แต่แน่นอนว่าเขาไม่เลือกที่จะต่อสู้จนตายได้ หากวจิ่วถูกเหยียนอีตีจนตาย เขาจะไม่รู้ว่าจะอธิบายแก่ตระกูลจั๋วได้อย่างไรเขารังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีการหนุนหลังของตระกูล และเขายังรังแกนางจนตาย คำเล่าลือสามารถทำลายชื่อเสียงของผู้คนได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลเหยียนเสียหน้าอย่างหนักและไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนแล้วยิ่งไปกว่านั้น เขายังคงรอจั๋วซือหรานเป็นแรงงานเปล่าหนึ่งปีเพื่อกลั่นยาให้ตระกูลของเขาผู้อาวุโสสี่เหยียนรีบกล่าว "ไม่ต้องถึงขั้นที่ทำร้ายมิตรภาพหรอก หยุดมื่อเมื่อตัดสินชัยชนะได้"จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนี้ผู้ที่ชมการแข่งขันในก่อนหน้านี้เคยเห็นจั๋วซือหรานชนะมาหนึ่งตาแล้ว ดังนั้นในตอนแรกพวกเขาทุกคนจึงคิดว่าจั๋วซือหรานชนะแน่นอนแต่เมื่อพวกเขาเห็นจั๋วซือหรานตกลงที่จะยอมแข่งกับตระกูลเหยียนอีกสามตา และยอมกฏที่ว่า ผู้ใดชนะสองตา คนผู้นั้นชนะ แถมยังต้องแข่งศิลปะการต่อสูเ ทั้ง ๆ ที่นางไอหนักเช่นนั้น...ทุกคนไม่เชื่อนางมีโอกาสชนะ พวกเขาแค่รู้สึกว่าสถานการณ์นั้นไม่ดี“โถ แม่นางจั๋วจิ่วคนนี้จริง ๆ เลย ชนะตาเดียว ดีใจจนเหริงเลยหรือ”“ใช่สิ นางคิดว่าตัวเ
เหยียนอีได้ยินเพียงเสียงที่ชัดเจนของนาง แต่เขาไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากไหน เสียงนั้นปะปนอยู่ในสายลมและลอยเข้าไปในหูของเขาในเวลาเดียวกัน จั๋วซือหรานไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาอีกต่อไปเหยียนอีรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อเขาได้ยินเสียงประหลาดใจและเสียงหายใจเข้าลึก ๆ จากรอบตัวเขาพลังที่สะสมอยู่ในร่างกายเขาแต่ก็สลายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงระบบเส้นลมปราณถูกยืดออกด้วยแรงมหาศาลชั่วครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ดูเหมือนจะคลายตัวลงชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกว่างเปล่าทำให้เหยียนอีเกือบทรงตัวไม่ได้ในชั่วขณะนั้น“เกิดอะไรขึ้น...” ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนไม่ทันสังเกตการเคลื่อนไหวของจั๋วซือหราน ต่างไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขาเห็นแต่จั๋วซือหรานถือเข็มทองคำสองสามเล่มไว้ในมือ แล้วจู่ ๆ นางก็หายตัวไป เมื่อนางปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็อยู่ข้างหลังเหยียนอีเพียงไม่กี่ก้าวแต่เหยียนอี ซึ่งแต่เดิมดูเหมือนเส้นเลือดของเขาจะโผล่ออกมาและท่าทีที่เขากำลังระเบิดความแข็งแกร่งออกมา จู่ ๆ ก็ยุบลงและใบหน้าของเขาก็ซีดขางเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้เขาดูตัวใหญ่มากในขณะนี้ เขาดูเหมือนเ
