โดยไม่คาดคิด ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สีหน้าของจั๋วซือหราน ก็เปลี่ยนจากการผ่อนคลายด้วยความสงสัยเป็นความประหลาดใจอย่างรวดเร็ว"ชิ่งหมิงหรือ" จั๋วซือหรานพูดเชื่อนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย นางจ้องมองหนุ่มที่สวมเสื้อขาวนวลใครจะคิดได้ล่ะ ชายหนุ่มรูปอันหล่อเหลาตรงหน้าของนางเป็นคนหนึ่งจาก หน่วยสืบสวนพิเศษที่มักจะสวมหน้ากากลวดลายเปลวไฟสีดำ - ซือหลี่ของลัทธิฝานเทียนชิ่งหมิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อถูกจั๋วซือหรานจ้องมอง เดิมทีเขายืนอยู่หน้าบ้านของจั๋วซือหราน เขาเขินอายอยู่แล้วในขณะนี้ เขาถอยกลับไปด้านหลังเสา แต่ค่อย ๆ เผยให้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือให้นางอย่างอ่อนโยนสีหน้าของเขาแข็งทื่อมากแต่จั๋วซือหรานมองออก เขาพยายามอย่างหนักเพื่อแสดงร้อยยิ้มจริง ๆ“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” จั๋วซือหรานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เพราะเจ้า เจ้าไม่... ไม่มาสักที” ชิ่งหมิงกล่าว จริง ๆ แล้วคำพูดเหล่านี้ไม่น่าจะมีอารมณ์มากนัก แต่เพราะเขาพูดติดอ่าง เสียงของเขาจึงฟังดูน่าสงสารอย่างอธิบายไม่ถูก“ป๋อ ป๋อยวนบอกว่า... ช่วงนี้เจ้าน่าจะยุ่งมากกว่า... ดังนั้น... เจ้าจึงไม
"โอ้ จริงด้วย" ดวงตาฝูซูสว่างขึ้น เขาพูดอย่างจริงจัง "คุณหนูขอรับ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในตระกูลจั๋วขอรับ""เอาล่ะ ไปต่อ"“ เนื่องจากคุณชายหยุนชินบอกว่าเขาจะกลั่นยาให้ตระกูล เหล่าผู้อาวุโสเลยสั่งคนไปซื้อวัสดุยาตั้งแต่เช้า แต่ปรากฏว่า พวกเขา หาซื้อไม่ได้สักที ในทั่วเมืองหลวง พวกเขาหาซื้อวุสดุยาในราคาเดิมไม่ได้สักนิด วัสดุยาทั้งหมดมีราคาอย่างน้อยสามเท่า”ฝูซูพูดอย่างสะใจเล็กน้อย เขารู้สึกสะใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเดิมทีเขารู้สึกน้อยใจแทนคุณหนูของเขาอย่างมากเมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ นางก็เลิกคิ้วเล็กน้อยและไม่แสดงความคิดเห็นฝูซูประหลาดใจเล็กน้อยแล้วถาม “คุณหนูไม่รู้สึกสะใจบ้างหรือขอรับ”ก่อนที่จั๋วซือหรานตอบ เสียงที่ติดอ่างเริ่มดังขึ้นจากด้านข้าง ๆ "นี่...คง...คง...เป็นแผน...แผนของเจ้าใช่ไหม"จั๋วซือหรานเหลือบมองชิ่งหมิง นางตอบพูด "ฉลาดดี"ดวงตาของฝูซูเบิกกลมขึ้น และเขาเหลือบมองชิ่งหมิงที่อยู่ด้านข้าง ดูเหมือนว่าเขาจึงค่อย ๆ รู้ตัวในขณะนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเขาแค่พูดติดอ่าง แต่เขาไม่ใช่คนโงแต่ฝูซูไม่ทันสนใจเรื่องนี้ในขณะนี้ เขารีบบอกจั๋วซือหราน "คุณหนูเจ้าคะ เป็นเพรา
จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไร นางยิ้มและมองเขา เดิมทีนางคิดอยู่ว่า จิตใจของชิ่งหมิงบริสุทธิ์ ให้เขาได้ยินแผนชั่วร้ายลับ ๆ มากมายเช่นนี้ คงไม่เหมาะหรอกกระมังแต่โดยไม่คาดคิด คำพูดต่อไปของชิ่งหมิงคือ...“...พวกเขาที ละคน ต้องปให้...เจ้าได้รับความทุกข์...อย่างมาก”จั๋วซือหรานตกตะลึง นางมองเขาแล้วพูดว่า "ทำไมเจ้าถึงคิดอย่างนั้น"“ตระ ตระกูล... เหยียน ใส่ร้าย...เจ้า...เจ้าทนทนทุกข์ทรมาน... ากมาย แต่เจ้า....เจ้าแค่จัดการตระกูลเหยียนแค่นี้ ตระกูลจั๋วยังคงเป็น...ตระกูลของเจ้า แต่เจ้าปฏิบัติต่อพวกเขาเข่นนี้…..”ตระกูลเหยียนทำให้นางต้องถูกทรมานในหน่วยสืบสวนพิเศษ และนางถูกกล่าวหาว่าขโมยทักษะทางการแพทย์ของตระกูลเหยียน นางจึงต้องแข่งขันกับตระกูลเหยียน เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางจะไม่มีความเมตตาต่อตระกูลเหยียน วึ่งเป็นเรื่องปกติแต่ตระกูลจั๋วเป็นตระกูลของนาง แต่นางยังจัดการพวกเขาอย่างไร้ความปราณีและนั่นอธิบายได้แค่นี้ - ในใจของนาง ตระกูลจั๋วเหมือนตระกูลเหยียนบางทีอาจเป็นเพราะตระกูลจั๋วเป็น 'ตระกูลของตัวเอง' ที่ควรไว้วางใจได้ ดังนั้นชิ่งหมิงจึงรู้สึกว่าในตระกูลจั๋ว นางอาจจะรู้สึกน้อยใจมา
ฝูซูนำคำแพูดทั้งหมดของจั๋วซือหรานไปถึงที่อย่างรวดเร็วหลังจากเหยียนฉีได้ยินคำพูดของฝูซู เขาหมดคำพูดเลย “นี่คือคำพูดของคุณหนูของเจ้าจริง ๆ หรือ”“ขอรับ คุณชายเหยียน ข้าน้อยมิกล้าส่งคำพูดผิดขอรับ”“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปบอกคุณหนูของเจ้า เราจะทำตามคำพูดของเขา” เหยียนฉีกล่าวพูดตามตรง เหยียนฉีรู้สึกว่าแม้ว่าจั๋วซือหรานได้คืบจะเอาศอก เขาไม่สนใจหรอก เนื่องจากตระกูลของเขาเลือกที่จะปฏิบัติตามแผนของจั๋วซือหรานแล้ว พวกเขาถอนตัวออกไม่ได้แล้วเหยียนฉีพูดจบ เขาเห็นคนรับใช้ของจั๋วซือหรานยื่นขวดมาให้ "คุณหนูบอกว่านี่คือความจริงใจของคุณหนูขอรับ และคุณหนูมีแผนสำรองอื่นในภายหลังด้วย คุณชายเหยียนโปรดอย่ากังวลขอรับ"เหยียนฉีรับขวดยา เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินเสียงดังกึกก้องและรู้สึกถึงน้ำหนักที่อยู่ในขวด เขาอดไม่ได้ที่ต้องตกใจ "นี่คือ..."“ข้าน้อยมิทราบว่าในนี้มีอะไรขอรับ คุณชายเหยียนเปิดขวดแล้วจะทราบขอรับ ข้าน้อยยังต้องไปจวนของท่านอ๋องเซี่ยน ดังนั้นข้าน้อยอยู่ที่นี่ต่อมิได้อีก ขอลาก่อนขอรับ”ฝูซูรีบออกไปเดิมทีเหล่าผู้อาวุโสกำลังปวดหัวเรื่องที่นางให้ตระกูลเหยียนเล่นงานกับตระกูลจั๋ว ดังนั้นพวกเข
