Share

บทที่ 708

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสแบบนี้ ในสายตาของเขา เฟิ่งชูอิ่งดูเปล่งประกายไปหมด

เฟิ่งชูอิ่งมองไปที่เขา เขาติดคุกมานานจนไม่ได้ดูแลตัวเอง ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราขึ้นรกรุงรัง เพราะถูกทรมานอย่างหนัก ตัวเขาจึงผอมมาก

นางนึกถึงความสามารถของเขาในเรื่องเดิม แล้วมองดูสภาพเขาที่อยู่ตรงหน้า นางก็รู้สึกสะเทือนใจ

นางหันหลังหยิบเงินก้อนจากกำไลมือออกมาให้เขาพลางพูดว่า "นี่ให้เจ้าเอาไปจัดงานศพบิดามารดา"

"แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ให้เปล่า ต้องคืนนะ"

อู่อิ้งเหวินเดิมทีไม่อยากรับเงินของนาง แต่พอได้ยินประโยคนี้ก็รับเงินไป

ครั้งนี้เขาไม่พูดอะไรเลย ถือเงินแล้วเดินจากไป

เฉี่ยวหลิงมองแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจ นางรอให้เขาเดินไปไกลแล้วจึงพูดว่า "เด็กคนนี้น่าสงสารจริงๆ"

พูดจบแล้วก็ด่าว่า "ไอ้ตระกูลตู้นั่นมันเลวจนไม่ใช่คนเลย!"

ดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งลึกลงเล็กน้อย เฉี่ยวหลิงพูดอีกว่า "ดีที่มีคุณหนูอยู่ จัดการความวุ่นวาย สอนให้ตระกูลตู้นั่นรู้จักเป็นคน"

เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบว่า "เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จบแล้วหรือ? ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"

เฉี่ยวหลิงถามอย่างงุนงง "ทำไมถึงเพิ่งเริ่มต้นล่ะ?"

เฟิ่งชูอิ่งตอบ "แม้หลักฐานค
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
เจนจิรา ศรีตนันท์
คนอัพเดทดูชิลล์ๆส่วนคนรออ่านใจจะขาด
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 709

    ผู้ว่าราชการตอบว่า "เขาเป็นลูกชายของมหาราชครู เรื่องนี้มหาราชครูคงไม่ปล่อยไว้แน่""ด้วยวิธีการของมหาราชครูและฮองเฮา แม้ข้าน้อยจะมีหลักฐานแน่นหนา พวกเขาก็คงจะขอให้มีการพิจารณาคดีร่วมกันจากสามสำนัก""เมื่อถึงเวลานั้นศาลต้าหลี่ สำนักตรวจการและกรมราชทัณฑ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็น่าจะช่วยให้รองผู้ว่าราชการตู้พ้นผิดได้"แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้พูดตามประเด็นของเขา แต่กลับถามว่า "ชูอิ่งมีความเห็นอย่างไร?"ผู้ว่าราชการตอบว่า "พระชายาคิดว่าเขาเป็นคนชั่วช้าสามานย์ วิปริตบ้าคลั่ง ขุนนางแบบนี้ไม่สมควรมีชีวิตอยู่"จิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบว่า "งั้นก็เปิดเผยหลักฐานความชั่วร้ายสามานย์และวิปริตบ้าคลั่งของเขาให้คนทั้งแผ่นดินรู้ การประหารด้วยวิธีเฉือนเนื้อเป็นชิ้นๆ เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา"ผู้ว่าราชการ “!!!!!!!”แม้ขุนนางจะทำผิด โดยทั่วไปก็ยังคำนึงถึงหน้าตาของพวกเขา แม้จะถูกประหารชีวิตก็แค่ตัดหัว แขวนคอ หรือดื่มยาพิษเท่านั้น ไม่ใช้วิธีแล่เนื้อเถือหนังจิ่งโม่เยี่ยเลือกวิธีการประหารแบบนี้ให้รองผู้ว่าราชการตู้ ผู้ว่าราชการสงสัยอย่างยิ่งว่าเป็นเพราะรองผู้ว่าราชการตู้วางแผนเล่นงานเฟิ่งชูอิ่งจิ่งโม่เยี่ยถาม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 710