แต่ในขณะนี้ เหยียนอีรู้สึกถึงวิกฤติครั้งใหญ่มันเหมือนกับสัญชาตญาณทางชีววิทยา เขามีความรู้สึกน่าขนลุกของสัตว์กินพืชที่ตกเป็นเป้าหมายของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่แต่นี่เป็นไปได้อย่างไร เด็กผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่สามารถบดขยี้สัตว์ขนาดเล็กจนตายได้เพียงแค่หยิกนิ้วเดียวเขามีความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไรผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มองไม่ออก พวกเขาแค่คิดว่าจั๋วซือหราน เป็นคนลึกซึ้งและพวกเขาเดาไม่ถูกนางอยากจะทำอะไรส่วนผู้ที่มองรู่เรื่องรวมถึงผู้อาวุโสสี่เหยียน พวกเขาต่างประหลาดใจ นางไม่ใช่เพียงคนลึกซึ้งและเดาออกยากริมฝีปากของผู้อาวุโสสี่เหยียนสั่นไหว ทันใดนั้นเขาก็จำได้คำถามของจั๋วจิ่ว นางได้ถามเขาว่า ให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสมหรือให้นางหยุดจนกว่ามีคนต้องตาย เมื่อเขาตอบว่า ให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสม ความเศร้าแวบขึ้นมาในดวงตาของนางคืออะไรนั่นควรจะเป็น...ความผิดหวังกระมังหากเขาไม่เลือกให้นางหยุดในเวลาที่เหมาะสม จั๋วจิ่วคงฆ่าใครซักคนในสนามนี้ต่อหน้าต่อตาทุกคนแล้วผู้อาวุโสสี่เหยียนรู้สึกเขาแทบจะหายใจไม่ได้ หากไม่ใช่เป็นเพราะเขา... ปฏิเสธยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไร้ยางอายและยืนกรานที่จะ
ในขณะที่ป้ายของศูนย์การแพทย์เหยียนพังและตกบนพื้น ทุกคนต่างตกใจกัน“ จั๋วซือหรานคนนี้ นางกล้าทำจริง ๆ ”“นางนี่แหละ เป็นคนแรกที่พูดจริงทำจริง...นางไม่ไว้หน้าให้ตระกูลเหยียนจริง ๆ ”“ตอนนี้นางไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักงานใหญ่ของตระกูลจั๋วอีกแล้ว นางไม่ได้รับการหนุนหลังจากตระกูล แต่นางไม่กล้าทำให้ผู้อื่นแค้นเคืองจริง ๆ ”“แต่ตอนนี้...ใครจะกล้าทำอะไรนางล่ะ เจ้าเองก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหยียนอีใช่ไหม”“โอ๊ย แค่คิดก็เจ็บคอแล้ว หากผู้อาวุโสของตระกูลเหยียนไม่เรียกให้หยุดทันเวลา จั๋วจิ่วคงตัดหัวของเหยียนอีไปแล้ว”จั๋วซือหรานได้เก็บอาวุธในมือของนางอย่างสบาย ๆจากนั้นทุกคนจึงเห็นว่าตั้งแต่ต้นจนจบ นางยังคงแต่งกายด้วยชุดสีขาวแบบเดียวกับชุดที่นางสวมตอรชนที่นางมาถึง เสื้อผ้าของนางยังคงสะอาดและเรียบ นางดูมีบุคลิกที่ห่างไกลและประณีตที่ไม่เหมือนผู้อื่นหากเจ้าไม่เห็นด้วยตาตัวเองว่า ก่อนหน้านี้ นางยืนอยู่ข้างหลัง เหยียนอี ดาบในมือของนางยื่นจากด้านหลังและวางที่คอของเหยียนอี ราวกับว่านางกำลังจะตัดคอของเขาในวินาทีถัดไปใครก็ตามที่มองไปที่จั๋วซือหรานที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวคงไม่คิดว่า นางเป็นผู้ที่โหด
