคนก็จะปลอดภัยต่อในใจพวกเขาจะไม่เข้าใจคำพูดที่ว่ากฎหมายไม่ลงโทษคนหมู่มาก แต่กลับเข้าใจแนวคิดนี้อย่างชัดเจนจั๋วซือหรานต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจเปิดฉากเข่นฆ่าคนมากขนาดนี้ได้กระมัง?หลายครั้ง ที่ความกำเริบเสิบสานของคนหมู่มากใช้ประโยชน์จากขีดจำก

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 539

    “ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อัศจรรย์เสียจริง จั๋วจิ่วคนนี้ตอนนั้นไม่ใช่ว่าถอนหมั้นกับซื่อจื่อเฟิงเพราะคนจนๆ คนหนึ่งหรอกหรือ? ไปผิดใจกับตระกูลเขาเข้าเต็มเปาเลยนี่...”“ตอนนี้ซื่อจื่อเฟิง กลับมาผิดใจกับตระกูลเพื่อหญิงสาวที่ชื่อเสียงเน่าเหม็นแล้วยังทอดทิ้งตนเองคนนี้อีก”จั๋วซือหรานเองก็ประสาทสัมผัสไว ได้ยินเสียงเหล่านี้ลอดเข้าหูจนหมดนางเลิกคิ้ว อารมณ์เองก็ดีขึ้นไม่น้อยใช่สิ ถ้าตระกูลเฟิงรู้เข้าไม่โมโหตายเลยหรือ?ถ้าตระกูลเฟิงอกแตกตาย อารมณ์ของจั๋วซือหรานจะดีมากเลยนางยกมุมปากเล็กน้อย หัวเราะออกมาแต่คนรอบๆ ที่เห็น กลับรู้สึกเหมือนถูกดูดวิญญาณไป“ก็จริง ด้วยใบหน้านี้ของนาง ใครก็ถูกล่อลวงจนศิโรราบกันทั้งนั้น...”จั๋วซือหรานกวาดสายตาไปบนหน้าพวกเขา มุมปากยกขึ้น ดวงตากลับเย็นชา “พวกเจ้าน่าจะมองข้าดีเกินไปแล้ว ซ้ำยังคิดว่า...กฏหมายไม่เอาผิดคนหมู่มากสินะ แค่คิดว่าพวกเจ้ามีคนมากหน่อย ข้าไม่มีทางจะรับมือพวกเจ้าทุกคนได้”คำพูดของนางเหมือนจะพูดตรงกับความคิดคนบางส่วน ในกลุ่มคนก็มีคนทีสีหน้าเหยเกไปบ้างแล้ว“ยิ่งไปกว่านั้นคนมากขนาดนี้ พยานก็ยิ่งมากด้วย ข้าไม่มีทางลงมือกับพวกเจ้าได้สินะ”ทุก

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1122

    "อะไรนะ?!" คนสำนักเมฆาวารีคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งนี้แต่หลังจากที่ยอมรับเรื่องนี้ก็รู้สึกว่า สถานการณ์ที่นิ้วมือที่กำลังทำปางมือถูกดึงจนเปลี่ยนรูป ก็เหมือนถูกสายเชิดหุ่นดึงเอาไว้จริงๆคนสำนักเมฆาวารีคนหนึ่งสาดอะไรบางอย่างไปที่ระหว่างคนคนนั้นกับจั๋วซือหราน เหมือนเป็นผงฝุ่นสีแดงๆสรุปคือ จากการสาดนี้ ไหมกู่ที่พรางตัวอยู่ตอนแรกค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาแล้วตอนที่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเขายังรู้สึกว่าประหลาดอยู่ รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้หวาดกลัวแต่ตอนนี้พอสาดผงแดงออก พอไหมกู่ที่พรางร่างปรากฏรูปร่างแท้จริงออกมาอารมณ์หวาดกลัวอย่างหนึ่ง ค่อยๆเกิดขึ้นมาในความคิดพวกเขาไม่ต้องมองที่อื่น แค่คนตรงหน้านี้ ก็ตกตะลึงกันแค่ไหนเพราะตอนนี้ ไม่ใช่คนคนนั้นที่ถูกจั๋วซือหรานตัดท่าวิชาไปแต่ว่าจั๋วซือหราน ทำเช่นนี้กับคนทั้งหมดระหว่างตัวพวกเขา เต็มไปด้วยใยหุ่นเชิดเต็มไปหมด โดยมีนางเป็นต้นตอ เชื่อมกับปลายทางที่ตัวพวกเขาใยหุ่นเชิดเหล่านั้นออกมาจากในแขนเสื้อนาง มากมายเต็มไปหมดและนางตอนนี้ แค่กระดิกนิ้วสองนิ้วเท่านั้น ใช้สองเส้นนั้นดึงนิ้วคนคนนี้เอาไว้ ก็ทำลายวิชาของเขาลงได้แล้วนางอยู่ในชุดแดง นั่งเงียบๆ อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1121

