แชร์

บทที่ 408

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
พวกเขาหวังว่าเฟิงเหยียนจะช่วยชักชวนจั๋วจิ่ว ให้จั๋วจิ่ว เห็นแก่หน้าของพวกเขาหน่อย

แต่เห็นได้ชัดว่าด้วยนิสัยของเฟิงเหยียน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับพวกเขา

ตอนนี้พวกเขาทราบทัศนคติของเฟิงเหยียนอย่างชัดเจนจากคำพูดของเขา

พวกเขาจึงทำได้เพียงมองจั๋วซือหรานด้วยสีหน้าแข็งทื่อเท่านั้น

จั๋วซือหรานยังคงอยู่ที่เดิม นางนั่งอยู่ที่นั่นในท่าที่ค่อนข้างสบาย นางมีสีหน้าอย่างดี พวกเขามองออก นางกำลังอารมณ์ดี

นางไม่รีบร้อนเลย ก่อนหน้านี้ นางทำท่านเช่นนี้เหมือนกัน นางปล่อยให้พวกเขาคุยกับเฟิงเหยียน

ใช่สิ ทำไมนางต้องรีบร้อนล่ะ นางไม่ใช่ผู้ที่ต้องกลายพันธุ์สักหน่อย...

"จั๋ว จั๋วจิ่ว... " ผู้อาวุโสคนหนึ่งกลัวผู้อาวุโสที่กลายพันธุ์สองคนนั้นมากเกินไป

พูดให้ถูกก็คือ เขาไม่กลัวถูกสองคนนั้นทำร้าย แต่เขากลัวตัวจะเป็นเหมือนพวกเขา

จั๋วซือหรานสามารถเข้าใจจุดนี้อย่างดี

ในสายตาของหลาย ๆ คน แม้ว่าความตายจะเป็นสิ่งที่น่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด การดำรงชีวิตแบบตายทั้งเป็น และการที่เสียชีวิตอย่างไม่เป็นสุขนั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากกว่า

จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไร แต่นางยังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 409

    ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่ามาคุยเงื่อนไขด้วยกัน ผู้อาวุโสก็รู้สึกโล่งใจมาก การที่มีโอกาสเจรจานั่นเป็นเรื่องที่ดี ตราบใดที่พวกเขายังสามารถเจรจาได้ แสดงว่าพวกเขายังมีโอกาสรอดชีวิตผู้อาวุโสคนนี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถาม"เจ้ามีเงื่อนไขอะไรบ้าง"จั๋วซือหรานชูสองนิ้วแล้วพูดว่า "เงื่อนไขสองประการ ก่อนอื่น ต่อจากนี้ไป ข้าจะต้องได้รับการเคารพมากพอในตระกูลเฟิง"ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าไม่เคยถูกดูหมิ่นใน ตระกูลเฟิงเลย"สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเฟิงเหยียน แม้ว่าจริง ๆ แล้ว ตระกูลเฟิงไม่เห็นชอบมากนัก พวกเขาไม่อยากให้ผู้หญิงที่เคยเหยียบย่ำชื่อเสียงของตระกูลเฟิง อีกครั้งมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงอีกครั้งแต่พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ เพราะจั๋วจิ่วผู้นี้มีความสามารถมากจนพวกเขาต้องยอมรับนางดังนั้นพวกเขาจึงยอมทำตามเฟิงเหยียน นางกับเฟิงเหยียนกลับมาหมั้นกันอีกครั้ง แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้จัดพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการแต่จริง ๆ แล้วพิธีหมั้นเป็นเพียงพิธีที่ขอไปทีเท่านั้น พวกเขาถือเป็นคู่หมั้นแล้วดังนั้นด้วยสถานะของนาง จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่นางไม่ได้รับความเคารพในตระกูลเฟิงมากเท่าใด อย่างมากพว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 410

