แต่เขาเพียงนั่งอยู่ที่นั่น จากร่างก็ดูออกเลยว่า เขามีบุคลิกที่ทรงพลังอย่างมาก“เช่นนั้นมาเริ่มกันเลย” เหยียนฉีกล่าวจั๋วซือหรานส่ายหัว "ไม่ เรามาตกลงกันว่า จะแข่งอย่างไร และจะแข่งอะไร"เหยียนฉีไม่พูดอะไรและเหลือบมองชายที่นั่งอยู่ที่นั่นเท่านั้นจั๋วซือหรานมองเห็นบางสิ่งบางอย่างจากการมองของเหยียนฉี เหยียนฉีหรือตระกูลเหยียนต่างไม่สามารถตัดสินใจได้จะแข่งอย่างไร จะแข่งอะไร ดูเหมือนว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่ขึ้นอยู่กับเฟิงเหยียนวินาทีต่อมามีเสียงทุ้มดังมาจากใต้ผ้าคลุมของหมวก“เดี๋ยวข้ามีบาดแผล ใครก็ตามที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้าได้จะเป็นผู้ชนะ”เมื่อซือหลี่ตันติ่งได้ยินคำพูดนี้ เขาอดไม่ได้ที่ต้องมองเฟิงเหยียนจั๋วซือหรานยังคงสงสัยเล็กน้อยว่า อาการบาดเจ็บของเขามาจากไหน วินาทีต่อมา ผู้ดูแลก็เข้ามาและถอดม่านหนาที่หน้าต่างออกแสงด้านนอกส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ขับไล่ความมืดในห้องออกไปในที่สุดแต่วินาทีต่อมา ลูกตาของจั๋วซือหรานหดตัวลงนางมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มือและกล้ามเนื้อท่อนแขนครึ่งหนึ่งของเขาที่ถูกเปิดออก และเริ่มแสดงอาการบาดเจ็บสาหัสรอยดำที่ไหม้เกรียมเช่นนั้น... ด
เหยียนฉีใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม(หนึ่งชั่วยาม=สองชั่วโมง)รักษาอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนโดยทั่วไปแล้ว อาการบาดเจ็บจากไฟไหม้ที่เห็นบนผิวหนังที่ถูกเปิดเผยของเขาได้รับการรักษาและไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกต่อไปเหยียนฉีถอนหายใจยาว ๆมีบางคนมาดูที่นอกประตูแล้ว เพราะแม้ว่าตระกูลเหยียนจะมีอำนาจห้ามชาวบ้านธรรมดาได้ แต่พวกเขาไม่สามารถห้ามตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้เสียงกระซิบดังมาจากประตู“ดูสิ ถึงอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงต้องเก่งกว่าผู้ไร้ชื่อเสียงสิ”“ ใช่แล้ว ถึงอย่างไร ตระกูลเหยียนก็คือตระกูลเหยียน พวกเขาฝึกฝนแพทย์และเภสัชวิทยามาหลายปีแล้ว พวกเขาต้องมีความสามารถประจำตัวของพวกเขาอยู่”“ ทีนี้ จั๋วจิ่วต้องเสียหน้าแน่ ๆ ...”ไม่ใช่จั๋วซือหรานไม่ได้ยินเสียงที่มาจากประตูห้องให้คำปรึกษา นางแค่ขี้เกียจสนใจคำพูดเหล่านั้นสีหน้าประหลาดใจของนางเมื่อนางเห็นอาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนในก่อนอาจทำให้ทุกคนคิดว่านางกลัวแต่จั๋วซือหรานขี้เกียจไปอธิบายอะไรอีก ทักษะทางการแพทย์ไม่ต้องอธิบายมากมาย พิสูจน์ตัวเองด้วยทักษะทางการแพทย์ คนอื่นจะเลิกนินทาเองหลังจากเหยียนฉีรักษาอาการบาดเจ็บที่ป