    "เจ้า...เจ้าคือจั๋วซือหรานหรือ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าถามยืนยันขึ้นมา"ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยังคงนั่งอยู่ มองพวกเขาด้วยสายตาเรียบเย็ฯชาบางทีคงเป็นเพราะหญิงสาวหน้าตาดีมักทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายความระแวดระวังลงดังนั้นหลังจากที่คนสำนักเมฆาวารีเข้ามา สีหน้ากับน้ำเสียงจึงไม่ได้ดุดันแบบก่อนหน้านี้ ฟังแล้วเหมือนจะสงบลงมาระดับหนึ่งเพียงแต่ว่า ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเหนือกว่าและเย่อหยิ่ง"เจ้าเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องไปมีเรื่องกับตระกูลด้วย? คิดไม่ตกแล้วหรือไรกัน" คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มสำนักเมฆาวารีขมวดคิ้วถาม ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจอย่างชัดเจนกระทั่งยื่นข้อเสนอกับจั๋วซือหรานขึ้นมา "พวกเราเองก็ไม่อยากจะต้องทำให้หญิงสาวคนหนึ่งลำบากใจ ขอแค่เจ้าไปขอโทษเหอจื้อหย่วนดีดี พวกเราจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ขมวดคิ้ว ในน้ำเสียงฟังออกไม่ยากว่าหงุดหงิด เอ่ยกันตัวเองว่า "ดูท่าพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนสำคัญของสำนักเมฆาวารีสินะ""อะไรนะ?" คนสำนักเมฆาวารีกลุ่มนี้ เหมือนยังไม่เข้าใจความหมายจั๋วซือหราน เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานรู้อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1120

    เดิมทีเพราะรู้สึกว่านางจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมาอีก ดังนั้นเลยคิดจะอยู่ต่ออีกหน่อยไม่นึกว่านางจะไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆทั้งคืนก็หน้าซีดเป็นระยะๆ หลังจากที่เขาไปช่วยให้ทุเลาแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งก็กลับมาขาวซีดอีกจนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง สีหน้านางในที่สุดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรแล้วเขามองขอบฟ้าที่เริ่มสาง มองใบหน้านางที่ในที่สุดก็ไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว จึงถอนใจโล่งออกมาได้เสียทีตอนนี้จึงออกมาจากในห้องก่อนที่เขาจะก้าวออกไป หญิงสาวบนเตียงก็ลืมตาพญาหงส์คู่งามนั้นขึ้นดวงตางดงามเจิดจ้าราวดวงดารา มุมปากเองก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มซุกซนจากนั้นจึงกอดห้าห่มไว้แน่น หลับตาลงแล้วเข้าสู่นิทราจั๋วซือหรานหลับอย่างสบาย ตอนที่ตื่นขึ้นมา เวลาก็เกือบเที่ยงเข้าไปแล้วเจิ้นเจียงเคาะประตูขึ้นที่ด้านนอก น้ำเสียงมีความกังวล "แม่นาง ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"จั๋วซือหรานค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ขานรับเสียงแผ่ว "อืม...ไม่เป็นไร""เช่นนั้นก็ดีเช่นนั้นก็ดี"หลังจั๋วซือหรานตื่นนอน สภาพก็ยังพอไหว พอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ไปโถงหน้ากินอาหารจากนั้นจึงถามเจิ้นเจียงขึ้นคำหนึ่ง "กองหนุนของตระกูลเหอมาถึงหรือยัง?""ยังเลยขอรับ" เจิ้นเ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1119

