คำเยาะเย้ยของผู้คนจะไม่มีวันที่ผ่านไปได้ และไม่มีวันที่หยุดนินทายิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเหยียนเก่งเรื่องการแพทย์มาหลายชั่วอายุคนแล้ว พวกคนที่มาชมการแข่งขันอาจมองไม่ออก แถมอาจรู้สึกว่าหลังจากที่จั๋วซือหรานรักษาอาการบาดเจ็บแก่เฟิงเหยียน นางยังผ่อนคลายมากแต่ผู้อาวุโสสี่เหยียนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของตระกูลเหยียนรู้ดีที่สุด เขารู้อาการบาดเจ็บของเฟิงเหยียนร้ายแรเพียงใด และรู้การรักษานี้ยากลำบากเพียงใดนางรักษาเฟิงเหยียนเหนื่อยแน่ ๆ สภาพของนางต้องไม่ดีเท่าที่เขาเห็นเป็นเพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ระงับไว้ต่อหน้าทุกคนผู้ที่มีนิสัยเช่นนี้และผู้ที่มีความอดทนสูงและโหดเหี้ยมกับตัวเองได้จะประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคตผู้อาวุโสสี่เหยียนแอบด่าเหยียนชาง ทำไมเขาต้องไปหาเรื่องกับบุคคลเช่นนี้แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของตระกูล ผู้อาวุโสสี่เหยียนไม่มีทางเลือกผู้อาวุโสสี่เหยียนยิ้มอย่างเขินอาย เขาพูด "จะมาว่าเรเป็นผู้กำหนดวิธีการแข่งได้อย่างไร แม่นางจั๋วจิ่ว เจ้าเป็นผู้ที่เสนอการแข่งขันครั้งนี้เอง ตั้งแต่แรกเริ่มเจ้าก็ไม่กำหนดว่าแข่งตาเดียวและตัดสินผู้ชนะหรือผู้แพ้ โดยทั่วไปแล้ว จะกำหนดแข่งห้าตา ใครชนะสา
ผู้อาวุโสสี่เหยียนเห็นสายตาของนาง แล้วมองริมฝีปากโค้งอันน่ากลัวของนางเขาแอบคิดในใจว่า มีบางอย่างผิดปกติ แย่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เป็นคนบ้า ข้าจะลืมข้อนี้ได้อย่างไรนางมีการกระทำแปลกประหลาดผู้อาวุโสสี่เหยียนพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้ เขาพูดอย่างแห้งผาก "ข้าแค่... อยากให้เจ้ามีทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด"“ข้า จั๋วซือหรานชอบทำอะไรแปลกประหลาดอยู่แล้ว” จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ “ในเมื่อผู้อาวุโสสี่เหยียนอยากแข่งกับข้าหลายรอบเช่นนั้นหรือ”นางจ้องดวงตาของผู้อาวุโสสี่เหยียนและค่อย ๆ พยักหน้า"ก็ได้"ผู้อาวุโสสี่เหยียนหดดวงตาเล็กลง เขารีบพูด "ตกลง ถ้าอย่างนั้น ชนะสองในสามตากันดีกว่า มาเริ่มกันเลย..."“อย่าเพิ่งก่อนสิ ผู้อาวุโสสี่เหยียน” จั๋วซือหรานกล่าวต่อ “แต่เนื่องจากเจ้าอยากรังแกข้าคนเดียวด้วยหลาย ๆ คน แน่นอนว่าเราไม่ควรเดิมพันน้อยแค่นี้ เราเล่นให้ใหญ่กว่านี้สิ”ผู้อาวุโสสี่เหยียนขมวดคิ้ว เดิมที่เขารู้สึกว่า การเสนอแข่งขันต่อเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่เสนอเรื่องนี้ แน่นอนว่าเขาต้องอดทนรับมือไว้ เขาเลยถาม"เจ้าหมายถึงอะไร"จั๋วซือหรานจ้องมองเข้าไปในดวงต
