เพียงแต่แววตาในดวงตาของนางไม่คู่กับสถานะที่สง่างามของนาง ในแววตานั้นกลับมีความหมายที่มืดมน“บางทีอาจจะหมดหนทางแล้ว” เสียงฮองเฮาเย็นชาอย่างมาก “หญิงชราคนนั้นหมดหนทาง และวางแผนให้องค์ชายเจ็ดไม่ได้อีกแล้ว แม้ว่าเด็กหญิงนั่นจะเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ก็ต้องตีสนิทไว้”เหยียนชางได้ยินฮองเฮาเอ่ยถึงชื่อของจั๋วซือหรานอีกครั้ง เหยียนชางโกรธเคืองอีกเล็กน้อย " จั๋วจิ่วสมควรตายเสียจริง และตระกูลจั๋วโชคร้ายเสียใจ มันไม่ง่ายเลยที่จะมีลุกหลานที่มีพรสวรรค์อย่างดีเช่นนี้ แต่ลูกหลานคนนี้มันไม่ได้เรื่อง"ฮองเฮาปลอบใจอย่างอ่อนโยน “เจ้าอย่าโกรธเลย พวกมันเป็นเพียงผู้ที่จะพ่ายแพ้อยู่แล้ว อยู่ได้ไม่นานหรอก ตราบใดที่จั๋วจิ่ว พ่ายแพ้ให้กับเหยียนฉี ความหวังของหญิงชราและองค์ชายเจ็ด นั้นจะถูกทำลาย จากนั้น เมื่อลูกชายของข้าขึ้นครองบัลลังก์ ข้ามีวิธีจัดการกับพวกเขามากมาย”หลังจากที่ เหยียนชาง ได้ยินสิ่งที่เธอพูด สีหน้าของเขาก็อ่อนลงมากในที่สุด เขายิ้มและเหยียดแขนออกเพื่อกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา "ใช่แล้ว อนาคตจะเป็นของเรา"จั๋วซือหรานรู้ประวัติชีวิตของท่านอ๋องเซี่ยนเป็นเวลานานแล้วซือคงเซี่ยน เป็นบุตรชายของนางสนม ซึ
ซือคงเซี่ยนถอนหายใจ จั๋วซือหรานไม่ฉลาดได้อย่างไร นางฉลาดเหลือเกินหากนางไม่ฉลาด นางจะไม่สามารถมองทะลุถึงจุดนี้และเมื่อมองทะลุถึงจุดนี้ ความจริงก็ใกล้ถูกเปิดเผยแล้ว ซือคงเซี่ยนรู้สึกจั๋วซือหรานอาจเดาความจริงได้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำมันเป็นเพียงเรื่องเกี่ยวถึงชื่อเสียงของราชวงศ์ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดตรง ๆ แต่แกล้งทำตัวโง่ ๆไท่จื่อที่เป็นองค์ชายที่ได้รับความเมตตาพิเศษจากฮ่องเต้ ในสายตาของทุกคน ไท่จื่อต้องเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัยข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือสายเลือดอันสูงส่งและสถานะของเขาในฐานที่เป็นไท่จื่อตราบใดที่เขามีไพ่เด็ด เขาก็แทบไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแต่ทำไมเขาถึงกลัวไทเฮาและองค์ชายเจ็ดที่ถูกตรวจสอบขนาดนี้เว้นแต่สายเลือดนี้จั๋วซือหรานลอกความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างราชวงศ์ทีละชั้น และในท้ายที่สุด นางเดาความจริงออก ซึ่งฟังแล้วรู้สึกไร้สาระบางทีองค์ชายห้าอาจไม่ใช่สายเลือดของฮ่องเต้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเข้ารู้สึกว่า มันไม่ปลอดภัยพอ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกผิดและกลัวแต่นางไม่ควรพูดเช่นนั้นได้ นางจึงแสร้งทำเป็นโง่และถามซือคงเซี่ยน