คอเรียว หน้าอกและหน้าท้องที่แข็งแรง กล้ามเนื้ออันสวยงาม ไหล่กว้าง และหลังตรงเพียงแต่ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อสวยงามถูกปกคลุมไปด้วยรอยไหม้สีดำ ซึ่งเพียงมองแวบเดียวก็ตกตะลึงการรักษาในก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่ามีเพียงแขนที่เปิดออกและคอของเขาเท่านั้นที่หายดีแล้วอาการบาดเจ็บที่อื่นยังคงน่าตกใจเมื่อเห็นอาการที่อื่น ท่าทีอันเย่อหยิ่งในก่อนหน้านี้ของตระกูลเหยียนก็กลายเป็นเรื่องตลกเหยียนฉียังไม่ทันเช็ดเหงื่อใบหน้าให้เสร็จเลย เขาต้องตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงเมื่อเขาเห็นอาการบาดเจ็บบนตัวของเฟิงเหยียนใบหน้าของเขาซีดลงทันทีจั๋วซือหรานมองสีหน้าเหยียนฉี นางเข้าใจทันดี เหยียนฉีอาจจะไม่ได้ใช้วิธีบังสายตาของคนอื่น แต่... บางทีเขาอาจคาดไม่ถึงว่า อาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนจะร้ายแรงขนาดนี้.นี่ทำให้จั๋วซือหรานคาดเดาได้อย่างคลุมเครือ เป็นไปได้ไหมที่อาการของเฟิงเหยียนแย่ลงจริง ๆ อย่างน้อยมันก็แย่กว่าที่เหยียนฉีรับรู้มาก่อนอย่างมาก ดังนั้นก่อนหน้านี้ เหยียนฉีจึงวินิจฉัยผิดแต่ในขณะนี้ จั๋วซือหรานไม่ได้คิดอะไรมากนางลดสายตาลงและมองดูอาการบาดเจ็บอันน่าสยดสยองบนร่างกายของเฟิงเหยียน บาดแผลแต่ละจุดดูเหมือนหลุม
จั๋วซือหรานทราบดี เขาต้องมีวิธีของตัวเองในการควบคุมระดับของการบาดเจ็บของตนเอง หรือวิธีการยับยั้งการบาดเจ็บจากพลังวิเศษของตนเองในระดับหนึ่งสุราในน้ำเต้าในวันนั้น บ่อเย็นในคืนนั้น และคาถาแปลก ๆ และซับซ้อนบนร่างกายของเขาเมื่ออยู่ในบ่อเย็นของทั้งหมดนั้นต้องมีประโยชน์แต่วันนี้เขาอาจจะไม่ได้ทำการรักษาใด ๆ และปรากฏตัวเช่นนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาจึงดูน่ากลัวและน่าสยองจั๋วซือหรานบิดแหวนเสวียนเหยียน ความจริงนางได้สังเกตแล้วว่าผู้คนในโลกนี้ดูเหมือนไม่สามารถมองเห็นแหวนเสวียนเหยียนของนางได้ดังนั้นเมื่อนางบิดแหวนเสวียนเหยียน แม้ว่าการเคลื่อนไหวของนางจะไม่มาก แต่นางก็ไม่ได้ปิดบังแหวนเสวียนเหยียนเป็นเครื่องร่างวิเศษที่นางนำมาจากชาติก่อน และเป็นรากฐานสำหรับนางในการปักหลักและใช้ชีวิตของนาง แหวนวงนี้ไม่ได้เป็นเพียงภาชนะที่เก็บของเท่านั้น แต่ยังสามารถกักเก็บพลังได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงพลังของการแพทย์สายวิเศษและศิลปะการต่อสู้โบราณความสามารถในการบรรจุพลังนั้นขึ้นอยู่กับกับความแข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมของนางเองยิ่งนางแข็งแกร่งเท่าไร นางยิ่งเก็บพลังได้มากขึ้นเท่านั้นเ
