จั๋วซือหรานเห็นขั้นตอนสีหน้าขรึมลงของเฟิงอวี้อย่างชัดเจน ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้สีหน้าเขายังมีความอบอุ่นที่ไม่ใส่ใจแยแสอยู่บ้างล่ะก็ตอนนี้ กระทั่งความอบอุ่นสักนิดก็ไม่เหลืออยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นสีหน้ากับสายตาเขาตอนนี้ กระทั่งจั๋วซือหรานก็ยังรู้สึกว่า...อันตรายในความเป็นจริง หลังจากที่นางข้ามมาอยู่ในโลกแปลกหน้านี้ ก็ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความอันตรายแบบนี้เท่าไรนักดังนั้นตอนนี้จู่ๆ สัมผัสความรู้สึกนี้ได้ขึ้นมา บนหน้าแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แต่ในใจก็ญังสั่นสะเทือนขึ้นมาบ้างเหมือนกันสิ่งนี้ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกว่า บางทีเฟิงอวี้ที่ตนเองพบมาก่อนหน้านี้ เป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้นส่วนตัวจริงของเขา อันที่ซ่อนอยู่ลึกเอามากๆมือจั๋วซือหรานกำแน่นเล็กน้อย นิ้วกดไปบนแหวนเสวียนเหยียน เตรียมการรับมือต่างๆ เอาไว้แล้วถ้าหากเฟิงอวี้จะทำอะไรจริง อย่างน้อยนางก็ยังมีปฏิกิริยาได้ทันทีดวงตาจ้องเขม็งไปที่เฟิงอวี้ คอยจับการตอบสนองของสีหน้าเขาตลอดเวลากระทั่งยังไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วจั๋วซือหรานในที่สุดก็เจอกับการตอบสนองของเฟิงอวี้ พอจะถอนใจโล่งออกมาได้ เฟิงอวี้
จั๋วซือหรานรู้ ตนเองเดิมพันไว้แล้ว"เจ้าถามได้อีกสองข้อ""ขอสาม" จั๋วซือหรานต่อรองเฟิงอวี้เหมือนจะรำคาญ คิ้วขมวดแน่น แต่กลับไม่พูดปฏิเสธอะไรจั๋วซือหรานถาม "ตอนนั้น ท่านสมัครใจหรือเปล่า"สายตาคมเหมือนกระบี่ของเฟิงอวี้จู่ๆ ก็มองไปทางจั๋วซือหราน "เจ้านี่กล้าหาญเสียจริง เจ้ารู้ไหมว่าตนเองถามอะไรออกมา""รู้สิ" จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้ากำลังถาม ว่าท่านตอนนั้นเป็นเหมือนเฟิงเหยียนที่จำข้าไม่ได้ เรื่องที่เสียความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาไป ท่านสมัครใครหรือเปล่า?"เฟิงอวี้จ้องมองตานาง กัดฟันตอบเสียงลอดไรฟันมาคำหนึ่ง "ใช่"จั๋วซือหรานลมหายใจสับสนขึ้นมา ถามคำถามที่สองต่อ "เช่นนั้น เฟิงเหยียนที่สูญเสียความทรงจำตัวข้าไป เรื่องนี้เขาก็สมัครใจอย่างนั้นหรือ?"สายตาเฟิงอวี้ยังคงจ้องที่นาง ไม่ได้ย้ายไปไหน เขาไม่ได้ตอบทันที แต่ถามมาว่า "เด็กน้อย เจ้ารู้เรื่องพวกนี้แล้วมันมีความหมายอะไร? ขอเตือนเจ้าไว้นะ ตอนที่ควรจะดูแลตัวเองก็ดูแลตัวเองไปซะ ตอนนี้เจ้เาองก็มีความสุขดีอยู่ไม่ใช่หรือ?"จั๋วซือหรานเม้มปากแน่น ฟันในปากออกแรงกัดแน่น ในปากมีกลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมา นางเอ่ยขึ้นว่า "นั่นมันเรื่องของข้