ซือคงยวี่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขามองไปที่ซือคงเซี่ยนอีกครั้งเขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แม่นางที่อยู่ข้างกายน้องเจ็ดคือแม่นางของเรือนใด"“กราบท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นั่นคือคุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋ว จั๋วซือหรานพ่ะย่ะค่ะ ”“แม่นางที่รักษาหญิงชราตำหนักหย่งโซ่ว...เสด็จย่าเมื่อครั้งที่แล้วหรือ” ซือคงยวี่เลิกคิ้ว“ใช่พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ข่าวที่ถูกแพร่กระจายทั่วเมืองหลวงล้วนเกี่ยวนางแข่งวิชาการแพทย์กับตระกูลเหยียน” เจ้าหน้าที่วังตอบซือคงยวี่เยาะเย้ย "ช่างเพ้อฝันเสียจริง ตระกูลจั๋วเป็นพ่อค้าที่ไร้ความรู้ กว่าจะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝน ทักษะทางการแพทย์หรือ หลังจากนางรักษา...ชรา...ไทเฮา นางเกิดความเข้าใจที่ผิด และนึกว่าตัวเองมีทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่นหรือ ”“กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ตระกูลจั๋วไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้และไม่สนับสนุน แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่ตามข่าวลือ ดูเหมือนจั๋วซือหรานถูกไล่ออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋วพ่ะย่ะค่ะ ” ผู้รับใช้ตอบด้วยความเคารพซือคงยวี่หัวเราะ “ ตระกูลจั๋วเป็นพ่อค้านานแล้วเสียจริง พวกเขาคำนึงถึงผลประโยชน์เสียเร็ว”เขามองไปในทิศทางนั้นอีกครั้ง จากนั้นดว
ไม่ต้องพูดถึงที่นี่เลย แม้แต่ในจวนจั๋ว คนรับใช้หลายคนล้วนเคารพผู้มีฐานะ แต่ดูถูกผู้ที่ไร้ฐานะดังนั้นหลังจากเจ้าของร่างเดิมตัดสินใจแต่งงานกับฉินตวนหยาง แม่ของเจ้าของร่างเดิมและจั๋วหวายต่างเริ่มได้รับการดูถูกในจวนจั๋วคนรับใช้วัยกลางคนคนนี้ถูกสั่งมาที่นี่เป็นพ่อดูแลบ้าน และเดิมทีเขาไม่พอใจกับชะตากรรมของเขาที่ถูก 'เนรเทศ'นอกจากนี้ เมื่อเขาเห็นจั๋วซือหรานเพิ่งตื่นและนางดูเหมือนอ่อนแอและถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย เขาเลยดูถูกในใจจั๋วซือหรานเล็กน้อย และทัศนคติในการพูดของเขาก็เป็นการไม่ให้ความเคารพโดยธรรมชาติฝูซูขมวดคิ้วขณะที่เขาฟัง"เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ทำไมเจ้าถึงพูดกับคุณหนุเช่นนี้"คนรับใช้วัยกลางคนโค้งริมฝีปากแล้วพูดว่า "ข้าพูดอะไรผิดไป อีกอย่าง คุณท่านลิ่วเป็นผู้ที่สั่งข้ามาเป็นพ่อดูแลบ้านของคุณหนูจิ่ว โดยปกติแล้ว เจ้าต้องรับใช้ข้า ดังนั้นเจ้าต้องพูดดี ๆ กับข้าต่างหาก”“เจ้า” ฝูซูโกรธมากจนหน้าแดง เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้ภักดีต่อเจ้านายของเขา เขามีนิสัยเรียบง่ายแต่พูดไม่เก่ง ทันใดนั้น เขาไม่ทราบต้องโต้เถียงกับคำพูดนี้เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนั้น นางหรี่ตาลง บัดนี้นางไม่ง่วงนอนแ
