แชร์

บทที่ 1011

ผู้เขียน: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเห็นขั้นตอนสีหน้าขรึมลงของเฟิงอวี้อย่างชัดเจน ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้สีหน้าเขายังมีความอบอุ่นที่ไม่ใส่ใจแยแสอยู่บ้างล่ะก็

ตอนนี้ กระทั่งความอบอุ่นสักนิดก็ไม่เหลืออยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้ากับสายตาเขาตอนนี้ กระทั่งจั๋วซือหรานก็ยังรู้สึกว่า...อันตราย

ในความเป็นจริง หลังจากที่นางข้ามมาอยู่ในโลกแปลกหน้านี้ ก็ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความอันตรายแบบนี้เท่าไรนัก

ดังนั้นตอนนี้จู่ๆ สัมผัสความรู้สึกนี้ได้ขึ้นมา บนหน้าแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แต่ในใจก็ญังสั่นสะเทือนขึ้นมาบ้างเหมือนกัน

สิ่งนี้ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกว่า บางทีเฟิงอวี้ที่ตนเองพบมาก่อนหน้านี้ เป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้น

ส่วนตัวจริงของเขา อันที่ซ่อนอยู่ลึกเอามากๆ

มือจั๋วซือหรานกำแน่นเล็กน้อย นิ้วกดไปบนแหวนเสวียนเหยียน เตรียมการรับมือต่างๆ เอาไว้แล้ว

ถ้าหากเฟิงอวี้จะทำอะไรจริง อย่างน้อยนางก็ยังมีปฏิกิริยาได้ทันที

ดวงตาจ้องเขม็งไปที่เฟิงอวี้ คอยจับการตอบสนองของสีหน้าเขาตลอดเวลา

กระทั่งยังไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว

จั๋วซือหรานในที่สุดก็เจอกับการตอบสนองของเฟิงอวี้ พอจะถอนใจโล่งออกมาได้ เฟิงอวี้
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1012

    จั๋วซือหรานรู้ ตนเองเดิมพันไว้แล้ว"เจ้าถามได้อีกสองข้อ""ขอสาม" จั๋วซือหรานต่อรองเฟิงอวี้เหมือนจะรำคาญ คิ้วขมวดแน่น แต่กลับไม่พูดปฏิเสธอะไรจั๋วซือหรานถาม "ตอนนั้น ท่านสมัครใจหรือเปล่า"สายตาคมเหมือนกระบี่ของเฟิงอวี้จู่ๆ ก็มองไปทางจั๋วซือหราน "เจ้านี่กล้าหาญเสียจริง เจ้ารู้ไหมว่าตนเองถามอะไรออกมา""รู้สิ" จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้ากำลังถาม ว่าท่านตอนนั้นเป็นเหมือนเฟิงเหยียนที่จำข้าไม่ได้ เรื่องที่เสียความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาไป ท่านสมัครใครหรือเปล่า?"เฟิงอวี้จ้องมองตานาง กัดฟันตอบเสียงลอดไรฟันมาคำหนึ่ง "ใช่"จั๋วซือหรานลมหายใจสับสนขึ้นมา ถามคำถามที่สองต่อ "เช่นนั้น เฟิงเหยียนที่สูญเสียความทรงจำตัวข้าไป เรื่องนี้เขาก็สมัครใจอย่างนั้นหรือ?"สายตาเฟิงอวี้ยังคงจ้องที่นาง ไม่ได้ย้ายไปไหน เขาไม่ได้ตอบทันที แต่ถามมาว่า "เด็กน้อย เจ้ารู้เรื่องพวกนี้แล้วมันมีความหมายอะไร? ขอเตือนเจ้าไว้นะ ตอนที่ควรจะดูแลตัวเองก็ดูแลตัวเองไปซะ ตอนนี้เจ้เาองก็มีความสุขดีอยู่ไม่ใช่หรือ?"จั๋วซือหรานเม้มปากแน่น ฟันในปากออกแรงกัดแน่น ในปากมีกลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมา นางเอ่ยขึ้นว่า "นั่นมันเรื่องของข้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1013

