Share

บทที่ 6

เฟิ่งชูอิ่งโพล่งออกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านลุงสั่งให้ท่านป้าตบหน้าตัวเองสิบทีแล้วเอ่ยขอโทษข้า จากนั้นก็เอาทรัพย์สินทั้งหมดที่ฉกฉวยไปจากข้ามาคืนให้ครบถ้วนทีสิ”

หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”

นางกล้าพูดออกมาได้อย่างไร!

เขาถลึงตามองนาง “เจ้ารู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “รู้ตัวสิ ท่านลุงเพิ่งจะบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกข้ามิใช่หรือ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านป้าเอาแต่ตบตีด่าทอข้าตลอดเลย

“เมื่อกี้นี้ท่านป้าก็เพิ่งจะด่าข้าแบบสาดเสียเทเสีย หากนางยังเหลือความจริงใจอยู่บ้างก็ควรจะกล่าวขอโทษข้ามิใช่หรือ?

“ขอโทษเสร็จแล้ว ก็ช่วยเอาทรัพย์สินทั้งหมดของข้ามาคืนด้วยล่ะ ก่อนหน้านี้พวกท่านบอกว่าข้ายังเด็กไม่รู้ความ ก็เลยจะช่วยดูแลรักษาให้ก่อนชั่วคราว ตอนนี้ข้าโตแล้วก็สมควรได้คืนกระมัง!”

หลินชูเจิ้ง “......”

เขารู้สึกว่าเฟิ่งชูอิ่งแตกต่างไปจากความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนขอแค่เขาพูดปลอบนางนิดเดียว เฟิ่งชูอิ่งก็จะยอมทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย

ทว่าวันนี้นางกลับกล้าสั่งให้เขาคืนเงิน มันจะเป็นไปได้อย่างไรละ!

หลินชูเจิ้งมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าวว่า “ชูอิ่ง ท่านป้าของเจ้าเป็นผู้ใหญ่...”

“อ๊า!” หลินหว่านถิงร้องเสียงหลง เพราะเฟิ่งชูอิ่งขยับมีดกรีดคอนางซ้ำอีกหนึ่งแผล

รอยกรีดคราวนี้หากเฟิ่งชูอิ่งขยับมีดสูงขึ้นอีกนิดหน่อยก็จะโดนใบหน้าของหลินหว่านถิง แต่หากกดมีดลงต่ำก็จะเฉือนคอหอยของนางเต็มๆ

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าตระหนก “แสดงว่าสิ่งที่ท่านลุงพูดออกมาเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกสินะ!

“ในความคิดของท่าน ไม่ว่าท่านป้าจะทำอะไรกับข้าก็ไม่ใช่เรื่องผิดอย่างนั้นหรือ?

“ท่านอ๋องฉู่บอกว่า หากข้าแต่งเข้าจวนอ๋องไปโดยไม่มีสินเจ้าสาวที่สมน้ำสมเนื้อ เขาจะปลิดชีพข้าก่อนถึงวันแต่ง!

“ในเมื่อจะเลือกทางไหนข้าก็ต้องตายอยู่ดี ถ้างั้นวันนี้ข้าก็จะลากพี่สาวลงนรกไปกับข้าด้วย!”

นางพูดจบก็ทำท่าจะกดคมมีดลงบนคอหอยของหลินหว่านถิง

หลินชูเจิ้งกับฮว๋าซื่อจึงรีบตะโกนประสานเสียง “หยุดนะ!”

เฟิ่งชูอิ่งหันมองพวกเขานิ่งๆ ฮว๋าซื่อพลันกล่าวอย่างร้อนรน “มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!”

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอโทษมาสิ!”

ฮว๋าซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเคียดแค้น แต่ดันทำใจตบหน้าตัวเองไม่ได้

หลินหว่านถิงจึงร้อนรนแทน “ท่านแม่ ช่วยด้วยเจ้าค่ะ!”

นางเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ชีวิตของเฟิ่งชูอิ่งไม่มีค่าอะไร นางอยากจะตายก็ตายไปสิ แต่จะลากนางไปตายด้วยไม่ได้

อ๋องเฉินสัญญากับนางไว้แล้ว ว่าหากนางทำภารกิจของเขาให้สำเร็จลุล่วงได้ จะมาสู่ขอนางเป็นพระชายาเอก

ใครบ้างไม่รู้ว่าอ๋องเฉินเป็นบุตรชายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด หากนางได้แต่งเป็นพระชายาของอ๋องเฉิน เมื่อไหร่ที่อ๋องเฉินได้ขึ้นครองราชย์ นางก็จะกลายเป็นฮองเฮา พระมารดาของแผ่นดิน!

