ต่งคังไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขารีบเรียกหน่วยลาดตระเวนที่มากับเขาทันที เพื่อวางสามคนนั้นลงมาก่อนที่จะวางพวกเขาลง ต่งคังถามจั๋วซือหราน " แม่นางจิ่ว แม่นางมีอะไรจะทำอีกไหมขอรับ หากไม่มีแล้ว ข้าจะให้สั่งคนวางสามคนนี้ลงและพาออกไป"จั๋วซือหรานส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าไม่มีอะไรทำอีกแล้ว ได้โปรดทุกท่าน"ต่งคังส่งสัญญาณไปยังหน่วยลาดตระเวน พวกเขาเข้ามา และเตรียมเอาชายสามคนนั้นลงจากคานใครจะรู้...“ปมนี้…” ทหารองครักษ์หลายคนปมบนเชือกที่ผูกชายชุดดำทั้งสามคนนั้น พวกเขารู้สึกปมนี้แกะยากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ปมที่หญิงสาวผกไว้ พวกเขาแกะไม่ออกมีคนไม่กี่คนยังไม่ยอมรับความจริง พวกเขาพยายามแกะปมอีกสองสามครั้ง พวกเขาแน่ใจว่าแกะปมนี้ไม่ออก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเอามีดตัดเชือกในความเป็นจริง พวกเขาสามารถตัดเชือกได้โดยตรงตั้งแต่ต้น พวกเขาอยากแสดงมิตรภาพต่อจั๋วซือหรานเพราะพวกเขามักจะรู้สึกเสมอว่า นี่คือห้องของเด็กผู้หญิง และหากตัดเชือกออก เหลือเพียงเชือกปอที่หักเพียงสามเส้นห้อยลงจากคาน ซึ่งไม่เหมาะสมใครจะรู้ว่าปมของหญิงสาวคนนี้แปลกมาก ถึงแม้พวกเขาอยากแกะปมนี้ แต่พวกเขาไม่รู้จะแกะ
“ข้ารู้” จั๋วซือหรานเม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเคยญญาว่าจะไปกับเจ้าไม่ใช่หรือ”นางเคยสัญญาว่านางจะไปร่วมการฝึกฝนเถื่อนการกลั่นนอกระบบกับซือคงเซี่ยนโดยปกติแล้ว การฝึกฝนเถื่อนจะถูกจัดขึ้นโดยองค์กรตลาดมืดบางแห่ง ไม่เพียงแต่เพื่อเลือกผู้มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังจัดเพื่อการจัดบ่อนพนันด้วยและธุรกิจที่องค์กรตลาดมืดเหล่านี้แอบทำ ไม่ใช่แค่การเปิดบ่อนพนันเถื่อนหรือการฃฝึกฝนเถื่อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงธุรกิจอย่างอื่นด้วย เช่น การประมูล การจ้างงาน เป็นต้นตราบใดที่เจ้าจ่ายเงิน เจ้าสามารถไปที่องค์กรประเภทนี้ได้และจ้างผู้อื่นให้ทำเรื่องต่าง ๆ ให้เจ้าได้ หากราคาสูงพอ ต่อให้เจ้าอยากจ้างผู้อื่นมารับใช้เจ้า นั่นก็เป็นไปได้หอฟ้าดาวเป็นหนึ่งในองค์กรตลาดมืดเหล่านี้ และขนาดของหอฟ้าดาวไม่เล็กในเมืองหลวง ไม่มีใครรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังกล่าวโดยสรุป จั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ ซึ่งทำให้ซือคงเซี่ยนต้องตกตะลึงอย่างมากเดิมทีเขาคิดว่านางลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว เนื่องจากเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จั๋วซือหรานกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงทั่วเมืองหลวงแล้วพูดตามหลักแล้ว นางไม่จำเป็นต้องไปร่วมก
“บ่าวเข้าใจขอรับ อะไรที่มิใช่คุณหนูสั่ง บ่าวห้ามทำเด็ดขาดขอรับ” ฉวนคูนรีบพูด เขาไม่กล้าทำจริง ๆ เขาเห็นจุดจบของว่างฝูด้วยตาของเขาเองยิ่งกว่านั้น ใครล่ะจะมองไม่ออกอีก แม้ว่าตอนนี้คุณหนูไม่ได้อยู่ในสำนักงานใหญ่ของตระกูลแล้ว แต่ด้วยความสามารถของคุณหนู แม้ว่านางจะไม่ได้อยู่ใน สำนักงานใหญ่ของตระกูล ชีวิตของนางไม่ได้แย่กว่าตอนที่นางอยู่ในสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋วซือหรานพยักหน้าและพูดว่า "ดี เจ้าไปทำความสะอาดห้องนี้และจัดระเบียบทุกอย่างภายในให้เรียบร้อย"จั๋วซือหรานพูดจบ นางหาวและเดินไปที่ห้องนอนของนาง และนอนฉวนคูนเดินเข้าไปในห้อง เขาสะดุ้งทันทีภายในไม่อาจพูดได้ว่าน่ากลัว แต่เดิมห้องนี้ว่างเปล่า และห้องที่ว่างมานานก็จะกลายเป็นห้องร้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในขณะนี้ ในห้องร้าง ภายใต้แสงสลัว มีเชือกสามเส้นห้อยลงมาจากคาน เชือกเหล้านี้พลิ้วไหวอยู่ที่นั่น และมีเลือดสองแห่งอยู่บนพื้นประกอบกับแสงนี้ดูน่าขนลุกมาก...