    ดวงตาของเฟิงอวี้ ราวกับมีสีแดงเลือดแผ่ขยายออกมา "หลังจากนั้นรึ?""ข้ารู้การตัดสินใจของพวกเขา และรู้ว่าการมีลูกให้กับคนที่แบกพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงไว้มันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจไว้แล้ว ข้ากับเสวี่ยเจินชีวิตนนี้จะไม่มีลูกกัน"พวกเขาบอกกับข้าว่า จะปล่อยข้าไปก็ได้อยู่ แต่ถ้าข้าอยากให้เสวี่ยเจินอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องให้ตระกูลมีคนที่จะแบกโชคชะตาอีกคนปรากฏขึ้นมา แต่เนื่องจากพฤติกรรมการหลบหนีของข้ากับเสวี่ยเจินก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจข้าได้แล้วดวงตาจั๋วซือหรานเบิกโพลงขึ้นมา เหมือนพอจะเดาถึงสถานการณ์ภายหลังนี้ได้ "พวกเขาเลยลบความทรงจำของทม่าน""ใช่ พวกเขากลัวข้าจะหนีไปกับเสวี่ยเจินอีก เลยจะลบความทรงจำข้าออกไป" เฟิงอวี้ตอบ "ข้าจึงรับปากไป""เพราะอะไร?" จั๋วซือหรานเม้มปาก "นั่นมัน...อาจจะเป็นกับดักชัดๆ"อันที่จริงที่จั๋วซือหรานอยากพูดคือนั่นมันเป็นกับดัก นางพูดอ้อมลงหน่อยเฟิงอวี้หัวเราะขึ้นเสียงหนึ่ง ฟังแล้ว...เย็นชามาก เขาไม่ได้อ้อมค้อม เขาเอ่ยขึ้นว่า "นั่นล่ะคือกับดัก""แต่ข้าตอนนั้นคิดว่า ถ้านั่นเป็นกับดักข้าก็ต้องยอมแล้ว พวกเขาก็แค่อยากให้ข้าเป็นคนแบกโชคชะตาตร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1014

    จั๋วซือหรานพอได้ยินเขาพูดถึงจุดนี้ ก็รู้ว่าเรื่องในอดีตเหมือนจะจบลงแล้ว นางก็เหมือนคนที่เพิ่งยกภาระออกจากอก ถอนหายใจยาวออกมาเงียบๆเฟิงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางดูแล้วไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้าขนาดนั้นแล้วมองออกไม่ยาก เขาก็เหมือนเพิ่งยกภาระออกจากอกเช่นกันมีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้มานานแค่ไหน คำพูดเมื่อครู่นี้ คือคำตอบที่ให้กับนาง ขณะเดียวกันอาจจะเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกตนเองออกมาด้วยก้ได้? จั๋วซือหรานคิดในใจจากนั้นก็คือความงงงัน พอย้อนนึกถึงความคิดนี้อีกครั้ง ก็จริง มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้แล้วนานแค่ไหนจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "เฟิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้เลย" นางใช้น้ำเสียงที่ยืนยัน ถ้าหากเฟิงเหยียนรู้เรื่องนี คงไม่มีทางมีท่าทีแบบนั้นกับพ่อของเขา...ท่าทีที่เหมือนว่าพ่อเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งอย่างยิ่งไปกว่านั้น...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว บอกต่ออีกว่า "ตระกูลเฟิงไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าท่านฟื้นคืนความจำแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเอาความเสียงอย่างท่านมาไว้ในตระกูล กระทั่งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย"เฟิงอวี้มองนาง ในดวงตามีสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1015

    จั๋วซือหรานเรียบเรียงความคิดในหัว เรียบเรียงเรื่องราวออกมาให้ชัดเจน เอ่ยออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน"ท่านไม่รู้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนกับครรภ์พิษ สร้างตราประทับให้กับเฟิงเหยียนตั้งแต่ในครรภ์แม่ ดังนั้นท่านจึงไม่คิดจะให้เขาเป็นแบบท่าน ทรยศเจ้าโชคชะตาที่ยากลำบากนี้ ท่านปั้นเรื่องราวขึ้นมาภายใต้การยอมรับของตระกูลเฟิง"ท่านทำให้เขาเกลียดท่าน กระทั่งดีใจด้วยซ้ำที่มันเป็นเช่นนั้น ก็เพื่อให้ตอนที่เขาออกไปหลังจากนี้ ไม่ถูกท่านถ่วงแข้งขาไว้อีก ดังนั้นเฟิงเหยียนจึงได้ออกไปท่องโลกมานานในช่วงอายุยังน้อย กระทั่ง...เกือบจะได้สัมผัสถึงอิสระแล้วแต่เขาดันกลับมา ทรยศสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตา คิดแล้วก็น่าจะเพราะเขาถูกประทับตราพลังศักดิ์สิทธิ์ไปตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ ถ้าหากโตมาถึงระดับหนึ่ง...บางทีภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง ถ้าไม่ได้รับสืบทอดพลังศักดิ์สิทธิ์ ก็อาจจะจบไม่สวยนัก...จั๋วซือหรานพูดถึงตรงนี้ ก็ตั้งใจครุ่นคิดขึ้นมา งึมงำกับตนเองว่า "เงื่อนไขอะไรกันนะ..." นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเงยตามองไปทางเฟิงอวี้ ถามขึ้นว่า "กระบี่ประจำตระกูลใช่ไหม"เฟิงอวี้มองนาง ไม่ได้ตอบ แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆจั๋วซือห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1016