“เจ้าสองคนแหละ เจ้าคุมเหล่าคนรับใช้เพศชาย ส่วนเจ้า คุมเหล่าคนรับใช้เพศผู้หญิง พวกเจ้าสั่งงานเอง”มีว่างฝูอันน่าเวทนาเป็นตัวอย่าง จั๋วซือหรานเชื่อพวกเขาจะไม่กล้าก่อเรื่องในชั่วคราว“ในเมื่อพวกเจ้ามาจากจวนจั๋ว ทางนั้นว่าอย่างไร หนังสือสารกรมธรรม์ของพวกเจ้าจะให้ข้าเก็บไว้หรือให้จวนจั๋วเก็บไว้เหมือนเดิม” จั๋วซือหรานถาม แต่เมื่อนางเห็นพวกเขายังหวาดกลัวอยู่ ดูเหมือนนางคงไม่ได้คำตอบหรอกจั๋วซือหรานโบกมือ "ช่างมันเถิด วันหลังข้าไปหาผู้อาวุโสใหญ่เอง เอาหนังสือสารกรมธรรม์ของพวกเจ้ากลับมาละกัน"จั๋วซือหรานไม่แน่ใจนางจะเอาหนังสือสารกรมธรรม์กลับมาได้หรือไม่ แต่สิ่งที่นางมั่นใจนั้นก็คือ ในบรรดาคนรับใช้ที่ตระกูลจั๋ว จัดไว้นั้น จะต้องมีสายลับของตระกูลจั๋วแน่ ๆว่างฝูนั้นที่ขดตัวเป็นกลอม ๆ นอนบนพื้นตรงนั้น ดูเหมือนว่าเขายังไม่หายจากอาการตกใจครั้งก่อนแต่ทันทีที่เขาได้ยินจั๋วซือหรานพูดถึงหนังสือสารกรมธรรม์ เขาก็ลุกขึ้นยืนและคลานไปหาจั๋วซือหรานทันที ราวกับว่าเขาฟื้นคืนสติก่อนที่จะเสียชีวิตหากคุณหนูจิ่วไปเอาหนังสือสารกรมธรรม์ของพวกเขาจากจวนจั๋วจริง ๆ นั่นหมายความว่า นางมีสิทธิ์ขายได้ตามใจชอบแม้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับจั๋วซือหราน ผู้หญิงที่เกือบถูกครอบครัวของทอดทิ้ง สถาบันแพทย์หลวงสนใจผู้ที่เป็นเส้นสายและผู้ที่มีบุญคุณมากกว่า และยินดีกับคนเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัยดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่มีหนวดคนนี้จึงตัดสินใจกีดขวางจั๋วซือหรานสอบใบอนุญาตแพทย์ เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับเหยียนชางสถาบันแพทย์หลวงใครจะไปรู้คุณหนูจั๋วจิ่วผู้นี้ พูดจาโหดเช่นนี้เจ้าหน้าที่ที่มีหนวดโกรธมาก เขาพูดอย่างไม่พอใจ "เจ้ากล้าเรียกชื่อของหัวหน้าของสถาบันแพทย์หลวงได้อย่างไร คุณหนูจั๋วจิ่ว หัวหน้าของสถาบันแพทย์หลวงกลัวหญิงสาวที่ไร้เตียงสาอย่างเจ้าหรือ เจ้าไม่กล้วหาเรื่องใส่ตัวเองหรือ "จั๋วซือหรานเหลือบมองชายที่มีหนวดสั้น ๆ นางโบกมือแล้วพูดว่า "ช่างเถิด ทำไมข้าต้องเสียเวลามาคุยกับเจ้า... "ชายที่หนวดสั้น ๆ ยังคงอยู่ที่นั่นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดุถูก"ในเมื่อเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ อย่าสอบใบอนุญาตแพทย์ละกัน แม่นางจั๋วจิ่วเย่อหยิ่งเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่ไปสอบแพทย์กลั่นยาล่ะ โถ มีทักษะการแพทย์ไม่มาก คิดว่าตัวเป็นหมอเทวดา ถุย”จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "แพทย์กลั่นยาหรือ เจ้าเตือนฉันพอดี"นางสะบัดแขนเสื้อแล้วหันตัวบ