ดวงตาของเฟิงอวี้ ราวกับมีสีแดงเลือดแผ่ขยายออกมา "หลังจากนั้นรึ?""ข้ารู้การตัดสินใจของพวกเขา และรู้ว่าการมีลูกให้กับคนที่แบกพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงไว้มันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจไว้แล้ว ข้ากับเสวี่ยเจินชีวิตนนี้จะไม่มีลูกกัน"พวกเขาบอกกับข้าว่า จะปล่อยข้าไปก็ได้อยู่ แต่ถ้าข้าอยากให้เสวี่ยเจินอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องให้ตระกูลมีคนที่จะแบกโชคชะตาอีกคนปรากฏขึ้นมา แต่เนื่องจากพฤติกรรมการหลบหนีของข้ากับเสวี่ยเจินก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจข้าได้แล้วดวงตาจั๋วซือหรานเบิกโพลงขึ้นมา เหมือนพอจะเดาถึงสถานการณ์ภายหลังนี้ได้ "พวกเขาเลยลบความทรงจำของทม่าน""ใช่ พวกเขากลัวข้าจะหนีไปกับเสวี่ยเจินอีก เลยจะลบความทรงจำข้าออกไป" เฟิงอวี้ตอบ "ข้าจึงรับปากไป""เพราะอะไร?" จั๋วซือหรานเม้มปาก "นั่นมัน...อาจจะเป็นกับดักชัดๆ"อันที่จริงที่จั๋วซือหรานอยากพูดคือนั่นมันเป็นกับดัก นางพูดอ้อมลงหน่อยเฟิงอวี้หัวเราะขึ้นเสียงหนึ่ง ฟังแล้ว...เย็นชามาก เขาไม่ได้อ้อมค้อม เขาเอ่ยขึ้นว่า "นั่นล่ะคือกับดัก""แต่ข้าตอนนั้นคิดว่า ถ้านั่นเป็นกับดักข้าก็ต้องยอมแล้ว พวกเขาก็แค่อยากให้ข้าเป็นคนแบกโชคชะตาตร
จั๋วซือหรานพอได้ยินเขาพูดถึงจุดนี้ ก็รู้ว่าเรื่องในอดีตเหมือนจะจบลงแล้ว นางก็เหมือนคนที่เพิ่งยกภาระออกจากอก ถอนหายใจยาวออกมาเงียบๆเฟิงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางดูแล้วไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้าขนาดนั้นแล้วมองออกไม่ยาก เขาก็เหมือนเพิ่งยกภาระออกจากอกเช่นกันมีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้มานานแค่ไหน คำพูดเมื่อครู่นี้ คือคำตอบที่ให้กับนาง ขณะเดียวกันอาจจะเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกตนเองออกมาด้วยก้ได้? จั๋วซือหรานคิดในใจจากนั้นก็คือความงงงัน พอย้อนนึกถึงความคิดนี้อีกครั้ง ก็จริง มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้แล้วนานแค่ไหนจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "เฟิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้เลย" นางใช้น้ำเสียงที่ยืนยัน ถ้าหากเฟิงเหยียนรู้เรื่องนี คงไม่มีทางมีท่าทีแบบนั้นกับพ่อของเขา...ท่าทีที่เหมือนว่าพ่อเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งอย่างยิ่งไปกว่านั้น...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว บอกต่ออีกว่า "ตระกูลเฟิงไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าท่านฟื้นคืนความจำแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเอาความเสียงอย่างท่านมาไว้ในตระกูล กระทั่งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย"เฟิงอวี้มองนาง ในดวงตามีสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