    "ใช่ ตระกูลเฟิงจะว่าอย่างไรก็คือมองข้ามเจ้าไป ไม่คิดว่าจะมีตัวตนแบบเจ้า พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะดึงดูดพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงของเฟิงเหยียนมาใช้กับตนเองได้ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกว่ายากจะควบคุม ตัดสินใจเลือกปล่อยเจ้าทิ้งไปเสีย"ส่วนเหยียนเอ๋อร์...หลังจากที่รู้ว่าอาจจะทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บ จึงเห็นด้วยกับวิธีลบความทรงจำของพวกเขา เขารู้นิสัยเจ้าดี ร้ว่าเจ้ากล้ารักและกล้าเกลียดดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า ขอแค่เขาจำเจ้าไม่ได้ ด้วยนิสัยของเจ้า ไม่มีทางที่จะเอาแต่อยู่กับเขาไม่จากไปไหนแน่นอนถึงแม้ในสายตาคนนอกเจ้าจะดูเหมือนรักเขาอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเข้าใจนิสัยแท้จริงของเจ้าดี ดังนั้น เขาทำถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าหนีได้ก็ควรจะรีบหนีไปซะ อย่ากระโดดมาลงหลุมอีก ข้าเตือนเจ้าไปตั้งนานแล้วพอฟังคำเหล่านี้ของเฟิงอวี้ จั๋วซือหรานจึงถามว่า "แล้วพวกท่านล่ะ? เฟิงเหยียนเหมือนตัดสินใจจะออกไปท่องเที่ยวนอกเมืองหลวงแล้วนี่?""ใช่ ตระกูลเฟิงถูกตัวตนของเจ้าเล่นงานจนรับมือไม่ทัน ดังนั้นตอนนั้นขอแค่เขาเห็นด้วยกับการลบความทรงจำ ตระกูลเฟิงก็จะเห็นด้วยกับเงื่อนไขที่มากมายของเขา หนึ่งในนั้นคือส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1017

    ตอนที่เฟิงอวี้มีปฏิกิริยาถึงความหมายในคำพูดนาง เจ้าเด็กคนนี้ก็กระโจนหนีไปทางยอดไม้แล้วตอนนี้มันใช่ปัญหาเรื่องนามสกุลของลูกหรือ!เฟิงอวี้แค่รู้สึกว่าหนังหัวตึงขึ้นมา ก่อ่นหน้านี้บางทีคงไม่ทันสังเกต แต่ตอนนี้ ตัวตนของสายตาที่จับจ้องอยู่ด้านหลังนั้นเพิกเฉยไปไม่ได้เลยไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้ว่าฟังอยู่นานแค่ไหน ฟังไปมากแค่ไหนพอเฟิงอวี้หมุนตัว ก็เห็นว่าในมุมมืดไม่ห่างไปนัก ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าสีดำบนตัว เดิมทีก็ดูไม่เด่นอยู่แล้ว พอบวกกับการที่เขาเก็บงำตัวตนอย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นจึงยิ่งทำให้คนสังเกตเห็นได้ยาก เฟิงอวี้ตอนนี้ก็เพิ่งจะจับได้ถึงตัวตนเขาพอคิดถึงคำพูดเหล่านั้นก่อนที่จั๋วจิ่วจะออกไป ก็ฟังออกว่า นางเหมือนจะสังเกตได้นานแล้ว เจ้าเด็กนี่จริงๆ เลย สังเกตเห็นเขาแล้วแท้ๆ ดันไม่เตือนกันเสียหน่อยถ้าเตือนมาสักนิด เขาคงไม่พูดอะไรไร้สาระมากขนาดนี้หรอก ตอนนี้คงไม่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้เฟิงอวี้มองไปยังเฟิงเหยียนที่ยืนอยู่ในเงามืด ไม่ค่อยเจอจริงๆ บนใบหน้าเย็นชาแต่ไหนแต่ไรของเฟิงอวี้ ที่จะมีสีหน้าประหม่าขึ้นมาแบบนี้"เจ้ามาได้อย่างไรกัน" เฟิงอวี