“ จั๋วจิ่ว คนนี้เป็นคนเด็กขาดจริง ๆ”เหยียนฉีฟังอยู่ข้าง ๆ เขาคิดอย่างช่วยไม่ได้ในใจ นางเป็นคนเด็ดขาดจริง ๆ หากนางไม่ใช่คนประเภทเด็ดขาดจริง ๆ นางคงไม่ทำถึงขั้นที่ต้องทำให้ตระกูลเหยียนทั้งหมดขุ่นเคืองเพียงเพื่อ สู้กับเหยียนชางผู้เดียว“ไม่ว่านางมีปัญหากับตระกูลจั๋วหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ในเมื่อนางได้แสดงความจริงใจของนางแล้ว เพื่อให้พวกเราไม่ต้องกังวล ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ขอรับ” เหยียนฉีถามเหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากัน และพวกเขาตกลงเรื่องนี้ทันทีฝูซูไปที่จวนของท่านอ๋องเซี่ยนอีก เขานำคำพูดของจั๋วซือหรานให้ท่านอ๋องเซี่ยนอย่างราบรื่นซือคงเซี่ยนไม่ได้เจอจั๋วซือหรานมาสักพักแล้ว เมื่อเขาได้ยินคำพูดของฝูซู เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า "นางขอความช่วยเหลือ แต่นางไม่มาเองหรือ"ฝูซูยื่นขวดกระเบื้องในมือให้ “คุณหนูฝากข้าน้อยมอบสิ่งนี้ให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เพื่อแสดงความจริงใจของคุณหนู โปรดท่านอ๋องมิรังเกียจพ่ะย่ะค่ะ”ซือคงเซี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่เขารับขวดนั้น เขาก็รู้ทันทีว่ามีอะไรอยู่ข้างในฝูซูจำคำพูดของคุณหนูได้ เขาพูดต่อ "คุณหนูหวังว่าท่านอ๋องอย่าตำหนิคุณหนูในตอนนี้ ที่คุณหนูไม
จากนั้นเขาก็แนะนำให้เขารู้จักชิ่งหมิง " ชิ่งหมิง นี่คือน้องชายของข้า จั๋วหวาย มาทำความรู้จักกันเถิด"ชิ่งหมิงยืนอยู่ข้างเสา แต่ตอนนี้เขาย่อตัวไปด้านหลังเสาและมองมาทางนี้อย่างระมัดระวังจั๋วซือหรานทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้ทำให้นางรู้สึกว่า... เสาหลักดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขาจั๋วหวายไม่ได้เขินอายขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงมองชิ่งหมิงอย่างละเอียด “แต่เขาดู..ไม่เด็กมากนัก”“ดูไม่เด็ก จะเล่นด้วยกันไม่ได้หรือ แล้วเจ้าอายุนี้แล้ว ท่านแม่ยังเรียกเจ้า ลูกรัก เลย” จั๋วซือหรานเลิกคิ้วแล้วถามใบหน้าของจั๋วหวายแดงเหมือนโดนไฟไหม้ "ท่านพี่" เขาพูดอย่างกังวล "ทำไมท่านพี่พูดทุกเรื่องน่ะ"จั๋วซือหรานยกเท้าขึ้นและเตะบั้นท้ายเบา ๆ "เข้าไปทำงานเลย และนำอาหารออกมา ข้าทำกับข้าวให้แล้ว ดังนั้นข้าไม่รัมผิดขอบถ้วยกับตะเกียบแล้ว"จั๋วหวาย ชิ่งหมิง และฝูซูดูเหมือนอายุไม่ต่างกันมากนักพวกเขาทั้งสามเข้าไปในห้องรับประทานอาหารด้วยกัน และจัดเรียงอาหาร ชาม และตะเกียบเรียบร้อยดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรผิดปกติโดยปกติแล้ว แม้ว่าเดิมทีฝูซูเป็นคนรับใช้อยู่แล้ว ก็คงจะไม่บ่นตัวเองต้องทำงานบ้านท้ายที่สุด จั๋