“ เหยียนชางต้องคุกเข่าลงและขอโทษข้า และเขียนแผ่านป้ายที่มีเนื้อหาว่า ยอมแพ้ เรื่องนี้ อย่าว่าล่าช้าไปปหนึ่งวันเลย ต่อให้ล่าช้าไปหนึ่งชั่วยาม หรือล่าช้าไปสิบห้านาทีก็ไม่ได้” เสียงของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความเย็นชาผู้อาวุโสสี่เหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเสนอ "สาวน้อยจั๋วจิ่ว ทำไมเจ้าต้องรีบขนาดนี้..."สาเหตุหลักคือ เขาได้ยินว่า เหยียนชางถูกทรมานอย่างหนักนับตั้งแต่เขาได้รับเชิญไปดื่มชาไปที่หน่วยสืบสวนพิเศษโดยซือหลี่ตันติ่ง ตอนนี้เหยียนชางดูแย่ามากไม่รู้ว่าตอนนี้เขาหายดีหรือยัง หากเขายังไม่หายดี และให้เขามาที่นี่ เขาจะไม่เสียหน้าต่อสาธารณะหรือจั๋วซือหรานหัวเราะเบา ๆ “เขาทำร้ายข้าอย่างไร ผู้อาวุโสสี่เหยียนต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานการณ์ในวันนี้ทั้งหมดเป็นเพราะเหตุผลนี้ ดังนั้น เว้นแต่ว่าวันนี้ท้องฟ้าถล่ม หากท้องฟ้าไม่ถล่ม เขาต้องมาขอโทษข้าให้ได้ และเขายังต้องเขียนแผ่นป้ายด้วย”นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสสี่เหยียนเกลียดเหยียนชางมากในใจ เขาเกลียดเจ้าโง่นั้นมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ได้สร้างผลงานใด ๆ แก่ตระกูล แต่สร้างปัญหาเก่งจริง ๆหากไม่ใช่เพราะเขาไปหาเรื่องผู้หญิงบ้า ๆ ค
เมื่อเหยียนฉีได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสสี่ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสสี่กำลังพูดอะไรอยู่น่ะเหยียนฉีทราบดี ผู้อาวุโสสี่ไม่สบายใจ และไม่สามารถระบายความโกรธต่อจั๋วซือหราน ดังนั้นเขาจึงพูดใส่คนอย่างตามอารมณ์แต่หากจั๋วซือหรานเป็นผู้ที่หาเรื่องได้ยาก เฟิงเหยียนก็ยากกว่า จั๋วซือหรานมากกว่าสิบเท่า“ผู้อาวุโสสี่ ท่าน…” เหยียนฉีขมวดคิ้ว แต่เขาไม่สามารถกล่าวหาผู้อาวุโสของตระกูลได้โดยตรง เขาทำได้เพียงหันสายตาไปที่เฟิงเหยียน และพยายามเรียกความสนใจของเฟิงเหยียน “ขอรับ ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปดูตอนนี้... "ก่อนที่เหยียนฉีจะพูดจบ เขาถูกเสียงอันเย็นชาของเฟิงเหยียนขัดจังหวะเฟิงเหยียนจ้องมองผู้อาวุโสสี่เหยียน ทันทีที่เขามองผู้อาวุโสสี่เหยียน ผู้อาวุโสสี่เหยียนก็รู้สึกเหมือนว่าเขาหนาวเหน็บเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้มีพลังวิเศษที่ร้อนแรงที่สุด แต่เขากลับมีสายตาที่เย็นชาที่สุด "เหยียนเซิ่ง ข้ามองไม่ออกเลยว่า เจ้ารู้จักข้อบกพร่องของตัวเองดีนะ ตามความจริง ตระกูลเฟิงไม่จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้ไม่ได้เรื่องอย่างพวกเจ้า "ทันใดนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสสี่เหยียน แล้วก่อนหน้านี้เขาพูดอย่
อย่างที่นางเดาไว้จริว ๆ เมื่อนางพูดจบ ดวงตาของฮั่วจือโจวก็หรี่ลงเล็กน้อย เขามีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย หากคนภายนอกไม่มองดี ๆ อาจมองไม่ออกเลยจั๋วซือหรานเห็นการเปลี่ยนเปลงจุดนี้ นางจึงหันไปมองฮั่วชิงหยวนฮั่วชิงหยวนยังคงไม่พอใจเล็กน้อย เพราะพี่ชายว่าเขาต่อหน้าผู้อื่น "พี่สาม พี่อย่าว่าข้าเสียมารยาทและโง่เขลาสิ"จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า " คุณชายห้าฮั่ว "“ฮะ” ฮั่วชิงหยวนมองนาง“เดิมทีเจ้าเลี้ยงข้าดื่มชาเพื่อฟังข้าเล่าเนื้อหาการสอบแพทย์กลั่นยา วันนี้เจ้าน่าจะได้ข้อมูลแล้ว” จั๋วซือหรานกล่าวฮั่วชิงหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตระหนักว่า ตอนที่จั๋วซือหรานเจรจากับผู้อาวุโสสี่เหยียนในเมื่อพวกเขากำลังเดิมพันกัน นางได้พูดถึงข้อสอบของนางในการสอบแพทย์กลั่นยาคือยาเม็ดกู้หยวนชั้นสี่“อ้าว ใช่เลย” ฮั่วชิงหยวนถามด้วยความสงสัย “แล้วมันเป็นยาเม็ดกู้หยวนชั้นสี่จริง ๆ หรือ”ฮั่วจือโจวขมวดคิ้วจากด้านข้าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ชิงหยวน”ฮั่วชิงหยวนโค้งริมฝีปากแล้วพูดว่า "ขอรับ ขอรับ ข้ารู้แล้วขอรับ แม่นางจิ่วไม่พูดเท็จต่อหน้าซือหลี่หรอก อีกอย่าง ซือหลี่ตันติ่งก็พยักหน้าและยืนยันแล้ว ข้าร
หลังจากได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน ฮั่วจือโจวมองนางอีกสองสามครั้ง มีความชื่นชมในดวงตาอันลึกซึ้งของเขาฮั่วจือโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วพูดกับจั๋วซือหราน" แม่นางจิ่วขอรับ เมื่อก่อนข้าเคยดูถูกเจ้า ทีนี้ ข้าขอดื่มชาแทนสุราเพื่อแสดงความเคารพแก่เจ้า"“คุณชายสามฮั่วเกรงใจเหลือเกิน” จั๋วซือหรานหยิบถ้วยขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “เมื่อก่อนข้าเป็นเช่นนั้น ไม่น่าให้คนอื่นชื่นชมหรอก”ในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิม หลังจากนางถูกใส่เสน่ห์หนอนพิษกู่ ชีวติของนางก็พังสลายไป และก่อนหน้านั้นเจ้าของร่างเดิมก็ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเนื่องจากสถานการณ์ที่บ้านเพราะท่านพ่อของนางเสียชีวิตในสงครามเป็นเวลาหลายปี อยู่ไม่เห็นศพ ตายไม่พบศพ ท่านแม่ของนางเป็นผู้ที่อ่อนแอ และเจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวคนโต ดังนั้นนางจึงมีแรงกดดันและปมด้อยของนางเองโดยธรรมชาติแล้ว นางไม่ได้ใช้ชีวิตอิสระอย่างจั๋วซือหรานหลังจากที่ทั้งสองคนดื่มชาแก้วนี้ไป ฮั่วจือโจวก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา "ข้าจะให้คนไปสืบสวนเรื่องที่แม่นางจิ่วถูกคนวางยาพิษ และเกือบเสียตัวไป"“เช่นนั้นข้าขอขอบคุณนะคุณชายสามฮั่ว” จั๋วซือหรานยิ้มและพูดนางเคยได้ยินมา
"เจ้า...เจ้าเจ้า..." เสียงของคนคุ้มกันประตูตะกุกตะกักขึ้นมาเขาเห็นหญิงสาวตรงหน้าหรี่ตายิ้ม แต่กลับไม่รู้สึกว่าอบอุ่นเลย ซ้ำยังสัมผัสได้ถึงอาการเย็นวาบที่แผ่นหลังอีกด้วยก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยางหน่วยคนคุ้มกันที่ผู้เฒ่าเหอส่งออกมารับมือจั๋วซือหราน แต่กลับล้มเหลวแถมยังบาดเจ็บ ก็กลับมาถึงจวนตระกูลเหอแล้วพอรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างล้มเหลว แล้วตลับหุ่นเชิดยังถูกแย่งไปอีกด้วย ผู้เฒ่าเหอก็โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้สนใจพวกคนคุ้มกันที่บาดเจ็บกลับมาเหล่านั้นเลย กระทั่งพวกเขาอันที่จิรงมีคนหนึ่งไม่ได้กลับมาด้วย