“เสียวจิ่ว ผู้นี้คือจวงเหยาเหยา นางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่ในท้องของนางแล้ว ในเมื่อวันนี้เป็นพิธีงานแต่งระหว่างข้าและเจ้า ข้าไม่อยากปิดบังอะไรเจ้า ข้าได้วางแผนที่จะให้นางมาเป็นนางสนม และข้าจะแต่งเจ้ากับนางเข้าเรือนในวันนี้"ฉินรุ่ยหยางไม่รู้สึกไร้ยางอายแม้แต่นิดเดียว“เจ้า...เมื่อครู่นี้เจ้าพูดอะไรนะ เจ้าพูดอีกครั้งสิ…”สีหน้าของจั๋วซือหรานดูซีดขาวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีแดงสดและมงกุฎหงส์นางจ้องเขม็งไปยังชายและหญิงที่อยู่ตรงหน้านางฉินรุ่ยหยาง"เสียวจิ่ว เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้าจะเป็นภรรยาหลวงที่มีเกียรติเสมอ ไม่มีใครมีอำนาจเหนือเจ้าได้ ในภายภาคหน้า เหยาเหยาจะเคารพเจ้าอันเป็นแท้ และลูกของนางก็จะเรียกเจ้าว่า แม่ใหญ่"จั๋วซือหรานยิ้มเยาะ "ข้าเกลียดคำเรียกนี้เสียจริง เด็กเหี้ยอะไรกันกล้ามาเรียกข้าเป็นแม่"ใบหน้าของฉินรุ่ยหยางนิ่งขรึมจวงเหยาเหยาน้ำตาเอ่อคลอ " พี่จั๋วเจ้าคะ หนูรู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย แต่เด็กที่อยู่ในท้องของข้านั้น เด็กไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย โปรดเห็นแก่เด็กคนนี้ที่เป็นสายเลือดของพี่ฉินด้วยนะ... "จั๋วซือหรานไม่มองนาง สายตาจ้องไปยังฉินรุ่ยหยางอย่
ฉินตวนหยางงและจวงเหยาเหยาถูกมัดอย่างแน่นจั๋วซือหรานก้าวขาเดินออกจากห้องด้วยความมั่นใจนางสวมชุดแต่งงานสีแดงอันสดใสและงดงาม เสมือนนางกำลังสวมชุดสู้รบ นางดูทรงมีพลังและองอาจหลังจากที่คุณหนูและคนใช้ทั้งสามเดินออกจากห้องไป บนหลังคามีเสียงหัวเราะดังขึ้นแผ่นกระเบื้องที่มุมหลังคาที่มิอาจได้รู้ว่า ถูกเปิดออกมาเมื่อใดเวลานี้กำลังถูกค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปอยู่ที่เดิมร่างของสองคนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนหลังคาชายหนุ่มทางด้านซ้ายแต่งกายด้วยชุดสีดำ เขามีใบหน้าเรียวงามส่วนชายหนุ่มทางด้านขวา เขายิ้มและมองเฟิงเหยียนที่อันหล่อเหลา บัดนี้เฟิงเหยียนกำลังเมินเฉยชายหนุ่มทางด้านขวาหัวเราะและพูด"เดิมทีข้าแค่อยากรู้ว่าจั๋วซือหรานที่ถอนหมั้นกับเจ้าจะงามเช่นใด ไม่คิดเลยว่า ภรรยาในอนาคตของเจ้าจะน่าสนใจขเช่นนี้หรอกนะ"ใบหน้าของเฟิงเหยียนนิ่งเฉย “เหยียนฉี เจ้าลากข้ามาที่นี่เพื่อปีนหลังคาของบ้านคนอื่นหรือ”แววตาของเฟิงเหยียนเย็นชา บุคคลิกของเขาประกายอารมณ์ที่ปฏิเสธผู้อื่นเข้าใกล้ชิดอย่างหนักแน่น "อีกอย่าง นางไม่ใช่คู่หมั้นของข้า"“เชอะ อย่าเย็นชาขนาดนี้สิ” ดวงตากลมโตของเหยียนฉีหรี่ลง “จั๋วจิ่วเพิ่งพูดไปเมื่