จั๋วซือหรานยืนเท้าออกและดึงเก้าอี้จากด้านข้าง การเคลื่อนไหวของนางสง่าและผ่อนคลาย นางค่อย ๆ นั่งลงดูเหมือนว่าในครูี่เดียว สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงรอยยิ้มบนใบหน้าของนางยังคงสงบและไม่แยแส " คุณหนูเจ็ดเหยียนอย่าใจร้อนเหมือนข้าเลย ถูกคนยั่งยุง่าย ๆ หากพวกเจ้าแข่งต่อไม่ไหว ยอมแพ้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ข้าชนะรอบแรกไปแล้ว ดังนั้นไม่ต้องการอะไรมาก ให้เหยียนชางมาเขียนผ่านป้ายว่ายอมแพ้แล้ว ”“เจ้า” เหยียนหยี่หลิงโกรธมากจนสีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นแดงจั๋วซือหรานพูดอย่างผ่อนคลาย นางเพียงไม่กี่คำ นางก็ชิงอำนาจการตัดสินใจกลับมาได้อีกครั้งผู้อาวุโสสี่เหยียนจะมองไม่ออกเจตนาในคำพูดของนางได้อย่างไร แต่เขาก็ถูกเงื่อนไขที่จั๋วซือหรานเสนอโดยดึงดูดแล้วจริง ๆไม่ใช่ว่าตระกูลเหยียนไม่มีแพทย์กลั่นยา แต่เป็นเพราะแพทย์กลั่นยาของตระกูลเหยียนส่วนใหญ่ได้ไปที่ลัทธิแล้ว อัจฉริยะไม่อยากรับใช้ตระกูลหรอกแต่จั๋วซือหรานประกาศอย่างกระจ่างว่า หากนางแพ้ นางยอมรับใช้ตระกูลของเขาผู้อาวุโสสี่เหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "เจ้ารักษาคำพูดของเจ้าไหม ถึงเวลานั้น อย่าบอกนะ ตระกูลจั๋ว บิดพลิ้วอีก.
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของจั๋วซือหราน จากลังเลไปสู่ทัศนคติที่สงบและมีความมั่นใจ ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสสี่เหยียนรู้สึกเป็นห่วงทันทีนี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำลายความน่าเกรงขามของตัวเองโดยยกย่องความมุ่งมาดปรารถนาของผู้อื่น แต่เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้มีความสามารถพิเศษอย่างแท้จริง และโดยธรรมชาติแล้วไม่สามารถตัดสินนางและวัดนางด้วยมาตรฐานทั่วไปได้แต่เหยียนหยี่หลิงไม่ได้ระมัดระวังเช่นนี้นัก เมื่อครู่นี้นางเห็นท่าทางที่ลังเลของจั๋วซือหรานและเห็นจั๋วซือหรานอาการไออย่างกะทันหัน นางรู้สึกว่ารอบนี้ตระกูลของนางชนะแล้วเหยียนหยี่หลิงพูดว่า "คุณหนูจั๋วจิ่ว ข้าว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะหรอกนะ หากเจ้าแพ้ เจ้ากลั่นยาให้เราแค่หนึ่งปีเท่านั้น แต่หากเราแพ้ เราจะต้องปิดศูนย์การแพทย์ และร้านขายยายังคงให้บริการเจ้าด้วย เจ้าเรียกร้องเกินเหตุมากไปหน่อยไหมจั๋วซือหรานไม่เคยมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้หญิง ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดนี้ นางก็ตอบอย่างตามอารมณ์ "ใช่แล้ว คุณหนูเจ็ดเหยียน หากเจ้ารู้สึกไม่พอใจ ตอนนี้เจ้าไปเรียกเหยียนชางที่ฉี่ราดใส่กางเกงกลับมาที่นี่ และเขียนแผ่นป้ายให้ข้าเลย”จั๋วซือหรานเหลือบมองเหยียนหยี่หลิ