เพราะความเจ็บปวดที่เจ้านายต้องทนเมื่อเขาอาศัยพลังเย็นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ตัวเองทำนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ในการแสดงออกของเจ้านาย แต่ก็ไม่ยากที่จะเห็นจากกล้ามเนื้อและแขนขาที่ตึงเครียดของเขาแต่ในขณะนี้... ฉูนจวีนไม่แน่ใจมันเป็นภาพลวงตาของเขาหรือจะรู้สึกตึงเครียดเลยไม่เพียงแต่ไม่ได้ตึงเครียด แต่ยังผ่อนคลายอย่างมาก ขาเรียวทั้งสองข้างเหยียดไปข้างหน้ามากและรู้สึกขายาวทั้งสองข้างเหยียดไปข้างหน้าอย่างสบายตัวจั๋วซือหรานยืนอยู่ตรงหน้าเขาและรักษาอาการบาดเจ็บของเขา นางไม่ได้สังเกตพวกนี้มากนัก แต่ในสายตาของคนอื่น เวลานี้นางเหมือนกำลังยืนอยู่ในช่องว่างระหว่างขายาวทั้งสองข้างของเขา ตราบใดที่เขายื่นมืออก เขาสามารถอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนของเขาได้ในสายตาของผู้อื่น พวกเขารู้สึกตราบใดที่นางยืนไม่นิ่งเล็กน้อย นางจะนั่งอยู่บนตักของเขาแล้วอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขาเบาลงและจางลงเรื่อย ๆเหยียนฉีมยืนองดูจากด้านข้าง เขารู้สึกโล่งใจ แต่ก็ท้อแท้เล็กน้อยเช่นกันในความเป็นจริง เหยียนฉีรู้ดีว่าเขาพ่ายแพ้ตั้งแต่ตอนที่จั๋วซือหรานเริ่มรักษาเฟิงเหยียน นางเริ่มการรักษาโดยไม่ต้องใช้ยาใด ๆ เลยเหยียนฉีมั่นใจว
เฟิงเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองจั๋วซือหราน เขาเห็นสีหน้าของนางไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสายตาของคนนอก ท่าทางของนางทำให้ควพวกนั้นรู้สึกว่า แม่นางจั๋วจิ่วรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ ไม่เพียงแต่เร็วกว่าคุณชายสามเหยียน แต่นางยังรักษาให้หายด้วยวิธีที่ง่ายดาย และนางไม่หนื่อยด้วยซึ่งเห็นได้ชัดว่าความสามารถของนางเก่งกว่าตระกูลเหยียน อย่างมากหากเฟิงเหยียนไม่ได้เป็นหนึ่งในฝ่ายที่เกี่ยวข้องและอยู่ใกล้นางมาก เขาอาจเห็นด้วยว่า นางรักษาอาการของเขาอย่างง่ายดายแต่ตอนนี้ เฟิงเหยียนสังเกตเหงื่อบนฝ่ามือของนางอย่างชัดเจน และเขารู้โดยธรรมชาติว่านางกำลังพยายามอดทนอยู่จั๋วซือหรานสังเกตถึงสายตาของเขา แต่นางมองเขาอย่างสงบมาก จากนั้นนางหันตัวกลับอย่างผ่อนคลายนางพูดเบา ๆ กับเหยียนฉี “ขอบคุณที่ออมมือ”แม้ว่าเหยียนฉีดูเขินอายเล็กน้อย แต่เขาจะไม่ปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็ยกมือขึ้นและทำท่าเคารพเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เหยียนฉีมีทักษณะที่ไม่ดีเท่าแม่นาง ข้าเต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้”จั๋วซือหรานไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเหยียนฉี ดังนั้นทั้งท่าทีหรือคำพูดของนางจึงไม่ได้มุ่งเป้
คำเยาะเย้ยของผู้คนจะไม่มีวันที่ผ่านไปได้ และไม่มีวันที่หยุดนินทายิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเหยียนเก่งเรื่องการแพทย์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว พวกคนที่มาชมการแข่งขันอาจมองไม่ออก แถมอาจรู้สึกว่าหลังจากที่จั๋วซือหรานรักษาอาการบาดเจ็บแก่เฟิงเหยียน นางยังผ่อนคลายมากแต่ผู้อาวุโสสี่เหยียนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของตระกูลเหยียนรู้ดีที่สุด