ไม่รู้ว่าตายไปแล้วหรือยังแต่ภายใต้สถานการณืเช่นนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็ยังจะลงโทษพวกเขาก่อนหน้าที่จั๋วซือหรานจะมาถึงเมืองหยาง พวกเขาก็ถูกผู้เฒ่าเหอลงโทษด้วยแส้มาตลอดแรกสุดที่บาดเจ็บจากหมอกพิษที่ป่าทวนแสง แล้วยังรีบกลับมาอย่างสุดกำลัง บวกกับการลงแส้ของผู้นำตระกูลนี่อีกพวกเขาล้วนกลายเป็นธนูแผ่วปลายกันหมดแล้ว หายใจรวยรินและตอนนี้เอง ผู้เฒ่าเหอหยุดฟาดแส้ ไม่ใช่เพราะเห็นบาดแผลพวกเขาแล้วใจอ่อนลงมา แต่เป็นเพราะเอาแต่หวดแส้แบบนี้ ผู้เฒ่าเหอเองก็เหนื่อยขึ้นมาแล้วเท่านั้น
หัวหน้าคนคุ้มกันถอนหายใจออกมาเบาๆ "เป็นข้าที่เลินเล่อเอง ตอนที่แม่นางเข้าเมืองข้าลืมเตือนแม่นาง ว่าในเมืองหยางนี้มีเจ้าถิ่นอยู่""ถ้าหากไปเจอเข้า เลี่ยงไว้หน่อยก็จะดี ถึงอย่างไรแม่นางก็ไม่ได้คิดจะอยู่นานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น แม่นางมาจากเมืองหลวง คิดว่าก็น่าจะเข้าใจ ว่ามันจะมีพวกคน...ที่เหมือนกับพวกคางคงอะไรแบบนั้น" หัวหน้าคนคุ้มกันเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเข้าใจความหมายของเขา ก็ใช่ คางคกเวลาปีนขึ้นมาหลังเท้า ต่อให้ไม่กัดคน ก็ยังน่าขยะแขยงจั๋วซือหรานเลิกคิ้วขึ้น "ตระกูลเหอหรือ?"หัวหน้าคนคุ้มกันพยักหน้า "ตระกูลเหอขอรับ"เขาควรจะคิดถึงตั้งนานแล้ว ว่าคนตรงหน้าคนนี้ ตอนอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ยอมให้ใครมาข่มเหงง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงเมืองหยางเลยคิดๆ แล้วก็ใช่ คนตรงหน้าคนนี้คือคนที่ไม่เห็นห้าตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงในสายตา เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลขับไล่ แต่กลับถูกผู้อาวุโสมาเชิญให้กลับตระกูล...คนเช่นนี้ จะมาหวาดกลัวตระกูลเหอในเมืองหยางได้อย่างไรกันแต่หัวหน้าคนคุ้มกันยังคงจดจำบุญคุณที่จั๋วซือหรานมีต่อค่ายคุ้มกันและท่านแม่ทัพ ดังนั้น ไม่ว่าจั๋วซือหรา
จั๋วซือหรานชูเข็มในมือขึ้น เอ่ยว่า "สมอง"จากนั้นก็ใช้เข็มชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"ดีมาก ตอนนี้ก็เข้าใจได้แล้วจั๋วซือหรานตาเป็นประกาย!ไม่ว่าจะแมงมุมน้อยหรือพวกก้อนเนื้อ ตอนนี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ลิงโลดของจั๋วซือหรานแล้วเพราะตาของนางเปล่งประกายมาก!จากนั้นนางจึงชูเข็มในมือขึ้นอีกครั้ง "สมอง"ชี้ไปที่ห่วงแขนขาทั้งสี่ "ระบบประสาท"หลังจากพูดซ้ำเช่นนี้ไปหลายรอบ ตอนที่แมงมุมน้อยกับพวกก้อนเนื้อทวนซ้ำคำพูดกับท่าทางของนางได้การเคลื่อนไหวของนางในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลง!นางบีบขนมถั่วแดงไว้ในมือ เอ่ยขึ้นว่า "สมอง""เอ๋?" ในดวงตาเล็กๆ ของขนมถั่วแดงเบิกกว้างสงสัย ไม่ใช่เข็มนั่นที่เป็นสมองหรือ?จากนั้นนายท่านก้ดึงไหมกู่ของมันออกมาหลายเส้น เอ่ยขึ้นว่า "ระบบประสาท"จั๋วซือหรานตาเป็นประกายจนเหมือนดวงดาว "ไม่ต้องอธิบายแล้ว" นางหัวเราะขึ้นมา "ข้านี่มันอัจฉริยะจริงๆ อัจฉริยะ"เหล่าก้อนเนื้อันที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนายท่นา แต่สัมผัสได้ถึงอารมณ์เบิกบานของนายท่าน พวกมันก็รู้สึกดีใจตามขึ้นมาแมงมุมน้อยเหมือนจะเข้าใจบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนัก ดังนั้นจึงไม่ได้พูดแท