แววตาของจั๋วซือหรานเต็มไปด้วยความสับสน มีพลังที่มองไม่เห็นกำลังล่อลวงหัวใจของนาง เพื่อให้นางทำตามคำพูดของฉินตวนหยางนางพยายามทรงตัวไว้และอดความเจ็บปวดไว้ไม่แปลกเลย ชะตากรรมอันเดิมของเจ้าของร่างคนนี้ราวกับคนตาบอด นางรักคนไร้ความสามารถอย่างฉินตวนหยางขนาดนี้ แท้จริงแล้ว นางถูกอาคมหนอนพิษกู่ควบคุมสติไว้พิษแปลก ๆ ดังกล่าวแปลกอย่างมากจนทำให้เจ้าของร่างเดิมโดนอาคมหนอนพิษกู่โดยไม่รู้ตัว แม้ตายไปก็ไม่ทราบว่าตัวเองโดนหนอนพิษกู่ หากจั๋วซือหรานไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ร่างเดิมคงใช้ชีวิตอันน่าสงเวชอย่างชะตากรรมอันเดิมที่กำหนดไว้แต่ในเมื่อจั๋วซือหรานมาแล้ว นางจะไม่มีวันฉินตวนหยางสมหวังฉินตวนหยางเห็นนางไม่ตอบ จึงเสกเป่าอีกที "เสี่ยวจิ่ว เจ้าเชื่อข้าไหมขอรับ"จั๋วซือหรานมองไปที่ฉินตวนหยาง นางค่อย ๆ อ้าริมฝีปากอันสีแดงให้กว้างขึ้น“เจ้าฝันไปเสียเถิด”เสียง 'คลิก'ดังขึ้น“อา”ขาของฉินตวนหยางถูกคนหัก และเขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเขาตกใจด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้นั้นได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า ตราบใดเสน่ห์หนอนพิษกู่นี้ยังคงอยู่ จั๋วซือหรานก็สามารถเชื่อฟังเขาไปตลอดชีวิต ทำไมหนอนพิษกู่จึงใช้งานไม่ไ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเฟิงเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเสน่ห์"น่าอับอายเสียจริง เรื่องไร้สาระสิ้นดี"จั๋วซือหรานเงยหน้ามองชายผู้นี้ด้วยความเจ็บปวดอย่างมากใต้หล้ามีคนหน้าตาดีตั้งมากมายเฟิงเหยีนกลับมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ความหล่อเหลาของเขาผสมด้วยความกล้าหาญที่ฮึกเหิมทันทีที่จั๋วซือหรานเห็นใบหน้านี้ นางหายความเจ็บปวดทันทีแต่จั๋วซือหรานหายเจ็บปวด ไม่ใช่เป็นเพราะนางเห็นหน้าตาอันหล่อเหลาแต่เป็นเพราะวินาทีที่ชายผู้นี้ปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เขาวางมือบนไหล่ฉินตวนหยาง"อ๊าก ๆ——!“ฉินตวนหยางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงร้องนั้นดังเป็นสิบ ๆ เท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาถูกหักขาในก่อนหน้านี้ และบัดนี้เขากำลังล้มบนพื้นและกระตุกไปทั้งตัวสายเลือดของตระกูลเฟิงเป็นเช่นนี้ สายเลือดนี้เป็นธาตุไฟที่รุนแรงที่สุด ยิ่งเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม พลังทางจิตวิญญาณก็ยิ่งเผด็จการมาขึ้นเท่านั้นหากถูกพลังทางจิตวิญญาณนั้นรุกราน จะมีความรู้สึกอย่างร่างกายกำลังถูกไฟเผา ซึ่งความเจ็บปวดนั้นพอ ๆ กันกับความเจ็บปวดที่เสน่ห์หนอนพิษกู่นำมาในขณะเดียวกัน ฉินตวนหยางหลั่งน้ำอย่างหนัก เขาดูน่าเกลียดอย่า
จั๋วซือหรานพอได้ยินเขาพูดถึงจุดนี้ ก็รู้ว่าเรื่องในอดีตเหมือนจะจบลงแล้ว นางก็เหมือนคนที่เพิ่งยกภาระออกจากอก ถอนหายใจยาวออกมาเงียบๆเฟิงอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางดูแล้วไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้าขนาดนั้นแล้วมองออกไม่ยาก เขาก็เหมือนเพิ่งยกภาระออกจากอกเช่นกันมีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้มานานแค่ไหน