เขารู้อาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนร้ายแรเพียงใด และรู้การรักษานี้ยากลำบากเพียงใดนางรักษาเฟิงเหยียนเหนื่อยแน่ ๆ สภาพของนางต้องไม่ดีเท่าที่เขาเห็นเป็นเพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ระงับไว้ต่อหน้าทุกคนผู้ที่มีนิสัยเช่นนี้และผู้ที่มีความอดทนสูงและโหดเหี้ยมกับตัวเองได้จะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคตผู้อาวุโสสี่เหยียนแอบด่าเหยียนชาง ทำไมเขาต้องไปหาเรื่องกับบุคคลเช่นนี้แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ผู้อาวุโสสี่เหยียนไม่มีทางเลือกผู้อาวุโสสี่เหยียนยิ้มอย่างเขินอาย เขาพูด "จะมาว่าเรเป็นผู้กำหนดวิธีการแข่งได้อย่างไร แม่นางจั๋วจิ่ว เจ้าเป็นผู้ที่เสนอการแข่งขันครั้งนี้เอง ตั้งแต่แรกเริ่มเจ้าก็ไม่กำหนดว่าแข่งตาเดียวและตัดสินผู้ชนะหรือผู้แพ้ โดยทั่วไปแล้ว จะกำหนดแข่งห้าตา ใครชนะสา
ผู้อาวุโสสี่เหยียนเห็นสายตาของนาง แล้วมองริมฝีปากโค้งอันน่ากลัวของนางเขาแอบคิดในใจว่า มีบางอย่างผิดปกติ แย่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นคนบ้า ข้าจะลืมข้อนี้ได้อย่างไรนางมีการกระทำแปลกประหลาดผู้อาวุโสสี่เหยียนพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้ เขาพูดอย่างแห้งผาก "ข้าแค่... อยากให้เจ้ามีทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด"“ข้า จั๋วซือหรานชอบทำอะไรแปลกประหลาดอยู่แล้ว” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ในเมื่อผู้อาวุโสสี่เหยียนอยากแข่งกับข้าหลายรอบเช่นนั้นหรือ”นางจ้องดวงตาของผู้อาวุโสสี่เหยียนและค่อย ๆ พยักหน้า"ก็ได้"ผู้อาวุโสสี่เหยียนหดดวงตาเล็กลง เขารีบพูด "ตกลง ถ้าอย่างนั้น ชนะสองในสามตากันดีกว่า มาเริ่มกันเลย..."“อย่าเพิ่งก่อนสิ ผู้อาวุโสสี่เหยียน” จั๋วซือหรานกล่าวต่อ “แต่เนื่องจากเจ้าอยากรังแกข้าคนเดียวด้วยหลาย ๆ คน แน่นอนว่าเราไม่ควรเดิมพันน้อยแค่นี้ เราเล่นให้ใหญ่กว่านี้สิ”ผู้อาวุโสสี่เหยียนขมวดคิ้ว เดิมที่เขารู้สึกว่า การเสนอแข่งขันต่อเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่เสนอเรื่องนี้ แน่นอนว่าเขาต้องอดทนรับมือไว้ เขาเลยถาม"เจ้าหมายถึงอะไร"จั๋วซือหรานจ้องมองเข้าไปในดวงต
ถามขึ้นว่า “ตาข้าแล้วหรือยัง?”สายตาของซางถิงจ้องนางเขม็ง เขากุมมือในแส้แน่น สะบัดข้อมือแส้ยาวในมือดีดตึง ปลายแหลมสะบัดไปทางจั๋วซือหราน“วูม...!” เสียงผ่าอากาศดังขึ้นจากนั้นแส้ก็ส่งเสียงเผียะขึ้นกลางอากาศ ราวกับตัดอากาศจนขาดเป็นท่อนอย่างไรอย่างนั้นและร่างของจั๋วซือหรานก็ไหววูบ ดูแล้วไม่มีอาการซมซานหรือโซซัดโซเซตอนที่หลบหลีกก่อนหน้านี้เลยความเร็วการเคลื่อนไหวของนางสูงมาก แต่ในสายตาของทุกคน กลับดูเชื่องช้าความรู้สึกแตกต่างระหว่างความเร็วและช้าที่สลับไปมานี้ ทำให้คนรู้สึกเริ่มปวดตาขึ้นมาทุกคนเห็นเห็นว่านางอยู่ต่อหน้าต่อตาชัดๆ นางเพียงแค่ก้าวอย่างสงบไม่กี่ก้าวราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านเท่านั้นกระทั่งความตึงเครียดสักนิดก็ไม่มีแต่การโจมตีของแส้ที่น่าตกตะลึงนั่น ก็ถูกนางเบี่ยงหลบไปได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกระทั่งชายเสื้อของนางด้วยซ้ำ!