แต่แน่นอนว่าเขาไม่เลือกที่จะต่อสู้จนตายได้ หากวจิ่วถูกเหยียนอีตีจนตาย เขาจะไม่รู้ว่าจะอธิบายแก่ตระกูลจั๋วได้อย่างไรเขารังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีการหนุนหลังของตระกูล และเขายังรังแกนางจนตาย คำเล่าลือสามารถทำลายชื่อเสียงของผู้คนได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเหยียนเสียหน้าอย่างหนักและไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงรอจั๋วซือหรานเป็นแรงงานเปล่าหนึ่งปีเพื่อกลั่นยาให้ตระกูลของเขาผู้อาวุโสสี่เหยียนรีบกล่าว "ไม่ต้องถึงขั้นที่ทำร้ายมิตรภาพหรอก หยุดมื่อเมื่อตัดสินชัยชนะได้"จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนี้ผู้ที่ชมการแข่งขันในก่อนหน้านี้เคยเห็นจั๋วซือหรานชนะมาหนึ่งตาแล้ว ดังนั้นในตอนแรกพวกเขาทุกคนจึงคิดว่าจั๋วซือหรานชนะแน่นอนแต่เมื่อพวกเขาเห็นจั๋วซือหรานตกลงที่จะยอมแข่งกับตระกูลเหยียนอีกสามตา และยอมกฏที่ว่า ผู้ใดชนะสองตา คนผู้นั้นชนะ แถมยังต้องแข่งศิลปะการต่อสูเ ทั้ง ๆ ที่นางไอหนักเช่นนั้น...ทุกคนไม่เชื่อนางมีโอกาสชนะ พวกเขาแค่รู้สึกว่าสถานการณ์นั้นไม่ดี“โถ แม่นางจั๋วจิ่วคนนี้จริง ๆ เลย ชนะตาเดียว ดีใจจนเหริงเลยหรือ”“ใช่สิ นางคิดว่าตัวเ
เหยียนอีได้ยินเพียงเสียงที่ชัดเจนของนาง แต่เขาไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน เสียงนั้นปะปนอยู่ในสายลมและลอยเข้าไปในหูของเขาในเวลาเดียวกัน จั๋วซือหรานไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาอีกต่อไปเหยียนอีรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อเขาได้ยินเสียงประหลาดใจและเสียงหายใจเข้าลึก ๆ จากรอบตัวเขาพลังที่สะสมอยู่ในร่างกายเขาแต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงระบบเส้นลมปราณถูกยืดออกด้วยแรงมหาศาลชั่วครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ดูเหมือนจะคลายตัวลงชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกว่างเปล่าทำให้เหยียนอีเกือบทรงตัวไม่ได้ในชั่วขณะนั้น“เกิดอะไรขึ้น...” ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนไม่ทันสังเกตการเคลื่อนไหวของจั๋วซือหราน ต่างไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาเห็นแต่จั๋วซือหรานถือเข็มทองคำสองสามเล่มไว้ในมือ แล้วจู่ ๆ นางก็หายตัวไป เมื่อนางปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็อยู่ข้างหลังเหยียนอีเพียงไม่กี่ก้าวแต่เหยียนอี ซึ่งแต่เดิมดูเหมือนเส้นเลือดของเขาจะโผล่ออกมาและท่าทีที่เขากำลังระเบิดความแข็งแกร่งออกมา จู่ ๆ ก็ยุบลงและใบหน้าของเขาก็ซีดขางเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เขาดูตัวใหญ่มากในขณะนี้ เขาดูเหมือนเ
แต่ในขณะนี้ เหยียนอีรู้สึกถึงวิกฤติครั้งใหญ่มันเหมือนกับสัญชาตญาณทางชีววิทยา เขามีความรู้สึกน่าขนลุกของสัตว์กินพืชที่ตกเป็นเป้าหมายของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่แต่นี่เป็นไปได้อย่างไร เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่สามารถบดขยี้สัตว์ขนาดเล็กจนตายได้เพียงแค่หยิกนิ้วเดียวเขามีความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไรผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มองไม่ออก