    น่าจะเพราะคิดว่าเช่นนี้จะไม่ถูกพบเข้ากระมังจั๋วซือหรานแค่รู้สึกว่า...ถ้าตอนนี้นางลืมตาขึ้นมา คงจะน่าดูชมเลยทีเดียวแต่แมงมุมน้อยก็เอ่ยขึ้นข้างๆ ว่า "นายท่าน ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านจะลืมตาขึ้นมาหรือ?"จั๋วซือหรานหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "ไม่ล่ะ"แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขินหรือกลัวอะไร ก็แค่เพราะนางเป็นคนที่ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียได้เท่านั้นเรื่องด่วนที่นางต้องทำตอนนี้ คือเพื่อรับมือกับสำนักเมฆาวารีถ้าหากตอนนี้ลืมตาขึ้นมา แล้วเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเขาขึ้นมา ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องที่กองหนุนของสำนักเมฆาวารีกำลังจะมาถึงก็ได้ไหนจะเรื่อง..."แบบนี้สนุกกว่าตั้งเยอะ" จั๋วซือหรานยิ้มตาหยี "เขาไม่ใช่ว่าชอบแสดงนักหรือไง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเล่นด้วยจนจบเลย ดูว่าเขาจะแสดงได้ถึงตอนไหน จะแสดงได้นานแค่ไหน"จะว่าอย่างไรดี...?พูดได้แค่ว่า...สู้กับเฟิงเหยียน มันสนุกเสียจริงฮ่าๆ!จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีบอกกับราชาแมงมุมหน้าผี "แต่ว่า แมงมุมน้อยเจ้าตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลไป สภาพของข้าฟื้นฟูแล้ว จัดการหุ่นเชิดความมืดนี่ต่อได้แล้ว"ขณะเดียวกัน ภายในห้องเงามืดร่างนั้น คอยซ่อนอยู่ใน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1118

    แต่พอออกมาจากปากของนาง ก็ทำให้เขาไม่มีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาอย่างประหลาดและปันอวิ๋นเองก็ทำตามสิ่งที่จั๋วซือหรานคาดหวัง ชี้แนะถึงระบบของวิชากู่และวิชาหุ่นเชิดแก่นางจั๋วซือหรานเองก็ฉลาดเฉลียว เรียนอะไรก็เข้าใจไปหมดคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเกินไปพอเทียบมาเช่นนี้ แล้วคิดไปถึงศิษย์พวกนั้นในหุบเขาหมื่นพิษ ก็เหมือนมีแต่พวกหัวแข็งออกมาคนแล้วคนเล่าและคืนนี้ ตอนที่จั๋วซือหรานพักผ่อน เงาดำร่างหนึ่ง ก็แอบเข้ามาในห้องการเคลื่อนไหวก็ดูลึกลับผิดปกติ ทักษะการเคลื่อนไหวใช้งานถึงขีดสุด กระทั่งคนระดับจั๋วซือหราน ก็ยังไม่อาจสังเกตได้ในทันทีและขณะเดียวกัน จั๋วซือหรานก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องหุ่นเชิดความมืดในมิติของนางพวกก้อนเนื้อกับเหล่าสัตว์ประหลาด ก็ล้วนสังเกตได้ ว่าหุ่นเชิดความมืดนี้มีกลิ่นอายที่เย็นเยียบมากจริงๆถ้าแค่ชั่วขณะหนึ่งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าสัมผัสกับมันอยู่ตลอดเวลา สภาพของจั๋วซือหรานเองก็ต้องถูกผลกระทบไปบ้าง"...นายท่าน ช่างมันดีกว่าไหม ไม่น่าจะต้องรีบร้อนในตอนนี้ ท่านควรจะพักผ่อนได้แล้ว" ราชาแมงมุมหน้าผีเตือนเสียงต่ำขึ้นมาข้างๆจั๋วซือหรานพอได้ยินก็แหงนตายิ้มให้มัน จา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1117