    เพราะองค์หญิงเจาหมิ่นอุตส่าห์ติดกับดักนี้ เพื่อฉวยโอกาสที่ดีนี้มาเจรจากับตระกูลเฟิงกระมังจั๋วซือหรานคิดในใจ ในเมื่อนางทำลายแผนขององค์หญิงระหว่างครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตาม นางต้องจัดกลที่ยิ่งใหญ่สักหน่อย จึงเหมาะกับกับดักนี้จั๋วซือหรานกล่าวต่อ "ผู้อาวุโส สิ่งที่ข้าต้องการคือการเคารพ ความเกรงกลัวก็ได้ พูดตรง ๆ พวกเจ้าต้องปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับการที่ปฏิบัติต่อผู้อาวุโสขตระกูลเฟิง หรืออย่างน้อยพวกเจ้าต้องปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับที่พวกเจ้าปฏิบัติต่อเฟิงเหยียน "เฟิงเหยียนยังคงเงียบอยู่ข้าง ๆ และเขารู้สึกได้ว่าผู้อาวุโสจ้องมองเขาเป็นครั้งคราวเหมือนพวกเขาหวังว่าเขาจะพูดอะไรสักอย่างเขาพูดอะไรได้บ้าง เขาไม่อยากพูดอะไรเลยก่อนหน้านี้เขาเคยมอบโอกาสให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาพลาดไปเองก่อนหน้านี้พวกเขายังด่าว่า คนของตระกูลจั๋วโง่ทั้งนั้น นับขยะเป็นสมบัติ แต่สมบัติที่แท้จริงนี้กลับถูกละทิ้งเหมือนทิ้งขยะตอนนี้ดูเหมือนว่าตระกูลแต่ละตระกูลโง่ทั้งนั้น ตระกูลเฟิงก็ไม่ได้ดีกว่าตระกูลอื่นนะผู้ที่ต้อยความสามารถมักจะครอบงำโลก ซึ่งเขาจนปัญญาเฟิงเหยียนไม่สนใจสายตาที่เต็บไปด้วยคำร้องขอความช่วยเหลือขอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 411

    “อะไรนะ” ผู้อาวุโสตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างอย่างเห็นได้ชัด จากสีหน้าของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธบ้างเพราะเงื่อนไขของจั๋วซือหรานเขาอาจรู้สึกว่านางได้คืบจะเอาศอกและข่มขืนใจเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสัญญาจิตวิญญาณการพูดเป็นสัญญาที่มีข้อผูกมัดอย่างสูงหากเงื่อนไขที่จั๋วซือหรานเสนอมาเป็นเงื่อนไขใด ๆ ที่บอกถึงทุกรายละเอียด ให้พวกเขาทำสัญญาจิตวิญญาณแห่งการพูดก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยพวกเขาสามารถได้ยินและยืนยันได้ว่าพวกเขาทำได้หรือไม่ และเงื่อนไขของนางสมเหตุสมผลไหมแต่สิ่งที่จั๋วซือหรานพูดเป็นเพียงสัญญาที่...ภาพลวงตาใครจะรู้ว่าวันหลัง นางอยากให้พวกเขาทำอะไรเมื่อถูกผูกมัดด้วยสัญญาจิตวิญญาณแห่งการพูดนี้ หากนางต้องการให้พวกเขาทำสิ่งที่ทรยศต่อตระกูลในภายหลัง พวกเขาต้องผูกมัดกับสัญญาและถูกนางควบคุมหรือยิ่งไม่ต้องพูดถึง......“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยฝึกฝนในลัทธิ นางจะมีโอกาสเรียนรู้สัญญาจิตวิญญาณแห่งการพูดได้อย่างไร อย่าบอกนะ เจ้าได้ยินจากผู้อื่น แล้วเอามาพูดเล่นกับพวกเรา…”จั๋วซือหรานแสดงฝ่ามือของนาง และมีสัญลักษณ์ที่ส่องแสงวาบอยู่บนฝ่ามือของนางแม้ว่าเหล่าผู้อาว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 412

    ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เขายังเหลือบมองคนสองคนที่กำลังคลานมา ซึ่งมีปฏิกิริยาผิดปกติเขากล่าวต่อว่า “ข้าไม่อยากเป็นแบบพวกเขา มันน่าเกลียดมาก ไม่สุภาพ ดูไม่ได้เลย”ความรังเกียจในดวงตาของเขานั้นมีอยู่จริง เหมือนเขาไม่คำนึงว่าจั๋วซือหรานเป็นคนนอก และผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นคนของเขาเองผู้อาวุโสอีกหลายคนโกรธเขาอย่างเห็นได้ชัด“เฟิงฮ่วน เจ้าทำ…ได้อย่างไร”“เจ้าไม่ฉลาดจริง ๆ ”ผู้อาวุโสที่ชื่อเฟิงฮ่วนมองพวกเขา เขาพยักหน้าอย่างไม่จริงใจ "ใช่ ๆ พวกเจ้าฉลาด พวกเจ้าสู้ต่อเลย ข้าโง่ ข้าไม่รู้เรื่อง ข้าขอรับการรักษาก่อน"หลังจากเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ยื่นมือออกไปตรงหน้า จั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว รีบหน่อย"จั๋วซือหรานไม่คาดคิดว่าจะมีผู้อาวุโสเช่นนี้ซ่อนอยู่ในท่ามกลางคนหัวโบราณของตระกูลเฟิงตอนนี้นางกลับมาคิด ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ด่านางในก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าผู้อาวุโส เฟิงฮ่วน ไม่เคยพูดเสริมอะไรเลยแม้ว่าเขาจะไม่ได้ช่วยนาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าข้างพวกเขาเช่นกันเขาแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ...และมองดูก่อนที่เขาจะเข้าใจสถานการณ์ เขาไม่แสดงความคิดเห็นและเข้าข้างฝ่ายใดฝ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 413

