ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสแบบนี้ ในสายตาของเขา เฟิ่งชูอิ่งดูเปล่งประกายไปหมดเฟิ่งชูอิ่งมองไปที่เขา เขาติดคุกมานานจนไม่ได้ดูแลตัวเอง ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราขึ้นรกรุงรัง เพราะถูกทรมานอย่างหนัก ตัวเขาจึงผอมมากนางนึกถึงความสามารถของเขาในเรื่องเดิม แล้วมองดูสภาพเขาที่อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกสะเทือนใจนางหันหลังหยิบเงินก้อนจากกำไลมือออกมาให้เขาพลางพูดว่า "นี่ให้เจ้าเอาไปจัดงานศพบิดามารดา""แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ให้เปล่า ต้องคืนนะ"อู่อิ้งเหวินเดิมทีไม่อยากรับเงินของนาง แต่พอได้ยินประโยคนี้ก็รับเงินไปครั้งนี้เขาไม่พูดอะไรเลย ถือเงินแล้วเดินจากไปเฉี่ยวหลิงมองแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจ นางรอให้เขาเดินไปไกลแล้วจึงพูดว่า "เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ"พูดจบแล้วก็ด่าว่า "ไอ้ตระกูลตู้นั่นมันเลวจนไม่ใช่คนเลย!"ดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งลึกลงเล็กน้อย เฉี่ยวหลิงพูดอีกว่า "ดีที่มีคุณหนูอยู่ จัดการความวุ่นวาย สอนให้ตระกูลตู้นั่นรู้จักเป็นคน"เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบว่า "เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จบแล้วหรือ? ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"เฉี่ยวหลิงถามอย่างงุนงง "ทำไมถึงเพิ่งเริ่มต้นล่ะ?"เฟิ่งชูอิ่งตอบ "แม้หลักฐานค
ผู้ว่าราชการตอบว่า "เขาเป็นลูกชายของมหาราชครู เรื่องนี้มหาราชครูคงไม่ปล่อยไว้แน่""ด้วยวิธีการของมหาราชครูและฮองเฮา แม้ข้าน้อยจะมีหลักฐานแน่นหนา พวกเขาก็คงจะขอให้มีการพิจารณาคดีร่วมกันจากสามสำนัก""เมื่อถึงเวลานั้นศาลต้าหลี่ สำนักตรวจการและกรมราชทัณฑ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็น่าจะช่วยให้รองผู้ว่าราชการตู้พ้นผิดได้"แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้พูดตามประเด็นของเขา แต่กลับถามว่า "ชูอิ่งมีความเห็นอย่างไร?"ผู้ว่าราชการตอบว่า "พระชายาคิดว่าเขาเป็นคนชั่วช้าสามานย์ วิปริตบ้าคลั่ง ขุนนางแบบนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่"จิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบว่า "งั้นก็เปิดเผยหลักฐานความชั่วร้ายสามานย์และวิปริตบ้าคลั่งของเขาให้คนทั้งแผ่นดินรู้ การประหารด้วยวิธีเฉือนเนื้อเป็นชิ้นๆ เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา"ผู้ว่าราชการ “!!!!!!!”แม้ขุนนางจะทำผิด โดยทั่วไปก็ยังคำนึงถึงหน้าตาของพวกเขา แม้จะถูกประหารชีวิตก็แค่ตัดหัว แขวนคอ หรือดื่มยาพิษเท่านั้น ไม่ใช้วิธีแล่เนื้อเถือหนังจิ่งโม่เยี่ยเลือกวิธีการประหารแบบนี้ให้รองผู้ว่าราชการตู้ ผู้ว่าราชการสงสัยอย่างยิ่งว่าเป็นเพราะรองผู้ว่าราชการตู้วางแผนเล่นงานเฟิ่งชูอิ่งจิ่งโม่เยี่ยถาม
มหาราชครูหัวเราะเยาะ "นี่เป็นสิ่งที่ลูกชายของข้าสารภาพเองหรือ? ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม?"เขารู้จักลูกชายของตนเองดี ไม่มีทางที่จะสารภาพเรื่องแบบนี้แม้ว่าผู้ว่าราชการจะไม่รู้ชัดว่าทำไมรองผู้ว่าราชการตู้ถึงพูดทุกอย่างออกมาเอง แต่เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งแน่นอนเขาพูดเสียงเรียบ "เรื่องนี้เป็นความจริงแท้แน่นอน เมื่อคืนตอนสอบสวน เจ้าหน้าที่และคนรับใช้ทั้งหมดของจวนผู้ว่าราชการอยู่ที่นั่น พวกเขาทุกคนได้ยิน""หากมหาราชครูไม่เชื่อ ท่านสามารถถามใครก็ได้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่"เมื่อมหาราชครูเห็นสายตามั่นใจของผู้ว่าราชการ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะแม้ว่าผู้ว่าราชการจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในจวนผู้ว่าราชการ แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะควบคุมทุกอย่างได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รองผู้ว่าราชการตู้ได้ซื้อตัวคนไว้มากมายการที่ผู้ว่าราชการกล้าพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องจริงแต่มหาราชครูคิดไม่ออกว่าทำไมรองผู้ว่าราชการตู้ถึงเปิดเผยทุกอย่างออกมาตราบใดที่รองผู้ว่าราชการตู้ไม่พูด ก็ไม่มีใครจะทำอะไรเขาได้มหาราชครูอยากพบรองผู้ว่าราชการตู้เพื่อถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไ
“อันที่จริงแล้ว ข้าก็แค่หมากตัวหนึ่งที่เขาใช้เป็นเครื่องมือหลอกตบตาผู้อื่น ไม่สิ ไม่ใช่หมาก แต่เป็นเหยื่อล่อ”“เขาบังคับให้ข้าร่วมมือกับเขาทำหลายสิ่งหลายอย่าง ท่านมหาราชครูฉลาดปราดเปรื่องขนาดนั้น ย่อมต้องทราบแน่ๆ ว่าจุดประสงค์คืออะไร”“ข้าขอร้องล่ะ ท่านมหาราชครูได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”ท่าทางของนางตรงกับสิ่งที่มหาราชครูจินตนาการภาพลักษณ์ของนางเอาไว้ในใจทุกประการเป็นแค่หญิงสาวขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่งที่ถูกส่งไปอาศัยอยู่กับญาติ จะมีความสามารถเก่งกล้าอะไรไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีนางก็เป็นคนที่ฮ่องเต้เจาหยวนและหลินชูเจิ้ง บังคับยัดเยียดให้จิ่งโม่เยี่ยเท่านั้นจิ่งโม่เยี่ยปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่จนถึงวันแต่งงานก็เพื่อตบหน้าฮ่องเต้เจาหยวน การมีอยู่ของนางสำหรับจิ่งโม่เยี่ยคงเป็นความอัปยศเช่นกันดังนั้นเมื่อจิ่งโม่เยี่ยมีอำนาจในมือ นางก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในเมืองหลวงอีกเลย หลินชูเจิ้งเองก็ถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางเช่นกันการอนุมานเรื่องราวทั้งหมดเช่นนี้จึงเป็นเรื่องปกติมหาราชครูถามเฟิ่งชูอิ่งว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนเจ้าพาคนไปรุมทำร้ายลูกชายข้า แล้วยั
เฉี่ยวหลิงตายในคุกของกรมราชทัณฑ์ ก่อนตายนางถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม เรื่องราวตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงแทบจำไม่ได้เลยดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งฉายแววครุ่นคิด การตายของเฉี่ยวหลิง น่าสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับมหาราชครูหรือเปล่า?ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆ เห็นนักโทษมองมาที่พวกตนเองด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีดนางถามว่า “พวกเจ้ามองอะไร?”นักโทษคนหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่นๆ ชี้ไปที่เฉี่ยวหลิง “เมื่อครู่นี้นางบอกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่… งั้นตอนนี้นางตายแล้วหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้ม “พวกเจ้าลองเดาดูสิ!”เหล่านักโทษไม่อยากเดาสักนิด พวกเขาขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อรู้ว่าเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็สามารถอธิบายได้แล้วเช่นเรื่องที่ว่า ทำไมนางถึงเดินทะลุกำแพงได้อีกอย่างคือทำไมนางถึงดุร้ายขนาดนั้น แล้วยังทุบตีคนได้เร็วและแรงมากเฉี่ยวหลิงหันมองไปที่เหล่านักโทษ จากนั้นก็แสดงลูกตาถลนออกจากเบ้าและคางหลุดต่อหน้าทุกคน ทันใดนั้นคุกที่เงียบสงบก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องราวกับคุกกำลังจะถล่มเหล่านักโทษที่แต่เดิมขดตัวอยู่ ตอนนี้ต่างกอดกันเป็นก้อนในห้องขังเดียวกันน่ากลัว!น่
เพราะวิธีการจัดการของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเช่นนี้ ราชสำนักในปัจจุบันจึงกลายเป็นกระถางสามขา อำนาจถูกแบ่งออกเป็นสามขั้วมหาราชครูไม่ได้เข้าพบกับจิ่งโม่เยี่ย สีหน้าของเขาจึงดูไม่สู้ดีนัก และเลือกจะเดินทางไปหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแทนแต่ครั้งนี้เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่ยอมออกมาพบเขาเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ จิ่งโม่เยี่ยได้ส่งคนนำหลักฐานความผิดของรองผู้ว่าราชการตู้ไปให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนทำงานอย่างยุติธรรม เมื่อมีหลักฐานความผิดของรองผู้ว่าราชการตู้แล้ว ก็พอจะเดาจุดประสงค์ที่มหาราชครูมาเยือนได้เพราะรู้จุดประสงค์ของมหาราชครู เสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงเลือกที่จะไม่พบมหาราชครูถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบถึงสองครั้งติดๆ กัน สีหน้าของเขาจึงไม่สู้ดีนักนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาต้องพบเจอเรื่องแบบนี้และเพราะท่าทีของเสนาบดีฝ่ายซ้าย มหาราชครูจึงรู้ว่าครั้งนี้คงยากที่จะช่วยรองผู้ว่าราชการตู้ออกมาได้แต่รองผู้ว่าราชการตู้เป็นลูกชายที่เขารักที่สุด แม้สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาก็พยายามหาทางช่วยอย่างไม่ลดละเดิมทีเขามีแผนการจัดการจิ่งโม่เยี่ยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงต้องเริ่มลงมือเร็วขึ้นกว่าเดิมหากเฟิ่งช
เพราะหลินอีฉุนตายยังไม่ถึงเจ็ดวัน เขาไม่มีทางลงนรกได้ในตอนนี้ ถือเป็นช่วงเวลาทองในการเรียกวิญญาณทว่าแบบนี้แล้วก็ยังเรียกวิญญาณหลินอีฉุนมาไม่ได้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือวิญญาณของเขาถูกควบคุม อีกอย่างคือวิญญาณของเขาสูญสลายไปหมดแล้วถ้าวิญญาณของเขาถูกควบคุม ด้วยความสามารถของเหมยตงยวนจะต้องสัมผัสได้เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แสดงว่าหลินอีฉุนวิญญาณสูญสลายไปแล้วในโลกนี้ คนที่จะลงมือทำอะไรกับวิญญาณของหลินอีฉุนได้ เหมยตงยวนแทบไม่ต้องใช้ความคิดก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือใครเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เป็นฝีมือของเทียนซือ"จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เขาจึงเอ่ยเสริมว่า "เทียนซือทำให้วิญญาณของหลินอีฉุนสูญสลายไปแล้ว"จิ่งโม่เยี่ยถามว่า "แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี?"ดวงตาของเหมยตงยวนเย็นเยียบ "เจ้าไปหาหลักฐานมา ข้าจะไปหาเทียนซือเอง"ถึงเฟิ่งชูอิ่งจะได้เล่นสนุกอยู่ในคุก แต่สถานที่แบบนั้นสกปรกเกินไป นางเข้าไปเล่นได้แต่ไม่ควรอยู่นานๆเรื่องที่ไม่ควรจะซับซ้อน กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากหลังจากที่วิญญาณของหลินอีฉุนสูญสลายเขากับเทียนซือถือว่าเป็นศัตรูกันอย่างแท้จริง ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งสองก็เป็นศั
เขาคิดจากใจจริงว่าท่านอ๋องของเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามง้อภรรยา แถมยังฉวยโอกาสทุกครั้งที่มีจิ่งโม่เยี่ยหาข้ออ้างไปพบเฟิ่งชูอิ่งได้แล้ว เขาจึงจัดการงานราชการในมืออย่างรวดเร็ว แล้วก็ออกเดินทางไปที่จวนผู้ว่าราชการอีกครั้งตอนที่เขาออกมาจากจวน ก็บังเอิญเจอกับปู๋เยี่ยโหวระหว่างทางพอดีเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ปู๋เยี่ยโหวเพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อไม่นานมานี้เขาถามจิ่งโม่เยี่ยว่า “ชูชูถูกขังอยู่ในจวนผู้ว่าราชการได้อย่างไร?”จิ่งโม่เยี่ยไม่อยากสนใจเขาจึงทำเป็นเมินเฉยปู๋เยี่ยโหวได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าด้านหน้าทนที่สุดในเมืองหลวง เขาจึงไม่สนใจท่าทีของจิ่งโม่เยี่ยเขาถามต่อว่า “ตอนนี้เจ้าจะไปเยี่ยมชูชูใช่ไหม?”จิ่งโม่เยี่ยก็ยังไม่สนใจเขาเหมือนเดิมเขากล่าวต่อว่า “ถ้าเจ้าจะไปเยี่ยมชูชู ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”จิ่งโม่เยี่ยหยุดเดินแล้วมองไปที่เขา “ว่างมากรึไง?”ปู๋เยี่ยโหวยิ้ม “ไม่งานยุ่งเท่าเจ้าหรอก”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาอยากจะฆ่าปู๋เยี่ยโหวให้ตายเสียจริงเขาจ้องมองปู๋เยี่ยโหว แล้วสาวเท้าเดินต่อไปปู๋เยี่ยโหวรีบตามไปแบบติดๆ พูดพล่ามข้างๆ เขาต่อไป “ชูชูเกิดเรื่อง เจ้าก็ไม่ยอมบอกข้า