คำพูดเมื่อครู่นี้ คือคำตอบที่ให้กับนาง ขณะเดียวกันอาจจะเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกตนเองออกมาด้วยก้ได้? จั๋วซือหรานคิดในใจจากนั้นก็คือความงงงัน พอย้อนนึกถึงความคิดนี้อีกครั้ง ก็จริง มีแต่ฟ้าที่รู้ว่าเขาแบกเรื่องนี้ไว้แล้วนานแค่ไหนจั๋วซือหรานเอ่ยขึ้น "เฟิงเหยียนไม่รู้เรื่องนี้เลย" นางใช้น้ำเสียงที่ยืนยัน ถ้าหากเฟิงเหยียนรู้เรื่องนี คงไม่มีทางมีท่าทีแบบนั้นกับพ่อของเขา...ท่าทีที่เหมือนว่าพ่อเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งอย่างยิ่งไปกว่านั้น...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว บอกต่ออีกว่า "ตระกูลเฟิงไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าท่านฟื้นคืนความจำแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเอาความเสียงอย่างท่านมาไว้ในตระกูล กระทั่งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย"เฟิงอวี้มองนาง ในดวงตามีสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม
ดวงตาของเฟิงอวี้ ราวกับมีสีแดงเลือดแผ่ขยายออกมา "หลังจากนั้นรึ?""ข้ารู้การตัดสินใจของพวกเขา และรู้ว่าการมีลูกให้กับคนที่แบกพลังศักดิ์สิทธิ์หงส์แดงไว้มันอันตรายแค่ไหน ดังนั้นจึงตัดสินใจไว้แล้ว ข้ากับเสวี่ยเจินชีวิตนนี้จะไม่มีลูกกัน"พวกเขาบอกกับข้าว่า จะปล่อยข้าไปก็ได้อยู่ แต่ถ้าข้าอยากให้เสวี่ยเจินอยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องให้ตระกูลมีคนที่จะแบกโชคชะตาอีกคนปรากฏขึ้นมา แต่เนื่องจากพฤติกรรมการหลบหนีของข้ากับเสวี่ยเจินก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อใจข้าได้แล้วดวงตาจั๋วซือหรานเบิกโพลงขึ้นมา เหมือนพอจะเดาถึงสถานการณ์ภายหลังนี้ได้ "พวกเขาเลยลบความทรงจำของทม่าน""ใช่ พวกเขากลัวข้าจะหนีไปกับเสวี่ยเจินอีก เลยจะลบความทรงจำข้าออกไป" เฟิงอวี้ตอบ "ข้าจึงรับปากไป""เพราะอะไร?" จั๋วซือหรานเม้มปาก "นั่นมัน...อาจจะเป็นกับดักชัดๆ"อันที่จริงที่จั๋วซือหรานอยากพูดคือนั่นมันเป็นกับดัก นางพูดอ้อมลงหน่อยเฟิงอวี้หัวเราะขึ้นเสียงหนึ่ง ฟังแล้ว...เย็นชามาก เขาไม่ได้อ้อมค้อม เขาเอ่ยขึ้นว่า "นั่นล่ะคือกับดัก""แต่ข้าตอนนั้นคิดว่า ถ้านั่นเป็นกับดักข้าก็ต้องยอมแล้ว พวกเขาก็แค่อยากให้ข้าเป็นคนแบกโชคชะตาตร
จั๋วซือหรานรู้ ตนเองเดิมพันไว้แล้ว"เจ้าถามได้อีกสองข้อ""ขอสาม" จั๋วซือหรานต่อรองเฟิงอวี้เหมือนจะรำคาญ คิ้วขมวดแน่น แต่กลับไม่พูดปฏิเสธอะไรจั๋วซือหรานถาม "ตอนนั้น ท่านสมัครใจหรือเปล่า"สายตาคมเหมือนกระบี่ของเฟิงอวี้จู่ๆ ก็มองไปทางจั๋วซือหราน "เจ้านี่กล้าหาญเสียจริง เจ้ารู้ไหมว่าตนเองถามอะไรออกมา""รู้สิ" จั๋วซือหรานพยักหน้าอย่างตั้งใจ "ข้ากำลังถาม ว่าท่านตอนนั้นเป็นเหมือนเฟิงเหยียนที่จำข้าไม่ได้ เรื่องที่เสียความทรงจำเกี่ยวกับภรรยาไป ท่านสมัครใครหรือเปล่า?"