    ความแข็งแกร่งของระบบเส้นลมปราณของนางช่างน่าประหลาดใจจั๋วซือหรานยิ้ม "ไม่เป็นไร ข้ายังพอรักษาเจ้าได้"ดวงตาของเฟิงฮ่วนเป็นประกายดวงตาของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็เบิกกว้างขึ้นทันทีโถ ไม่นะ อะไรนะ...นางหมายความว่าอย่างไรเป็นไปได้ไหมว่าหลังจากที่นางรักษาเฟิงฮ่วนแล้ว นางไม่มีแรงที่จะรักษาพวกเขาอีกต่อไปแล้วพอมาคิดในตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆก่อนหน้านี้เมื่อจั๋วจิ่วรักษาฉูนจวีน มันโหดร้ายมาก ปากและจมูกของนางมีเลือดไหลออกมา เหมือนนางกำลังจะตายในวินาทีถัดไปคงไม่ว่า...พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ชายสองคนที่กลายพันธุ์ และหัวใจของพวกเขาก็รู้สึกเย็นชาเป็นไปได้ไหมที่ตัวเองจะกลายเป็นเช่นนั้นผู้คนได้มักจะรับผลกระทบจากจิตวิทยาจริง ๆ ยิ่งคิดเช่นนี้ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาเหลือเวลาไม่พอแล้วก่อนที่จะกลายพันธุ์พวกเขายิ่งรู้สึกว่าร่างกายเริ่มคันจากระบบเส้นลมปราณมากขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นภาพลวงตาหรือเปล่ายิ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้นพวกเขาอดไม่ได้ที่ต้องจ้องมองที่เฟิงฮ่วน เป็นไปได้ไหมที่เฟิงฮ่วนผู้นี้รู้ล่วงหน้าแล้วนั่นเป็นเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 414

    “ใช่ขอรับ ใช่ขอรับ แม่นางจิ่ว มีวิธีอื่นอีกไหม”“ก่อนหน้านี้ พวกเราพูดจาหยาบคายเกินไป นั่นเป็นความผิดของเรา แม่นางจิ่ว ได้โปรดอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราเลย”“เจ้าเป็นคนเก่ง เจ้าต้องมีวิธีอื่นกระมัง”จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้น นางมองพวกเขา และนางเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "จั๋วจิ่วไม่เก่งพอ ข้ารักษาได้แค่วันละสองคน หลัก ๆ เป็นเพราะตอนนี้ข้ายังไม่รู้จักอาคมหนอนพิษกู่นี้ ข้าจึงรักษายาก"ขนาดที่นางพูด นางมองลูกหลานของตระกูลเฟิงสองสามคนที่ถูกนางยิงที่ศีรษะ "หากให้ข้าศึกษาดี ๆ บางทีอาจมีวิธีรักษาที่ดีกว่านี้อีก แต่ข้าไม่ควรปล่อยให้ผู้อาวุโสเหล่านี้กลายเป็นเช่นนั้น ให้พวกเขารอข้าด้วยสภาพนั้นสิ อีกอย่าง ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจว่า หากกลายเป็นเช่นนั้นแล้ว ค่อยรักษาพวกเขา จะมีผลกระทบต่อการฝึกฝนของพวกเขาหรือไม่"เมื่อก่อนพวกเขาแค่คิดว่ามันน่าอายเกินไปที่ต้องมีสภาพนั้นแต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของจั๋วซือหรานในตอนนี้ นางบอกว่าอาจส่งผลกระทบต่อทักษะการฝึกฝนของพวกเขาพวกเขาไม่สนใจความไร้ยางอายอะไรอีกเลย" แม่นางจิ่ว โปรดคิดหาวิธีแก้ปัญหา"“ใช่สิ ใช่สิ แม่นางจิ่ว โปรดคิดหาทางแก้ปัญหาหน่อยเถิด เร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 415

    หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ทุกคนทราบทันทีอาคมหนอนพิษกู่มีแม่ของพิษกู่สีหน้าของพวกเขาแย่ลงเล็กน้อย พวกเขาพากันมองไปที่ศพที่ไร้ชีวิตทั้งสี่ศพ“เจ้ากำลังบอกว่าหากมีคนคิดวิธีการอันเลวร้ายเช่นนี้เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังตระกูลเฟิงของเรา เฟิงช่าน เฟิงจู้ และพวกเขาทั้งสี่คนนั้นคือแม่กู่”เฟิงเซินพูดอเช่นนี้ น้ำเสียงของเขาดูเคร่งขรึมอย่างมาก ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมเช่นกันจั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย "ประมาณเช่นนี้"ผู้อาวุโสเฟิงเซินส่ายหัว “ข้าไม่ค่อยเข้าใจ ทำไม หากมีคนต้องการทำร้ายตระกูลเฟิงจริง ๆ ทำไมล่ะ สำนักงานใหญ่ของตระกูลเฟิงมีสมาชิกมากมาย แต่ทำไมต้องเป็นเฟิงช่าน เฟิงจู๋และศิษย์อื่น ๆ ที่ฝึกฝนในลัทธิไม่ได้กลับมาบ่อย ๆ…”“ใครจะรู้ เพราะพวกเขาแวะกลับบ้านพอดีกระมัง” จั๋วซือหรานยักไหล่ โดยบอกว่านางไม่ทราบสาเหตุหลัก นางให้เหตุผลแบบขอไปทีแต่เฟิงเซินและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ รู้สึกนางพูดมีเหตุสม เพราะเฟิงช่าน เฟิงจู และคนอื่น ๆ ต้องเดินทางจากที่อื่นกลับมาอยู่เมืองหลวงอยู่ดีจั๋วซือหรานกล่าวว่า "อีกอย่าง เพราะพวกเขาเก่ง อีกฝ่ายจึงอาจรู้ว่าเพราะพวกเขาเก่ง พวกเจ้าจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อเด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 416

    จู่ ๆ ตระกูลเฟิงของพวกเขาต้องสูญเสียพรสวรรค์ไปสี่คน และในสายตาของผู้ที่ลอบสังหารพวกเขานี่เป็นเพียง...อะไรนะ การสูญเสียหายที่ไม่สำคัญหรือยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน พวกเขาก็สงสัยจั๋วซือหรานเป็นคนแรกเพราะตอนนี้ในสายตาของพวกเขา พวกเขาเป็นหนี้บุญคุณของจั๋วซือหราน และติดความโปรดปรานของจั๋วซือหรานด้วยใครจะรู้ว่านี่คือแผนใหญ่ของจั๋วซือหรานหรือไม่แน่นอนว่า จั๋วซือหรานสามารถสังเกตเห็นความสงสัยในดวงตาของพวกเขาได้ แต่นางก็ไม่สนใจนางแค่พูดว่า "ข้ารู้ว่าข้าน่าสงสัยมาก แต่..."จั๋วซือหรานมองไปที่พวกเขา "ตอนนี้ข้าอยู่ภายใต้สายตาของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ"เฟิงฮ่วนคิดอยู่ครู่หนึ่ง "แม่นางจิ่วพูด...สมเหตุสมผล"จั๋วซือหรานกล่าวว่า "สรุปก็คือ พวกเจ้าปิดประตู อย่าออกไปข้างนอก แล้วกระจายข่าวไปยังโลกภายนอก โดยบอกว่าสมาชิกในตระกูลเฟิงกำลังเป็นโรคแปลก ๆ ข้าเชื่อว่าคนที่อยากให้พวกเจ้าติดหนี้ความโปรดปรานของนั้น จะปรากฏตัวในเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ "หลังจากพูดจบ จั๋วซือหรานจึงส่งพลังวิเศษเข้าไปใน ระบบเส้นลมปราณของเฟิงฮ่วนทันใดนี้ผู้อาวุโสหนุ่มคนนี้พูดไม่ออกสักคำ เขาไม่มี