พวกเขาแค่คิดว่าจั๋วซือหราน เป็นคนลึกซึ้งและพวกเขาเดาไม่ถูกนางอยากจะทำอะไรส่วนผู้ที่มองรู่เรื่องรวมถึงผู้อาวุโสสี่เหยียน พวกเขาต่างประหลาดใจ นางไม่ใช่เพียงคนลึกซึ้งและเดาออกยากริมฝีปากของผู้อาวุโสสี่เหยียนสั่นไหว ทันใดนั้นเขาก็จำได้คำถามของจั๋วจิ่ว นางได้ถามเขาว่า ให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสมหรือให้นางหยุดจนกว่ามีคนต้องตาย เมื่อเขาตอบว่า ให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสม ความเศร้าแวบขึ้นมาในดวงตาของนางคืออะไรนั่นควรจะเป็น...ความผิดหวังกระมังหากเขาไม่เลือกให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสม จั๋วจิ่วคงฆ่าใครซักคนในสนามนี้ต่อหน้าต่อตาทุกคนแล้วผู้อาวุโสสี่เหยียนรู้สึกเขาแทบจะหายใจไม่ได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะเขา... ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไร้ยางอายและยืนกรานที่จะ
ในขณะที่ป้ายของศูนย์การแพทย์เหยียนพังและตกบนพื้น ทุกคนต่างตกใจกัน“ จั๋วซือหรานคนนี้ นางกล้าทำจริง ๆ ”“นางนี่แหละ เป็นคนแรกที่พูดจริงทำจริง...นางไม่ไว้หน้าให้ตระกูลเหยียนจริง ๆ ”“ตอนนี้นางไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋วอีกแล้ว นางไม่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูล แต่นางไม่กล้าทำให้ผู้อื่นแค้นเคืองจริง ๆ ”“แต่ตอนนี้...ใครจะกล้าทำอะไรนางล่ะ เจ้าเองก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหยียนอีใช่ไหม”“โอ๊ย แค่คิดก็เจ็บคอแล้ว หากผู้อาวุโสของตระกูลเหยียนไม่เรียกให้หยุดทันเวลา จั๋วจิ่วคงตัดหัวของเหยียนอีไปแล้ว”จั๋วซือหรานได้เก็บอาวุธในมือของนางอย่างสบาย ๆจากนั้นทุกคนจึงเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบ นางยังคงแต่งกายด้วยชุดสีขาวแบบเดียวกับชุดที่นางสวมตอรชนที่นางมาถึง เสื้อผ้าของนางยังคงสะอาดและเรียบ นางดูมีบุคลิกที่ห่างไกลและประณีตที่ไม่เหมือนผู้อื่นหากเจ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองว่า ก่อนหน้านี้ นางยืนอยู่ข้างหลัง เหยียนอี ดาบในมือของนางยื่นจากด้านหลังและวางที่คอของเหยียนอี ราวกับว่านางกำลังจะตัดคอของเขาในวินาทีถัดไปใครก็ตามที่มองไปที่จั๋วซือหรานที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวคงไม่คิดว่า นางเป็นผู้ที่โหด
แพทย์ทหารเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ "ข้าข้ามีทักษะเช่นนี้...ทหารราบเหล่านั้นก็คงไม่ตายกันแล้ว..."เสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาประจักษ์กับตาแล้วถึงการเปลี่ยนสิ่งเน่าเสียกลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ของแม่นางจั๋วจิ่วแล้วพอเห็นว่านางทำตัวราวกับเป็นช่างยอดฝีมือ จัดการเย็บช่องท้องของคนผู้นี้ราวกับเย็บกระเป๋าขาดยิ่งไปกว่านั้นยังจัดการรักษาส่วนที่บาดเจ็บของอวัยวะภายในไปแล้วด้วยนี่ทำให้เขาอดคิดไปถึงทหารที่ตายอย่างน่าเวทนาเหล่านั้น ต่อมาถูกก็ถูกพวกคนเถื่อนเอาหัวขึ้นไปแขวนบนคาน...