เหยียนฉีมองนางด้วยความประหลาดใจจากนั้น เขาเห็นดวงตาอันโต ๆ ที่สวยงามของนางบิดเบี้ยว นางวางศอกบนโต๊ะ นางเอามือรับคางของนางไว้ นางเอียงศีรษะและมองเหยียนฉี “คุณชายเหยียนอย่ามองข้าเช่นนี้สิ ข้าทำอะไรที่น่าตกใจและไม่น่าเชื่อ...”เหยียนฉีตะโกนในใจ มันไม่ใช่หรือ เรื่องที่เจ้าทำนั้นยังไม่เหลือเชื่อหรือน่าตกใจมากพอหรือ หากำไรกับตระกูลของตัวเอง และแบ่งกำไรกับศัตรูเช่นนั้นหรือ และอ้าปากเรียกกำไรตั้งหกส่วน...จั๋วซือหรานยังคงยิ้มและมองเหยียนฉี นางพูดว่า"ข้าไม่ชอบความยุ่งยาก เลยหาคุณชายเหยียนมาคุยเรื่องนี้ มิเช่นนั้น หากให้ข้าทำเอง คุณชายเหยียนจะไม่มีกำไรสักนิดเลยนะ"“เพราะตามข้อตกลงระหว่างตระกูลเหยียนกับข้า ร้านขายยา ตระกูลเหยียนต้องจัดหายาตามที่ข้าต้องการ”คำพูดของจั๋วซือหรานทำให้เหยียนฉีตกตะลึงเล็กน้อย และเขาก็เข้าใจความหมายของนางทันทีอย่างที่นางพูดจริง ๆ หากนางอยากกินกำไรเอง นางสามารถให้ ตระกูลเหยียนจัดหาวัสดุยาทั้งหมดได้นางหาคนกลางที่เป็นบุคคลที่สามเท่านั้น และนางก็สามารถเอากำไรส่วนใหญ่ได้แต่แค่เป็นเพราะนางกลัวความยุ่งยาก...เหยียนฉีมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขา เขารู้สึกถึงความรู้สึก
ตระกูลฮั่วค่อนข้างมีความสามารถในด้านการค้นพบข้อมูลต่าง ๆ และผู้ที่สืบหาข้อมูลมักจะรู้หลบเป็นปีกพวกเขาไม่อยากรุกรานใคร อยากให้ทุกคนเป็นแหล่งข้อมูลของพวกเขา พวกเขาอยากขายข้อมูลให้กับทุกคนอย่างมากเพราะฉะนั้นตระกูลฮั่วจึงมีสุภาพบุรุษที่ดีเช่นฮั่วชิงหยวนดังนั้นจั๋วซือหรานจึงฟังออกได้ว่าการแจ้งเตือนนี้เป็นการตอบแทนของฮั่วจือโจวสำหรับเรื่องที่นางเตือนอย่าให้ฮั่วชิงหยวนถูกคนใช้เป็นแพะรับบาปในเครื่องก่อนจั๋วซือหรานยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดนี้ นางพูดว่า "เช่นนั้นข้าขอขอบคุณคุณชายสามฮั่วที่เตือนข้า ข้าขอถามได้ไหมว่าอ๋องชินยวี่จะวางแผนอะไร"ฮั่วจือโจวเม้มริมฝีปากอันบางของเขาเล็กน้อยและขมวดคิ้ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กระซิบว่า "แค่กลอุบายสกปรก ไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ ลูกหลานบางคนของตระกูลขุนนางก็ใช้กลอุบายเหล่านี้ไปทำสิ่งเลวร้าย" ”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเมื่อนางได้ยินคำพูดนี้ "เช่นนั้น... ขอบคุณ คุณชายสามฮั่วที่เตือนข้า ข้าเข้าใจแล้ว"ฮั่วจือโจวขมวดคิ้วและมองนาง เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่านางจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงชาเมื่อนางทราบมีคนจะเล่นงานกับนาง ดังนั้นเขาจึงบอกนางเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะไม
“เจ้าพูดถูก โชคดีที่เจ้ากลับมาได้ ดังนั้นเจ้าสั่งสอนน้องดี ๆ ” คุณท่านจั๋วลิ่วถอนหายใจและพูดจั๋วหรูซินหดคอไว้ นางไม่กล้าพูดอะไรเลยคุณท่านจั๋วลิ่วถาม "จริงด้วย เรื่องกลั่นยาที่เจ้าพูดกับจั๋วจิ่วในก่อนหน้านี้ ตอนนั้นข้าหมดสติและได้ยินไม่ชัดนัก... เรื่องเป็นอย่างไรกันแน่"“ในการฝึกฝน ห้าหรูซินชนะจั๋วจิ่วมิได้ นางต้องรับการลงโทษด้วยแส้ที่ยังเหลือไว้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ข้าจะตั้งใจสอนหรู้ซิน นางจะได้ทำได้ดีกว่าจั๋วจิ่วในการฝึกฝน”หยุนชินกล่าวว่า "สำหรับจั๋วจิ่ว การเดิมพันนี้ไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงบอกว่าข้าจะกลั่นยาให้ตระกูล ซึ่งถือว่าเป็นการชดเชยอีกประเภทหนึ่ง"คุณท่านจั๋วลิ่วถอนหายใจ "เจ้าต้องรู้สึกน้อยใจแน่ ๆ"“ ข้าไม่น้อยใจ ข้ากลั่นยาเป็นจำนวนมาก ก็แค่เหนื่อยไปหน่อย แต่ประสบการณ์ที่ได้มาจากการกลั่นยานั้นก็มีค่ามากเช่นกัน เอาเป็นว่า ตระกูลจัดหาวัตถุดิบและให้ข้า เพื่อให้ข้าฝึกกลั่นยา ” จั๋วหยุนชินพูดคุณท่านจั๋วลิ่วขมวดคิ้วแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า "จั๋วจิ่วไม่พอใจครอบครัวของเราอย่างสิ้นเชิง นางมีพรสวรรค์ที่เก่งกาจมาก หากยังเป็นเช่นนี้ต่อ นางอาจกลายเป็นปัญหาอันร้
คืนวันนั้น ในเมืองหลวง มีกระกระทำอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นห้องก็บของของตระกูลเหยียนสว่างไสว และรถม้ามาจอดหน้าประตูห้องเก็บของอย่างต่อเนื่องเหล่าคนงานตั้งใจกขนกระสอบวัสดุยา กระสอบนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา คนงานขนกระสอบลงจากรถม้าแล้วขนเข้าไปในห้องเก็บของในช่วงพักเป็นครั้งคราว คนงานหนุ่มก็ดึงผ้าเช็ดตัวที่พันรอบคอออกและเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะในระหว่างการสนทนา เขาถามว่า "ทำไมตระกูลเหยียนให้ทำงานดึกจัง ปกติพวกเขาจะให้มาตอนกลางวันมิใช่หรือขอรับ"คนงานที่มีอายุมากกว่า ซึ่งมีใบหน้าเปื้อนไปตามกาลเวลา หยิบไม้ไผ่ออกมาและดื่มน้ำเย็นแล้วขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "อย่างไรก็ตามเราควรตั้งใจทำงาน พยายามอย่าสอบถามเรื่องของผู้จ้างงาน ยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งมีอายุยืนยาว”คนงานหนุ่มนั้นรู้ว่านี่เป็นประสบการณ์เขาเลยเลิกถามต่อ แต่ยิ้มและเปลี่ยนหัวเรื่อง “จริงด้วย แต่การทำงานตอนกลางคืนก็ค่อนข้างดี เย็นสบายมาก ก็แค่มองไม่ชัด…”ทุกคนทำงานในห้องเก็บของของตระกูลเหยียนเกือบทั้งคืนเมื่อรุ่งสาง นักบัญชีในโกดังจึงรีบถือสมุดบัญชีและมุ่งไปที่จวนเหยียนในจวนเหยียน แสงไฟสว่างไสวเช่นกันผู้อาวุโสหลายท่านกำลังรออยู่ที่ห้อง
ฝูซูเหลือบมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วถาม "คุณหนูขอรับ พวกเขากำลังยุ่งอะไรกันขอรับ"“มองไม่ออกหรือ ก็พลิกดินน่ะ” จั๋วซือหรานมองดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านางด้วยฉวนคูนทำตามคำสั่งของจั๋วซือหราน ตอนนี้เขายืนอยู่ที่นั่นและสั่งคนรับใช้ทำความสะอาดที่ดินในสวนหลังบ้าน กำจัดพืชพรรณและวัชพืชที่อยู่บนนั้น จากนั้นพลิกดินทั้งหมด และกองขี้เถ้าพืชไว้“ข้าทราบดีว่าต้องไถดิน แต่ไถดินเพื่อปลูกอะไรหรือขอรับ” ฝูซูสนใจและถามในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่ฝูซูเท่านั้นที่อยากรู้อยากเห็น แต่คนอื่นอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน แม้ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้อยู่ใน สำนักงานใหญ่ของตระกูลอีกต่อไปแล้ว แต่นางยังคงเป็นคุณหนูที่มาจากตระกูลชนชั้นสูงที่ได้รับการปรนนิบัติมาตั้งแต่เด็กไม่มีใครคิดว่าคุณหนูที่มาจากตระกูลชนชั้นสูงนั้นจะทำนาเป็นดังนั้นฉวนคูนอดไม่ได้ที่ต้องถาม "คุณหนูจะปลูกดอกไม้หรือขอรับ"เพราะจวนจั๋วมีสวน แต่ในจวนหลังนี้ไม่มีสวนซึ่งฉวนคูนคิดเช่นนี้ นั่นเป็นเรื่องปกติด แต่จั๋วซือหรานส่ายหัว "ข้าจะปลูกวัสดุยาบางอย่าง"นี่ไม่ใช่เรื่องที่พูดไม่ได้ฝูซูคิดอยู่พักหนึ่งแล้วถามว่า "แต่ข้าได้ยินมาว่าการปลูกสมุนไพรนั้นไม่ง่ายขน
“เราไม่เพียงแต่ตัดสินใจเท่านั้น” เหยียนฉีเดินเข้ามาหา “เมื่อคืน ตระกูลของข้าได้เตรียมการด้วย”"โอ้" จั๋วซือหรานขมวดคิ้วและมองเหยียนฉีเหยียนฉีกล่าวต่อว่า "เมื่อคืนทางบ้านยุ่งเกือบทั้งคืน ในห้องเก็บของของบ้าน นอกจากมียาสำรองที่ทางบ้านเก็บไว้ ห้องเก็บของยังเต็มไปด้วยวัสดุยาต่าง ๆ ที่รวบรวมมาจากที่อื่น พูดตามตรง แม่นางจิ่วขอรับ เมื่อคืน ตระกูลของข้าเกือบเก็บวัสดุยาทั้งหมดในเมืองหลวงแล้ว”หลังจากเหยียนฉีพูดเช่นนี้ วินาทีต่อมา เขาเห็นดวงตาของ จั๋วซือหรานโค้งงอเล็กน้อย นางไม่พูดอะไรต่อ แต่ถามเขา "ยังเช้ามาก คุณชายเหยียนรับประทานข้าวเช้าหรือยัง"เหยียนฉีรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากผลประโยชน์ เขาไม่รู้สึกนางเลือกปฏิบัติ แต่กลับรู้สึกนางจริงใจและน่ารักนิดหน่อยเหยียนฉีกล่าว "เหล่าผู้อาวุโสสั่งข้ามาตั้งแต่เช้าเพื่อคุยเรื่องนี้กับแม่นางขอรับ เมื่อข้าได้รับคำสั่ง ข้ามาทันที ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าขอรับ"จั๋วซือหรานหันตาและบอกฝูซู "ไปซื้อเครปอีก โอ้ ใช่เลย และแกงบะหมี่ร้อน ๆ จากร้านข้าง ๆ ด้วย"“ขอรับ” ฝูซูรับคำสั่งและรีบออกไปเขาเป็นผู้ที่ประมาท ซึ่งค