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 930

    ทุกคนล้วนมองออก ถ้าพูดจากด้านพลัง จั๋วซือหรานได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ต่อให้นางไม่ต้องพูดซ้ำเกรงว่าหลังจากวันนี้ ชื่อของจั๋วซือหรานคงกลายเป็นตำนานมีชีวิตในเมืองหลวงแน่ๆถ้าจะให้พูดจริงๆ นางสู้กับตระกูลใหญ่ห้าตระกูลตามลำพัง แต่ก็ยัง...ไม่พ่ายแพ้แค่คิด ก็รู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจได้แล้วรถม้าแล่นมาถึงบ้านตระกูลจั๋วรู้สึกเหมือนจากไปเสียนาน แต่พอย้อนนึกดู ก็เหมือนจะไม่ได้นานเท่าไรทว่าตอนนี้ จั๋วซือหรานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนางเดินเข้าไปในโถงประชุม ไม่แม้แต่จะมองพวกเขา เดินตรงไปที่นั่งบนสุด แล้วนั่งลงทุกคนล้วนตะลึงงันไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งห้องนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเหมือนมีคนรู้สึกว่าสมควรจะตำหนินาง นางขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูงสุดได้อย่างไรกัน?! ที่นั่งสูงสุดบนโถงประชุม มีไว้ให้เหล่าผู้อาวุโสนั่งแต่นางก็นั่งลงแล้ว กระทั่งมองออกไม่ยากด้วยว่านางจงใจยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งที่นางนั่ง ก็เป็นตำแหน่งของผู้อาวุโสสามพอดีแต่เห็นได้ชัด ว่าประสบการณ์ในอดีต ทำให้นางมีความรู้สึกไม่ดีกับผู้อาวุโสสามมากและเพราะการแสดงออกในเมืองหลวงของจั๋วซือหรานยิ่งยอดเยี่ยม ยิ่งโดดเด่นผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 929

    สายตาจั๋วซือหรานมองพวกเขาอย่างจืดจางอันที่จริง คนไม่น้อยที่รอจะดูมหรสพ เพราะตอนที่เห็นคนของตระกูลจั๋วมากมายมาที่ประตู รู้สึกว่าน่าจะมีมหรสพให้ดูจึงหยุดลงมาคนไม่น้อยยังรู้สึกว่า ตระกูลจั๋วน่าจะมาหาเรื่องจั๋วซือหราน หรืออาจจะทำอะไร...สรุปคือ สิ่งที่พวกเขารอ คือฉากที่ตระกูลจั๋วกับจั๋วซือหรานไปกันไม่ได้ไม่มีคนคิดถึงภาพระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วอยู่กันด้วยดีอะไรแบบนั้นบางทีคงเพราะ...ไม่เคยมีใครคิด คนที่ทะเลาะกับครอบครัวจนแตกหักไปแล้วแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็คงรู้สึกแย่เอามากๆ นั่นล่ะจะไปมีชีวิตที่ดี แล้วกลับมาถูกตระกูลให้ความสำคัญอีกได้อย่างไรกัน?เพราะล้วนคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าระหว่างจั๋วซือหรานกับตระกูลจั๋วจะอยู่กันได้ด้วยดีเพียงแต่ตอนนี้ ทุกคนกลับไม่ได้เห็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบให้พวกเขาหลีกทาง จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมยในความเป็นจริง คนของตระกูลจั๋ว ในสายตานางไม่เห็นถึงความทะนงตนใดๆ เลยพวกเขาเดิมทีคิดว่า ตอนที่เห็นพวกเขาเข้ามาอ่อนข้อให้แล้วเชิญนางกลับไป ท่าทีของนางควรจะดูเย่อหยิ่งมากถึงจะถูกแต่กลับไม่มีเล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 928

