จั๋วซือหรานสังเกตสายตาของเขา และในขณะที่นางคิดเรื่องนี้พอดี นางเลยถาม " ท่านอ๋องรู้จักสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านหรือไม่ ข้าจำได้ว่านั่นเป็นวังพักร้อนของราชวงศ์ใช่ไหม"ในความทรงจำของชะตาของเจ้าของร่างเดิม มีหลายเรื่องไม่ชัดเจนอย่างมาก และโชคชะตาของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากการมาถึงของนาง ทุกเรื่องเสมือนทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกตอนนี้จั๋วซือหรานอาจรู้รายละเอียดสำคัญของบางเรื่องเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ บางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากนางไม่ได้เดินตามชะตากรรมอันน่าเศร้าดั้งเดิมของเจ้าของร่างเดิมสรุปคือในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิมไม่มีความทรงจำใด ๆ ที่เกี่ยวกับสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านดังนั้นจั๋วซือหรานจึงพึ่งพาได้เพียงแค่การคาดเดา แต่ตอนนี้เมื่อ เฟิงเหยียนอยู่ที่นี่ นางสามารถถามเขาได้พอดีเฟิงเหยียนเหลือบมองนางแล้วพูดว่า "สวนแห่งหนึ่งของราชวงศ์ ช่วงไม่กี่ปีผ่านมา องค์ชายห้าใช้สวนนี้เป็นหลัก"เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ จั๋วซือหรานรู้ทันที นางเลิกคิ้วขึ้น "เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำตอบของท่านอ๋อง "เฟิงเหยียนก้าวเท้าและว่าจะจากไปจั๋วเสียวจิ่ว ผู้ที่สามารถสร้างความวุ่นว
“คุณหนู คุณหนูคงไม่ได้...หรอกนะ” ฝูซูถามอย่างระมัดระวัง“อ่อ” จั๋วซือหรานตอบ “ควรไปก็ต้องไป”ฝูซูไม่เข้าใจ เขาจับหัว เขารู้สึกสับสนอย่างมาก เขาถาม"ทำไมขอรับ"“รู้ล่วงหน้าว่านี่คือกับดัก หากข้าไปก็หลีกเลี่ยงได้พอสมควร พวกเขาอยากทำร้ายข้าหรือ เช่นนั้น ข้าจะวางแผนรับมือตามแผนการของพวกเขา ไม่ทราบนะ ว่าใครจะทำร้ายใครก่อน”จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "ท้ายที่สุดแล้ว มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไม่มากนัก อีกอย่างข้าถูกเชิญไปงาน หลังจากข้าทำสิ่งเลวร้ายเสร็จแล้ว ข้าก็ยังบริสุทธิ์อยู่"หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ฝูซูกระพริบตา จากนั้นก็กระพริบตาอีกครั้ง จากนั้นส่ายหัวอย่างจริงใจแล้วพูดว่า "ข้าฟังไม่เข้าใจ"“หมายความว่า หนามยอกเอาหนามบ่ง เจ้าไปเข้าใจเองละกัน” จั๋วซือหรานยืดตัวฝูซูรีบถาม “คุณหนู คุณหนูจะไปไหนขอรับ”“ไปนอนต่อ”......ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ตระกูลเหยียนต้องแข่งขันกับจั๋วซือหราน เนื่องจากข่าวออกมาเร็วพอ ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้กันหมดเดิมทีถนนที่ศูนย์การแพทย์ตั้งอยู่จะอยู่ในย่านที่เงียบสงบกว่าของย่านธุรกิจ แต่ปัจจุบันกลับคึกคักมากไม่ต้องพูดถึงเหล่าตระกูลขุนนางเลย แม้แต่ชาวบ้านธรร