นิ้วของจั๋วซือหรานมีแสงหยกครบอยู่ชั้นหนึ่ง ยื่นตรงไปยังเข็มยาวสีดำที่ปักอยู่ตรงท้ายทอยของหุ่นเชิดความมืดเล่มนั้นขนมชาเขียวอยู่ข้างหูนาง เอ่ยขึ้นอย่างกังวล "นายท่าน ข้ารู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้อันตรายมากเลย...ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ขนมชาเขียวไม่ได้ร่าเริงเหมือนขนมถั่วแดง น่าจะเพราะมันมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัวดังนั้นการที่มันพูดเช่นนี้ จึงทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกแปลกใจมาก"อื๋อ? ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ?" จั๋วซือหรานมองไปทางมันขนมชาเขียวส่ายหัว เพราพวกมันล้วนเป็นก้อนเนื้อ พูดว่าส่ายหัว อันที่จริงก็คือก็โยกไปมาของครึ่งท่อนบนขนมชาเขียวบอกว่า "ข้าเองก็บอกไม่ถูก แค่รู้สึก ว่ามันเย็นเยือกมาก""เย็นเยือก..." จั๋วซือหรานทวนซ้ำคำพูดนี้ของขนมชาเขียวจั๋วซือหรานรู้ เพราะขนมชาเขียวมีพลังของไฟเย็นข่งเชวี่ยอยู่กับตัว ดังนั้นมันจึงค่อนข้างฉับไวกับสิ่งที่เย็นเยียบยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดความมืดคนนี้กับอักขระคำสาปบนตัวเหล่านั้น จะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนสิ่งที่มีพลังหยางเลยในใจจั๋วซือหรานคิดอะไรไว้บ้างแล้ว แสงหยกบนมือนางค่อยๆ สลายไป ค่อยๆ เปล่งแสงสีสันสวยงาม และมีความร้อนเหมือนเปลวไฟขึ้นมานางควบร
แต่อันที่จริงด้านในมีโพรงสวรรค์อยู่สมบัติที่นางสะสมมาจากชาติที่แล้วและชาตินี้ ห้องคลังก็ล้วนอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้นคลังของนางพูดได้ว่าใหญ่โตเอามากๆ กระทั่งคลังยังถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วย คลังยา คลังอาวุธ คลังเสบียงอาหารประจำวัน คลังของจิปาถะเป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีห้องหลอมสกัดยาของนางด้วย...อันที่จริงในชาติที่แล้ว มิติห้องหลอมสกัดยานี้ไม่ได้เอามาใช้หลอมยา แต่บางครั้งนางนำมาใช้เป็นการทดลองยาอะไรพวกนี้พอมาชาตินี้ ก็นำมาใช้หลอมยาสกัดยา ก็ยังถือว่าตรงสายงานเฉพาะทางอยู่ ไม่เสียเปล่าแล้วยังมีห้องเพาะเลี้ยงของตนเองด้วย ตอนนั้นตั้งใจจะมาเพาะเลี้ยงพวกของที่ไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ พวกเห็ดอะไรทำนองนี้ในมิติของนาง ด้านนอกเป็นพื้นที่โล่ง พวกพืชเองก็ปลูกแบบสะเปะสะปะแต่ว่าพวกเห็ดมันคือเชื้อราจริงๆ อยู่ด้านนอกก็ปลูกไม่ค่อยโต ดังนั้นจั๋วซือหรานจึงจงใจสร้างห้องเพาะขึ้นมาโดยเฉพาะเพียงแต่ตอนนี้ยังว่างอยู่จั๋วซือหรานก่อนหน้านี้โยนหุ่นเชิดความมืดเข้ามาในห้องเพาะปลูกนี้ชั่วคราวแต่ตอนนี้ มันไม่อยู่ด้านในแล้วถ้าตามที่แมงมุมน้อยว่า มันหลบอยู่ที่ด้านหลังของบ้านจั๋วซือหรานเดินเข้าไป ยื่นหน้