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1018

    เฟิงอวี้มองขวดสุราผาดหนึ่ง สายตาก็เหมือนล่องลอยไปไกล แฝงไปด้วยความคิดคะนึง"ข้าดื่มสุรานี้ ไม่เดี่ยวกับอะไรกับพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดง" ปลายนิ้วเฟิงอวี้นวดคลึงเบาๆ บนขวดสุรา ลายมือที่สลักอยู่บนขวดสุรา เลือนลางจนมองไม่ชัดไปตามกาลเวลาต้องมองอย่างละเอียด ถึงจะเห็นว่า ด้านบนสลักคำว่า 'เสวี่ย' ไว้คำว่าเสวี่ยจากชื่อเสวี่ยเจินแม่ของเฟิงเหยียน"ตอนนั้นข้าถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ทรมาน ทุกวันเจ็บปวดแสนสาหัส แม่ของเจ้าก็คิดหาทุกวิถีทาง ถึงได้ทำสุราเหมันต์นี้ออกมาได้ บวกกับอักขระคำสาปพิเศษ จึงสามารถข่มพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทำร้ายตัวเองนี้ได้ในระดับหนึ่ง"เฟิงอวี้ทั้งที่พูดถึงความเจ็บปวดในอดีตแท้ๆ แต่อดีตพวกนั้นก็เคยเป็นช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตกับภรรยาด้วย ดังนั้นบนหน้าเขาจึงไม่มีสีหน้าความเจ็บปวดแม้แต่น้อย แต่กลับดูอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำไปเฟิงเหยียนพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ อันที่จริงก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอยู่ในมุมมืด ก็ได้ยินเนื้อหาเหล่านั้นที่ท่านพ่อบอกกับจั๋วจิ่ว นั่นมันก็ประหลาดมากแล้ว...ไม่สิ คำพูดเหล่านั้นสำหรับเขา บางทีน่าจะเป็นการพลิกผันทำให้ความคิดและความเชื่อที่ฝังลึกมานานหลายปีพลิกผันไปอ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1019

    จวนตระกูลเฟิงช่วงกลางดึก ยังคงดูคึกคักกลุ่มลาดระเวนของจวนตระกูลเฟิงแต่เดิมยังไล่ตามผู้บุกรุกจวนไม่ได้ ค้นหาไปจนทั่วทุกซอกมุมแล้วจึงเห็นร่างสีแดงร่างหนึ่ง เดินเข้ามาทางพวกเขาอย่างหยิ่งผยองคนของกลุ่มลาดตระเวนพอเห็น เบื้องหน้าก็มืดบอดไป!ทำไมถึงเป็นนางปีศาจนี่อีกแล้วล่ะ?!นางไม่ใช่ว่าไม่มาเล่นที่บ้านตระกูลเฟิงตังนานแล้วหรือ? ทำไมถึงมาอีกแล้วกัน?!ยิ่งไปกว่านั้นนางปีศาจคนนี้ นางมีท่าท่าที่แอบเข้ามาบ้านคนอื่นอย่างลับๆ ล่อๆ เสียที่ไหน?นี่นางปรากฏตัวอย่างหยิ่งผยองเลยต่างหาก!ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา กระทั่งยังโบกมือให้พวกเขาด้วย "ไม่เจอกันตั้งนาน"คนของกลุ่มลาดตระเวน หน้าดำคร่ำเครียดไปหมด! อะไรคือไม่เจอกันตั้งนาน?!ใครอยากเจอนางกัน!"จั๋วจิ่ว! เจ้าบังอาจนักนะ ถึงกับกล้าบุกเข้ามาจวนตระกูลเฟิงอีกครั้ง!" หัวหน้ากลุ่มลาดตระเวนตะคอกขึ้นมาจั๋วซือหรานคิดๆ "ก่อนหน้านี้ข้าก็มาบ่อยๆ คุ้นหน้ากันแล้วนี่ เจ้าไม่ต้องใช้น้ำเสียตกใจขนาดนี้ก็ได้ ช่วงนี้ข้าก็แค่มีเรื่องเยอะจนทำให้ล่าช้าไปเท่านั้น"คนของกลุ่มลาดตระเวนล้วนตะโกนกันในใจ! ถึงอย่างไรก็ล่าช้าไปแล้วนี่! เจ้าไม่ต้องมาอีกเลยก็ได้!จั๋วซือ