ทันทีที่จั๋วซือหรานเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียน เดิมทีนางคิดว่านางจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ตระกูลเหยียนมีคนจำนวนมากเพียงลำพังโดยไม่คาดคิด คนแรกที่นางเห็นเมื่อเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียนคือใบหน้าที่สวมหน้ากากเปลวไฟสีดำแปลก ๆและข้างกายของชายผู้นี้มีชายร่างสูงสวมหน้ากากของตราตันติ่ง"...ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่เจ้าคะ" จั๋วซือหรานไม่คาดคิดจริง ๆ ว่า ซือหลี่ตันติ่งและ ซือหลี่ฝายเทียนจะปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นหลังจากแสดงความประหลาดใจ นางก็รีบทักทาย "สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านซือหลี่ทั้งสอง"เสียงของซือหลี่ตันติ่งนั้นสงบและเที่ยงธรรมเช่นเคย“เนื่องจากการแข่งขันระหว่างเจ้าและตระกูลเหยียนได้รับการตัดสินโดยหน่วยสืบสวนพิเศษ เช่นนั้นคนของหน่วยสืบสวนพิเศษมาชม เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไรในทันที นางมองไปที่ซือหลี่ตันติ่งสักครู่โดยโค้งริมฝีปากและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดสมเหตุสมผล ข้าแค่... ข้ารู้สึกภาคภูมิใจ "อันที่จริงจั๋วซือหรานตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า การที่ท่านทั้งสองนี้มาที่นี่เป็นเรื่องที่ดีมิเช่นนั้น หากตระกูลเหยียนอยากทำอะไรชั่ว ๆ เพราะพวกเขามีคน
ซือหลี่ตันติ่งมีนิสัยไม่แยแส ส่วนซือหลี่ฝายเทียน เขาไม่ได้มองคนชราผู้นี้เลยจากนั้นมีเสียงผู้หญิงของคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของชายชรา“ คุณหนูจั๋วจิ่ว นี่คือผู้อาวุโสคนที่สี่ของตระกูลเหยียนของเรา ท่านเป็นผู้อาวุโสอยู่แล้ว เจ้าเสียมารยาทเช่นนี้ได้อย่างไร”จั๋วซือหรานมองไปที่ผู้หญิงที่พูด เหยียนหยี่หลิงไม่มีวันทำให้นางผิดหวังจริง ๆเพียงได้ยินคำพูดลักพาตัวทางศีลธรรมเช่นนี้ จั๋วซือหรานก็รู้เลยว่าใครกำลังพูดโดยไม่ได้มองด้วยซ้ำจั๋วซือหรานมองไปที่เหยียนหยี่หลิง นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า " คุณหนูเจ็ดเหยียน ข้าไม่ถูกใจกับตระกูลเหยียน เจ้าคงไม่ใช่เพิ่งรู้วันแรกหรอกนะ ข้าเสียมารยาทกับเขา ผิดตรงไหน หากเจ้าเป็นห่วงผู้อาวุโสของเจ้า เดี๋ยวในการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง เจ้าใช้ทักษะทางการแพทย์ของเจ้ามาชนะข้าให้เต็มที่เลย”“ฮ่า ๆ ...” เสียงหัวเราะสั้น ๆ ดังขึ้นแต่เนื่องจากมันเป็นเสียงที่สั้นเกินไป และความสนใจของทุกคนอยู่ที่จั๋วซือหราน จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าใครกำลังหัวเราะแต่จั๋วซือหรานเห็นซือหลี่ฝายเทียนที่สวมหน้ากากเปลวไฟสีดำกำลังบีบแขนเสื้อของเขาให้แน่นขึ้นสีหน้าของเหยียนหยี่หลิงค่อนข้