เขาอดคิดไม่ได้เลย ถ้าหากตนเองมีฝีมือเสียหน่อย ไม่แน่คนเหล่นั้นอาจจะช่วยไว้ได้กระมังคำพูดนี้มีอารมณ์อยู่ด้วย เพราะตอนนี้อารมณ์ของเขาถูกส่งผลกระทบอยู่จริงๆแต่เสียงของจั๋วซือหรานกลับสงบ นางก้มหน้าพูดว่า "ไม่หรอก ถ้าหากเจ็บหนักเกินไป อย่างเช่นหัวขาดออกจากกัน ต่อให้เทพเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่มีวิธีเหมือนกัน ข้าเป็นแค่แพทย์ ไม่ใช่พระเจ้า"แม้คำพูดนี้จะดูใจเย็น ราวกับกำลังอธิบายข้อเท็จจริงอยู่ แต่คำพูดนี้ก็ยังทำให้แพทย์ทหารที่ยังรู้สึกโทษตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ อารมณ์ผ่อนคลายลงมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานเย็บเข็มส
สถานการณืเช่นนี้ ทำให้คนรู้สึกไม่อยากเชื่อจริงๆ!เดิมทีในใจก็เห็นความหวังแล้ว ตอนนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นมาใหญ่ในดวงตาเขาเมหือนมีพลังชีวิตเปล่งออกมาจั๋วซือหรานพอใจกับสถานการณ์เช่นนี้ พลังชีวิตเช่นนี้ อันที่จริงก็มีประโยชน์กับอาการบาดเจ็บของเขาคนอื่นๆ อันที่จริงก็รู้สึกสนใจกับวิธีการรักษษของจั๋วซือหรานมากแต่ว่า...วิชาและขั้นตอนการรักษษ ในบางระดับ ก็ถือว่าเป็นความลับของแพทย์ด้วยดังนั้น ต่อให้จะอยากรู้อยากเห็นแค่ไหน พวกเขาก็ทำได้แค่รออยู่ด้านนอกฉากกั้นลมเพียงแต่ว่า พวกเขาก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดของคนเจ็บอยู่เลยตอนนี้กลับค่อยๆ สงบลงมาแล้วนี่ทำเอาทุกคนมีการคาดเดาขึ้น...ว่าคนคนนั้น...คงจะไม่ได้ตายไปแล้วกระมัง?มีแพทย์ทหารที่ทนไม่ไหว ต่อให้รู้ว่าหน้าไม่อาย แต่เขาก็ยังเปิดปากขึ้นอย่างหน้าด้านๆบอกว่า "แม่นางจิ่ว ข้าอยากรู้จริงๆ ให้ข้าเข้าไปดูด้วยได้ไหม?"ตอนที่พูดคำนี้จบ แพทย์ทหารคนอื่นที่อยู่รอบๆ สายตาก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อจ้องมองเขาเจ้าไหวไหมน่ะ? หน้าตาน่ะมีไหม?แต่คนผู้นี้ก็ยังกัดฟัน ไร้เกียรติก็ช่างมัน!ยิ่งไปกว่นั้นด้านในก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ทุกคนจึงรู้สึกว
ถ้าในชาติที่แล้วคือไม่น้อยเลยต่อให้ไม่ใช่ชาติที่แล้ว ในโลกที่การรักษาล้าหลังอย่างที่นี่ จั๋วซือหรานเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วแพทย์ทหารพอได้ยินคำนี้ก็งงงันไป น่าจะเพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบมั่นใจนี้จากปากจั๋วซือหราน"อะ อะ...อะไรนะ?" แพทย์ทหารมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ เขาจ้องจั๋วซือหรานนิ่งจากนั้นนึงดึงผ้าที่คลุมบนตัวคนเจ็บผืนนั้นออก เอ่ยขึ้นว่า "ท่านว่าอาการอย่างนี้น่ะนะ?!"