ถึงฮว๋าซื่อจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมกล่าวว่า “ชูอิ่ง ขอโทษด้วย ตอนที่ข้าอบรมสั่งสอนเจ้าคงเผลอใช้อารมณ์มากเกินไป ดังนั้นเจ้าก็เลยเข้าใจข้าผิดเช่นนี้”

“ก่อนหน้านี้เจ้ายังอายุน้อย ดังนั้นข้าก็เลยช่วยเจ้าดูแลสมบัติของบิดามารเจ้าแทน

“เจ้าสบายใจได้เลย พอถึงเวลาที่เจ้าแต่งงานกับอ๋องฉู่ ข้าจะต้องเอาทรัพย์สินทั้งหมดของบิดามารดาเจ้าไปคืน ให้เจ้าใช้เป็นสินเดิมแต่งเข้าจวนอ๋องแน่นอน”

เฟิ่งชูอิ่งหันหน้าไปมองหลินชูเจิ้ง “ท่านลุง เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

หลินชูเจิ้งตอบ “ต้องจริงอยู่แล้วสิ ข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน รับรองว่าจะไม่แตะต้องสมบัติที่บิดามารดาเจ้าทิ้งเอาไว้แม้แต่นิดเดียว”

เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจแล้วกล่าวว่า “ท่านเขียนหนังสือสัญญามาสิ แล้วข้าจะยอมเชื่อ”

หลินชูเจิ้ง “......”

เขาลองสังเกตเฟิ่งชูอิ่งอีกครั้ง พบว่าเด็กสาวน้ำตาคลอเบ้า ร่างกายสั่นระริก แสดงออกชัดเจนว่ากำลังหวาดกลัว

เขาพลันรู้สึกเบาใจลง นางยังเป็นเด็กสาวขี้ขลาดตาขาวเหมือนเมื่อก่อน แค่วันนี้ถูกอ๋องฉู่บีบบังคับมาอย่างหนัก ถึงได้หอบความกล้ากลับมาอาละวาดที่จวน

เขากล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้ แม้กระทั่งลุงแท้ๆ ของตัวเองก็ยังไม่เชื่อใจงั้นหรือ ช่างเถอะ ลุงจะทำตามที่เจ้าต้องการ”

เขากล่าวจบก็สั่งให้คนเตรียมกระดาษพู่กัน ก่อนจะเขียนหนังสือสัญญาว่าจะคืนสมบัติทั้งหมดที่บิดามารดาของนางทิ้งเอาไว้ให้

เฟิ่งชูอิ่งกวาดตามองรอบหนึ่ง เมื่อพบว่าเนื้อหาในสัญญาแผ่นนั้นไม่ได้กลอุบายอะไรแอบแฝง นางก็ยื่นมือไปรับหนังสือสัญญาจากอีกฝ่าย

หลังจากนางจับหนังสือสัญญาได้ มีดสั้นในมือก็บังเอิญหลุดมือไปเล็กน้อย จึงบาดโดนมือของหลินชูเจิ้งเข้าพอดี

ก่อนนางจะฉวยจังหวะตอนที่มีดบาดโดนมือของเขา ใช้ปลายมีดสะกิดเบาๆ จิ้มเอาเลือดของหลินชูเจิ้งเข้าไปเก็บในขวดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ

พอหลินชูเจิ้งหันหน้ามาหานาง นางก็พลันโบกมือโบกไม้ด้วยความกังวล “ท่านลุง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่านจริงๆ นะเจ้าคะ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

ระหว่างที่นางเอ่ยถาม มีดในมือของนางก็เหวี่ยงไปมา จนมันเกือบจะเฉือนโดนคอหอยของหลินชูเจิ้ง

หลินชูเจิ้งตกใจจนผงะถอยหลังไปหลายก้าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายข้า เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นแหละไม่ต้องขยับ!”

เฟิ่งชูอิ่งเปล่งเสียง ‘อ้อ’ สั้นๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านลุง ข้าไม่มีอาภรณ์จะสวมใส่แล้วเจ้าค่ะ!”

หลินชูเจิ้งกลัวว่านางจะเหวี่ยงมีดส่งเดชอีก จึงรีบตอบเสียงดังว่า “ให้ท่านป้าของเจ้าเป็นคนจัดการ!”

เฟิ่งชูอิ่งแกว่งมีดในมือเบาๆ “ท่านลุง ข้าย้ายมาอยู่ที่จวนสกุลหลินตั้งหลายปีแล้ว แต่ท่านป้าไม่เคยจ่ายเบี้ยหวัดให้ข้าเลยสักเดือน”

หลินชูเจิ้งหยิบตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงใบหนึ่งจากอกเสื้อ ยื่นให้นางแล้วกล่าวว่า “ลุงชดเชยให้เจ้าเอง!”

เฟิ่งชูอิ่งรับตั๋วเงินจากอีกฝ่ายแล้วสูดหายใจ “ท่านลุงเป็นคนดีจริงๆ!”