ทันใดนั้นดาบสีดำทองยาวก็หลุดออกมาจากมือของซือหลี่ฝายเทียนดาบยาวไม่ได้ถูกปลอกออก ฝักมีลวดลายที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนมาก และฝังด้วยอัญมณีสีเข้ม เห็นได้ชัดว่าทักษะการตีขึ้นรูปนั้นโดดเด่นอย่างมากใบมีดนั้นอยู่ระดับเสมอ และถูกยกไว้ใต้เข่าของจั๋วซือหราน เพื่อห้ามนางทำความเคารพต่อจั๋วซือหรานยกมือและทำความเคารพต่อซือหลี่ฝายเทียนและ ซือหลี่ตันติ่งแล้วพูดว่า "ท่านทั้งสอง ตระกูลเหยียนจงใจถ่วงเวลา เพราะพวกเขาไม่อยากแข่งขันกับข้า และพวกเขาไม่ยอมแพ้ด้วย หากวันนี้แข่งขันไม่ได้ ข้ามิทราบว่าคนภายนอกจะแต่งเรื่องใดใส่ร้ายข้าและหัวเราะข้า "เดิมทีจั๋วซือหรานอยากขอความช่วยเหลือจากพวกเขาสองคน ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ จั๋วซือหรานทราบดีว่าในฐานะหน่วยสืบสวนพิเศษ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ลำเอียงนาง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะต้องยุติธรรมแต่นางไม่คิดว่าเจ้าน้อยที่พูดติดอ่างตัวน้อยจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ขนาดนี้ทันทีที่ดาบทองดำในมือของเขาออกมา บุคลิกรอบตัวของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีทุกคนของตระกูลเหยียนเห็นซือหลี่ฝายเทียนเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากจั๋วซือหรานพูดเช่นนั้น เขาก็มองพวกเขาทันทีจากนั้นเขาก็จับด้ามดาบแล้วดึงใบดาบ
แต่เขาเพียงนั่งอยู่ที่นั่น จากร่างก็ดูออกเลยว่า เขามีบุคลิกที่ทรงพลังอย่างมาก“เช่นนั้นมาเริ่มกันเลย” เหยียนฉีกล่าวจั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่ เรามาตกลงกันว่า จะแข่งอย่างไร และจะแข่งอะไร"เหยียนฉีไม่พูดอะไรและเหลือบมองชายที่นั่งอยู่ที่นั่นเท่านั้นจั๋วซือหรานมองเห็นบางสิ่งบางอย่างจากการมองของเหยียนฉี เหยียนฉีหรือตระกูลเหยียนต่างไม่สามารถตัดสินใจได้จะแข่งอย่างไร จะแข่งอะไร ดูเหมือนว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับเฟิงเหยียนวินาทีต่อมามีเสียงทุ้มดังมาจากใต้ผ้าคลุมของหมวก“เดี๋ยวข้ามีบาดแผล ใครก็ตามที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้จะเป็นผู้ชนะ”เมื่อซือหลี่ตันติ่งได้ยินคำพูดนี้ เขาอดไม่ได้ที่ต้องมองเฟิงเหยียนจั๋วซือหรานยังคงสงสัยเล็กน้อยว่า อาการบาดเจ็บของเขามาจากไหน วินาทีต่อมา ผู้ดูแลก็เข้ามาและถอดม่านหนาที่หน้าต่างออกแสงด้านนอกส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ขับไล่ความมืดในห้องออกไปในที่สุดแต่วินาทีต่อมา ลูกตาของจั๋วซือหรานหดตัวลงนางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มือและกล้ามเนื้อท่อนแขนครึ่งหนึ่งของเขาที่ถูกเปิดออก และเริ่มแสดงอาการบาดเจ็บสาหัสรอยดำที่ไหม้เกรียมเช่นนั้น... ด
เหยียนฉีใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม(หนึ่งชั่วยาม=สองชั่วโมง)รักษาอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนโดยทั่วไปแล้ว อาการบาดเจ็บจากไฟไหม้ที่เห็นบนผิวหนังที่ถูกเปิดเผยของเขาได้รับการรักษาและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไปเหยียนฉีถอนหายใจยาว ๆมีบางคนมาดูที่นอกประตูแล้ว เพราะแม้ว่าตระกูลเหยียนจะมีอำนาจห้ามชาวบ้านธรรมดาได้ แต่พวกเขาไม่สามารถห้ามตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้เสียงกระซิบดังมาจากประตู“ดูสิ ถึงอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงต้องเก่งกว่าผู้ไร้ชื่อเสียงสิ”“ ใช่แล้ว ถึงอย่างไร ตระกูลเหยียนก็คือตระกูลเหยียน พวกเขาฝึกฝนแพทย์และเภสัชวิทยามาหลายปีแล้ว พวกเขาต้องมีความสามารถประจำตัวของพวกเขาอยู่”“ ทีนี้ จั๋วจิ่วต้องเสียหน้าแน่ ๆ ...”