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1154

    รู้สึกเหมือนถูกสัตว์ร้ายจับจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น พอบวกกับ ที่จมูกตอนนี้ยังได้กลิ่นเลือดสดที่ทะลักออกมาจากคอของคุณชายฉินจนมีกลิ่นคาวเลือดจางๆและยังได้ยินเสียงอ่อคๆ ในคอของคุณชายฉินอีก ขนาดที่ความน่าเกรงขามที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แข็งแกร่งจนราวกับจะจับต้องมันได้ขึ้นมา!ดังนั้นพวกเขาที่เดิมทียังคิดจะบุกเข้าไป จึงยืนนิ่งตัวแข็งกันอยู่ที่เดิมพอเห็นท่าทางแข็งทื่อไปกะทันหันของพวกเขา จั๋วซือหรานก็เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ยกมุมปากเอ่ยขึ้นว่า "เป็นตัวเลือกที่ฉลาด"รอบๆ ไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนขึ้นมา "ให้ตายเถอะ! ใยหุ่นเชิด...มากมายเต็มไปหมด!""ให้ตาย! เยอะมากจริงๆ! นางเองก็เป็นปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนหรือ?!"พอได้ยินเสียงแบบนี้ขึ้นมารอบๆ พวกสำนักเมฆาวารีก็สังเกตเห็นขึ้นมา ว่าระว่างนางกับพวกเขา มีใยละเอียดอยู่มากมายจริงๆ...เพียงแต่มันโปร่งใสอยู่ตลอด ดังนั้น ถ้าหากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็จะมองไม่เห็นและมีใยหุ่นเชิดในนี้ ที่ย้อมเลือดอยู่ด้วยไม่รู้ว่านางปล่อยใยหุ่นเชิดมากมายขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไรคิดดูแล้วเมื่อครู่นี้คุณชายฉินน่าจะถูกปาดคอไปตอนที่นางใช้นิ้วปาดวาด ก็คงพราะเจ้าใยหุ่นเชิดพวกนี้สินะพลัง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1153

    คุณชายฉินหลังจากด่าออกมาอย่างเคืองๆ เหมือนความโกรธแค้นในใจเมื่อครู่ได้ระบายออกมาบ้างแล้วเขาถลึงตามใส่จั๋วซือหรานอย่างมาดร้าย เหมือนกับยังคิดจะด่ากราดออกมาอีกแต่...กลับพบว่า สีหน้าของหญิงสาวคนนี้กลับไม่มีหวาดกลัวและลนลาน จากการปรากฏตัวของคนสำนักเมฆาวารีเลยแต่เหมือนจะ...คุณชายฉินเดิมทียังถอนใจโล่งในใจ แต่ตอนที่เห็นสีหน้ากับแววตาของจั๋วซือหรานก็ตกตะลึงขึ้นฉับพลันเพราะเขารู้สึกได้ว่า สีหน้าและแววตาของหญิงสาวคนนี้ ไม่ใช่แค่ไม่หวาดกลัวลนลาน แต่ยังดูเหมือสมใจอยาก...ทำสำเร็จแล้ว?ทำสำเร็จเหรือ?!จะทำสำเร็จอะไรได้ยังไง?!ยังไม่ทันที่คุณชายฉินได้คิดจนเข้าใจรายละเอียดด้านใน ก็ได้ยินเสียงใสเย็นของจั๋วซือหรานที่แฝงด้วยรอยยิ้มเย็นชา เอ่ยขึ้นว่า "ออกมาไวเสียจริง ข้ายังคิดว่าต้องฆ่าคนก่อนเสียอีก ถึงจะลากพวกเจ้าออกมาได้..."คนสำนักเมฆาวารีเหล่านี้ เดิมทีเตรียมตำหนิที่จั๋วซือหรานบ้าบิ่นเอาไว้แล้วแต่ก็ถูกประโยคนี้ของนางอัดแน่นในลำคอจนพูดไม่ออกนี่...หมายความว่าอย่างไร?พวกเขาเดิมทีคิดว่นางจะคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงมือ พวกเขาเดิมคิดว่าตนเองจะหยุดยั้งพฤติกรรมของนางได้แต่ไม่คิดเลย...ว่านี่