    มหาราชครูหัวเราะเยาะ "นี่เป็นสิ่งที่ลูกชายของข้าสารภาพเองหรือ? ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม?"เขารู้จักลูกชายของตนเองดี ไม่มีทางที่จะสารภาพเรื่องแบบนี้แม้ว่าผู้ว่าราชการจะไม่รู้ชัดว่าทำไมรองผู้ว่าราชการตู้ถึงพูดทุกอย่างออกมาเอง แต่เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งแน่นอนเขาพูดเสียงเรียบ "เรื่องนี้เป็นความจริงแท้แน่นอน เมื่อคืนตอนสอบสวน เจ้าหน้าที่และคนรับใช้ทั้งหมดของจวนผู้ว่าราชการอยู่ที่นั่น พวกเขาทุกคนได้ยิน""หากมหาราชครูไม่เชื่อ ท่านสามารถถามใครก็ได้ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่"เมื่อมหาราชครูเห็นสายตามั่นใจของผู้ว่าราชการ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะแม้ว่าผู้ว่าราชการจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในจวนผู้ว่าราชการ แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะควบคุมทุกอย่างได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รองผู้ว่าราชการตู้ได้ซื้อตัวคนไว้มากมายการที่ผู้ว่าราชการกล้าพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องจริงแต่มหาราชครูคิดไม่ออกว่าทำไมรองผู้ว่าราชการตู้ถึงเปิดเผยทุกอย่างออกมาตราบใดที่รองผู้ว่าราชการตู้ไม่พูด ก็ไม่มีใครจะทำอะไรเขาได้มหาราชครูอยากพบรองผู้ว่าราชการตู้เพื่อถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 711

    “อันที่จริงแล้ว ข้าก็แค่หมากตัวหนึ่งที่เขาใช้เป็นเครื่องมือหลอกตบตาผู้อื่น ไม่สิ ไม่ใช่หมาก แต่เป็นเหยื่อล่อ”“เขาบังคับให้ข้าร่วมมือกับเขาทำหลายสิ่งหลายอย่าง ท่านมหาราชครูฉลาดปราดเปรื่องขนาดนั้น ย่อมต้องทราบแน่ๆ ว่าจุดประสงค์คืออะไร”“ข้าขอร้องล่ะ ท่านมหาราชครูได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้ายังไม่อยากตาย ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป”ท่าทางของนางตรงกับสิ่งที่มหาราชครูจินตนาการภาพลักษณ์ของนางเอาไว้ในใจทุกประการเป็นแค่หญิงสาวขี้ขลาดตาขาวคนหนึ่งที่ถูกส่งไปอาศัยอยู่กับญาติ จะมีความสามารถเก่งกล้าอะไรไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีนางก็เป็นคนที่ฮ่องเต้เจาหยวนและหลินชูเจิ้ง บังคับยัดเยียดให้จิ่งโม่เยี่ยเท่านั้นจิ่งโม่เยี่ยปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่จนถึงวันแต่งงานก็เพื่อตบหน้าฮ่องเต้เจาหยวน การมีอยู่ของนางสำหรับจิ่งโม่เยี่ยคงเป็นความอัปยศเช่นกันดังนั้นเมื่อจิ่งโม่เยี่ยมีอำนาจในมือ นางก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในเมืองหลวงอีกเลย หลินชูเจิ้งเองก็ถูกปลดจากตำแหน่งขุนนางเช่นกันการอนุมานเรื่องราวทั้งหมดเช่นนี้จึงเป็นเรื่องปกติมหาราชครูถามเฟิ่งชูอิ่งว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนเจ้าพาคนไปรุมทำร้ายลูกชายข้า แล้วยั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 712

    เฉี่ยวหลิงตายในคุกของกรมราชทัณฑ์ ก่อนตายนางถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม เรื่องราวตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงแทบจำไม่ได้เลยดวงตาของเฟิ่งชูอิ่งฉายแววครุ่นคิด การตายของเฉี่ยวหลิง น่าสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับมหาราชครูหรือเปล่า?ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆ เห็นนักโทษมองมาที่พวกตนเองด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีดนางถามว่า “พวกเจ้ามองอะไร?”นักโทษคนหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่นๆ ชี้ไปที่เฉี่ยวหลิง “เมื่อครู่นี้นางบอกว่าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่… งั้นตอนนี้นางตายแล้วหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งยิ้ม “พวกเจ้าลองเดาดูสิ!”เหล่านักโทษไม่อยากเดาสักนิด พวกเขาขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อรู้ว่าเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย เรื่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็สามารถอธิบายได้แล้วเช่นเรื่องที่ว่า ทำไมนางถึงเดินทะลุกำแพงได้อีกอย่างคือทำไมนางถึงดุร้ายขนาดนั้น แล้วยังทุบตีคนได้เร็วและแรงมากเฉี่ยวหลิงหันมองไปที่เหล่านักโทษ จากนั้นก็แสดงลูกตาถลนออกจากเบ้าและคางหลุดต่อหน้าทุกคน ทันใดนั้นคุกที่เงียบสงบก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องราวกับคุกกำลังจะถล่มเหล่านักโทษที่แต่เดิมขดตัวอยู่ ตอนนี้ต่างกอดกันเป็นก้อนในห้องขังเดียวกันน่ากลัว!น่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 713

    เพราะวิธีการจัดการของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเช่นนี้ ราชสำนักในปัจจุบันจึงกลายเป็นกระถางสามขา อำนาจถูกแบ่งออกเป็นสามขั้วมหาราชครูไม่ได้เข้าพบกับจิ่งโม่เยี่ย สีหน้าของเขาจึงดูไม่สู้ดีนัก และเลือกจะเดินทางไปหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแทนแต่ครั้งนี้เสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่ยอมออกมาพบเขาเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ จิ่งโม่เยี่ยได้ส่งคนนำหลักฐานความผิดของรองผู้ว่าราชการตู้ไปให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นคนทำงานอย่างยุติธรรม เมื่อมีหลักฐานความผิดของรองผู้ว่าราชการตู้แล้ว ก็พอจะเดาจุดประสงค์ที่มหาราชครูมาเยือนได้เพราะรู้จุดประสงค์ของมหาราชครู เสนาบดีฝ่ายซ้ายจึงเลือกที่จะไม่พบมหาราชครูถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบถึงสองครั้งติดๆ กัน สีหน้าของเขาจึงไม่สู้ดีนักนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาต้องพบเจอเรื่องแบบนี้และเพราะท่าทีของเสนาบดีฝ่ายซ้าย มหาราชครูจึงรู้ว่าครั้งนี้คงยากที่จะช่วยรองผู้ว่าราชการตู้ออกมาได้แต่รองผู้ว่าราชการตู้เป็นลูกชายที่เขารักที่สุด แม้สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาก็พยายามหาทางช่วยอย่างไม่ลดละเดิมทีเขามีแผนการจัดการจิ่งโม่เยี่ยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงต้องเริ่มลงมือเร็วขึ้นกว่าเดิมหากเฟิ่งช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 714

    เพราะหลินอีฉุนตายยังไม่ถึงเจ็ดวัน เขาไม่มีทางลงนรกได้ในตอนนี้ ถือเป็นช่วงเวลาทองในการเรียกวิญญาณทว่าแบบนี้แล้วก็ยังเรียกวิญญาณหลินอีฉุนมาไม่ได้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือวิญญาณของเขาถูกควบคุม อีกอย่างคือวิญญาณของเขาสูญสลายไปหมดแล้วถ้าวิญญาณของเขาถูกควบคุม ด้วยความสามารถของเหมยตงยวนจะต้องสัมผัสได้เขาไม่รู้สึกอะไรเลย แสดงว่าหลินอีฉุนวิญญาณสูญสลายไปแล้วในโลกนี้ คนที่จะลงมือทำอะไรกับวิญญาณของหลินอีฉุนได้ เหมยตงยวนแทบไม่ต้องใช้ความคิดก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือใครเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เป็นฝีมือของเทียนซือ"จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เขาจึงเอ่ยเสริมว่า "เทียนซือทำให้วิญญาณของหลินอีฉุนสูญสลายไปแล้ว"จิ่งโม่เยี่ยถามว่า "แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี?"ดวงตาของเหมยตงยวนเย็นเยียบ "เจ้าไปหาหลักฐานมา ข้าจะไปหาเทียนซือเอง"ถึงเฟิ่งชูอิ่งจะได้เล่นสนุกอยู่ในคุก แต่สถานที่แบบนั้นสกปรกเกินไป นางเข้าไปเล่นได้แต่ไม่ควรอยู่นานๆเรื่องที่ไม่ควรจะซับซ้อน กลับกลายเป็นเรื่องยุ่งยากหลังจากที่วิญญาณของหลินอีฉุนสูญสลายเขากับเทียนซือถือว่าเป็นศัตรูกันอย่างแท้จริง ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งสองก็เป็นศั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 715