ไม่ใช่จั๋วซือหรานไม่ได้ยินเสียงที่มาจากประตูห้องให้คำปรึกษา นางแค่ขี้เกียจสนใจคำพูดเหล่านั้นสีหน้าประหลาดใจของนางเมื่อนางเห็นอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในก่อนอาจทำให้ทุกคนคิดว่านางกลัวแต่จั๋วซือหรานขี้เกียจไปอธิบายอะไรอีก ทักษะทางการแพทย์ไม่ต้องอธิบายมากมาย พิสูจน์ตัวเองด้วยทักษะทางการแพทย์ คนอื่นจะเลิกนินทาเองหลังจากเหยียนฉีรักษาอาการบาดเจ็บที่ป
คอเรียว หน้าอกและหน้าท้องที่แข็งแรง กล้ามเนื้ออันสวยงาม ไหล่กว้าง และหลังตรงเพียงแต่ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อสวยงามถูกปกคลุมไปด้วยรอยไหม้สีดำ ซึ่งเพียงมองแวบเดียวก็ตกตะลึงการรักษาในก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่ามีเพียงแขนที่เปิดออกและคอของเขาเท่านั้นที่หายดีแล้วอาการบาดเจ็บที่อื่นยังคงน่าตกใจเมื่อเห็นอาการที่อื่น ท่าทีอันเย่อหยิ่งในก่อนหน้านี้ของตระกูลเหยียนก็กลายเป็นเรื่องตลกเหยียนฉียังไม่ทันเช็ดเหงื่อใบหน้าให้เสร็จเลย เขาต้องตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาเห็นอาการบาดเจ็บบนตัวของเฟิงเหยียนใบหน้าของเขาซีดลงทันทีจั๋วซือหรานมองสีหน้าเหยียนฉี นางเข้าใจทันดี เหยียนฉีอาจจะไม่ได้ใช้วิธีบังสายตาของคนอื่น แต่... บางทีเขาอาจคาดไม่ถึงว่า อาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนจะร้ายแรงขนาดนี้.นี่ทำให้จั๋วซือหรานคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ เป็นไปได้ไหมที่อาการของเฟิงเหยียนแย่ลงจริง ๆ อย่างน้อยมันก็แย่กว่าที่เหยียนฉีรับรู้มาก่อนอย่างมาก ดังนั้นก่อนหน้านี้ เหยียนฉีจึงวินิจฉัยผิดแต่ในขณะนี้ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดอะไรมากนางลดสายตาลงและมองดูอาการบาดเจ็บอันน่าสยดสยองบนร่างกายของเฟิงเหยียน บาดแผลแต่ละจุดดูเหมือนหลุม
แต่ว่าเนื้อหาในคำพูด กลับมีเหตุผล และชัดเจนมากเหล่าขุนพลไม่มีใครฟังไม่เข้าใจเข้าใจความคิดที่ฉีฮ่าวต้องการแสดงออกมาในทันที ถ้าหากพวกเขาเหล่านี้เป็นทหาร หากสูญเสียจิตใจปวงประชาไป เช่นนั้นก็จบสิ้นกันแล้ว...เช่นนั้นพวกเขาจะต่างอะไรกับโจรขโมย?จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างๆ ฟังฉีฮ่าวพูดประโยคเหล่านี้นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ฉีฮ่าวแม้จะเป็นชายชาติทหารร่างใหญ่กักขฬะ แต่ในจุดนี้กลับเข้าใจเป็นอย่างดีนางไม่ได้คิดจะมอบให้เปล่าๆ นางไม่ใช่พวกทำการกุศลอะไรแคว้นชางอะไร กองทหารอะไร นั่นโน่นนี่ถ้าเจ้าของร่างเดิมก็อาจจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอยู่กระมัง?