เพียงแต่หลังจากที่ฝูซูดีใจ เขาก็เริ่มคิดอย่างมีเหตุผล เขาขมวดคิ้วและกระซิบว่า “แต่คุณหนูคะ หน่วยสืบสวนพิเศษไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเลย เราคงเข้าไปไม่ได้หรอกนะ”หลังจากที่จั๋วซือหรานได้ยินคำพูดของเขา นางมองไปในทิศทางหนึ่งอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ยกมือขึ้นทันทีไม่มีใครสังเกตนางมีอาวุธสีดำอยู่ในมือของนางเมื่อไร เสียง ปัง ปัง ปัง ปัง ดังขึ้น เสียงหลายเสียงดังทะลุอากาศติดต่อกัน มุ่งหน้าตรงไปในทิศทางนั้นและในทิศทางนั้น เพื่อหลบการโจมตีฉับพลันของนาง ชายที่สวมชุดดำปรากฏตัวจากมุมถนนด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อยชายชุดดำตกตะลึงอย่างมาก ไม่เพียงเพราะจั๋วซือหรานสังเกตร่องรอยของเขาอย่างง่ายดาย แต่จากการโจมตีอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้นของจั๋วซือหราน นางอาจสังเกตการติดตามของเขาเสียนานแล้ว เพียงแต่นางทนถึงเวลานี้ จึงโจมตีเขาสิ่งที่ทำให้ชายชุดดำตกใจยิ่งกว่านั้นคือการโจมตีของจั๋วซือหราน เขาไม่รู้ว่ามันเป็นอาวุธประเภทใด แต่มันรวดเร็วและแม่นยำมาก หากเขาไม่หลบ เขาอาจจะโดนลูกศรเหล็กอันสั้นสี่ดอกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าชายชุดดำมองเห็นไม่ชัดเจน ฝูซูเองก็ไม่ทันมองคุณหนูของเขาลงมือเมื่อไรเขาเพียงรู้สึกคุณหนู
แพทย์กลั่นยามีจำนวนที่น้อยมาก นั่นเป็นเพราะว่าเกณฑ์นั้นสูงมากหากผู้ใดอยากเป็นแพทย์กลั่นยา ผู้ที่สอบไม่เพียงต้องต้องรู้วิชาการแพทย์เท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจเภสัชวิทยาและพิษวิทยาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้สอบต้องรู้จักสมุนไพรนับร้อยชนิดและรู้วิธีจับคู่และประสานกันดังนั้นเมื่อเทียบกับแพทย์กลั่นยา การสอบใบอนุญาตแพทย์ก็ง่ายพอ ๆ กับน้ำดื่มและเนื่องจากการที่เป็นแพทย์กลั่นยาต้องมีความสามารถขั้นเทพ โดยปกติแล้ว ไม่หมอกลั่นยานอกระบบคนไหนมาสอบเป็นแพทย์กลั่นยาแพทย์กลั่นยาของแผ่นดินใหญ่มักจะรวมตัวในเจ็ดลัทธิหลัก และแพทย์กลั่นยาที่เก่งที่สุดในเจ็ดลัทธิหลักมักจะรวมตัวอยู่ในลัทธิตันติ่งจั๋วซือหรานรู้ทั้งหมดนี้ และนางทราบดีด้วยว่า ไม่เคยมีผู้ที่อยู่นอกระบบนิกายสอบเป็นแพทย์กลั่นยาได้ แน่นอนว่าไม่สามารถพูดได้ว่า ไม่มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่นอกระบบ แต่มีแพทย์กลั่นยานอกระบบที่เรียนด้วยตนเองเดิมทีพวกเขาชินกับการมีความเป็นอิสระแล้ว พวกเขาไม่อยากมาสอบเป็นแพทย์กลั่นยาหรอกดังนั้นจึงเป็นเรื่องจริงที่ว่า แทบไม่มีใครสอบแพทย์กลั่นยาเมื่อซือหลี่ตันติ่งได้ยินจุดประสงค์ของจั๋วซือหราน เขาก็เงียบ "ไม่เคยมีคนมาสอ
ราชาแมงมุมหน้าผีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ "ได้เลย ข้าเตรียมพร้อมแล้ว นายท่าน"จั๋วซือหรานเพ่งสมาธิมองลายอักขระบนพื้น ค่อยๆ สูดลมหายใจหลังจากนั้นก็อัญเชิญราชาแมงมุมหน้าผีออกมาร่างของราชาแมงมุมหน้าผีหดเล็กลงมาก จนสูงพอพอกับจั๋วซือหราน แขนเคียวคู่เปล่งประกายเย็บวาบ!ชิ้ง...! เสียงฉัวะดังขึ้น!ขุดลงไปบนพื้นตรงๆ ขุดพื้นตรงนั้นลึกจนเป็นรู!ร่างของจั๋วซือหรานอ่อนยวบลงไปทันที นางลงไปนั่งกับพื้นราชาแมงมุมหน้าผีดูกังวล ถามขึ้นว่า "นายท่าน ท่านยังไหวไหม สำเร็จไหม?"