    เขาคิดจากใจจริงว่าท่านอ๋องของเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อตามง้อภรรยา แถมยังฉวยโอกาสทุกครั้งที่มีจิ่งโม่เยี่ยหาข้ออ้างไปพบเฟิ่งชูอิ่งได้แล้ว เขาจึงจัดการงานราชการในมืออย่างรวดเร็ว แล้วก็ออกเดินทางไปที่จวนผู้ว่าราชการอีกครั้งตอนที่เขาออกมาจากจวน ก็บังเอิญเจอกับปู๋เยี่ยโหวระหว่างทางพอดีเรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ปู๋เยี่ยโหวเพิ่งจะได้รับข่าวเมื่อไม่นานมานี้เขาถามจิ่งโม่เยี่ยว่า “ชูชูถูกขังอยู่ในจวนผู้ว่าราชการได้อย่างไร?”จิ่งโม่เยี่ยไม่อยากสนใจเขาจึงทำเป็นเมินเฉยปู๋เยี่ยโหวได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าด้านหน้าทนที่สุดในเมืองหลวง เขาจึงไม่สนใจท่าทีของจิ่งโม่เยี่ยเขาถามต่อว่า “ตอนนี้เจ้าจะไปเยี่ยมชูชูใช่ไหม?”จิ่งโม่เยี่ยก็ยังไม่สนใจเขาเหมือนเดิมเขากล่าวต่อว่า “ถ้าเจ้าจะไปเยี่ยมชูชู ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”จิ่งโม่เยี่ยหยุดเดินแล้วมองไปที่เขา “ว่างมากรึไง?”ปู๋เยี่ยโหวยิ้ม “ไม่งานยุ่งเท่าเจ้าหรอก”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาอยากจะฆ่าปู๋เยี่ยโหวให้ตายเสียจริงเขาจ้องมองปู๋เยี่ยโหว แล้วสาวเท้าเดินต่อไปปู๋เยี่ยโหวรีบตามไปแบบติดๆ พูดพล่ามข้างๆ เขาต่อไป “ชูชูเกิดเรื่อง เจ้าก็ไม่ยอมบอกข้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 716

    ตอนที่เขาทำตัวหน้าด้านแสร้งจะเนียนตามเข้าไปข้างใน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ขวางไว้อีกครั้งครั้งนี้จิ่งโม่เยี่ยไม่แม้แต่จะชายตามองเขา เดินตัวปลิวเข้าไปด้านในเลยปู๋เยี่ยโหวต้องการจะบุกเข้าไป จิ่งโม่เยี่ยจึงให้หลางซานอยู่เฝ้า ปู๋เยี่ยโหวจึงไม่สามารถผ่านหลางซานเข้าไปได้หลางซานพูดเสียงเรียบว่า “ท่านโหว เชิญกลับเถอะ! หลังจากพระชายาเข้าไปในจวนผู้ว่าราชการ ท่านอ๋องก็มีรับสั่งห้ามท่านมาเยี่ยม”ปู๋เยี่ยโหวบ่นพึมพำ “จิ่งโม่เยี่ยนี่ขี้เหนียวชะมัด!”“ตอนที่ชูชูพักอยู่ที่จวนตากอากาศของข้า ข้าก็ไม่ได้ห้ามเขาไม่ให้มาเยี่ยมนาง”หลางซานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ท่านไม่ได้ห้ามท่านอ๋อง แต่ท่านปิดบังพระองค์ต่างหาก”ปู๋เยี่ยโหว “……”เขาแค่นเสียงในลำคอเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว จิ่งโม่เยี่ยก็แค่ริษยาข้า!”หลางซานไม่แสดงความเห็นต่อความคิดเห็นนี้ ปล่อยให้เขาพูดพล่ามไปคนเดียวปู๋เยี่ยโหวเห็นว่าใช้วิธีแข็งกร้าวไม่ได้ผล จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีอ่อนโยน “ข้ามีประสบการณ์ด้านการติดคุกมากมาย สามารถสอนชูชูให้รู้วิธีใช้ชีวิตในคุกอย่างมีความสุขได้”“ถ้าเจ้าไม่อยากให้นางลำบาก ก็ปล่อยข้าเข้าไปเถอะ”หลางซานพูดเสียงเรียบ “

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status