แต่จั๋วซือหรานอย่างนางนั้นไม่มีนางไม่ใช่ว่าคิดจะไม่มอบให้ เพียงแต่ว่านางคิดจะทำขึ้นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะหขายให้กับกองทหารมีทักษะเช่นนี้ แน่นอนว่าอยู่ในมือตนเองจะมั่นคงกว่านางมาจากต่างโลก ต่างโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าโลกใบนี้พูดได้ว่ายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ใหญ่แล้วยักษ์ใหญ่ก็ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่นขโมยไป...คนคนนั้นเดินเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าจั๋วซือหราน"ข้าขอโทษ แม่นางจิ่ว ข้ายอมรับโทษแล้ว!" ขุนพลเอ่ยขึ้น เขาหยิบหน้าไม้กลสอง
และเพราะนางยิ้มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังยิ้มอย่างอัธยาศัยดีด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางตอบรับแล้วอย่างน้อยปฏิกิริยาแรกของฉีฮ่าวก็คือนางตอนรับแล้ว ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ขอบคุณ..."พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว ฉีฮ่าวจึงเพิ่งตั้งตัวได้ ว่านางบอกว่าไม่ได้นี่นาชั่วขณะหนึ่งก็งงงันไป"ไม่ ไม่...ไม่ได้หรือ?" ฉีฮ่าวถามงึมงำขึ้นมาจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ไม่ได้"ข้างๆ มีขุนพล ที่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวกับอาวุธนี้จริงๆบวกกับอาการร้อนรน จึงเอ่ยขึ้นทันที "ทำไมจึงไม่ได้หรือ? ถ้าหากอาวุธเช่นนี้สามารถมอบให้กับกองทหารได้ จะยกระดับความสามารถการทำสงครามขึ้นมหาศาลเลย...""แต่นั้นเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ" จั๋วซือหรานมองไปทางเขาขุนพลคนนี้ถูกคำพูดของนางทำให้ชะงัก ชั่วขณะหนึ่งพูดอะไรไม่ออกแต่ก็มองออกไม่ยาก สีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านเป็นประชาชนของต้าชาง ของเช่นนี้ หากมอบให้กับกงอทหาร จะนำคุณประโยชน์มาได้มากมาย"จั๋วซือหรานมองเขาเย็นชา "ตอนที่ข้าถูกคนเป็นหมื่นตำหนิ ก็ไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะมาปกป้องข้าในฐานะคนของต้าชางเลย"ฉีฮ่าวพอได้ยินน้ำเสียงของจั๋วซือหราน ในใจก็สั่นกึก ฉั
"จั๋วจิ่ว! เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบอย่างไรกัน?! แดนใต้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่""สำนักพวกเราเองก็จะไม่ปล่อยเจ้าด้วย!""สภาผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้า!""จั๋วจิ่วเจ้าจะไม่ตายดี! เจ้าจะไม่ได้ตายดี!"จั๋วซือหรานได้ยินเสียงก่นด่าของพวกเขา สีหน้ายังคงเรียบเฉยแต่รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ นาง พอได้ยินคำนี้ กระทั่งคิ้วก็ยังขมวดขึ้นมาเขากำลังจะเตือนจั๋วซือหรานว่าไม่ต้องโกรธ อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูด ก็ได้ยินหญิงสาวข้างกาย เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ "โอ้ ถ้าอย่างนั้นตอนเจ้าไปเข้าฝันพวกเขาก็อย่าจำผิดล่ะ ข้าชื่อจั๋วซือหราน"เพียงไม่นาน คนเหล่านี้ก็ตอบอะไรนางไม่ได้อีกรองแม่ทัพดูจนใจขึ้นมา "ท่านไม่ได้โกรธเลยสินะ...""