    ที่จั๋วซือหรานไม่รู้ก็คือ การคงอยู่ของพิษกู่ร้อยไหม จุดเริ่มต้นของมัน คือปันอวิ๋นคิดจะเสริมแกร่งการควบคุมของวิชาหุ่นเชิดหวังว่าจะค้นคว้าสิ่งที่มีพลังมากกว่าหุ่นเชิดความมืดออกมาได้แต่ว่า...กลับล้มเหลว"...พิษกู่ร้อยไหมเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวเท่านั้น" ปันอวิ๋นเอ่ย "ตั้งแต่แรกเริ่ม เป้าหมายของข้าคือหวังว่าจะสามารถทำให้วิชากู่กับวิชาหุ่นเชิดรวมกันได้ในระดับหนึ่ง เกื้อกูลกันจนยกระดับพลังการควบคุมได้"และไม่ต้องไปเอาคนเป็นมาหลอมเป็นหุ่นเชิดอีก เอาจริงๆ กระบวนการนั้นมันค่อนข้างแย่เลยทีเดียวถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสพสุขกับการสังหารเพียงแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องจงใจนำออกมาพูดก็ได้ กลับจะดูใจแคบจนเกินไปจั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "สิ่งล้มเหลวที่เจ้าหุบเขาพูด คงไม่ได้หมายถึงพวกหนอนกู่ร้อยไหมหลายตัวนั้นของข้าหรอกใช่ไหม?"ปันอวิ๋นแหงนตามองนาง "พวกมันนั่นล่ะ""เจ้าพูดถึงพวกมันแบบนี้ พวกมันจะรู้สึกแย่เอานะ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า "พวกมันมีคุณสมบัติที่พิเศษ ข้าหลอมสกัดออกมาจากแมลงกู่ใยไหม เ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1116

    "นั่นเพราะความทรงจำที่ไม่สมประกอบของเขาล้วนเคียดแค้นชิงชังเจ้ากระมัง ดังนั้นพอได้ยินเสียงของเจ้าถึงได้ทนไม่ไหว" ปันอวิ๋นเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าเห็นหน้าเขาแล้วก็เข็ดฟันสุดๆ ดังนั้นก็เหมือนกันนั่นล่ะ" จากนั้นนางก็ยิ้มตาโค้งให้ปันอวิ๋น "ดังนั้นเจ้าหุบเขาโปรดให้อภัยด้วย"นางวางดาบยาวลงข้างๆ แล้วจึงนั่งยองลงมา มองไปยังหุ่นเชิดความมืดบนพื้น"ดูแล้ว...ก็ไม่ได้น่าเกลียดจริงๆ" จั๋วซือหรานเข้าใจความหมายที่ปันอวิ๋นพูดไว้ว่าพอเห็นหุ่นเชิดความมืดก็ดูออกว่าเป็นของสำนักเมฆาวารีขึ้นมาแล้วเพราะว่า...พูดแบบนี้แล้วกันหุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของสำนักเมฆาวารี มองแล้วก็เหมือนกับผีดิบแต่หุ่นเชิดความมืดร่างนี้ของปันอวิ๋น มองแล้วคล้ายกับซือคงอวี้ที่ป่วยหนักจั๋วซือหรานยิ่งรู้สึกสนใจกับวิชาหุ่นเชิดขึ้นไปอีกนางหยิบอักขระคำสาปหุ่นเชิดความมืดสำนักเมฆาวารีที่ตนเองคัดลอกออกมา นำมาเปรียบเทียบอย่างละเอียดกับอักขระคำสาปบนตลับหุ่นเชิดของปันอวิ๋น"เหมือนจะมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกันจริงๆ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นปันอวิ๋นตอบ "อักขระคำสาปของปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนทุกคนล้วนมีจุดที่แตกต่าง แต่แกนกลางนั