    "โอ้ เห็นว่าคนอื่นเขามากัน ข้าก็อยากจะมาหนุนหน้าให้เจ้าเหมือนกันสิ" ฮั่วจือโจวเอ่ยขึ้น รอยยิ้มในดวงตาเปล่งประกาย "พอดีเลย เจ้านี่อยากจะมาขอบคุณเจ้าด้วยเหมือนกัน"ฮั่วจือโจวชี้ไปที่ฮั่วชิงหยวน"ขอบคุณหรือ?" จั๋วซือหรานไม่ค่อยเข้าใจ "ขอบคุณเรื่องอะไร?""เยอะเลย" ฮั่วจือโจวเอียงตาเหลือบไปทางฮั่วชิงหยวน บอกกับนางว่า "ให้เขาบอกเองดีกว่า"จั๋วซือหรานมองไปทางฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนเกาหัวอย่างเขินๆ แต่ดวงตาก็เปล่งประกายวิบวับอยู่ตลอด คอยจ้องมาทางจั๋วซือหรานเป็นระยะ เอ่ยขึ้นตรงๆ ว่า "แม่นางจิ่ว ถ้าไม่มีท่าน ข้าคงถูกชินอ๋องอวี้หลอกใช้ไปนานแล้ว ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ก็ไม่ชอบถูกคนใช้ประโยชน์เท่าไร""ยิ่งไปกว่านั้น..." ฮั่วชิงหยวนหัวเราะเหอะๆ "ด้วยความช่วยเหลือของท่าน แม้ว่าทรัพยากรข้าจะไม่ได้ดีเด่อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่ไม่เลว"จั๋วซือหรานฟังคำพูดนี้ก็นึกๆ ก็เข้าใจว่าเขาน่าจะพูดถึงการร่วมมือของนางกับตระกูลฮั่ว ยาลูกกลอนที่มอบให้เหล่านั้นกระมัง"ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองสักครั้ง ขอบคุณมาก" ฮั่วชิงหยวนเก็บรอยยิ้มบนหน้าลง เอ่ยขึ้นด้วยสายตาจริงจังจั๋ว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 927

    จั๋วซือหรานต้องการอะไร ก็จะขอออกมาตรงๆจุดนี้ ไม่ได้ทำให้องค์จักรพรรดิเฒ่ารำคาญน่าจะเพราะถูกซือคงอวี้วางแผนใส่มานาน พอโดนไปมากๆ เข้า จักรพรรดิเฒ่าตอนนี้จึงรู้สึกต่อต้านพวกคนคดเคี้ยวกับเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาโดยสัญชาตญาณดังนั้นจั๋วซือหรานที่นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับยิ่งสอดคล้องกับเจตนาของเขามากขึ้นองค์จักรพรรดิเฒ่าฟังคำนี้แล้วก็นึกๆ จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา "ข้าจำได้แล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าเคยไปหาไทเฮาเรื่องขอพระราชทานอภิเษกไว้ใช่ไหม?""ใช่แล้ว" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งเอ่ยขึ้น "ฝ่าบาททรงจำได้ด้วย จั๋วจิ่วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก""ทำไมหรือ? เจ้าต้องตาใครเข้าแล้วล่ะ?" ซือคงเหมี่ยนรู้สึกสนใจขึ้นมาจั๋วจิ่วคนนี้ กระทั่งน้องเจ็ดก็ยังไม่ชายตามอง...แล้วไปต้องตาใครเข้ากันนะ? คงจะไม่ใช่ซื่อจื่อเฟิงกระมัง? นี่จะซื่อตรงเกินไปแล้วซือคงเหมี่ยนครุ่นคิด ตอบว่า "ยัยหนูจั๋วจิ่ว ถ้าหากอีกฝ่ายหมั้นหมายไปแล้ว ข้าเองก็ไปทำลายงานแต่งงานคนอื่นไม่ได้หรอกนะ"พอได้ยินคำนี้ อ๋องเซี่ยนที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ รถองค์จักรพรรดิเฒ่ามาตลอดก็ถอนใจโล่ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ก็ตามว่าถอนใจโล่งทำไมและจั๋วซือหรานพอได้ยินคำน

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 926

    แม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานตอนที่ประลองกับซางถิงในตลาดมืด จะเคยใช้สัตว์เลี้ยงไปแล้วตามหลักการน่าจะมีคนไม่น้อยที่รู้จักสัตว์อสูรของนางแต่เพราะตอนนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นนี่ไม่ได้เหมือนในชาติที่แล้วของนาง ที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปโพสไปบนเน็ตได้นี่ล้วนเป็นการลือกันแบบปากต่อปาก คนส่วนใหญ่เคยชินกับข่าวแบบนี้ที่มักจะพูดกันเกินจริง ดังนั้นบางคนก็ไม่ค่อย หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างก็ตามทีแต่ตอนนี้ ทุกคนได้เห็นกับตาแล้ว"หรือว่า...กระทั่งตระกูลซาง...ก็ยังแพ้นางมาแล้ว"อิงเซ่าขี่ม้าเข้ามารับ เขาดูตื่นเต้น ใบหน้าแดงก่ำไปหมดพอมาอยู่ตรงหน้าจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานจึงเก็บแมงมุมลงมา ยืนอยู่บนพื้นอิงเซ่าพลิกตัวลงจากม้า "แม่นางจิ่ว! ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าถ้าท่านออกโรงต้องสำเร็จ"จั๋วซือหรานเอียงหัวไปทางด้านหลัง "คนของท่าน พากลับมาไม่ขาดแม้แต่คนเดียว บาดเจ็บไปหลายคน แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร""ดี!" อิงเซ่าพยักหน้า พูดต่อกันว่า "ดีดีดีมาก!"ตอนนี้ อันที่จริงอย่าว่าแต่เหล่าขุนนางชนชั้นสูงกับพวกราชวงศ์ที่ออกันเต็มประตูเมืองเลยกระทั่งเหล่าประชาชนที่มามุงดูก็ยังเข้าใจ ว่าแม่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 925