อาจเป็นเพราะบรรยากาศดีหรืออาจเป็นเพราะอาหารอร่อย สรุปก็คือชิ่งหมิงรู้สึกผ่อนคลายมากจั๋วซือหรานรินชาให้เขาแล้วพูดว่า "ลองดูสิ ข้าชงเอง"ชิ่งหมิงยกถ้วยขึ้นและดื่มชา เขากระพริบตา เขารู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ “กลิ่นหอมมากนัก ฝีมือของเจ้ายอดเยี่ยมมาก”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วแล้วมองเขา "ไม่ตื่นตระหนกแล้วนะ"ชิ่งหมิงกลอกตาและพยักหน้า "ไม่... ได้ตื่นตระหนกขนาดนั้น"“สรุปท่านตื่นตระหนกเมื่อหิว และผ่อนคลายเมื่อทานข้าวอิ่ม” จั๋วซือหรานถือถ้วยชาและพูด“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับของเจ้า” ชิ่งหมิงกล่าว “เดิมทีข้ามาที่นี่เพื่อเรื่องการหลอมอาวุธ”ชิ่งหมิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแนะนำ... เพื่อนตัวน้อยให้ข้ารู้จัก"เขามองจั๋วซือหรานอย่างจริงจังและพูดว่า "ข้ามีอายุมากแล้ว ข้าแก่กว่าเจ้า"จั๋วซือหราน มองชิ่งหมิงอย่างจริงจังและพูดว่า "ไม่จริงแน่ ๆ "สีหน้าของนางดูจริงจังมากจนชิ่งหมิงอดไม่ได้ที่ต้องหัวเราะ ดวงตาของเขาบิดเบี้ยว "ข้าจี๋กวาน"(สมัยก่อน เด็กชายจีนเมื่อมีอายุ 20 ปี ก็จะมีพิธีสวมเครื่องประดับบนศีรษะ เรียก จี๋กวาน )จี๋กวาน นั่นหมายความว่า... อายุยี่สิบปีแล้วไม่ใช่หรือจ
ชิ่งหมิงมองจั๋วซือหราน และไม่ตอบอะในไรทันทีทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่า จั๋วซือหรานเคยถูกลงโทษในหน่วยสืบสวนพิเศษ และดูเหมือนว่า ในเวลานั้น ซือเจิ้งท่านนี้อยู่ในหตุการณ์นั้นชิ่งหมิงสงสัยว่านางมีข้อโต้แย้งต่อท่านซือเจิ้งอยู่ในใจหรือไม่?เพราะอยากที่นางกล่าว หากนางมีข้อโต้แย้งกับใครก็ตาม นางต้องแก้แค้นแน่ ๆชิ่งหมิงอดไม่ได้ที่ต้องโน้มน้าว "อย่า... มีความแค้นใด ๆ กับซือเจิ้ง ต้องรับ...สูญเสียมาก"เมื่อจั๋วซือหรานได้ยินคำพูดนี้ นางรู้ชิ่งหมิงกังวลอะไร นางก็หัวเราะทันที "ข้าแค่อยากรู้ ข้าจะกล้าไม่พอใจใต้เท้าซือเจิ้งได้อย่างไร"ตอนนี้นางไม่กล้าไม่พอใจ แต่ในอนาคต ก็ไม่แน่ใจนะจั๋วซือหรานนึกถึงชายที่สวมหน้ากากลายเปลวไฟสีแดงในตอนนั้น เขามองนางด้วยสายตาอันเย็นชาขณะที่นางกำลังถูกเหยียนชางใส่ร้ายและบังคับยอมรับความผิดนางยังอดไม่ได้ที่ต้องโกรธเล็กน้อยแต่ผู้ที่มีนิสัยบริสุทธิ์อย่างชิ่งหมิง เขาเป็นห่วงจั๋วซือหรานโดยไม่มีความคิดอย่างอื่น ดังนั้นแน่นอนว่าเขาฟังไม่ออกคำพูของจั๋วซือดหรานดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ใต้เท้าซือเจิ้งถูก...สภาผู้อาวุโส...แต่งตั้งโ