จั๋วซือหรานก้มหน้า ชุดสีแดงเพลิงกางแผ่ที่ใต้ตัว ยุ่งเหยิงแต่สวยงามนางถอนหายใจยาว "สำเร็จแล้ว ยังดีที่ข้าเดิมพันถูก"จั๋วซือหรานรู้สึกว่าตนเองดวงไม่เลวนัก ด้วยความเข้าใจต่อค่ายกลของนาง คงไม่ใช่แค่พังพื้นแล้วจะสำเร็จแต่ค่ายกลจุดนั้นก็เป็นจุดที่เปราะบางพอดี เพราะค่ายกลหนึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะแข็งแกร่งสมบูรณ์แบบจนทุกจุดแข็งแกร่งไปทั้งหมด+ราชาแมงมุมหน้าผีเห็นสภาพนางแล้วยังคงรู้สึกกังวล "หัวใจท่านยังเต้นเร็วอยู่ ไม่เป็นไรจริงหรือ?"จั๋วซือหรานไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงก้มหน้า นางส่ายหัวเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "เป็นเพราะฤทธิ์ยาน่ะ ไม่เป็น
จั๋วซือหรานไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของตนเองถูกเห็นนางกำลังหารือเสียงต่ำกับสัตว์อสูรของตนเองแต่ว่าเหล่าเจ้าก้อนเนื้อของนาง ทุกตัวล้วนกังวลเป็นห่วงนาง เอะอะเอ็ดตะโรกันว่าจะลองดึงไหมกู่ออกมาถ้าหากดึงไหมกู่ออกมาแล้วแก้ไขได้ล่ะก็ นางก็ไม่ต้องเอาแรงมาใช้กับการอัญเชิญแมงมุมน้อยหรอกทำแบบนี้ยังพอเหลือแรงไว้ได้บ้าง หลังจากหลุดจากสถานการณ์นี้ อย่างน้อยก็ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์อื่นได้จั๋วซือหรานอันที่จริงก็รู้สึกว่ามีโอกาสไม่มากเพราะถ้าหากมีช่องโหว่แบบนี้ ซือคงอวี้คงไม่ได้กร่างขนาดนี้ จนทำท่าแบบว่านางไม่มีทางแก้ไขได้อะไรแบบนั้นถ้าหากนางไม่เอาปืนพวกนั้นออกมา ให้เขาได้ลิ้มรสกับพลังเทคโนโลยีล่ะก็ สถานการณ์เมื่อครู่ก็น่าจะยากลำบากอยู่ค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นจากอักขระคำสาปนี้ น่าจะมีฤทธิ์ร้ายกาจน่าดู ถึงแม้จั๋วซือหรานจะดูถูกซือคงอวี้อยู่แต่ว่าซือคงเจาหมิ่นคนนั้น รวมถึงขั้วอำนาจเบื้องหลังซือคงเจาหมิ่น...จั๋วซือหรานรู้สึกว่าไปดูถูกไม่ได้เลยแต่เสียงของขนมถั่วแดงแทบจะร้องไห้อยู่แล้วจั๋วซือหรานดูจนใจ ถอนหายใจเหมือนปลอบเด็กน้อยว่า "ได้ได้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเจ้าลองดูแล้วกัน"จั๋วซือห
เจ้าก้อนเนื้อพวกนี้ร้อนรนกระวนกระวายกันน่าดูในมิติน้ำพุวิเศษ แต่ก็รู้ว่าคำพูดของจั๋วซือหรานก็มีเหตุผลอยู่ "แล้ว แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?"จั๋วซือหรานคิดๆ "ปล่อยแบบนี้ไปก่อนเถอะ ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่บาดเจ็บอะไร แค่รู้สึกแย่หน่อยๆ แล้วก็แค่ยังออกไปไม่ได้เท่านั้น ถูกขังอยู่ตรงนี้ ยังสามารถคิดหาวิธีอื่นได้ รอให้ข้าดีขึ้นหน่อย ข้าจะศึกษาเจ้าอักขระคำสาปนี้..."ขนมถั่วแดงร้อนรนขึ้นมา "แต่ท่านตอนนี้ก็รู้สึกแย่นี่นา ไม่มีวิธีผ่อนให้เบาลงบ้างหรือ?"ฟังถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็หัวเราะออกมาเบาๆ "แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีวิธีนี่ แต่ข้าตอนนี้ก็ยังไม่ได้รู้สึกแย่จนถึงขั้นทนไม่ไหว ยังไม่ต้องสนเรื่องนี้หรอก"เสียงยังไม่ทันขาด ก็มีความร้อนวาบแล่นไปทั้งตัวจั๋วซือหรานหอบหายใจเบาๆ จึงข่มระลอกนี้ลงไปได้หลังจากนั้นจึงนั่งยองลงมา ค้นคว้าอักขระคำสาปบนพื้นเหล่าสัตว์อสูรล้วนใจสื่อถึงจั๋วซือหรานได้ ดังนั้นจึงเข้าใจว่านางเป็นคนมีนิสัยแบบไหน นางตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้วพวกมันกังวล แต่ก็ไม่ได้เอะอะใส่นางจั๋วซือหรานมองอักขระคำสาปบนพื้นอย่างละเอียด ดูแล้วเหมือนจะเป็นอักษรจากดินแดนทางใต้ไม่ค่อยแตกต่างกับอักษรของแคว้น
ซือคงอวี้รู้สึกว่าปฏิกิริยาของตนเองไม่เคยรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน!ท่าทางแบบนี้ของจั๋วซือหราน บังหน้าของเธอไปกว่าครึ่งแล้วแต่ว่าในบางมุม ก็ยังมองเห็นมุมปากสีแดงของนางได้อยู่ซือคงอวี้มองเห็นมุมปากนั่น...กำลังยิ้มพริบตานั้น ซือคงอวี้ก็รู้สึกว่ามีอันตรายมหาศาลกำลังโถมเข้าใส่เขา!เขามีปฏิกิริยาขึ้นมาในพริบตา! หลังจากนั้นจึงไปหลบข้างๆ องครักษ์คนหนึ่ง!ขณะเดียวกัน เสียง "ปัง" ก็ดังขึ้นมา!ซือคงอวี้รู้สึกตาลาย ตอนที่ตั้งตัวกลับมาได้ ก็ถูกองครักษ์คนอื่นดึงไปหลบแล้ว"เป็น เป็นอะไรไป..." ซือคงอวี้เสียงตะกุกตะกักราวกับตั้งตัวไม่ทันสีหน้าขององครักษ์ขาวซีดไป ริมฝีปากสั่นระริกแต่พูดออกมาไม่ได้แล้วซือคงอวี้ก็มองตามสายตาขององครักษ์ไป จึงได้เห็นว่าองครักษ์ที่ตนเองหลบไปอยู่ข้างๆ เมื่อครู่ หัวไหลครึ่งหนึ่งถูกระเบิดเละไปแล้ว ร่างทั้งร่างถูกแรงปะทะมหาศษล ซัดลอยห่างออกไปคนผู้นี้นอนอยู่บนพื้น เป็นตายไม่ทราบ เลือดสดทะลักจากร่างกายกระจายเป็นวงกว้างสีหน้าซือคงอวี้ซีดกว่าเดิม ใจเต้นผางอย่างรุนแรง แค่รู้สึกราวกับความตายเฉียดผ่านหัวไหล่ไปแล้วเขาในตอนนี้เพิ่งรู้สึกตัวว่า จั๋วซือหรานคนนั้น! ไม่ได้พู
มีฝีมือก็สังหารนางเสียสิจั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชา ในสายตาไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย จ้องมองซือคงอวี้ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ใช่ว่าปากแข็ง แต่ว่า...ในเมื่อสภาผู้อาวุโสร้ายกาจขนาดนั้น ไม่รู้ว่าพอเจ้าตายไปพวกเขาจะช่วยให้เจ้ารอดกลับมาได้หรือเปล่า"คำพูดนี้ถูกนางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสงบซือคงอวี้งงงันไป ในใจก็แอบรู้สึกไม่ค่อยสงบ บางครั้งก็จะเป็นเช่นนี้ ยิ่งอีกฝ่ายทำท่าทางดุร้ายมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนดีแต่ขู่ให้กลัวมากกว่าแต่ว่าอีกฝ่ายถ้าหากพูดด้วยน้ำเสียงสงบเช่นนี้ กลับยิ่งทำให้รู้สึกไม่สงบ เพราะจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นมีความมั่นใจอะไรอยู่สีหน้าซือคงอวี้แข็งไป "เจ้าอย่ามาข่ม..."ปัง!ยังไม่ทันที่ซือคงอวี้จะพูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วยังดังมาก ฉับพลันกะทันหัน ทำเอาซือคงอวี้ตกใจสะดุ้งโหยง!ร่างหนึ่งเอียงคะมำไปข้างๆเป็นองครักษ์ติดตามเขา ที่มีปฏิกิริยาฉับไวมาก เข้ามาขวางตรงหน้าเขาได้ทันเวลาพอดีตอนนี้ตำแหน่งใต้กระดูกไหปลาร้า ช่วงอกด้านบน กลายเป็นแผลขนาดใหญ่ที่มีเลือดไหลออกมาอย่างรุนแรงซือคงอวี้ม่านตาหดลง! เขาเคยได้ยินเรื่องอาวุธพิเศษแบบนี้ของจั๋วซือหรานมานานแล้ว และเคยได้ยินตระกูลเฟิงเอ่ยถ