จะไปโกรธอะไรกับคนใกล้ตายกัน" จั๋วซือหรานกลอกตามองรองแม่ทัพ "มาหาข้ามีอะไรหรือ?"รองแม่ทัพพยักหน้า "ท่านแม่ทัพเชิญท่านเข้าไปน่ะ"จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่ง เงยหน้าเหลือบมองคานหัวมนุษย์ผาดหนึ่ง แล้วจึงหมุนตัวขึ้นม้ากลับไปในค่ายในกระโจมค่าย ฉีฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ฉีฮ่าว แต่ยังมีกลุ่มขุนพลของเขาด้วยอยู่กันครบองค์ประชุม"คึกครื้นขนาดนี้เชี
จักรพรรดิเฒ่ามองไปทางซือคงเซี่ยน ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "น้องเจ็ด เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ซือคงเซี่ยนมองออกว่า เสด็จพ่อประทับใจคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานเข้าแล้วยิ่งไปกว่านั้นในคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน ซือคงเซี่ยนเองก็สังเกตออก ว่านางมีท่าทีไม่ยอมรับต่อการการมอบงานอภิเษกของเสด็จพ่อดังนั้นซือคงเซี่ยนจึงเอ่ยว่า "ลูก...ไม่มีความเห็น แล้วแต่เสด็จพ่อจะจัดวางเลย"จักรพรรดิเฒ่าได้ยินคำนี้ของซือคงเซี่ยน ในใจก็อดถอนใจไม่ได้อันที่จริงถ้าหากน้องเจ็ดกัดฟันพูดว่าต้องการงานอภิเษกนี้ล่ะก็จักรพรรดิเฒ่าคิดว่า ตนเองจะยอมรับอยู่แต่ว่าลูกชายของตนเองนั้น...ถ้าหากบอกว่าน้องห้าทะเยอทะยานเกินไป เช่นนั้นน้องเจ็ดก็...ไม่มีความทะเยอะทะยานเอาเสียเลยน่าจะเพราะพระสนมเอกคิดได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แรกนางรู้ว่าฐานะของตัวเองและอำนาจทางตระกูลฝ่ายแม่ จะสร้างความระแวงต่อนางและอ๋องเซี่ยนรวมถึงตระกูลฝ่ายแม่ของนางกับองค์จักรพรรดิภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องวางลงมาก็คือความทะเยอทะยานที่ไม่เหมาะสมสรุปคือ จักรพรรดิเฒ่าไม่เห็นความเร่งร้อนกับความปรารถนาใดจากในตาของซือคงเซี่ยน เห็นแค่ความผิดหวังรางๆ เท่านั้
นางอดมองไปบนกำแพงสูงไม่ได้คนของ...ตระกูลเฟิงหรือ? หรือว่า...ในลานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที แต่เพราะจักรพรรดิเฒ่าไม่เป็นอะไร ในลานจึงสงบลงมาอย่างรวดเร็วแต่หัวข้อสนทนาเรื่องจะจัดอภิเษกเมื่อครู่ ก็ถูกปัดตกไปแล้วตอนนี้ถ้าถูกยกขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นทางการแบบเมื่อครู่แล้วจั๋วซือหรานมองไปทางจักรพรรดิเฒ่า นางครุ่นคิด หลังจากคิดคำพูดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่า ตัวตนฐานะข้าตอนนี้เหมาะสมไหม ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร? ในเมืองหลวง...ยังวุ่นวายกันอยู่เลย"จักรพรรดิเฒ่าฉลาดเสียขนาดไหน พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็เข้าใจความหมายที่นางคิดจะแสดงออกมาทันทีพริบตานี้ จักรพรรดิเฒ่าเองรู้สึกแค่ว่า...