ฉวนคูนอดไม่ได้ที่ต้องตัวสั่น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขานึกถึง คุณหนูจิ่ว ผู้ทรงพลังกำลังนอนอยู่ห้องข้าง ๆทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกลัว ท้ายที่สุดแล้ว ในสายตาของ
ความจริงจ้านหลูควรหยุดแค่นี้และเลิกถามต่อ แต่โดยไม่คาดคิด เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า "อีกอย่าง ท่านอ๋องเซี่ยนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขามาที่นี่ทันที และตอนนี้เขายีงสวมเสื้อคลุมให้แม่นางจิ่วด้วย พวกเขาคงสนิทมากใช่ไหมขอรับ”จ้านหลูไม่ได้สังเกตว่าดวงตาที่ปกติแล้วไม่แยแสของเจ้านายของเขาดูเย็นชากว่า“ข้าให้เจ้ากลับไปรับการลงโทษ หากเจ้าไม่ได้ยิน…” เสียงของ เฟิงเหยียนเย็นชาและน่ากลัวจ้านหลูหดคอและพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่เจ้านายจะพูดจบ "ข้าได้ยินแล้ว ข้าได้ยินแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ"หลังจากพูดเช่นนี้ จ้านหลู ก็ตีลังกาบนกระเบื้องเคลือบบนหลังคาของหอระฆังอย่างรวดเร็ว เขา 'กลิ้ง' ลงบนพื้นอย่างมีพลังหลังจากจ้านหลูจากไปเฟิงเหยียนยังคงยืนอยู่บนหลังคาของหอระฆัง เขาหันหน้าไปทางจวนของจั๋วซือหราน เขายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานจนกระทั่งราตรีค่อย ๆ หายไปจนกระทั่งเส้นขอบฟ้าเปลี่ยนเป็นสีซีด จนกระทั่งรังสีแห่งแสงย้อมท้องฟ้าเป็นสีแดงฉูนจวีนรีบวิ่งจากจวนเฟิงอย่างรวดเร็ว เขาอยู่บนหลังคาหอระฆังภายในไม่กี่วินาที เสียงของเขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง "ท่านขอรับ พระอาทิตย์จะขึ้นเร็ว ๆ นี้ขอรับ"ในอด
"เอ่อ... เอ่อ..." จั๋วซือหรานนอนขดตัวอยู่บนเตียง หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ และเสื้อผ้าด้านในของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อนางไม่คาดคิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้แม้แต่คนอย่างนางที่มีความอดทนสูง ตอนนี้นางก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วในความเป็นจริง ทันทีที่นางตัดสินใจรักษาอาการบาดเจ็บให้เฟิงเหยียน นางได้เตรียมใจไว้แล้วว่านี่จะไม่ใช่เรื่องง่ายมิฉะนั้น ตระกูลที่มีฐานะสูงส่งอย่างตระกูลเฟิงจะถูกพลังวิเศษ ครอบงำมาเป็นหลายปีได้อย่างไรหากพูดได้ว่า ก่อนหน้านี้ จั๋วซือหรานรู้ความเป็นไปได้นี้หลังจากเฟิงเหยียนจูบนางโดยไม่สนใจนาง นางดื่มสุราของเขา และกัดริมฝีปากของเขาคืนนั้นนางได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากความหนาวเย็นและความร้อน ซึ่งทำให้จั๋วซือหรานแน่ใจว่า การที่รักษาอาการบาดเจ็บแก่เฟิงเหยียน นางต้องเจ็บทรมานแน่ ๆเนื่องจากการเจ็บปวดนี้ถูกคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว จั๋วซือหรานได้เตรียมพร้อมทางจิตใจจริง ๆ แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้นางยังคงไม่ทันรับมือกับความเจ็บปวดเช่นนี้ระดับความเจ็บปวดที่นางได้รับจากการลงโทษของหน่วยสืบสวนพิเศษในครั้งที่แล้ว นางสามารถให้คะแนนเป็นสิบคะแนน ความเจ็บปวดที่นางต้องทนอยู่ในขณะนี้ นางสามารถใ