    ดวงตาซือคงอวี้ถลึงโต ลูกตาค่อยๆ พร่ามัวและชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายนี้ ก็ปัดเศษเลือดที่กระเซ็นมาติดชายเสื้อออกไปอย่างไม่แยแสเขารูปร่างโปรง สูงเพรียว แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงนัก ดูแล้วผอมไปบ้างแต่กระดูกรูปหน้าดี ดังนั้นใบหน้าจึงดูดีมาก บวกกับผิวที่ขาว จึงให้ความรู้สึกที่เย็นชาดูจากใบหน้าแล้ว ไม่ได้มีเอกลักษณ์ของคนแดนใต้มากนัก ถ้าหากบวกกับผิวสีขาวเข้าไป ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกันกับผิวสีคล้ำค่อนดำที่เห็นได้บ่อยๆ ของคนแดนใต้แล้วแต่ผมสีแดงเข้มบนหัว ก็ดูไม่เหมือนกับต้าชางเลยเสื้อผ้าบนตัวเขา สีใกล้เคียงกับสีผมเขามาก ในที่ที่มีแสงน้อย ก็เหมือนจะกลืนกันจนเป็นสีดำแต่ถ้ามองในที่ที่สว่างหน่อย ก็จะดูเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือดและตอนนี้ เหล่าทหารเดนตายของชินอ๋องอวี้...ที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้ถอยหนีกระจายกันไปที่ไหน กลับล้อมวงกันเข้ามา"นายท่าน"พวกเขาทยอยกันคุกเข่าข้างหนึ่งชายหนุ่มร้องอืมขึ้น จากนั้นจึงยื่นมือไปดึงคอเสื้อของซือคงอวี้ ลากเขาเดินไปด้านหน้าทหารเดนตายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทันที "นายท่าน ให้ข้าน้อยช่วยเถิด?"ชายหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือไม่สนใจ "ไม่ต้อง เดี๋ยวจะทำตะปูวิญญาณข้าเสียหาย"เหล

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 924

    ในใจฮาร์วีย์คิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง คิ้วเลิกขยับขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกจั๋วซือหรานเห็นสีหน้าเขา ยังคิดว่าเขาจะพูดอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่พูดอะไรออกมาเลยไม่พูดก็ไม่พูด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนที่จุดนี้จั๋วซือหรานรอการตัดสินใจขององค์จักรพรรดิเฒ่า แค่ครู่เดียว รองแม่ทัพก็เข้ามารายงาน อธิบายถึงเจตนาขององค์จักรพรรดิเฒ่ารองแม่ทัพบอกว่า "ฝ่าบาทตรัสว่า ให้เดินหน้าต่อได้เลย"จั๋วซือหรานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้รู้สึกเกินคาดอะไรกับคำตอบนี้ แค่ตบลงบนตัวแมงมุมน้อยเบาๆไม่มีอะไรเกินคาด นับแต่โบราณองค์จักรพรรดินั้นปราศจากความเมตตาที่สุดมาตลอดตอนที่โปรดปรานเจ้า ก็อยากจะให้เจ้าเป็นองค์รัชทายาทจนตัวสั่น แต่พอความโปรดปรานนี้หายไป แค่ศพก็ไม่อยากจะเก็บกลับไปแมงมุมของจั๋วซือหรานนำทางอยู่ด้านหน้า ขบวนรถม้าเคลื่อนตามนางอยู่ด้านหลังซือคงอวี้แผ่อยู่บนพื้น เขาคลานไปบนพื้นสายตาจับจ้องไปยังทิศทางที่ขบวนรถม้าจากไป มองรถม้าที่คลุมด้วยสีเหลืองคันนั้นห่างออกไปเรื่อยๆมุมปากเขาขยับ แต่ก็ไม่อาจะตะโกนเรียกได้แล้ว เหลือเพียงแต่เสียงที่อ่อนแอ"เสด็จพ่อ...เสด็จพ่อ..." หางตาซือคงอวี้มีน้ำตาหลั่งอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 923