ส่วนการโจมตีจากแส้ของซางถิงก็ยังไม่หยุด กระหน่ำเข้ามาราวกับห่าฝน เหมือนไม่ต้องการให้มีเวลาหยุดพักทั้งที่ซัดแส้ออกไปแท้ๆ มันควรจะมีช่วงจังหวะที่ค้างกลางอากาศกับจังหวะดึงแส้กลับมารวมพลังตวัดออกไปอีกจึงจะถูกแต่นั่นแทบจะไม่มีเลยการโจมตีแส้ของซ
ฝูซูกับเฮยหลิงอยู่ระหว่างทางขึ้นไปห้องหรูบนหอ ก็ได้ยินเสียงโหร้องกึกก้องขึ้นมาจากอัฒจันทร์คนดูตอนที่พวกเขาเข้าไปในห้องหรู ก็เห็นเฟิงหร่านคุณหนูสิบตระกูลเฟิงเข้าสภาพในตอนนี้ ไม่สนใจว่าเป็นหญิงสาวชั้นสูง หรือว่าจะเป็นคุณหนู หรือกระทั่งเป็นสตรีอ่อนหวานอีกแล้วนางยืนอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองเวทีประลองเป็นประกายสองมือกำหมัดแน่น ดูจดจ่อเอามากๆฝูซูรีบถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้างเป็นอย่างไรบ้าง? สู้เสร็จแล้วหรือยัง? คุณหนูชนะไหม?”ตาของเฟิงหร่านยังไม่ย้ายไปไหน ยังคงจับจ้องที่เบื้องล่างไม่วางตา แต่ตอบฝูซูกลับมาเสียงต่ำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทึ่ง “ยังไม่จบ แต่คุณหนูจั๋ว...นางร้ายกาจมาก!”ฝูซูรีบเดินไปมองสถานการณ์บนเวทีประลองสภาพของเจี่ยงเทียนซิงดูหนักแน่นกว่าเฟิงหร่านพอควร จึงเล่าสถานการณ์ที่พวกเขาพลาดไปตอนไปลงเดิมพันออกมารอบหนึ่งที่แท้ พวกเขาก็พุ่งกันไปลงเดิมพันจั๋วซือหรานพอส่งสัญญาณเสร็จ ก็ไม่คิดจะทำเป็นอ่อนแอในการต่อสู้แล้วภายใต้การจับตาของทุกคน บาดแผลเหล่านั้นบนตัวนาง ก็เริ่มฟื้นตัวกลับอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าและการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเหมือนนางโดนผลกระทบความเป็นพิษจากนาก
หนึ่งคือสัญลักษณ์ของตระกูลซาง อีกหนึ่งเป็นสัญลักษณ์รูปอีกา (เชวี่ย)แสดงถึงตัวตนฐานะของนาง ว่าคือซางเชวี่ยคุณหนูสี่แห่งตระกูลซางคนรับใช้ข้างๆ นอบน้อมกับนางอย่างมาก“คุณหนู ท่านว่าไหม?” คนรับใช้เอ่ยขึ้น “แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่ว่าเป็นสายเลือดตระกูลซางจริงๆ ทว่า จากการควบคุมสัตว์ของเขา ดูไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย เสือเขี้ยวดาบแม้จะไม่ค่อยพบเห็นแต่ก็ไม่ได้มหัศจรรย์ขนาดนั้น นากเขาพิษยังกลับดูพิเศษขึ้นหน่อย”“ข้ารู้สึกว่า...” เสียงของหญิงสาวแจ่มชัดกังวาล แต่เส้นเสียงดูเย็นชาหน่อยๆ “สองคนนี้ยังไม่สู้กันจริงจังเลย”“ไม่จริงจัง?” คนรับใช้ไม่เข้าใจ “จั๋วซือหรานแม้ช่วงนี้จะถูกลือกันอย่างกับเป็นเทพเจ้า แต่จะอย่างไรก็ยังเป็นแค่แพทย์เท่านั้น แพทย์จะมีทักษะต่อสู้ได้แค่ไหนกัน...