เฟิงอวี้จ้องมองตานาง กัดฟันตอบเสียงลอดไรฟันมาคำหนึ่ง "ใช่"จั๋วซือหรานลมหายใจสับสนขึ้นมา ถามคำถามที่สองต่อ "เช่นนั้น เฟิงเหยียนที่สูญเสียความทรงจำตัวข้าไป เรื่องนี้เขาก็สมัครใจอย่างนั้นหรือ?"สายตาเฟิงอวี้ยังคงจ้องที่นาง ไม่ได้ย้ายไปไหน เขาไม่ได้ตอบทันที แต่ถามมาว่า "เด็กน้อย เจ้ารู้เรื่องพวกนี้แล้วมันมีความหมายอะไร? ขอเตือนเจ้าไว้นะ ตอนที่ควรจะดูแลตัวเองก็ดูแลตัวเองไปซะ ตอนนี้เจ้เาองก็มีความสุขดีอยู่ไม่ใช่หรือ?"จั๋วซือหรานเม้มปากแน่น ฟันในปากออกแรงกัดแน่น ในปากมีกลิ่นคาวเลือดแผ่ออกมา นางเอ่ยขึ้นว่า "นั่นมันเรื่องของข้
จั๋วซือหรานเห็นขั้นตอนสีหน้าขรึมลงของเฟิงอวี้อย่างชัดเจน ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้สีหน้าเขายังมีความอบอุ่นที่ไม่ใส่ใจแยแสอยู่บ้างล่ะก็ตอนนี้ กระทั่งความอบอุ่นสักนิดก็ไม่เหลืออยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นสีหน้ากับสายตาเขาตอนนี้ กระทั่งจั๋วซือหรานก็ยังรู้สึกว่า...อันตรายในความเป็นจริง หลังจากที่นางข้ามมาอยู่ในโลกแปลกหน้านี้ ก็ไม่ค่อยจะรู้สึกถึงความอันตรายแบบนี้เท่าไรนักดังนั้นตอนนี้จู่ๆ สัมผัสความรู้สึกนี้ได้ขึ้นมา บนหน้าแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แต่ในใจก็ญังสั่นสะเทือนขึ้นมาบ้างเหมือนกันสิ่งนี้ทำให้จั๋วซือหรานรู้สึกว่า บางทีเฟิงอวี้ที่ตนเองพบมาก่อนหน้านี้ เป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำส่วนหนึ่งของเขาเท่านั้นส่วนตัวจริงของเขา อันที่ซ่อนอยู่ลึกเอามากๆมือจั๋วซือหรานกำแน่นเล็กน้อย นิ้วกดไปบนแหวนเสวียนเหยียน เตรียมการรับมือต่างๆ เอาไว้แล้วถ้าหากเฟิงอวี้จะทำอะไรจริง อย่างน้อยนางก็ยังมีปฏิกิริยาได้ทันทีดวงตาจ้องเขม็งไปที่เฟิงอวี้ คอยจับการตอบสนองของสีหน้าเขาตลอดเวลากระทั่งยังไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วจั๋วซือหรานในที่สุดก็เจอกับการตอบสนองของเฟิงอวี้ พอจะถอนใจโล่งออกมาได้ เฟิงอวี้
จั๋วซือหรานเดินขึ้นหน้ามาหลายก้าว กระโจนลงมาจากหลังคาอย่างแผ่วเบา"เจ้าเองก็กล้านัก มองข้าเป็นคนตระกูลเฟิงที่เจ้าจัดการไปก่อนหน้านี้หรือ" เสียงเขายังคงราบเรียบ ไม่มีอุณหภูมิใด ฟังแล้วมีความน่าเกรงขามอันสูงส่งอยู่จั๋วซือหรานยังคงมีท่าทีคล้ายๆ กับก่อนหน้านี้ ยิ้มจางๆ เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ใช่เสียหน่อย แต่ว่า ก็ไม่ได้จัดการยากกว่าพวกเขานักหรอก""พูดจาใหญ่โตเหลือเกิน""ถ้าข้าคิดจะทุ่มสุดกำลังให้พังกันไปข้างล่ะก็ ต่อให้ข้าจะจบไม่สวย แต่ถ้าจะเอาท่านไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร" จั๋วซือหรานตอนที่พูดคำนี้ มุมปากยกโค้งขึ้น อุณหภูมิค่อยๆ ลดลงมาแล้วนางจ้องเขา ถามขึ้นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "จะลองดูไหมล่ะ?"