การกระทำที่ตามมาหลังคำพูด คือการเปิดเผยอาการบาดเจ็บออกมายังสายตาคนทั้งหมดบาดแผลที่น่ากลัว ช่องท้องเปิดโหว่ ประจักษ์เข้ามาในสายตาคนทั้งหมดคนทั้งหมดในนี้ล้วนเป็นขุนพลสายบู๊ทุกคนไม่กลัวกับภาพสยดสยองที่เลือดเนื้อเหวอะหวะแต่ไม่กลัวมันก็ส่วนไม่กลัวแต่เพระาเคยเห็นเลือดกับความตายมาแล้ว ตอนที่เจอกับอาการบาดเจ็บเช่นนี้ก็แทบจะคิดถึงปลายทางได้เลย ถ้าหากจากความคิดพวกเขา แค่รู้สึกว่า...มอบความเมตตาให้เขาไปสบายจะดีกว่าไหม?ใครจะคิดว่าคำตอบที่จั๋วซือหรานให้มากลับเป็น..."อืม บาดแผลแบบนี้เลย คุ้มค่าที่จะลองดู" จั๋วซือหรานยิ้มเรียบๆ นางเดินขึ้นไปก้าวหนึ่งส่วนน้องชายคนเจ็บ เดิมทีถูกปฏิกิริยาของแพทย์ทหารเมื่อครู่ทำ
ใกล้จะตายแล้วฉีฮ่าวมากับจั๋วซือหราน ตอนที่ตามคนผู้นี้มาด้วยกัน แค่เห็นน้องชายเขาผาดเดียวก็มองออกแล้ว ว่าคนผู้นี้กำลังจะตายสีหน้าเขาไม่มีสีเลือดแล้ว เขียวคล้ำ หายใจออกแรงหายใจเข้าเบา...บางทีไม่ควรพูดว่าหายใจออกแรงหายใจเข้าเบาด้วยซ้ำ นี่เหมือนไม่ได้ยินเสียงหายใจเข้าของเขาด้วยซ้ำตอนที่พวกเขาเข้าไป ทหารราบที่มาโขกศีรษะกับจั๋วซือหรานก่อนหน้าคนนั้น ก็รีบตะโกนขึ้นว่า "ท่านพี่! ท่านพี่! เจ้ารีบตื่นเร็ว! ข้าพาคนมาแล้ว ข้าพาคนมาช่วยเจ้าแล้ว! ข้าพาแม่นางจิ่วมาช่วยเจ้าแล้ว!"ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยหรือเปล่า หรือว่าได้ยินคำว่าแม่นางจิ่ว จึงทำให้เขาเชื่อมั่นขึ้นมาเขาที่เดิมทีตาปรืออยู่แล้ว ตอนนี้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยดวงตาที่พร่ามัว ฝืนตัวเพ่งสมาธิขึ้นมาอีกครั้งตกมาอยู่บนตัวจั๋วซือหรานหลังจากนั้นก็เหมือนว่าจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยฉีฮ่าวขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ มองด้านบนผ้าที่คลุมร่างเขาไว้ เลือดสดดวงใหญ่นั่น...ฉีฮ่าวเอ่ยขึ้นกับทหารที่โขกศีรษะคนนั้นก่อน "พี่ชายเจ้าสภาพแบบนี้..."ทหารคนนี้ขยี้ตาอย่างแรง เอ่ยขึ้นว่า "พี่ชายข้ายังพอช่วยไหวไหม..."ฉีฮ่าวเอ่ยตอบ "เกรงว่าจะ...ย
แต่ว่าเนื้อหาในคำพูด กลับมีเหตุผล และชัดเจนมากเหล่าขุนพลไม่มีใครฟังไม่เข้าใจเข้าใจความคิดที่ฉีฮ่าวต้องการแสดงออกมาในทันที ถ้าหากพวกเขาเหล่านี้เป็นทหาร หากสูญเสียจิตใจปวงประชาไป เช่นนั้นก็จบสิ้นกันแล้ว...เช่นนั้นพวกเขาจะต่างอะไรกับโจรขโมย?จั๋วซือหรานยืนอยู่ข้างๆ ฟังฉีฮ่าวพูดประโยคเหล่านี้นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า ฉีฮ่าวแม้จะเป็นชายชาติทหารร่างใหญ่กักขฬะ แต่ในจุดนี้กลับเข้าใจเป็นอย่างดีนางไม่ได้คิดจะมอบให้เปล่าๆ นางไม่ใช่พวกทำการกุศลอะไรแคว้นชางอะไร กองทหารอะไร นั่นโน่นนี่ถ้าเจ้าของร่างเดิมก็อาจจะมีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งอยู่กระมัง?แต่จั๋วซือหรานอย่างนางนั้นไม่มีนางไม่ใช่ว่าคิดจะไม่มอบให้ เพียงแต่ว่านางคิดจะทำขึ้นเอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะหขายให้กับกองทหารมีทักษะเช่นนี้ แน่นอนว่าอยู่ในมือตนเองจะมั่นคงกว่านางมาจากต่างโลก ต่างโลกที่เทคโนโลยีก้าวหน้ากว่าโลกใบนี้พูดได้ว่ายืนอยู่บนบ่าของยักษ์ใหญ่แล้วยักษ์ใหญ่ก็ไม่ได้มีไว้ให้คนอื่นขโมยไป...คนคนนั้นเดินเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าจั๋วซือหราน"ข้าขอโทษ แม่นางจิ่ว ข้ายอมรับโทษแล้ว!" ขุนพลเอ่ยขึ้น เขาหยิบหน้าไม้กลสอง