"ดังนั้นจึงมาลงมือกับเจ้าหรือ?" จั๋วซือหรานมองไปทางแมงมุมน้อย "ถึงอย่างไรพอพูดขึ้นมา เจ้าเองก็ก็เป็นสิ่งมีพิษที่หาได้ยากด้วยนี่ แล้วยังเป็นระดับราชาสัตว์ด้วย ถ้าเขาเสพติดพิษขึ้นมาด้วยคุณสมบัติร่างกายแบบนั้นจริงล่ะก็..."จั๋วซือหรานตบเบาๆ ลงไปบนแขนเคียวของราชาแมงมุมหน้าผี "เจ้าเองก็ตัวใหญ่ขนาดนี้ ถือเป็นของบำรุงที่ไม่เลยเลยทีเดียว"จั๋วซือหรานก็เหมือนตระหนักได้ถึงแก่นแท้เรื่องราวในชั่วพริบตาราชาแมงมุมหน้าผีได้ยินการคาดเดากับการวิเคราะห์ของจั๋วซือหราน ก็คิดขึ้นมาถึงความเป็นไปได้นี้ พอคิดไปถึงว่าตนเองเกือบถูกคนเอาไปเป็นของบำรุงแล้ว ก็อดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้"ยังดีที่นายท่านช่วยเหลือไว้" แมงมุมน้อยเอ่ยขึ้นแม้จะบอกว่า จั๋วซือหรานเข้าใกล้แก่นแท้ของเรื่องราวไปแล้วในชั่วพริบตานั้น แต่นางก็เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนักนางโบกไม้โบกมือ เอ่ยขึ้นว่า "ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่าคิดเล็กคิดน้อย ด้วยพลังของคนเมื่อครู่นี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ข้าก็ไม่ไปหาเรื่องเขาหรอก คนแบบนั้น การสู้ให้ตายกันไปข้าง น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร"จั๋วซือหรานพูดไปด้วยพลางสังเกตสภาพของแมงมุมน้อยไปด้วย จากนั้นจึงตบเบาๆ แล้วเอ่ยขึ
เจ้าคิดว่าข้าทรยศเจ้า ใช้ประโยชน์จากเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งเต็มประดานักหรือ?! เจ้ามันก็จนตรอกแล้วเท่านั้น!รอให้เจ้าจนตรอกเสียก่อน เพื่อจะมีชีวิตต่อไปเจ้าก็ต้องทรยศคนทั้งหมดเหมือนกัน! เจ้าจะลงหมอบคลานกับพื้นส่ายหางอย่างน่าสงสาร!เจ้าไม่ได้ดีกว่าข้าหรอก! เจ้าก็จะเป็นเหมือนข้า! ถึงอยี่างไร ข้าก็เป็นคนสอนเจ้ามา!"หลงเฉินพูดจบ ก็หัวเราะขึ้นอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สังเกตเห็นสีตาของเฟิงเหยียน ที่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนเป็นลึกซึ้งขึ้นมาพอควรเสียงของเฟิงเหยียนกดลงต่ำมาก แต่กลับหนักแน่น "ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น"เขาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่น่าเศร้าซึ่งพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดในสมองก็อดคิดถึงเรื่องเหล่านั้นสมัยยังเด็กขึ้นมาไม่ได้เสียงที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ นั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อบานสะพรั่ง หลับตาพริ้ม กำลังดื่มชาขาวดอกสาลี่ยิ้มตาหยีบอกกับเขาว่า "เหยียนเอ๋อร์ อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพยายามอยากจะเติบโตอยากจะแข็งแกร่งขนาดนั้นหรอก เพราะพอเติบโตแล้ว...มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด คำของข้า รอเจ้าโตแล้วก็จะเข้าใจเอง"ตอนนั้นใบหน้าที่อ่อนโยนอบอุ่นของชายคนนี้ ค่อยๆ ซ้อนทับกับใบหน้าที่บ้าคล