แต่ขณะนี้ นางรู้สึกสดชื่นแล้วจั๋วซือหรานลุกขึ้นจากเตียง นางเห็นว่าเสื้อคลุมของนางถูกพับอย่างเรียบร้อยและวางไว้ที่ปลายเตียงนางสวมเสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงนางยังรู้สึกเท้าสั่นเล็กน้อย แต่เพราะนางไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อาการของนางยังพอไหวอยู่ นางจึงเดินไปที่ประตูทันทีที่นางเดินไปที่ประตู นางก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนและความเป็นกังวลอยู่ข้างนอก “นางไม่มีคนรับใช้ที่เชื่อใจได้เลย หากไม่ใช่เป็นเพราะข้ากังวลและอยากเข้ามาดูนี่ ดูสิ ไม่รู้สาวน้อยนี้จะอดทนไปถึงเมื่อไร”น้ำเสียงของอวิ๋นเหนียงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง” หรานหราน เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พ่อของนางเสียชีวิตเร็วเกินไปและข้าก็ทำอะไรไม่ได้ นางในฐานะที่เป็นลูกสาวคนโต นางต้องแบกทุกอย่างด้วยตัวเอง ปกป้องข้า ยังต้องการปกป้องเสี่ยวหวายด้วย และแถมยังต้องปกป้องชื่อเสียงของครอบครัวเรา นางไม่อยากเสียศักดิ์ศรีของพ่อนาง นจางเลยต้องแบกทุกอย่างด้วยตัวเอง”“แต่นางเอง... ยังเป็นแค่เด็ก” อวิ๋นเหนียงพูดไปและสะอื้นไปด้วยจั๋วซือหรานฟังออกได้ว่านี่เป็นเสียงของท่านแม่ของนาง และนางยังฟังว่าแม่ของเขาออกด้วยว่า ท่านแม่อาจได้ทราบเรื่องการแข่งขันระหว
จั๋วซือหรานฟังคำพูดของท่านแม่ของ นางไม่รู้สึกหงุดหงิดเลย แต่นางกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อย ๆ ไหลออกมาในหัวใจของนางเทียบกับการขดตัวอยู่คนเดียวเสมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บแล้วเลียบาดแผลเอง มีคนดูแลตัวเอง แม้ว่าคนผู้นั้นดูแลตัวเองในยามที่เราไม่รู้ตัวก็ตามเมื่อตื่นขึ้น ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่ความอบอุ่นนี้ทำให้จั๋วซือหรานซึ้งใจ จนทำให้ดวงตาของนางอ่อนโยนอย่ามาก นางมองผู้อาวุโสใหญ่ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนริมฝีปากของนางนางถาม“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่หาข้าเพราะเรื่องอันใด”จั๋วหลานมองนาง "ข้ารู้เรื่องที่เกิดในเรือนของเจ้าในเมื่อคืนแล้ว"จั๋วซือหรานตกใจ เพราะนางเดาออกได้ว่า ผู้อาวุโสอยากพูดอะไรกับนาง แต่นางไม่แน่ใจว่าท่านแม่ทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากท่านแม่ยังไม่ทราบเรื่องนี้ นางก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้ และไม่อยากทำให้ท่านแม่กังวลนางรู้สึกว่าท่านแม่ไม่สนใจว่า สุดท้ายแล้วนางได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ท่านแม่ไม่สนใจด้วยว่า นักฆ่ามุ่งมาโจมตีนาง นางสังหารนักฆ่าสามคนด้วยนางคนเดียวจั๋วซือหรานรู้สึกว่าแค่คำว่า "นักฆ่า" ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ท่านแม่เป็นห่วงอย่างมากแล้วดังนั้น