อยากจะถอนใจเสียเหลือเกิน หญิงสาวคนนี้ฉลาดจริงๆไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังไม่บอกว่าลูกเจ็ดคู่ควรกับนางหรือไม่ถ้าหากจะนำหญิงสาวแบบนี้ไปพันธนาการไว้ในกรงทองวังหลังล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำลายของมีค่าไปหญิงสาวเช่นนี้ สมควรจะบินทะยานจักรพรรดิเฒ่าฟังความหมายคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานออกแน่นอนตัวตนตอนนี้ของนางเหมาะมากเพราะตัวตนของนางตอนนี้ ไม่ชัดเจนอย่างที่สุดจะบอก
อสังหาริมทรัพย์แบบนี้ มีเยอะไว้ก็ดีถึงจะบอกว่า...ได้รับไปก็อาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่อุทยานหลิ่วพ่านก็สวยงามมากจริงๆเป็นที่พักผ่อนที่ไม่เลวเลยจักรพรรดิเฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเขาจึงเตรียมพูดเรื่องหลังจากนี้จั๋วซือหรานไม่รอให้เขาพูดอะไร เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า "ฝ่าบาทถ้าหากรังเกียจ สวนชิวอีกับจวนชินอ๋องอวี้จะยกให้ข้าด้วยกันก็ได้นะ ข้าไม่รังเกียจจริงๆ จริงๆ นะ..."จักรพรรดิเฒ่าพอได้ยินคำนี้ ก็งงงันขึ้นทันทีเขางงงันไปครู่หนึ่ง ในสายตาก็เกิดประกายลึกซึ้ง "เจ้าอยากได้จริงหรือ?""ใช่" จั๋วซือหรานตาโค้ง รอยยิ้มในดวงตาเองก็ดูสบายๆ ไร้กังวล ราวกับว่า...ดวงตาพญาหงส์ดำขลับคู่นี้ สามารถมองทะลุได้ทุกสิ่งองค์จักรพรรดิเฒ่ารู้สึกว่า นางคงมองทะลุความคิดตนเองแล้วแน่นอน ดังนั้นจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจั๋วซือหรานพูดต่อ "ฝ่าบาทเองก็รู้ ข้าอยู่ในเมืองหลวงไม่มีตระกูล ไม่มีสำนัก ไม่มีที่พึ่งพา ดังนั้นของนอกกายเหล่านี้ แน่นอนว่ายิ่งมีมากก็ยิ่งดี คนอื่นจะได้ไม่ดูถูกข้า""ช่างเถอะ แล้วแต่เจ้าละกัน แต่ว่า..." องค์จักรพรรดิเฒ่าคิดจะพูดแต่หยุดไว้จั๋วซือหรานยิ้ม "อา ฝ่าบาทโปรดวางใจ ที่ดินของข้า ข้าจะ
เขาขี่ม้าเข้ามาตรงหน้าจั๋วซือหรานร่างสูงใหญ่ ผิวดำขลับ ดวงตาเปล่งประกายอย่างน่าตกใจ สายตาจับจ้องไปที่จั๋วซือหรานเสียงหัวเราะเริงร่าดังขึ้น "แม่นางจิ่ว! ท่านมาจริงๆ! ไม่เคยทำให้ข้าน้อยผิดหวังเลย!"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองเขา "ในเมื่อข้ารับปากท่านแม่ทัพไว้แล้ว ก็จะไม่คืนคำหรอก""ฝ่าบาทรอท่านอยู่ในค่าย" ฉีฮ่าวเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานพยักหน้า จูงม้ามาตัวหนึ่งแล้วกระโจนขึ้นไป หนีบเบาๆ ไปที่ท้องม้าตอนที่ขี่ม้า ความเร็วก็ไม่ได้มากอะไรนักบนความรู้สึกกระทั่งดูเหมือนจะเกียจคร้านหน่อยๆ ด้วย ตรงเข้าไปในค่ายทหารตลอดทาง จุดที่นางเดินผ่าน เปล่าทหารล้วนหลีกทางให้กับนางเหล่าทหารล้วนกู่ก้องบารมีของแม่นางจิ่ว!ส่วนนางก็ยกมุมปาก สายตาดูจะไม่ค่อยจดจ่อนัก สบายๆ เหมือนขี่ม้าอยู่ในสวนหลังบ้านตนเองมองไม่เหมือนคนที่เพิ่งผ่านสงครามโหดร้ายก่อนหน้านี้มาเลย?จั๋วซือหรานเข้ามาแบบสบายๆ จนมาถึงในค่ายทหาร มาถึงหน้ากระโจมแม่ทัพนางกระโจนลงจากหลังม้า ด้วยท่าทางแคล่วคล่องที่ประตูกระโจม จักรพรรดิเฒ่าในชุดเหลืองยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเปล่งประกายเล็กน้อยก่อนหน้านี้เขากับฉีฮ่าวยังมีขุนพลกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วยกันในกร