เมื่อครู่นางก็เอาแต่หนีนี่นา”หญิงสาวพอได้ยินก็หัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าไม่เข้าใจ ถ้าหากไม่เป็นเช่นนี้แล้วจะหาเงินได้อย่างไรกัน?”คนรับใช้ไม่เข้าใจ “หาเงิน?”แต่ซางเชวี่ยกลับไม่คิดจะพูดอะไรมาก ทำเพียงจดจ้องสถานการณ์ที่เวทีด้านล่างเท่านั้นจั๋วจิ่วคนนั้นยังไม่สู้จริงจัง นางเองก็ไม่ใช่จะไม่เข้าใจ แค่จากการเปลี่ยนแปลงขอ
จั๋วซือหรานเดินไปทางเวทีแม้จะบอกว่าอยู่ในห้องเตรียมตัว ก็ญังสามารถได้ยินเสียงเอะอะภายนอกได้ตอนนี้พอเดินออกมา คลื่นเสียงที่โถมเข้ามาก็ยิ่งเพิ่มความสั่นสะเทือนขึ้นไปอีกเสียงโหร้อง เสียงก่นด่าของผู้คน เสียงตะโกนลงเดิมพัน และยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ล้วนดังขึ้นไม่หยุดหย่อนอินเจ๋ออันยืนอยู่ริมเวที สีหน้ายังคงปั้นยากอยู่สายตาของเขาจ้องมองจั๋วซือหรานอย่างสงสัยระแวดระวังสองมือจั๋วซือหรานยังกดอยู่ที่หน้าอก เส้นผมหลังหัวรวบสูงเป็นช่อ กลางหลังสะพายดาบคู่อินเจ๋ออันจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ในใจคิด ไม่ว่านางจะมีแผนร้ายอะไร ถึงอย่างไรก็มาถึงที่นี่แล้ว พอขี่หลังเสือแล้วมันลงยากก็คงต้องไปต่อยิ่งไปกว่านั้น ซางถิงเองก็ไม่ใช่พวกรับมือง่ายด้วยเสียงระฆังดังขึ้นทั้งสองคนขึ้นเวทีอีกครั้ง จั๋วซือหรานมองคู่มืออีกด้านของเวทีดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นของอีกฝ่าย ก็กระพริบปริบๆ มองนางการทดสอบยกที่สองเริ่มขึ้นซางถึงตอนนี้ไม่ได้ใช้เสือเขี้ยวดาบเมื่อครู่ต่อแล้วบนอัฒจันทร์คนดูมีแขกไม่น้อยไม่ค่อยเข้าใจ“เมื่อครู่ใช้เสือเขี้ยวดาบก็ไม่ใช่ว่าชนะมาได้หรือ? ทำไมไม่ใช้ต่อ?!”“นั่นสิ! เสื้อเขี้ยวดาบเมื่อ
การยั่วยุเช่นนี้ดูหยาบมาก แต่จั๋วซือหรานกระทั่งไม่คิดจะกลบเกลื่อนเลยสักนิด จนแทบจะเขียนคำว่าข้ากำลังยั่วเจ้าสี่คำนี้ไว้บนหน้าโต้งๆ เลยด้วยซ้ำสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าอินเจ๋ออันขึ้นหลังเสือจนลงมายากแล้วก็ไม่ได้เกินเลยอะไรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน เขากัดฟันเอ่ยขึ้น “พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน! ยกนี้เจ้ายังไม่ชนะเลย แล้วทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย?!”อินเจ๋ออันพูดจบ ก็เคาะระฆังทันที ประกาศชัยชนะของซางถิงและให้ทุกคนเฝ้ารอยกที่สองตามหลักการแล้วระหว่างยก จะต้องมีแพทย์เข้ามารักษาบาดแผลให้แต่จั๋วซือหรานตนเองก็เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ที่เจี่ยงเทียนซิงจัดมาจึงยืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ตรงนั้น“แม่...แม่นางจิ่ว”จั๋วซือหรานหันไปมองเขา “แพทย์หรือ?”“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าสำนักให้ข้าเข้ามา...” แพทย์ยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นว่าแผลบนตัวจั๋วซือหรานเหล่านั้นสมานเสร็จเรียบร้อยแล้วจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “เรื่องรักษาก็ไม่ต้องแล้วล่ะ เขายังมีอะไรจะมาบอกข้าอีกไหม?”“มี” แพทย์ถอนหายใจโล่ง เอ่ยต่อว่า “เจ้าสำนักให้ข้ามาบอกท่านว่า คนของตระกูลซางที่มา คือซางเชวี่ยคุณหนูสี่ที่ถูกคนในตระกูลให้ความสำคัญมากในปัจจุบันค