จั๋วหลานกล่าวต่อว่า "ตระกูลรู้ดีว่าเจ้าได้รับความน้อยใจอย่างมาก และเมื่อคืนยังเกิดเรื่องเช่นนี้ด้วย เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แม้ว่าเจ้าถอนตัวออกจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลแล้ว แต่เจ้าก็ยังเป็นสมาชิกของตระกูลจั๋ว และเจ้ายังใช้นามสกุลจั๋วด้วย เจ้ายังเป็นสายเลือดของตระกูลจั๋ว "“ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหยียน ตระกูลจะไปช่วยพูดอยู่แล้ว” จั๋วหลานพูดถึงเหตุการณ์ที่มีคนแอบเข้ามาและพยายามโจมตีนางในเมื่อคืนนี้จากนั้นเขาก็กล่าวถึงอีกเรื่องหนึ่ง“แต่วันนี้ข้ามาที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องที่เจ้าถูกโจมตีในเมื่อคืนนี้ ความจริงในเมื่อคืน มีคนถูกโจมตีในจวนจั๋วเช่นกัน” คำพูดของ จั๋วหลานทำให้จั๋วซือหรานเกิดความสนใจนางเลิกคิ้วเล็กน้อย มองจั๋วหลาน แล้วถามว่า "หากข้าเดาไม่ผิด คนที่ถูกโจมตี...คือ หลิ่วเย่ใช่ไหม"จั๋วหลานไม่แปลกใจเลยที่นางเดาได้ หญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมากอยู่แล้ว เกรงว่านางเดาออกเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่นางไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อใด... ไม่ จั๋วหลานคิดว่านางอาจจะคิดได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไรเพราะนางค่อย ๆ บังคับจั๋วเห้อหรงและจั๋วหรูซินเดินไปที่ทางตันจั๋วหลา
จั๋วซือหรานไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธหัวหน้าคนคุ้มกันออกแรงเม้มปาก ในดวงตาแดงก่ำขึ้นจั๋วซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ "เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเห็นแล้วว่าเจ้านายเจ้าเป็นพวกที่ไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคน จะมองออกถึงดวงชะตาแล้ว ทั้งที่ผ่านความเป็นความตายมาแล้วก็น่าจะหวงแหนชีวิตขึ้นมาบ้างจึงจะถูก นี่เจ้ากลับเข้ามารนหาที่ตาย"หัวหน้าคนคุ้มกันริมฝีปากสั่นระริก "แม่นาง..."จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "เอาล่ะ เลือกมา"พอได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันก็ตกตะลึง "อะ อะไรหรือ?""อยากจะรอดหรืออยากจะตาย" จั๋วซือหรานพลิกข้อมือ อาวุธเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ "ถ้าจะส่งเจ้าไปสบายมันง่ายดายมาก ไม่ใช่เรื่องลำบากเลย อย่าว่าแต่เจ้า พวกลูกน้องเหล่านี้ของเจ้า ข้าสังหารทั้งหมดได้แค่ในไม่กี่อึดใจ"พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน หัวหน้าคนคุ้มกันที่ในดวงตาสงบนิ่งไปแล้วแท้ๆ แต่กลับเหมือนมีประกายของดวงดาวเปล่งปลั่งขึ้นมา"ยังมี...ชีวิตต่อได้หรือ?" ในน้ำเสียงของหัวหน้าคนคุ้มกันมีความหวังขึ้นมาแล้วจั๋วซือหรานเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง "ได้ แต่มีสิ่งที่ต้องจ่าย""จ่ายด้วย...อะไรหรือ?"
เพราะขนมชามมีไฟวิเศษเปลวเพลิงอู๋ซื่ออยู่ในตัว รูปร่างเดิมจึงกึ่งโปร่งใสถนัดการพรางตัวมากที่สุดและสภาพก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวกะทันหันของจั๋วซือหราน ตอนที่ผู้เฒ่าเหอมีอาการสั่นไปทั้งตัวจากความผวาต่อตัวนาง แน่นอนว่าความสนใจทั้งหมดจึงพุ่งไปบนตัวนางจนไม่ทันได้สังเกตถึงการเคลื่อนไหวผิดปกติอื่น ดังนั้นจึงไม่รู้สึกตัวเลย ว่าแมลงกู่ที่ร่างกายกึ่งโปรงใสในปกติ และในตอนที่จำเป็นก็เพิ่มระดับความโปร่งใสได้อีก ตัวนี้ ไปเกาะอยู่บนไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไรตอนนีเ้อง พอเห็นว่าร่างของผู้เฒ่าเหอล้มลงกะทันหันขนมชามก็รีบกระพือปีกน้อยทั้งสองนั่นขึ้นมา แม้จะบินไม่ได้เร็วหรือสูงนัก แต่การจะบินขึ้นมาจากจุดเดิมไม่ใช่ปัญหาใหญ่ตุบตุบ...