จากท่าทางการสาดเข้ามาของซือคงอวี้ กลิ่นหอมประหลาดเข้มข้นกระจายออกมาในอากาศจั๋วซือหรานขมวดคิ้วเบาๆ มองออกถึงวัตถุดิบหลายอย่างที่อยู่ด้านในซือคงอวี้เอ่ยต่อ "ข้ารู้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติร่างกายไม่ธรรมดา พิษแทบไม่มีผลกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงให้คนปรับยานี้มาเป็นพิเศษ ด้านในล้วนเป็นยาบำรุง"ซือคงอวี้หัวเราะเหี้ยมเกรียม มองจั๋วซือหราน ถามขึ้นว่า "พิษไม่มีผลกับเจ้า แต่ยาบำรุงก็ควรจะมีผลกระมัง? ยิ่งไปกว่านั้นยานี้ก็มีปฏิกิริยากับไหมกู่บนตัวเจ้าพอดี"จั๋วซือหรานไม่เคยได้กลิ่นหอมประหลาดเข้มข้นแบบนี้มาก่อน จึงรู้ว่ายานี้ของซือคงอวี้มีประสิทธิภาพอะไร มาในจุดประสงค์ไหนก็เดาได้ไม่ยาก ถึงอย่างไรความคิดสกปรกต่อตัวนางของซือคงอวี้ ก็ไม่ใช่เพิ่งมีมาวันสองวันซือคงอวี้ใช้สายตาพิจารณาจั๋วซือหรานทั้งบนล่าง เอ่ยขึ้นว่า "ข้ารอให้เจ้าลงมาคุกเข่าอ้อนวอนข้าเหมือนพวกแมลงน่าสงสาร วางใจได้ ถึงแม้ที่เจ้าพังแผนใหญ่ของข้าไปจะน่าโมโห แต่เห็นแก่หน้าสวยๆ ของเจ้า ถ้าเจ้ายอมมาคุกเข่าอ้อนวอนข้า ข้าก็จะไม่ปฏิเสธเจ้า"จั๋วซือหรานพอได้ยินคำนี้ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ"เจ้ายังขำออกอีกหรือ? ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ" ซือคงอวี
เพราะนี่เป็นตรรกะง่ายๆ ถ้าหากเจ้าอ๋องสุนัขนี่ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยกับไพ่ลับที่เอาไว้รับมือกับตนเอง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล้าโผล่หน้ามาแบบนี้แน่นอน เป็นไปได้ว่าเจ้าอ๋องสุนัขนี่จะสมองไม่ค่อยดี แต่ความเป็นไปได้นี้ก็ไม่ค่อยจะสูงนักจั๋วซือหรานกลับยิ่งรู้สึกว่าซือคงอวี้น่าจะมีอะไรที่ทำให้เขามั่นใจมากอยู่และปฏิกิริยาของนาง ก็ค่อนข้างไว พุ่งตรงเข้าไปหาเขาทันที!จั๋วซือหรานค่อนข้างเข้าใจหลักการที่ว่าลงมือก่อนได้เปรียบแต่ว่า นางกลับยังไม่ทันพุ่งออกจากประตูศาลาริมน้ำนี่ ก็หยุดเอาไว้แล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว มองแล้วสถานการณ์ราวกับว่าถูกสิ่งของไร้รูปร่างบางอย่างขวางเอาไว้แต่อันที่จริงนางก็รู้ ว่าไม่ใช่สิ่งของไร้รูปร่างที่ขวางอยู่แต่เป็นแขนขาทั้งสี่ของตนเองต่างหาก ที่ขยับไม่ได้แล้วชั่วขณะหนึ่ง นางกระทั่งนึกไม่ออกว่าทำไมตนเองจู่ๆ จึงขยับตัวไม่ได้ดังนั้น จั๋วซือหรานพริบตานี้จึงนำพลังวิญญาณของตนเองกระตุ้นไปยังเส้นลมปราณของแขนขาตนเอง พยายามหาต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นนางตั้งแต่ที่มาถึงสวนชิวอี้ แค่น้ำสักหยดก็ยังไม่ได้ดื่ม แล้วยังไม่ได้กลิ่นอะไรในอากาศด้วยถ้าหากในอากาศมียาอะไรอยู่ เช่นนั