ถ้าหากใช้ศพของคนล่ะ?แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้นตอนที่หุ่นเชิดร่างแรกถูกหลอมออกมา ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นกระทั่ง ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนคนนั้นก็พบกับการลงโทษที่รุนแรงยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดมนุษย์ก็ถูกตราว่าเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ว่า ทักษะนี้ก็ปรากฏออกมาแล้วทักษะอะไรก็ตามพอปรากฏออกมาแล้ว ต่อให้จะถูกตีตราเป็นสิ่งต้องห้ามก็ตาม แต่ก็ยังมีคนที่แอบนำมาใช้งานกันอยู่ส่วนหุ่นเชิดความมืดตัวแรกนั้น...จั๋วซือหรานฟังถึงตรงนี้ก็เลิกคิ้วขึ้น "ดังนั้นเอาคนเป็นมาใช้ถึงจะกลายเป็นหุ่นเชิดความมืดสินะ"นางมองผู้เฒ่าเหอ "ข้าเป็นหมอ วิชาแพทย์เองก็ไม่เลวนัก บาดแผลที่เกิดขึ้นก่อนตายกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหลายตายไปแล้ว ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี"เจตนาที่จั๋วซือหรานพูดคำนี้ออกมานั้นง่ายมาก ก็คือจะพูดกับผู้เฒ่าเหอให้ชัดเจนถึงความหมายหนึ่ง...อย่าโกหกข้าผู้เฒ่าเหอเหลือบมองนางผาดหนึ่ง ตอนนี้จึงเอ่ยขึ้นเสียงเล็ก "ใช่แล้ว แค่นำคนเป็นมาทำ ก็จะเรียกว่าหุ่นเชิดความมืด แม้หุ่นเชิดความมืดจะถูกสั่งห้ามมาตลอด แต่ระหว่างปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนด้วยกันก็มีการหารือกันมาตลอด หุ่นเชิดมนุษย์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องควา
พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ดวงตาผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตกว่าเดิมไม่มีอะไรที่ที่จะยอดเยี่ยมไปกว่าคนที่เก่งรอบด้าน คำพูดส่งๆ ที่ว่า 'อันที่จริงข้าก็แค่เล่นๆ เท่านั้น ไม่เคยเรียนรู้จริงจังมาก่อนเลย' ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าถูกดูถูกมากขึ้นไปอีกแต่ผู้เฒ่าเหอถึงจะโกรธก็ไม่กล้าพูด ดูเหมือนกลั้นหายใจค้างอยู่ที่อก เข้าก็ไม่ได้ออกก็ไม่ได้ผ่านไปพักหนึ่งถึงหายใจได้คล่องหน่อยเหมือนเพิ่งจะได้ความสามารถในการพูดกลับมา"สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของวิชาหุ่นเชิดก็คือหุ่นเชิดความมืด และสิ่งที่สำคัญที่สุดของหุ่นเชิดความมืดก็คือตะปูวิญญาณ" ผู้เฒ่าเหอเอ่ยขึ้นหลังจากที่จั๋วซือหรานได้ยิน ก็เลิกคิ้วขึ้น ทำท่าเหมือนจะสนใจขึ้นมา "เล่าให้ละเเอียดหน่อย"ผู้เฒ่าเหอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ในใจก็เกิดความคิดขึ้นเพียงแต่ความคิดเหล่านี้พอโผล่ขึ้นมาในใจ ก็ถูกจั๋วซือหรานทำลายลงทันที"ถึงอย่างไรเจ้าก็คิดจะดึงข้าไว้ที่นี่อยู่แล้ว เจ้าจะได้ให้กองหนุนจากสำนักเมฆาวารีเข้ามาสั่งสอนข้า ช่วยระบายให้กับเจ้าไม่ใช่หรือ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น"ข้าเองก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าได้ รอกองหนุนของเจ้าที่นี่เสียเลย" จั๋วซือหรานยกมุมปากเป็นร
ตอนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกถึงแต่ความกดดันบีบคั้น ทว่ายืนอยู่ฝั่งตนเองก็ไม่เหมือนเดิม รู้สึกปลอดภัยอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะ...ทำไมถึงเริ่มนับขึ้นมาล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น ในมือจั๋วซือหรานตอนนี้ ยังปรากฏตะปูยาวสีดำที่เต็มไปด้วยอักขระคำสาปแปลกประหลาดที่ดูแล้วลึกลับอย่างมากเล่มหนึ่ง!จากนั้นจึงเริ่มนับ "หนึ่ง""สอง"แล้วความเร็วการนับก็ไม่ได้ช้าเลย รู้สึกเหมือนไม่คิดจะให้คนได้ลังเลด้วยซ้ำจะยอมแพ้ หรือจะตาย ไม่มีตัวเลือกที่สามจะเจรจาหรือไม่เจรจา ไม่มีให้เห็นทั้งสิ้นผู้เฒ่าเหอ ตอนที่สายตาจับภาพตะปูยาวในมือจั๋วซือหรานได้ก็เปลี่ยนไปแล้ว ความหวาดกลัวตกตะลึงมหาศาลระเบิดขึ้นมาในดวงตากระทั่งตอนที่จั๋วซือหรานนับถึงสอง เขาก็รีบเอ่ยขึ้นว่า "ให้เจ้า! ให้เจ้าก็พอสินะ!"เสียงของผู้เฒ่าเหอแม้จะไม่ได้ต่ำขรึม แต่ก็ยังหนักแน่นแต่ตอนที่รีบตะโกนคำนี้ออกมา เสียงก็สั่นเครือราวกับกรีดร้องแหลมเหมือนกลัวว่าถ้าช้าไปสักนิดเดียว นางจะเอาตะปูประหลาดเล่มนั้นมาเล่นงานเขาดูแล้วพอเทียบกับการกลัวจั๋วซือหราน สู้บอกว่าเขากลัวตะปูในมือนางนั่นมากกว่าจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว ตะปูยาวที่อยู่ระหว่างนิ้ว หมุนควงเหมื
ผู้เฒ่าเหอก่อนหน้านี้เดิมทีถูกทำให้ตกใจจนสลบไปเท่านั้น ร่างกายไม่ได้บุบสลายแต่อย่างใดดังนั้นจึงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่า หลังจากได้สติแล้วในใจยังไม่มีแผนรับมือ จึงทำได้แค่แกล้งนอนสลบไปบนพื้นต่อครุ่นคิดว่าควรจะรับมืออย่างไร แต่หญิงสาวคนนี้จะหลอกล่อก็หลอกไม่ได้ ทิฐิสูงไม่มีอ่อนข้อให้เลยจริงๆชั่วขณะหนึ่งก็ยากจะหาแผนการรับมือออกมาได้จึงทำได้แค่แกล้งสลบดึงเวลาออกไปก่อนดังนั้นผู้เฒ่าเหอจึงแกล้งนอนสลบอยู่บนพื้น ไม่ยอมลุกขึ้นมาเขายังคิดว่าจะไม่ถูกพบเสียอีก ฟังคำพูดเหล่านั้นของจั๋วซือหราน ฟังฟู่จาวหนิงชักชวนยุยงเหล่าคนคุ้มกันของเขาผู้เฒ่าเหอรู้สึกชิงชังในใจ!ตอนนี้เขาเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว ว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ไม่ได้ทรยศหักหลังเขาแต่หญิงสาวคนนี้จงใจไว้ชีวิตพวกเขา ปล่อยพวกเขากลับมา...ใครจะรู้ว่านางคำนวณไว้แล้วหรือเปล่าว่าเขาจะไม่มีท่าทีที่ดีกับคนคุ้มกันเหล่านี้ ใครจะรู้ว่านางรอให้สถานการณ์แบบนี้ปรากฏขึ้นหรือเปล่า?!ผู้เฒ่าเหอในใจชิงชังนางอย่างมากแล้วยังแอบคิดในใจ ถึงอย่างไรหนังสือสารกรมธรรม์เจ้าพวกนี้ก็ยังอยู่ในมือเขาขอแค่หนังสือสารกรมธรรม์ยังอยู่ในมือเขา จั
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น