เสียงดังชิ้ง!สองดาบเก็บเข้าฝักเสียงนี้ก็ราวกับทำให้คนทุกคนในอัฒจันทร์คนดูได้สติกลับมาและได้เห็นหญิงสาวชุดแดงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัว รอยขาดเหล่านั้นบนชุดแดง เผยให้เห็นผิวขาวนวลของนาง กับรอยแผลที่อยู่บนผิวนั้น...เพียงแต่ไม่รู้ว่าเข้าใจผิดหรือเปล่า หลังจากที่นางร่วงลงมาจากเวที บาดแผลบนตัวนางที่มาจากเสือเขี้ยวดาบนั้น เลือดหยุดไหลไปแล้ว ความรู้สึกบอบช้ำทั้งตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ค่อยๆ สลายไปแล้วนางกระทั่งเดินมาตรงหน้าผู้ดูแลการตัดสินไกล่เกลี่ยอินเจ๋ออันที่อยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นว่า “คนของเจ้าชนะแล้ว ยังไม่ประกาศอีกหรือ?”อิ๋นเจ๋ออันได้สติกลับมา เขาจ้องเขม็งที่จั๋วซือหราน ตระหนักขึ้นมาได้ถึงความผิดปกติแต่กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติซางถิงชนะได้อย่างเป็นธรรมชาติ นางเองก็แพ้อย่างเป็นธรรมชาติ...แต่ยิ่งดูธรรมชาติเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดปกติเพราะแพ้ชนะเดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ให้คำใช้คำว่าเป็นธรรมชาติมาพรรณนาแล้วหญิงสาวคนนี้เดิมทีก็ฉลาดเป็นกรด ถ้าหากเขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เช่นนั้นก็จะต้องผิดปกติอย่างแน่นอนอินเจ๋ออันเงยขึ้นมองซางถิงบนเวทีผาดหนึ่งซางถิงถึงแม้จะสวมหน้า
ตอนที่มันกระโจนไปถึงขอบเวที จั๋วซือหรานกำลังหันหลังให้มัน ปลายเท้าเพิ่งจะแตะพื้นต้องรู้ด้วย ว่าคนคนเราตอนที่ค้างอยู่กลางอากาศ ในจังหวะนี้ หากคิดจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนทิศทางร่างกาย จะต้องมีจุดเป็นแรงส่งด้วยแต่ตำแหน่งนี้ จั๋วซือหรานไม่มีจุดแรงส่งอะไรแล้วดังนั้น ทุกคนจึงมองเห็นว่าพอเท้านางแตะพื้น เสือเขี้ยวดาบก็จะกระโจนไปถึง ก่อนหน้าที่นางจะกระโจนหลบ ก็สามารถพุ่งเข้าขย้ำนางได้แล้ว!สายตาคนทั้งหมดล้วนจ้องเขม็ง ราวกับว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดเปลี่ยนเป็นช้าลงสายตาทุกคนจับจ้องไม่วางตา ล้วนรอให้ฉากที่เลือดของนางซ่านกระเซ็นปรากฏขึ้นมา!แต่ทว่า สถานการณ์ที่ทำให้คนทั้งหมดคาดไม่ถึง กลับปรากฏขึ้นแล้ว!ปลายเท้าของจั๋วซือหรานพอแตะบนเวทีที่ทำจากหินต้องห้ามตอนนั้นเอง เสือเขี้ยวดาบก็กัดไปทางด้านหลังคอนาง จังหวะนั้น บนเวทีกลับนิ่งเงียบไม่มีเสียงกระทั่งมีคนกลั้นหายใจ!“ฉูด...!” มีเสียงเลือดสดสาดกระเซ็นดังขึ้นเลือดสดสีแดง ย้อมเข้าที่ข้างคอและคอเสื้อนาง...“นาง...” มีคนงึมงำขึ้นมา ในสายตามีสีหน้าไม่อยากเชื่อ“...แพ้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น“แต่ว่า...”ถ้าไม่นับบาดแผลเหล่านั้นที่นางได้มาจากการห