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1115

    ใบหน้านี้ จั๋วซือหรานยังสามารถมองออกได้ในทันทียิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางเรียกชื่อเขาออกมา...แม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นเชิดความมืดไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่ายังมีปฏิกิริยากับชื่อนี้อยู่...หรืออาจจะ มีปฏิกิริยากับเสียงของนางอาจจะเพราะชิงชังนางอย่างมากกระมัง?สรุปคือ จั๋วซือหรานสัมผัสได้ ว่าการโจมตีของเขาเฉียบคมขึ้นจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว พลิกข้อมือ ดาบยาวในมือชักออกดังเสียงดัง "เคร้ง..."จากนั้นแสงดาบก็แทบจะจ้าแยงตา!นี่เป็นสิ่งที่ปันอวิ๋นคาดการณ์ไม่ถึงเพราะปันอวิ๋นคิดอยู่ตลอด ว่าวิชาแพทย์วิชาพิษวิชากู่ กระทั่งการควบคุมสัตว์ของนางนั้นโดดเด่นมาก แต่ในด้านทักษะยุทธ์ แม้จะไม่ถึงกับอ่อนแอแต่บางทีอาจจะยังด้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ อยู่ถึงอย่างไร มนุษย์ก็ย่อมมีจุดอ่อนเสมอสายอาชีพอย่างแพทย์ ปรมาจารย์พิษ ปรมาจารย์กู่ ปรมาจารย์เชิดหุ่นต่อให้จะรุนแรงแค่ไหน การต่อสู้ระยะประชิดก็ยังเป็นจุดอ่อนอยู่แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จั๋วซือหรานในตอนนี้กลับไม่ได้มีความอ่อนแอแบบที่แพทย์คนหนึ่งควรมีเลยหลังจากที่เห็นนางพลิกข้อมือ แล้วมีดาบยาวส่งเสียงวูมขึ้นมาพลังของนางก็เปลี่ยนไปฉับพลัน!หญิงสาวงดงามที่ดูไม่มีพิษภัย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1114

    ตอนที่ลุกขึ้นยืนก็มีข้อสรุปขึ้นมา "วิชาของสำนักเมฆาวารีหรือ"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็เลิกคิ้ว ยิ้มตาโค้ง "ดูเหมือนเจ้าจะเป็นวิชาหุ่นเชิดสินะ!"ปันอวิ๋นเอียงตาเหล่มองนาง "ที่เจ้าจงใจวางไว้แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อจะดทสอบว่าข้าเป็นจริงหรือเปล่าไม่ใช่เรอะ"จั๋วซือหรานก็มีความหมายนี้อยู่จริงๆ ตอนนี้ถูกปันอวิ๋นจี้เข้ามา นางก็ไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิดนางหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า "ถ้าเจ้าไม่เป็น พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลาบนวิชาหุ่นเชิดอีก"แต่ในเมื่อปันอวิ๋นเป็น...จั๋วซือหรานถามขึ้น "ทำไมถึงมองออกว่าเป็นวิชาของสำนักเมฆาวารี? ข้าดึงตะปูวิญญาณกับห่วงวิญญาณทิ้งไปแล้ว...""ง่ายมาก" ปันอวิ๋นยกมุมปาก รอยยิ้มดูแล้วมีความประชดประชันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เพ่งเป้ามาทางจั๋วซือหรานบนความรู้สึก ดูคล้ายจะเพ่งไปทางสำนักเมฆาวารีมากกว่าปันอวิ๋นเอ่ยต่อว่า "มีแค่สำนักเมฆาวารีที่เท่านั้นจะทำได้ระดับต่ำแบบนี้ อักขระคำสาปบนตัวก็ขาดความสมบูรณ์แบบ แต่ว่านี่็เป็นลักษณะของทางสำนักเมฆาวารี พวกเขาชอบเน้นไปที่พลานุภาพของหุ่นเชิดความมืด รู้สึกแค่ว่า ถ้าให้คนอื่นมองปราดเดียวแล้วรู้ว่าเป็นหุ่นเชิดความมืด ก็สามารถข่มขู่ฝ่ายตรง

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status