นางจ้องเขม็งจั๋วซือหราน หลังจากมองไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า "ทำไมหรือ เจ้าเข้ามากลางดึก นั่งยองอยู่บนหลังคาข้าตั้งนานสองนาน แค่เพื่อจะมาทุ่มสำกำลังให้พังไปข้างอย่างนั้นเรอะ?"พอสิ้นเสียงเขา ก็เห็นว่าจั๋วซือหรานเปลี่ยนสีหน้าและท่าทีแล้วบนหน้านางเริ่มเปลี่ยนเป็นยิ้มตาหยี แม้รอยยิ้มนี้จะดูไม่ค่อยจริงใจนักก็ตามเพียงแต่ว่า นางก็เอ่ยเรียกเขาขึ้นว่า "ลุงเฟิง ที่ข้ามาครั้งนี้ มีเรื่องอยากให้ชี้แน
จวนตระกูลเฟิงเพราะช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจาก 'นังบ้า' นั่นวันวันเอาแต่มาสังหารคนที่จวนพลังคนคุ้มกันจวนตระกูลเฟิง จึงเพิ่มขึ้นมาไม่ใช่แค่เท่าตัวแต่หญิงสาวคนนั้นยังคงมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่อให้ถูกคนคุ้มกันพบตัวก็ไม่เกี่ยวอะไร ไม่ได้ทำให้การมาที่นี่ทุกวันของนางล่าช้าลงและในช่วงนี้ก็ถือว่าหยุดลงไปบ้าง พลังคนคุ้มกันของจวนตระกูลเฟิงจึงค่อยๆ กลับไปเป็นระดับธรรมดาแบบก่อนหน้าใครเองก็ไม่รู้ ว่าคืนนี้ คนที่ทำให้พวกเขาวุ่นวายใจมาตลอด จะลอบเข้ามาในจวนตระกูลเฟิงอีกครั้งเรือนแห่งหนึ่งที่แม้จะดูไม่ใหญ่นัก แต่มองแล้วก็สงบสงบเงียบงดงามร่างดำปราดเปรียวร่างหนึ่งอยู่บนสันหลังคา มองพระจันทร์สว่างบนฟ้าสูงริมฝีปากขยับเล็กน้อย เหมือนกำลังพูดกับตัวเอง หากอยู่ใกล้เข้าไปหน่อย น่าจะได้ยินเสียงหึ่งๆ ประโยคหนึ่งจากปากนาง...พระจันทร์ที่ทั้งโตทั้งกลมแบบนี้ ไม่ถือเป็นคืนมืดมิดลมแรงเลยแฮะนางอยู่บนหลังคา มองเรือนที่อยู่ด้านล่างในเรือน ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหมือนกำลังดื่มสุราชมจันทร์แต่ดวงตากลับปิดอยู่ เหมือนว่าหลับไปนานแล้วขวดสุราที่หว่างนิ้ว สุราหยดจากปากขวดไปบนพื้น สุราหย
จั๋วซือหรานแหงนตามองท่านแม่ผาดหนึ่ง "ท่านแม่อยากพูดอะไร? ทำไมพอจะพูดแล้วหยุดไปล่ะ?""หรานหราน ท่านอ๋องสำเร็จราชการแทนคนนั้นเหมือนจะมีความรู้สึกให้เจ้าใช่ไหม...""อา" จั๋วซือหรานขานรับ "ใช่""แล้วเจ้า..." เซี่ยอวิ๋นเหนียงมองนาง หลักๆ คือ พอคิดว่าลูกสาวตนเองดีขนาดนี้ กลับยังถูกเฟิงเหยียนทรยศทั้งที่มีคนที่ยอดเยี่ยมอย่างอ๋องสำเร็จราชการแทนที่สนใจนางอยู่แท้ๆ...จั๋วซือหรานฟังความหมายของเซี่ยอวิ๋นเหนียงออก นางยิ้มๆ "ท่านแม่ ต่อให้ข้าไม่ได้หลงเฟิงเหยียนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าหาชายคนไหนเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้เสียหน่อย"เซี่ยอวิ๋นเหนียงรู้ว่าลูกสาวฟังความกังวลในคำพูดนางออกเซี่ยอวิ๋นเหนียงถอนใจเบาๆ "ข้าก็แค่กังวล""ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย" จั๋วซือหรานนำสองมือกดบนบ่าเซี่ยอวิ๋นเหนียง "ท่านแม่ ข้าสบายดี ไม่มีอะไรหรอก"เซี่ยอวิ๋นเหนียงวางใจต่อตัวนางมาตลอด อันที่จริงก็ฟังออกว่า ลูกสาวเข้าวังครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพื่อจับชีพจรให้พวกองค์จักรพรรดิเท่านั้นในขั้นตอนนี้ จะต้องเอาแม่คนนี้ไปฝากฝังไว้แล้ว ให้ช่วงที่นางต้องออกเดินทางไกล ไม่ต้องมาเป็นห่วงอันตรายของแม่ไม่ว่าจะตอนไหน สำหรับลูกสาวคนนี้ เซี