    จากที่คนอื่นเห็นชินอ๋องคนหนึ่ง ต่อให้จะทำความผิดพลาดครั้งใหญ่แค่ไหน ก็ยังต้องให้ผู้ปกครองสูงสุดแห่งราชวงศ์ ผู้เป็นจักรพรรดิมาลงโทษแต่ไม่ใช่นางที่เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ลงมาสังหารโดยที่ตาก็ไม่กระพริบนางช่างอาจหาญเสียจริง!เหมือนกับชายหนุ่มที่เด็ดเดี่ยวซึ่งไม่เคยหันกลับไปมองฉากระเบิดด้านหลังอย่างไรอย่างนั้นจั๋วซือหรานพอลงมือก็ลงมือ ขี้เกียจจะหันกลับไปมองหลายรอบนางหิ้วขลุ่ยดินเผาเลานั้น เดินกลับไปตรงหน้าราชาแมงมุมหน้าผี กระโดดขึ้นไปบนหลังมันฮาร์วีย์ที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเป็นเชลยของจั๋วซือหราน ดังนั้นจึงอยู่ใกล้นางมากก่อนหน้านี้เห็นขั้นตอนทั้งหมดกับตา ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงตกตะลึงอยู่จั๋วซือหรานจ้องมองขลุ่ยดินเผาในมือพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จึงแหงนตามองฮาร์วีย์ "นี่คืออาวุธกู่นั่นใช่ไหม?"ฮาร์วีย์พยักหน้า "ใช่แล้ว"จั๋วซือหรานมองสัญลักษณ์ดอกถูหมีนั่น มุมปากนางก็ยกขึ้น นิ้วมือควบพลังวิญญาณ จัดการลบสัญลักษณ์ดอกถูหมีบนขลุ่ยดินเผานั้นออกอย่างไม่ปราณีพอเห็นการกระทำที่อหังการเช่นนี้ของนาง ฮาร์วีย์ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกเกินคาดเท่าไรฮาร์วีย์เอ่ยขึ้นอย่างจนใจ "แม่นา

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 922

    และนางเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปเด็ดหัวศัตรู แต่แค่ทำเหมือนเข้าไปเด็ดดอกไม้สดดอกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นนักรบเดนตายของซือคงอวี้เหล่านั้น ก็ไม่รู้ว่าเพราะเห็นซือคงอวี้ไม่ดิ้นรนเหมือนคนที่ใกล้จะตายแล้ว หรือว่าเพราะยังตกใจกับการโจมตีก่อนหน้าของจั๋วซือหราน จึงทำให้คนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม?สรุปคือ แม้พวกเขาจะมีท่าทีระแวดระวังอยู่ตลอด กลับไม่กล้าคิดจะทดลองลงมืออะไรกับจั๋วซือหรานแน่นอน และอาจจะเพราะรู้ว่าตนเองสู้ไม่ไหวจั๋วซือหรานเดินไปอยู่ตรงหน้าซือคงอวี้อย่างราบรื่นพอเห็นว่าเหล่าทหารเดนตายรอบๆ ทำได้แค่ระแวดระวัง ไม่มีท่าทีว่าจะโจมตีอะไร จั๋วซือหรานจึงยกริมฝีปากหัวเราะขึ้นมา "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"จากนั้น จั๋วซือหรานก็คุกเข่าลงมาตรงหน้าซือคงอวี้นางกอดเขานั่งยองลงมาตรงหน้าซือคงอวี้ ก้มลงมองดูเขา...ซือคงอวี้ถลึงสองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด จ้องเขม็งยังจั๋วซือหรานแต่ตอนนี้เอง ท่าทางกับสายตาของจั๋วซือหรานก็ทำให้เขาเกิดเข้าใจผิด ราวกับว่า...นางไม่ได้กำลังมองเขา แต่ว่า...แต่ว่ากำลังมองมดปลวกบนพื้นตัวหนึ่ง"เจ้า..." ซือคงอวี้ส่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้ว่าตนเองตกที่นั่งลำบากแล้วเช่นนั้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status