และเพราะนางยิ้มอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังยิ้มอย่างอัธยาศัยดีด้วย ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางตอบรับแล้วอย่างน้อยปฏิกิริยาแรกของฉีฮ่าวก็คือนางตอนรับแล้ว ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า "เช่นนั้นก็ขอบคุณ..."พูดไปได้แค่ครึ่งเดียว ฉีฮ่าวจึงเพิ่งตั้งตัวได้ ว่านางบอกว่าไม่ได้นี่นาชั่วขณะหนึ่งก็งงงันไป"ไม่ ไม่...ไม่ได้หรือ?" ฉีฮ่าวถามงึมงำขึ้นมาจั๋วซือหรานพยักหน้า "อืม ไม่ได้"ข้างๆ มีขุนพล ที่น่าจะรู้สึกหวั่นไหวกับอาวุธนี้จริงๆบวกกับอาการร้อนรน จึงเอ่ยขึ้นทันที "ทำไมจึงไม่ได้หรือ? ถ้าหากอาวุธเช่นนี้สามารถมอบให้กับกองทหารได้ จะยกระดับความสามารถการทำสงครามขึ้นมหาศาลเลย...""แต่นั้นเกี่ยวอะไรกับข้าหรือ" จั๋วซือหรานมองไปทางเขาขุนพลคนนี้ถูกคำพูดของนางทำให้ชะงัก ชั่วขณะหนึ่งพูดอะไรไม่ออกแต่ก็มองออกไม่ยาก สีหน้าแข็งกร้าวขึ้นมาแล้ว ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ท่านเป็นประชาชนของต้าชาง ของเช่นนี้ หากมอบให้กับกงอทหาร จะนำคุณประโยชน์มาได้มากมาย"จั๋วซือหรานมองเขาเย็นชา "ตอนที่ข้าถูกคนเป็นหมื่นตำหนิ ก็ไม่เห็นว่าพวกเจ้าจะมาปกป้องข้าในฐานะคนของต้าชางเลย"ฉีฮ่าวพอได้ยินน้ำเสียงของจั๋วซือหราน ในใจก็สั่นกึก ฉั
"จั๋วจิ่ว! เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีจุดจบอย่างไรกัน?! แดนใต้ไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่""สำนักพวกเราเองก็จะไม่ปล่อยเจ้าด้วย!""สภาผู้อาวุโสก็จะไม่ปล่อยเจ้า!""จั๋วจิ่วเจ้าจะไม่ตายดี! เจ้าจะไม่ได้ตายดี!"จั๋วซือหรานได้ยินเสียงก่นด่าของพวกเขา สีหน้ายังคงเรียบเฉยแต่รองแม่ทัพที่อยู่ข้างๆ นาง พอได้ยินคำนี้ กระทั่งคิ้วก็ยังขมวดขึ้นมาเขากำลังจะเตือนจั๋วซือหรานว่าไม่ต้องโกรธ อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนพวกนี้แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูด ก็ได้ยินหญิงสาวข้างกาย เอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ "โอ้ ถ้าอย่างนั้นตอนเจ้าไปเข้าฝันพวกเขาก็อย่าจำผิดล่ะ ข้าชื่อจั๋วซือหราน"เพียงไม่นาน คนเหล่านี้ก็ตอบอะไรนางไม่ได้อีกรองแม่ทัพดูจนใจขึ้นมา "ท่านไม่ได้โกรธเลยสินะ...""จะไปโกรธอะไรกับคนใกล้ตายกัน" จั๋วซือหรานกลอกตามองรองแม่ทัพ "มาหาข้ามีอะไรหรือ?"รองแม่ทัพพยักหน้า "ท่านแม่ทัพเชิญท่านเข้าไปน่ะ"จั๋วซือหรานขานรับคำหนึ่ง เงยหน้าเหลือบมองคานหัวมนุษย์ผาดหนึ่ง แล้วจึงหมุนตัวขึ้นม้ากลับไปในค่ายในกระโจมค่าย ฉีฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ไม่ใช่แค่ฉีฮ่าว แต่ยังมีกลุ่มขุนพลของเขาด้วยอยู่กันครบองค์ประชุม"คึกครื้นขนาดนี้เชี