ฝูซูไม่เข้าใจคำพูดของเจี่ยงเทียนซิง “เจ้าสำนัก...หมายความว่าอย่างไร?”“คุณหนูของเจ้าพอบาดเจ็บ เจ้าก็กระวนกระวายขึ้นมาเลยสินะ” เจี่ยงเทียนซิงเอ่ยขึ้น “เจ้าลืมแผนการคุณหนูของเจ้าไปแล้วหรือ?”“แผนของคุณหนู...” ฝูซูงึมงำขึ้นมาครึ่งคำ จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแผนของคุณหนูคือ ยกแรกคุณหนูจะแพ้ ยกที่สองชนะแบบหวุดหวิด และยกที่สามค่อยเอาชนะดังนั้นยกแรก นางจึงตั้งใจจะแพ้นางตอนนี้ทำตัวอ่อนแอ ก็เพื่อให้คนอื่นคิดว่านางไม่ไหว รู้สึกว่านางต้องแพ้แน่พอยิ่งเดิมพันทางนางน้อยลงแค่ไหน อัตราต่อรองของนางก็จะยิ่งสูงขึ้นเจี่ยงเทียนซิงเอ่ยต่อ “บนตัวนางล้วนมีแต่แผลถลอกทั้งนั้น ด้วยฝีมือพลังวิญญาณวิชาแพทย์ของนาง ถ้านางไม่จงใจคุมพลังตนเองไว้ แผลแค่นี้เพียงไม่นานก็สมานหายดีแล้ว”“เอ่อ...” ปฏิกิริยาของฝูซูเองก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งความกังวลก็ยังแขวนเติ่งอยู่ตรงนั้นไม่มีที่ลง พอกังวลก็เหมือนจะเกินเหตุ แต่ถ้าไม่กังวลก็เหมือนไม่ซื่อสัตย์พอ“นั่นมันเสือเขี้ยวดาบเลยนะ สัตว์ประหลาดแบบนี้ สามารถหลบหนีแบบนี้ภายใต้การต่อสู้กับมัน อันที่จริงแค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้ว ว่านางเก่งกาจกว่าเสื้อเขี้ยวดาบเยอะเลย เจ้าไม่รู้สึ
“ใช่เลย แส้นี้ฟาดจนทำให้จั๋วจิ่วต้องมุ่งไปทางปากสัตว์ประหลาดของเขาเลยทีเดียว!”เมื่อครู่ คนทั้งหมดล้วนมองเห็น ซางถิงที่อยู่บนเวที พอเริ่มต้นก็ทำเอาจั๋วซือหรานประหลาดใจไปเลยทีเดียวพอฟาดแส้เข้ามา จั๋วซือหรานก็จำต้องหลบไปยังตำแหน่งที่แส้โจมตีไม่ถึงและซางถิงเองก็อัญเชิญสัตว์ประหลาดออกมาทันที ปรากฏตัวรอในทิศทางนั้นอยู่แล้วในสายตาของผู้ชม นั่นจึงเป็นการที่จั๋วซือหรานถูกซางถิงต้อนไปยังปากของสัตว์ประหลาดของตนเอง!แต่ไม่นานนัก ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด หญิงสาวในสนาม ก็มีปฏิกิริยาขึ้นฉับพลันในจังหวะสะเก็ดไฟกระทั่งไม่มีใครมองเห็น ว่าสองดาบที่หลังนางปรากฏขึ้นมาเมื่อไร!แต่ก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดาบยาวสองเล่มนั้น ถูกนางแบกไขว้ไว้ที่หลัง ตอนนี้ก็ล้วนทยอยกันออกจากฝัก ถูกนางกุมมั่นเอาไว้ในมือสัตว์ประหลาดที่ซางถิงเรียกออกมาคือเสือเขี้ยวดาบตัวหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ดุดันเช่นนี้ แล้วยังเป็นพวกตระกูลแมว พอมาอยู่บนเวทีประลอง อันที่จริงก็ได้เปรียบพอควรเพราะไม่เพียงแต่ดุร้าย แต่ยังคล่องตัวอีกด้วย!ถ้าหากจะพูดว่าสัตว์ประหลาดนี้มีจุดบกพร่องอะไร จุดบกพร่องนั้นจะต้องเป็นเพราะความยอดเยี่ยมเกินไป ความยาก