เมื่อนางได้ของครบตามที่ต้องการ ก็คิดว่าควรจะหยุดเพียงเท่านี้ก่อน จึงเก็บตั๋วเงินและหนังสือสัญญา หันหลังเดินกลับห้องไปพักผ่อนทันที

นางเหมือนจะลืมไปสนิทเลยว่าฮว๋าซื่อยังไม่ได้ตบหน้าตัวเองตามที่นางสั่งเลย

พอนางจากไป ฮว๋าซื่อก็ปรี่เข้าไปประคองหลินหว่านถิงให้ลุกขึ้นมา “หว่านถิง ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”

วันนี้หลินหว่านถิงเจอเรื่องน่าตื่นตระหนกจนเกินจะทนรับไหว นางจึงร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ นังเฟิ่งชูอิ่งมันเสียสติไปแล้ว!”

ฮว๋าซื่อกล่าวอย่างเคียดแค้น “นางกำเริบเสิบสานยิ่งนัก วันนี้ถึงขั้นกล้าใช้อาวุธข่มขู่พวกเรา วันหน้านางมิลุกมาเผาจวนเลยหรือ!”

ฮว๋าซื่อเบนศีรษะไปทางหลินชูเจิ้ง “นายท่าน พวกเราจะต้องสั่งสอนเฟิ่งชูอิ่งให้หลาบจำนะเจ้าคะ!”

ทว่านางยังพูดไม่ทันจบ หลินชูเจิ้งก็สะบัดมือตบหน้านางอีกครั้ง “เมื่อก่อนข้าเคยเตือนเจ้าไปแล้วนะ ว่าอย่าทำอะไรรุนแรงจนเกินเหตุ เจ้ากลับไม่ยอมฟัง!

“สุนัขจนตรอกยังแว้งกัดได้ นับประสาอะไรกับคน!”

ฮว๋าซื่อรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “หากข้าไม่ฉกฉวยเงินทองของนังเฟิ่งชูอิ่งมาให้นายท่านใช้จ่าย มีหรือที่ท่านจะเลื่อนยศเลื่อนขั้นได้ไวถึงเพียงนี้!

“อีกอย่างหนึ่ง ดวงชะตาแบบอ๋องฉู่คนนั้น เฟิ่งชูอิ่งนางไม่มีทางรอดชีวิตอยู่จนถึงวันแต่งงานอยู่แล้ว ทำเกินเหตุนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป?”

หลินชูเจิ้งไม่ตอบคำถามของฮว๋าซื่อ เพียงเอ่ยว่า “ไม่ว่านางจะตายตอนไหน พวกเราก็ไม่ควรทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อมากเกินไปอยู่ดี”

“หลังจากนางได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับอ๋องฉู่ คนมากมายก็เตรียมจะหมายหัวเอาชีวิตนาง พวกเราไม่จำเป็นจะต้องลงมือเองด้วยซ้ำ”

หลินหว่านถิงขบริมฝีปากล่างเบาๆ มือเล็กกำเข้าหากันแน่น เฟิ่งชูอิ่งกล้าทำกับนางถึงเพียงนี้ อีกฝ่ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของนางเท่านั้น ไม่ว่าข้างนอกนั่นจะมีคนอยากเอาชีวิตเฟิ่งชูอิ่งอยู่มากมายแค่ไหนก็ตาม!

มิฉะนั้นแล้วนางจะเป็นพระชายาเฉินได้อย่างไร?

ตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งกลับมาถึงเรือนที่พักของตัวเองแล้ว เมื่อนางเห็นเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรมอย่างหนัก ก็พลันแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เรือนหลังนี้มีแค่หลังคาเท่านั้นที่พอดูได้ กำแพงสี่ด้านของเรือนล้วนมีรอยรั่วช่องโหว่ ไม่แตกต่างจากคอกเลี้ยงสัตว์ที่นางเคยเห็นในชาติที่แล้ว ระหว่างที่ออกไปเก็บข้อมูลตามพื้นที่ชนบทเลยสักนิด

คนในจวนสกุลหลินช่างขยันทดสอบขีดจำกัดความอดทนของนางเสียจริง

ในสถานการณ์แบบนี้ นางต้องทำอย่างไรถึงจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ได้ล่ะ?

นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะปลายคาง แล้วใช้หลังมืออีกข้างเท้าข้อศอกแขนข้างที่ยกแตะปลายคาง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็คิดวิธีแก้ปัญหาออก

นางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินสำรวจเรือนผุพังของตัวเองจนครบทุกด้าน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาตะบันไฟที่อยู่ภายในเรือน

นางกระชากม่านหน้าต่างลงมาแล้วจุดไฟ เพียงพริบตาเดียว เพลิงก็ลุกไหม้ท่วมฟ้า...

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status