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1152

    คนหลายคนกรูกันเข้ามาจากรอบด้านทันที ล้อมจั๋วซือหรานเอาไว้คุณชายฉินทนความเจ็บปวดไว้ หัวเราะเย็นชาขึ้นมา "แม่นาง เจ้านี่ช่างกล้าเหลือเกิน ข้าเห็นว่าเจ้าหน้าตาสวยหรอกนะ ถึงไม่อยากจะทำอะไรเจ้า เจ้าคุกเข่าลงขอโทษข้า จากนั้นก็ออกไปเที่ยวเล่นกับคุณชายอย่างข้าซะ เรื่องนี้ก็จะแล้วกันไป ดีไหม?""ไม่ดี" จั๋วซือหรานหัวเราะเย็นชาขึ้นมา แหงนตามองเขา "แล้วกันไปหรือ? ไม่เห็นจะน่าสนใจ ข้าไม่คิดจะให้มันจบลงแค่นี้"พูดจบ นางก็เหลือบมองไปยังคนที่ล้อมอยู่รอบๆจากนั้นสายตาก็กลับมาอยู่บนหน้าคุณชายฉิน เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงให้คนพวกนี้ซุ่มโจมตีลูกน้องข้าอยู่ด้านนอกสินะ?"คุณชายฉินเลิกคิ้วขึ้น ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ถือว่ายอมรับแล้วจั๋วซือหรานรู้สึกพอใจกับเรื่องนี้อยู่ ในเมื่อมากันแล้ว เช่นนั้นก็พอดีเลย จัดการมันซะทีละคน ไม่ต้องหนีไปไหนกันทั้งหมดนั่นล่ะจั๋วซือหรานโบกมือหยิบป้ายตาโยนไปบนหน้าคุณชายฉิน พลางลากเขาเดินออกไปด้านนอกในโรงน้ำชาเดิมทียังคึกคักอยู่ มีคนไม่น้อยที่คอยดื่มชาฟังมหรสพตอนนี้พอมีอะไรให้ดู ก็ดึงดูดสายตาทั้งหมดไปทันทีคุณชายฉินรีบรับป้ายนั้นที่นางโยนเข้ามามือเป็นร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1151

    นายบ่าวไม่นานนักก็มาถึงโรงน้ำชาที่เหลียนเจินมาหาข่าวไว้ก่อนหน้านี้ด้านในโรงน้ำชามีสายตาจับจ้องอยู่ไม่น้อย พอเห็นว่าเหลียนเจินไปแล้วกลับมา จึงมีคนกระซิบกระซาบส่งข่าวอย่างรวดเร็วไม่นานนัก ก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังลอดมาจากด้านใน ใช้น้ำเสียงที่ดูเหนือกว่าเอ่ยขึ้นว่า "โย่ว? ไม่หลาบจำสินะ? นี่ยังกล้ามาอีก ดูท่าก่อนหน้านี้จะสั่งสอนไปไม่พอ!"จั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็เอียงตามองเหลียนเจินผาดหนึ่งเหลียนเจินสบสายตากับนายท่าน พยักหน้าเงียบๆ แสดงออกว่าเสียงนี้คือคุณชายฉินก่อนหน้านี้จั๋วซือหรานหรี่ตาลง มุมปากกลับยกขึ้นมา มองไปทางต้นกำเนิดเสียงประตูโรงน้ำชา ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น สวมชุดคลุมค่อนข้างหรูหรา ในดวงตามีความประชดประชันเล็กๆแต่ตอนที่สายตาเห็นใบหน้าจั๋วซือหราน ก็ตะลึงไปฉับพลันแต่ก็เป็นเรื่องปกติ ใครก็ตามตอนเห็นใบหน้านี้ของจั๋วซือหรานครั้งแรก ยากนักที่จะไม่มีปฏิกิริยาครู่หนึ่งนางถึงตั้งตัวกลับมาได้ หัวเราะเชอะขึ้นมา "ทำไม? หาคนมาช่วยแล้วรึ?"จั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นตาก็โค้งเผยรอยยิ้มสวยจริงๆทำเขาตะลึงงันไปในพริบตา "เจ้า..."จั๋วซือหรานยิ้มตาหยีถามเขา "เมื่อครู่ คนของ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1150

    ถ้าไม่ยอมให้เขาออกมาล่ะก็..."ไม่ขอรับ เขาให้ข้าออกมา" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น "เพียงแต่ว่า ด้านนอกโรงน้ำชามีคนซุ่มอยู่ พอข้าออกมาจากโรงน้ำชาครู่เดียว ก็มีคนลอบโจมตีเข้ามา ข้าน้อยไร้ความสามารถ สู้พวกเขาไม่ได้ ถูกทำบาดเจ็บสาหัส...ถ้าหากไม่ใช่เพราะวิธีการที่นายท่านใส่ไว้บนตัวข้าน้อย วันนี้ข้าน้อยคง...กลับมาไม่ได้แล้ว""ในกลุ่มพวกเขา มีปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนอยู่หลายคน บกวกับหุ่นเชิดของพวกเขา คนก็มีมากกว่า ข้าน้อยหนีออกมาไม่ได้จริงๆ ยิ่งไปกว่นั้นหุ่นเชิดพวกเขายังฉาบยาพิษไว้อีก" เหลียนเจินเอ่ยขึ้น"หุ่นเชิดฉาบยาพิษก็ดูเป็นเรื่องปกติ" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "ถึงอย่างไรการจะเพิ่มพลังต่อสู้กับพลังสังหารของหุ่นเชิด ก็เป็นเรื่องที่ปรมาจารย์วิชาเหยี่ยนไม่มีทางพลาด"เหลียนเจินเข้าใจหลักการนี้อย่างเห็นได้ชัด พยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า "เพียงแต่ว่าเหมือนเพราะพิษนี้ ทำให้แมลงกู่ที่นายท่านทิ้งไว้บนตัวข้าก็ถูกปลุกขึ้นมา ตอนที่ข้าบาดเจ็บหนักจนเสียความสามารถการเคลื่อนไหว จู่ๆ ก็เข้าควบคุมข้า หนีการโจมตีเหล่านั้นออกมา..."ตอนที่เหลียนเจินพูดถึงตรงนี้ จั๋วซือหรานก็ได้ยินเสียงฟ่อๆ ของขนมชาเขียวขึ้นในมิตินาง "ไ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1149