ถ้าหากพูดว่า ไม่ได้เห็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้กับตา พวกเขาบางทีอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมจั๋วซือหรานจึงเลือกพวกเขาแต่เมื่อครู่พวกเขาเห็นจั๋วซือหรานนำนางพญากู่ตัวหนึ่ง ยัดเข้าไปในปากของปรมาจารย์กู่ที่จะระเบิดตัวเองคนนั้น!พวกเขาล้วนเป็นปรมาจารย์กู่ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจั๋วซือหรานคิดจะทำอะไร?'นางต้องการกู่ของพวกเรา!'ในใจพวกเขาล้วนมีความคิดเช่นนี้ออกมา"เก็บพวกเขาไว้หรือ?" รองแม่ทัพถามขึ้นแต่อันที่จริงเขาก็มองไม่ออกว่าคนเหล่านี้กับคนอื่นแตกต่างกันตรงไหนเพียงแต่ว่า สำหรับการตัดสินใจของจั๋วซือหราน เข้าไม่เคยต้องคิดมากมายแต่ไหนแต่ไร ทำตามไปก็จบจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ข้าจะเก็บพวกเข้าไว้ใช้""ได้เลย" รองแม่ทัพตอบเดิมทีเขายังคิดจะถามต่อ ว่าแม่นางจิ่วมีการจัดการอย่างไรกับคนอื่นๆ บ้างแต่ไม่ต้องให้นางถาม เขาก็เห็นแม่นางจิ่วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ "คนอื่นๆ สังหารทิ้งให้หมดแล้วจับแขวนขึ้นไป"เรื่องแขวนหัวมนุษยื สำหรับคนแดนใต้แล้ว มีความน่าเกรงขามที่ต่างออกไปหน่อยปรมาจารย์กู่ที่ถูกจั๋วซือหรานเลือกมาเหล่านั้น บนสีหน้าพวกเขา เดิมทียังหน้าซีดอยู่บ้าง รู้สึกว่าถ้าตกไปอยู่ในมือนาง จะต
จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้แล้วไม่ยอมรับหรือปฏิเสธซือคงเซี่ยนที่อยู่ข้างๆ มองสีหน้าของจั๋วซือหราน ก็รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ จึงถามไปว่า "ซือหราน มีอะไรไม่ถูกต้องไหม?"จั๋วซือหรานพอคิดไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ข้าแค่ไม่เข้าใจ""ไม่เข้าใจอะไรหรือ?" ซือคงเซี่ยนมองนาง จากนั้นจึงยื่นมือไปรัดผ้าคลุมให้แน่นขึ้นจั๋วซือหรานตอบ "ยังไม่พูดเรื่องอื่น แค่ควันพิษเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกว่า...พอมีฝีมืออยู่บ้าง แล้วคนมีฝีมือแบบนี้ ทำไมถึงถูกข้าวางแผ่นใส่ง่ายๆ จนหมอบกระแตไป...?"พอจั๋วซือหรานพูดเช่นนี้ รองแม่ทัพกับซือคงเซี่ยนก็ไม่ส่งเสียงกันแล้วพวกเขาก็เหมือนจะคิดออกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง รู้สึกแค่ว่าไม่ค่อยดีนัก"ความหมายของแม่นางจิ่วคือ...พวกเขายังออมมือไว้หรือ?"จั๋วซือหรานพอได้ยินก็ยักไหล่ "ไม่แน่ใจ พูดยาก แน่นอนว่าอาจจะเป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาจากคนที่เก่งกาจกว่าให้มาเพื่อรักษาชีวิต..."พูดถึงจุดนี้ เสียงครวญครางที่อยู่ข้างๆ ก็ตัดบทสนทนาของจั๋วซือหราน ดึงดูดความสนใจของนางขึ้นมาจั๋วซือหรานหยุดคำพูดของตัวเองลง หันมองไปทันทีแล้วจึงไปสบตากับปรมาจารย์กู่ที่มองออกมาก่อนหน้านี้คนนั้นปรมาจารย์