จั๋วซือหรานเงยหน้าขึ้นและมองเขา "หืม ใช่ ทำไมหรือเจ้าคะ"เหยียนฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เจ้าควรรู้ดี ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับเขาจะนำอันตรายมาสู่เจ้า"เนื่องจากต่างเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เหยียนฉีจึงเข้าใจอย่างดี การรักษาเฟิงเหยียนต้องนำความทุกข์แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มากเท่าไรดังนั้นในตอนที่ต้องรักษาเฟิงเหยียน ไม่ใช่เหยียนฉีรักษาไม่ได้ เพียงแต่เมื่อรักษาเฟิงเหยียนถึงขั้นนั้นแล้ว เขาต้องรับความเสียหายอย่างมากอีกอย่าง เนื่องจากตระกูลเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเหยียนตลอดหลายปี เหยียนฉีจึงเข้าใจสถานการณ์ของตระกูลเฟิง อยู่บ้างยิ่งเขารู้เรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าแผนของตระกูลเฟิง อาจไม่ใช่แค่ให้จั๋วซือหรานรักษาอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียน เท่านั้น แต่อาจมีแผนการที่ลึกกว่านั้นด้วยในอดีต จั๋วจิ่วยังคงเป็นสตรีชนชั้นสูงโดยได้รับการหนุนหลังจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลขุนนาง แต่นางก็ยังไม่ได้รับความคุ้มครองจากทางบ้าน ในอนาคต หากนางไม่ได้รับการคุ้มครองจากตระกูลแล้ว นางจะไม่ยิ่ง...หรือแน่นอนว่า จั๋วซือหรานฟังออกคำเตือนของเหยียนฉี นางยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ขอบคุณคุณชาย
หลังจากหานกวงจากไป จั๋วซือหรานเตรียมกลับไปนอนต่ที่ห้องของนางอย่างไม่สนใจอะไรมากนักไม่ต้องสนใจหานกวงจะนำคำพูดของนางไปให้เฟิงเหยียนไหม ด้วยร่างกายที่เหมือนแวมไพร์ที่ชายคนนั้นไม่สามารถมองเห็นแสงได้ เขาออกมาได้ในกลางวันแสก ๆ คงลำบากเหลือเกินไม่ใช่เขาออกมากลางวันแสก ๆ ไม่ได้ แต่หากเขาออกมาจริง ๆ นางอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานร่วมกับเขาเล็กน้อยจั๋วซือหรานรู้สึกเฟิงเหยียนคงไม่ยอมทำร้ายตัวเองเพื่อหาเรื่องนางก่อนกลับไปนอนที่ห้อง นางยังไม่ลืมบอกฝูซูว่า "เจ้าไปสืบข่าวของภายนอก เพราะวัน ๆ เจ้าไม่มีอะไรทำในบ้าน ข้าว่าเจ้าอ้วนขึ้นแล้ว"ฝูซูเบิกตากว้าง "ข้าเปล่า แม้ว่าข้าอ้วนขึ้นจริง ๆ ก็ตาม นั่นเป็นเพราะข้าอยู่กับคุณหนู กินดีอยู่ดีนั่นเองขอรับ"จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ใช่ ๆ ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไปเดินเล่นอย่างมีความสุข ไปสืบข่าวต่าง ๆ มาให้ มีอะไรผิดปกติ จำไว้ให้ข้า แล้วกลับบมารายงานข้า ข้าน่าจะนอนจนถึง... "จั๋วซือหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปที่ดวงอาทิตย์แล้วพูดว่า "น่าจะถึงเที่ยง ตอนนั้นเจ้ากลับมากินข้าวกลางวันพอดี"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของฝูซูก็สว่างขึ้น และเขาก็ออกไปอย่างมีความส
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้