    แบบนี้ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วส่วนเรื่องว่า ต่อให้ฉลาดแบบจั๋วซือหราน ก็ยังถูกน้องชายเล่นงานด้วยวิธีนี้จนไม่มีแผนรับมือไปชั่วขณะเลยทีเดียว"เจ้าเด็กคนนี้..." จั๋วซือหรานดูจนใจหน่อยๆ "ข้าไม่รู้เลยว่าจะหาตัวเขาได้จากไหน""แต่อย่างน้อยคุณชายจั๋วหวายก็ยังปลอดภัย ไม่ใช่ถูกทำเป็นผู้ทดลองยาก็ยังถือเป็นเรื่องดี" เหลียนเจินเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานจุ๊ปาก "ถ้าเขายังอยู่ในการดูแลของสำนักเมฆาวารี ตอนข้าไปช่วยเขาออกมา ต่อให้เขาถูกทำเป็นผู้ทดลองยาแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้เข้าไปเสริมให้กับคุณหนูสำนักเมฆาวารี ข้าก็ยังมีวิธีรักษาเขาอยู่""แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตนเองซ่อนอยู่ที่ไหน ถ้าหากเกิดสถานการณ์อะไรขึ้น ข้าก็ไม่รู้ทั้งนั้น ไม่แน่ว่าจะจับปฏิกิริยาได้ด้วย บางทีอาจจะอันตรายยิ่งกว่า" จั๋วซือหรานถอนหายใจออกมาแต่ว่า เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ต้องคิดหาวิธีแก้ไขจั๋วซือหรานถึงอย่างไรก็ยังเป็นจั๋วซือหราน เมื่อครู่ตอนที่นางรู้สถานการณ์ที่น้องชายตนเองหนีออกมา ก็แค่ตกตะลึงไปจนยังไม่ทันนึกแผนรับมือออกเท่านั้นแต่ตอนนี้มีแผนออกมาแล้วจั๋วซือหรานครุ่นคิด เอ่ยขึ้นว่า "เอาแบบนี้ อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็เอาเรื่องที่ข้ามาเมือ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1148

    เกรงว่าคงเพราะ..ขนมชาเขียวยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการเดินกระมัง ดังนั้นตอนที่ควบคุมร่างของเหลียนเจินให้เดินจึงดูแปลกประหลาด"ขนมชาเขียวนี่เจ้า..." จั๋วซือหรานเองก็ตระหนักขึ้นมาได้ ว่าสถานการณ์นี้แม้จะน่าตกตะลึง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะมาซักไซ้ไล่เรียงต้องรีบรักษาแผลให้กับเหลียนเจินจั๋วซือหรานแตะลงไปบนตัวเหลียนเจินสองสามที ตามหลักการ ขนมชาเขียวควรจะออกมาจากตัวของเหลียนเจินจึงจะถูกแต่กลับไม่มีเลยแต่กลับไม่มีจั๋วซือหรานได้ยินเสียงฟ่อๆ ของขนมชาเขียว "นายท่าน เขาบาดเจ็บหนักมาก ข้า่ยังออกไปไม่ได้!"จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว จึงยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากเหลียนเจิน จากนั้นก็สำรวจชีพจรที่หลังเขาอีกหน่อย พลังวิญญาณการแพทย์สายวิเศษที่อ่อนโยนยิ่งใหญ่หลั่งไหลเข้าไปในเส้นลมปราณของเหลียนเจินกระตุ้นพลังยาลูกกลอนให้ออกฤทธิ์ทันที"แค่ก! แค่กๆ...!" เหลียนเจินไอขึ้นมาอย่างรุนแรง ตอนที่ไอ เลือดสดก็ทะลักออกมาจากในปากด้วยแต่บนสีหน้า กลับดูดีขึ้นมาบ้างแล้วจั๋วซือหรานตอนนี้จึงยื่นมือไปกดบนตัวเขาอีกที ขนมชาเขียวจึงออกมาจากบนตัวเหลียนเจินขนมชาเขียวถอนใจโล่งออกมาดัง 'ฟิ้ว' กอดนิ้วของจั๋วซือหรานไว้ เอ่ย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1147