ตุบตุบ...มาอยู่เบื้องหน้าจั๋วซือหราน หยุดลงข้างๆ หูแล้วจึงส่งเสียงจี๊ดๆ ขึ้นมาแต่ที่ได้ยินในหูจั๋วซือหราน ขนมชามกำลังบอกว่า "นายท่าน เขาสลบไปแล้ว"จั๋วซือหรานจุ๊ปากขึ้นมา "ชิ อ่อนแอเสียจริง""ใช่เลย" ขนมชามเห็นด้วยกับคำพูดของนายท่าน หลังจากนั้นก็ร่อนลงมาบนไหล่จั๋วซือหราน เอ่ยว่า "ทั้งที่ข้าเป็นคนที่ทนรับได้ง่ายที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้วด้วยซ้ำ"จั๋วซือหรานคิดแล้วก็ขำ พูดอ
สีหน้าผู้เฒ่าเหอแข็งทื่อไป หลังจากตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าก็เขียวจนซีดไป นี่นางกำลังตอบโต้เขาว่าก่อนหน้านี้ผายลมออกมาไม่ดังพอสินะ!ผู้เฒ่าเหอโมโหไม่พอใจ สูดลมหายใจลึก แล้วจึงสงบลงมาได้เขาจ้องจั๋วซือหราน "ใต้เท้าจั๋ว ท่านมาโดยไม่ได้รับเชิญถึงสองรอบ วางยาพิษลูกชายข้า ทำร้ายผู้ใต้บัญชาข้า นี่รังแกกันมากเกินไปแล้ว ทำไมหรือ? ขุนนางราชสำนักสามารถรังแกคนได้แบบนี้หรือไรกัน? คิดว่าต้าชางไม่มีกฏหมายหรือไร?"จั๋วซือหรานหลังจากได้ยินคำนี้ พูดออกมาแค่ว่า "เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าก็คือ..." ผู้เฒ่าเหอกำลังคิดจะพูดแต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจั๋วซือหรานตัดบทไปแล้ว "เจ้าคิดว่ายกเอากฏหมายออกมาแล้วจะช่วยชีวิตเจ้าได้เรอะ?""นี่เจ้า...!" ผู้เฒ่าเหอถลึงตาโตในดวงตาถลึงโตของเขา สะท้อนใบหน้ารอยยิ้มชั่วร้ายของจั๋วซือหราน "ในเมื่อเจ้ากล้าคิดวิธีมาทำร้ายข้า ก็คงจะเคยหาข่าวเรื่องข้ามาแล้ว คงเข้าใจในตัวข้าอยู่บ้างสินะ""ในเมื่อเจ้าเข้าใจตัวข้า ก็น่าจะชัดเจนว่า จั๋วจิ่วอย่างข้าไม่มีนิสัยที่ทำตามกฏระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร" จั๋วซือหรานเหลือบตามองเขา"เจ้ายกกฏหมายขึ้นมามีประโยชน์อะไร? ต่อ
พอได้ยินเสียงนี้ที่ดังขึ้นกะทันหัน แล้วยังคุ้นหูขนาดนี้คุ้นหูจนทำให้ผู้เฒ่าเหอยังหลังเย็นวาบ จนถึงตอนนี้ ข้างหูเขาก็เหมือนยังได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกชายอยู่เลย...ดังนั้น พริบตาที่ได้ยินเสียงนี้ เสียงของผู้เฒ่าเหอที่เดิมทียังกระฟัดกระเฟียด ก็หยุดลงไปทันทีทั่วทั้งลานเปลี่ยนเป็นเงียบสงัด!และเสียงใสเย็นของหญิงสาวคนนั้น ก็ดังลอดเข้ามาอีกครั้ง "เจ้าเองก็ลองผายลมเสียงดังๆ ให้ฟังหน่อยสิ"ผู้เฒ่าเหอก็เหมือนจะเพิ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ได้หูฝาด แต่เป็นเสียงของหญิงสาวคนนั้นจริงๆสีหน้าเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาทันทีและตอนนี้เองหัวหน้าคนคุ้มกันตระกูลเหอที่นอนหายใจรวยรินกันบนพื้น แม้แต่จะเหลือบตามองก็ยังสุดกำลัง ก็เลิกหนังตาขึ้น แล้วมองไปทางเสียงที่ดังลอดเข้ามาเหลือบมองออกไปอย่างสุดกำลังที่มีในสายตา เงาสีแดงร่างหนึ่ง ก็รวกับเป็นเปลวไฟกลุ่มหนึ่ง เผาไหม้เข้ามาจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงนั้น จากนั้น จึงก้มลงมองเขาผาดหนึ่งและสบตาเข้ากับเขาที่เงยขึ้นมาพอดีจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว จุ๊ปากขึ้นมาทีหนึ่ง "ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว"หัวหน้าคนนี้เข้าใจความหมายในคำพูดของจั๋วซือหรานซึ่งก็จริง ก่อนหน้านี้นาง
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้