สีหน้าหลงเฉินปั้นยากมาก แต่...ไอ้การข่มกันของธาตุนี้เหมือนกับเป็นความสามารถแต่กำเนิด! ควบคุมได้ยากมากดังนั้นในพริบตาที่อุณหภูมิร้อนแรงบนตัวเฟิงเหยียน กับประกายไฟไร้รูปร่างปรากฏขึ้นร่างของหลงเฉินก็เบี่ยงหลบไปอย่างควบคุมไม่ได้เขียนเอ่ยเสียงแข็ง "เจ้า...จะทำอะไร"เฟิงเหยียนเหมือนห่อไว้ด้วยเปลวไฟทั้งตัว ทั้งร่างราวกับเป็นลูกไฟ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วจึงเดินไปด้านหน้าโดยไม่สนใจใครไม่นานนักก็มาถึงตำแหน่งใจกลางหมอกพิษ จึงมองเห็นบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบใจกลางเทียนช่อนั้นมันเป็นเหมือนกับชื่อเลย มีเจ็ดดอก ใบเจ็ดใบ ทุกดอกล้วนเป็นสีม่วง เกสรสีเหลืองยาวมาก ราวกับเป็นเทียนแล่มหนึ่งอย่างไรอย่างนั้นมันบานอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ บ่อน้ำยังใหญ่ไม่เท่าใบหน้าเลย แต่ของเหลวที่อยู่ด้านใน ดูแล้วกลับเป็นสีม่วงเข้ม!และเจ้าของเหลวสีม่วงเข้มเหล่านี้ พอเดือดระเหย แล้วผสมเข้ากับความชื่นในอากาศของป่าทวนแสง นานวันเข้าจึงกลายเป็นหมอกพิษที่เข้มข้นขึ้น"ที่แท้ท่านก็คอยคุ้มครองเจ้าสิ่งนี้นี่เอง" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งหลังจากนั้นจึงยื่นมือไปทางบัวเจ็ดดอกเจ็ดใบแกนกลางเทียนช่อนั้น"หยุดนะ!" หลงเฉินตะโก
หลงเฉินเนื่องจากร่างกายแบกพลังมังกรหนามม่วงไว้ แต่สิ่งที่ต้องนำมาสะกดนั้นตรงข้ามกับเฟิงเหยียนหลงเฉินเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาคุณสมบัติต่อพิษ ถ้าหากไม่มีการหาสิ่งที่พิษ พิษของมังกรหนามม่วงในร่างกายก็จะเริ่มทำร้ายตนเองอันที่จริงถ้าหากจั๋วซือหรานอยู่ที่นี่แล้วมีปฏิกิริยากับเนื้อหาที่เฟิงเหยียนพูดมาล่ะก็ คงจะมีคำจำกัดความให้อย่างรวดเร็วว่า:นี่มันก็เหมือนกับติดยาเสพติดนี่นาสถานการณ์ของหลงเฉินตอนนี้เป็นเช่นนี้จริงๆ"เพราะที่พรมแดนใต้มีสิ่งมีพิษอยู่มากกว่า" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้น "แต่ก่อน บางทีท่านก็หายไประยะหนึ่ง บอกว่าตนเองปิดด่าน หลังจากกลับมาสีหน้ากับสภาพก็ไม่ค่อยสู้ดีนักตอนนี้พอคิดๆ ดู ท่านก็น่าจะไปเอาสิ่งมีพิษมาใช้ประโยชน์กับตัวเองสินะ...ท่านอยู่แค่ในป่านี้ ก็เพราะที่นี่มีหมอกพิษข้าเดาว่าท่านคิดจะสูดรับหมอกพิษเหล่านี้แล้ว ค่อยไปยังใจกลางหมอกพิษเอาสมบัติที่ก่อหมอกพิษหนาแน่นนี้มาใช้ประโยชน์กับตนเองและสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ท่านลงมือกับสัตว์อสูรของจั๋วเสียวจิ่ว ก็น่าจะเพราะแมงมุมตัวนั้นไปพบกับสมบัติที่ใจกลางหมอกพิษ แล้วกำลังจะเก็บมันมาสินะยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะ แมงมุมตัวนั้นก็เ