จักรพรรดิเฒ่ามองไปทางซือคงเซี่ยน ถามขึ้นมาคำหนึ่ง "น้องเจ็ด เจ้าว่าอย่างไรล่ะ?"ซือคงเซี่ยนมองออกว่า เสด็จพ่อประทับใจคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานเข้าแล้วยิ่งไปกว่านั้นในคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหราน ซือคงเซี่ยนเองก็สังเกตออก ว่านางมีท่าทีไม่ยอมรับต่อการการมอบงานอภิเษกของเสด็จพ่อดังนั้นซือคงเซี่ยนจึงเอ่ยว่า "ลูก...ไม่มีความเห็น แล้วแต่เสด็จพ่อจะจัดวางเลย"จักรพรรดิเฒ่าได้ยินคำนี้ของซือคงเซี่ยน ในใจก็อดถอนใจไม่ได้อันที่จริงถ้าหากน้องเจ็ดกัดฟันพูดว่าต้องการงานอภิเษกนี้ล่ะก็จักรพรรดิเฒ่าคิดว่า ตนเองจะยอมรับอยู่แต่ว่าลูกชายของตนเองนั้น...ถ้าหากบอกว่าน้องห้าทะเยอทะยานเกินไป เช่นนั้นน้องเจ็ดก็...ไม่มีความทะเยอะทะยานเอาเสียเลยน่าจะเพราะพระสนมเอกคิดได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่แรกนางรู้ว่าฐานะของตัวเองและอำนาจทางตระกูลฝ่ายแม่ จะสร้างความระแวงต่อนางและอ๋องเซี่ยนรวมถึงตระกูลฝ่ายแม่ของนางกับองค์จักรพรรดิภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องวางลงมาก็คือความทะเยอทะยานที่ไม่เหมาะสมสรุปคือ จักรพรรดิเฒ่าไม่เห็นความเร่งร้อนกับความปรารถนาใดจากในตาของซือคงเซี่ยน เห็นแค่ความผิดหวังรางๆ เท่านั้
นางอดมองไปบนกำแพงสูงไม่ได้คนของ...ตระกูลเฟิงหรือ? หรือว่า...ในลานเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที แต่เพราะจักรพรรดิเฒ่าไม่เป็นอะไร ในลานจึงสงบลงมาอย่างรวดเร็วแต่หัวข้อสนทนาเรื่องจะจัดอภิเษกเมื่อครู่ ก็ถูกปัดตกไปแล้วตอนนี้ถ้าถูกยกขึ้นมาใหม่ ก็ไม่ได้เป็นทางการแบบเมื่อครู่แล้วจั๋วซือหรานมองไปทางจักรพรรดิเฒ่า นางครุ่นคิด หลังจากคิดคำพูดอยู่พักหนึ่ง จึงเอ่ยขึ้นว่า "ฝ่าบาท ข้ารู้สึกว่า ตัวตนฐานะข้าตอนนี้เหมาะสมไหม ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร? ในเมืองหลวง...ยังวุ่นวายกันอยู่เลย"จักรพรรดิเฒ่าฉลาดเสียขนาดไหน พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน ก็เข้าใจความหมายที่นางคิดจะแสดงออกมาทันทีพริบตานี้ จักรพรรดิเฒ่าเองรู้สึกแค่ว่า...อยากจะถอนใจเสียเหลือเกิน หญิงสาวคนนี้ฉลาดจริงๆไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆยิ่งไปกว่านั้นยังไม่บอกว่าลูกเจ็ดคู่ควรกับนางหรือไม่ถ้าหากจะนำหญิงสาวแบบนี้ไปพันธนาการไว้ในกรงทองวังหลังล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำลายของมีค่าไปหญิงสาวเช่นนี้ สมควรจะบินทะยานจักรพรรดิเฒ่าฟังความหมายคำพูดเมื่อครู่ของจั๋วซือหรานออกแน่นอนตัวตนตอนนี้ของนางเหมาะมากเพราะตัวตนของนางตอนนี้ ไม่ชัดเจนอย่างที่สุดจะบอก