จั๋วซือหรานก็ไม่คิดเยอะ เดินเข้าไปในประตูศาลาริมน้ำใครจะรู้ว่าพอเดินเข้ามาในศาลาริมน้ำ ก็เห็นร่างสีดำคล่องแคล่วผ่านหน้าต่างออกไป...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ตอนเข้าไปในศษลาก็ไม่เห็นร่างเจ้าโง่คนนั้นก่อนหน้านี้แล้วนางเม้มริมฝีปาก เดิมทีก็ยังไม่อยากยอมรับ แต่กลับจำใจต้องยอมรับ...น่าจะเป็นเฟิงเหยียนจริงๆ สร้างสถานการณ์ล่อนางเข้ามาน่าจะเพราะตระกูลเฟิงร่วมมือกับซือคงอวี้แล้ว และตระกูลเฟิงกับซือคงอวี้ก็ใช้ประโยชน์จากการที่เฟิงเหยียนอยู่ในใจนาง แล้วสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นจั๋วซือหรานเดินมาถึงตำแหน่งที่เฟิงเหยียนนั่งอยู่ก่อนหน้า ค่อยๆ นั่งลงมาสีหน้าหม่นจางลงเล็กน้อยไม่สนว่าพวกเขาจะเตรียมสถานการณ์อะไรไว้ นางตัดสินใจจะดูเสียหน่อยแม้ก่อนหน้านี้ในใจจะคิดว่า ยังไม่อยากจะพูดอะไรดีดีกับเจ้าโง่นั่นชั่วคราวเพราะในใจรู้สึกว่า เจ้าโง่นั่นก็โง่จริงๆ จำนางไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อย เขาตอนนี้ก็ปลอดภัยดี เพราะตอนนี้เขากับตนเองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันในสายตาตระกูลเฟิง ก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วแต่เจ้าโง่นั่นดันมาช่วยคนชั่วๆ ในบ้านรับมือกับนาง ความเข้าใจนี้ก็ยังทำให้จั๋วซือหรานหงุดหงิดขึ้นมาเลยทีเดียวยิ่
ซือคงเซี่ยนชั่วขณะหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่ว่าจั๋วซือหรานกลับไม่รอให้เขาทันซาบซึ้ง นางดึงชายผ้าคลุมไหล่เล็กน้อย เดินตรงไปทางตำหนักข้างตำหนักข้างจัดเตรียมงานเลี้ยงเสร็จแล้ว เหล่าแขกเหรื่อกำลังกินอย่างมีความสุขล้วนเป็นชนชั้นสูงและเหล่าญาติราชวงศ์ หลักๆ แล้วล้วนเป็นตระกูลเหยียนกับตระกูลเฟิง ตระกูลซางเองก็มีคนบางส่วนมาด้วยแต่ว่ากลับไม่เห็นตระกูลฮั่วกับตระกูลจั๋วมานี่ทำเอาคนนึกไม่ถึงเลย ทุกคนคาดเดาว่า ที่ตระกูลฮั่วไม่มา น่าจะเพราะมีความร่วมมือกับจั๋วซือหรานไว้แต่ตระกูลจั๋วก็ไม่มาหรือ?"จะเพราะอะไรได้ ก็เพราะถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้นน่ะสิ""แต่ว่าพวกเขาทั้งสองตระกูลก็สงบศึกกันแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนที่จั๋วจิ่วถูกคนใช้เสน่ห์หนอนพิษกู่เข้าควบคุม ไม่ใช่ยังเคยไปถอนหมั้นกับตระกูลเฟิงหรอกหรือ""ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จั๋วซือหรานถูกตระกูลเฟิงถอนหมั้น...นางไม่ใช่ว่าออกจากตระกูลจั๋วแล้วหรือ?"เสียงคำวิจารณ์เหล่านี้ ล้วนหยุดลงอย่างฉับพลันตอนที่ร่างงามคลุมผ้าคลุมเดินเข้าไปเท้าของจั๋วซือหรานไม่สะทกสะท้าน เดินมาที่ข้างโต๊ะจัดเลี้ยงตัวหนึ่งแล้วนั่งลงคนที่เดิมทีกำลังคุยกันอยู่ที่โต๊ะนี้