องค์จักรพรรดิเฒ่าไม่ได้โง่ แน่นอนว่าฟังความหมายของจั๋วซือหรานออกนางให้ท่านแม่อยู่ในเมืองหลวง ก็เท่ากับเอาจุดอ่อนของตนเองไว้ในเมืองหลวง เพื่อให้องค์จักรพรรดิเฒ่าวางใจดังนั้นต่อให้เห็นแก่หน้า องค์จักรพรรดิเฒ่ากับอ๋องสำเร็จราชการแทน ก็ต้องคอยดูแลแม่ของนางอยู่ระดับหนึ่งดังน้้นองค์จักรพรรดิจึงบอกว่ นางเป็นคนฉลาดฉับไว แล้วยังอ่อนโยนจิตใจดีด้วย...พอได้ยินเสด็จพ่อพูดเช่นนี้ ซือคงเซี่ยนเดิมทียังคิดจะพูดอะไร แต่ผ่านไปครู่หนึ่ง แค่ช่วงถอนหายใจเบาๆองค์จักรพรรดิเฒ่าก็เอียงตามองเขา "เอาล่ะ รู้ว่าเจ้าก็เป็นห่วง รีบไปเถอะ จริงด้วย นางทำถึงขนาดนี้แล้ว ถ้านางมีความต้องการอะไร หากไม่ใช่ปัญหาใหญ่ก็รับปากนางเถอะ""ทราบแล้ว" ซือคงเซี่ยนหลังจากรับคำ ก็ประสานมือบอกลาเสด็จพ่อ เดินตามจั๋วซือหรานไป"ท่านอ๋อง" จั๋วซือหรานยิ้มตาโค้งซือคงเซี่ยนก้มลงมองนาง "เดินช้าขนาดนี้ กำลังรอข้ารึ?"จั๋วซือหรานพยักหน้า "ใช่สิ ข้าจะไปจับชีพจรให้พระสนมเอกกับไทเฮาเองมันจะดูอึดอัดหน่อยๆ น่ะ"ซือคงเซี่ยนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "หมอชายของสถาบันแพทย์หลวงแต่ก่อนนี้ยังรักษาให้ไทเฮาพระสนมอย่างสบายแท้ๆ เจ้าเป็นแค่หญิงสาวที่ย
จั๋วซือหรานปิดกรงนกลง เอ่ยต่อว่า "ชีพจรของฝ่าบาทแข็งแรงมาก""อื๋อ?" องค์จักรพรรดิเฒ่าตกตะลึง "เจ้ามาจับชีพจรข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?"จั๋วซือหรานตาโค้งชูนิ้วขึ้นกระดกนิ้ว ไหมกู่เส้นหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมา "เมื่อครู่ตอนที่เล่นกับนกน้อย ข้าก็จัดการจับดูแล้ว"องค์จักรพรรดิเฒ่าเห็นไหมกู่เส้นนั้น ยังมีความระแวดระวังขึ้นมา หลักๆคือเพราะรู้ว่าวิชากู่ของจั๋วซือหรานอยู่ในระดับสูงจั๋วซือหรานเก็บไหมกู่กลับมา "หม่อมฉันจะจัดตำรับยาบำรุงร่างกายไว้ให้ฝ่าบาทดื่ม ถ้าหากร่างกายไม่สบายแล้วฝ่าบาทไม่ไว้ใจแพทย์จากสถาบันแพทย์หลวงพวกนั้น จามาระให้คนไปที่โรงหมอของหม่อมฉัน พอกับเหยียนเจินเหยียนฉีสองพ่อลูกได้""คนตระกูลเหยียน!" องค์จักรพรรดิเฒ่าเดิมทียังมีใบหน้าอ่อนโยน แต่พริบตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา "พูดถึงคนตระกูลเหยียน การลงโทษพวกเขาจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แล้ว!"องค์จักรพรรดิเฒ่ามองจั๋วซือหราน "แล้วเจ้ายังถูกใจท่านอ๋องตระกูลเฟิงคนนั้นอีกไหม แม้เขาตอนนี้จะหมั้นหมายกับหญิงสาวจากตระกูลเหยียน แต่ไม่นานก็คงจบกันแล้ว"จั๋วซือหรานฟังถึงจุดนี้ สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก อันที่จริงความเป็นไปได้นี้ นางเองก็คาดเดาไว้แล้