    ผู้จัดการไม่กล้าพูดแล้ว นำจั๋วซือหรานไปที่ห้องแขกอย่างว่าง่ายน่าจะเพราะเข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นคนที่ไม่ควรไปแหยมด้วย ดังนั้นผู้จัดการกระทั่งคำพูดก็ยังระมัดระวังขึ้นมาไม่น้อยหลังจากส่งจั๋วซือหรานมาที่ห้อง ผู้จัดการก็กลับมาถึงโถงหน้า ถึงเพิ่งได้รู้สถานการณ์ที่ประตูเมืองก่อนหน้านี้"ข้าก็ว่านางเป็นหญิงสาวคนหนึ่งทำไมถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้ ที่แท้ก็คนชั้นสูง..." ผู้จัดการมุมปากกระตุก แม้ปากจะพูดว่าคนใหญ๋โต แต่ในสีหน้ากลับไม่ได้ดูมีความเคารพอยู่เลยในความคิดในสายตาเหมือนจะมีอาการประชดประชันอยู่ด้วย"สรุปคือ เจ้าคอยจับตาดูทางนี้ คนแบบนี้ถ้าหากดึงเป็นพวกไม่ได้ ทางที่ดีก็อย่าไปผิดใจด้วย""ทราบแล้ว""แล้วก็ ช่วงนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักเจ้าน่าจะเข้าใจอยู่ คนชั้นสูงแบบนาง เข้ามาในเมืองก็ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ดังนั้นเจ้าพยายามคิดหาวิธีตรวจสอบรถม้าของนางหน่อย...""ตรวจสอบไม่ได้" ผู้จัดการขมวดคิ้ว"อะไรคือตรวจสอบไม่ได้?" คนที่เข้ามาพูดกับผู้จัดการ น่าจะมีตัวตนระดับหนึ่งในสำนักเมฆาวารี หลังจากได้ยินคำนี้ของผู้จัดการ ในสีหน้าก็มีอาการไม่พอใจขึ้นอย่างชัดเจนผู้จัดการตอบว่า "เมื่อครู่ตอนนาง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1146

    ให้ความรู้สึก...แปลกประหลาดมากๆจั๋วซือหรานมองออกถึงความคิดของผู้จัดการ เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า "เจ้าให้พนักงานนำไปก็พอ ม้าของข้าจะตามไปเอง""อย่างนี้นี่เอง" ผู้จัดการจึงส่งสายตาให้กับพนักงานพนักงานเข้ามานำม้าไปเรือนหลังโรงเตี๊ยมทันทีอันที่จริงสายตาเมื่อครู่นี้ของผู้จัดการ ยังมีความหมายอื่นอยู่ด้วยพนักงานเข้าใจเจตนาเป็นอย่างดี ความหมายของผู้จัดการคือ ให้เขาหาโอกาสมองดูในรถม้าด้วยว่ามีสถานการณ์แบบไหนพนักงานนำรถม้าไปถึงเรือนด้านหลัง จากนั้นก็สังเกตไปรอบๆ พอพบว่าไม่มีคนกำลังมองตนเองเขาก็เลยยื่นมือออกไปเลิกม่ารถม้าออกเบาๆ คิดจะเปิดดูว่าด้านในมีสถานการณ์อย่างไรตอนเพิ่งแง้มเปิดได้เล็กน้อย กระทั่งยังไม่ทันได้มองว่าเป็นอย่างไรความเจ็บปวดที่รุนแรงวูบหนึ่ง ก็ซัดเข้าใส่อวัยวะสัมผัสทั้งหมดของเขา พริบตานั้น เหมือนความคิดกับการคิดอ่านทั้งหมดหายไปจนหมดสิ้นความเจ็บปวด มีแต่ความเจ็บปวด"อ๊าๆๆๆ...!"พนักงานล้มลงพื้นร้องครวญคราง เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา กระทั่งแขกทั้งหมดก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!และตอนนีเ้อง ผู้จัดการที่กำลังนำจั๋วซือหรานไปที่ห้องพักก็ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าเวทนานี้ขึ้น

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status