Share

บทที่ 13

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-06-04 18:41:53
ก่อนจะมาหานาง บ่าวหญิงแซ่จูคนนี้ก็นับว่าได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีเลยล่ะ

พวกเขาตั้งใจจะใช้ผงปูนขาวทำลายดวงตาของนางก่อน จากนั้นก็จะรุมทุบตีนางอย่างโหดเหี้ยม แล้วค่อยขโมยทรัพย์สินเงินทองของนางไป

บ่าวหญิงแซ่จูคงคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชูอิ่งจะมีแผนรับมือรอเอาไว้แล้ว นอกจากพวกเขาจะขโมยของไม่สำเร็จ ยังเป็นฝ่ายถูกนางทุบตีอย่างหนักแทน

ลูกชายคนโตของนางถูกฮว๋าซื่อสั่งให้บุกเข้ามาขโมยเงินที่ห้องของเฟิ่งชูอิ่งกลางดึกเมื่อคืน ทว่านอกจากจะไม่ได้เงินไปแล้ว ยังถูกผลปูนขาวเล่นงานจนตาบอดอีก

ทว่าเฟิ่งชูอิ่งกลับไปฟ้องหลินชูเจิ้งว่าลูกชายคนโตของนางขโมยตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงไป เมื่อคืนหลินชูเจิ้งก็เลยจับตัวลูกชายคนโตของนางไปเพื่อบีบคั้นให้เขาส่งมอบตั๋วเงินออกมา

ลูกชายคนโตของนางไม่ได้ขโมยตั๋วเงินไปตั้งแต่แรกแล้ว จึงถูกหลินชูเจิ้งลากตัวเข้าห้องทรมาน ตอนที่ส่งตัวกลับออกมาเนื้อตัวเขาก็มีแผลเหวอะหวะเต็มไปหมดแล้ว

นางจึงเกลียดเฟิงชูอิ่งเข้ากระดูกดำ!

นางกัดฟันเอ่ยว่า “พวกเราสาดผงปูนขาวเพราะว่าห้องนี้อับชื้นมากเกินไป ก็เลยมาช่วยคุณหนูต่างสกุลกำจัดความชื้น”

เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะยกไม้กระบองเคาะข้อพับขาของบ่าวหญิงแซ่จู บ่าวหญิงแซ่จูเจ็บจนร้องเสียงแหลมก่อนจะล้มไปกองกับพื้น “คุณหนูต่างสกุล ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่?”

เฟิ่งชูอิ่งไม่สนใจนาง หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปหยิบห่อผงปูนขาว แล้วเขวี้ยงใส่ศีรษะของบ่าวหญิงแซ่จูอย่างแม่นยำ

นางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าเจ้าก็เหม็นอับอยู่เหมือนกัน ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้าลดความชื้นเอง”

เหตุผลกับข้ออ้างแบบนี้มันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด!

เมื่อก่อนพวกบ่าวรับใช้ในจวนสกุลหลินจะเคยรังแกร่างเดิมอย่างไรบ้าง นางก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่อย่าหวังว่าจะมารังแกนางในตอนนี้ได้!

เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นวุ่นวายไปทั่ว ข้ารับใช้จำนวนมากในจวนสกุลหลินพากันมาสอดส่องเพราะได้ยินข่าว

ตอนที่พวกเขามาถึงก็ได้เห็นฉากที่เฟิ่งชูอิ่งใช้ไม้กระบองฟาดบ่าวหญิงแซ่จูพอดี ทำเอาพวกเขาตกใจจนแทบผงะ

เพราะในสายตาของพวกเขา เฟิ่งชูอิ่งเป็นคนหัวอ่อนว่าง่าย ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็อ่อนแอปวกเปียกไปหมด ต่อให้ถูกพวกเขากลั่นแกล้งรังแก นางก็ไม่ปริปากบ่นเลยสักครั้ง

ทว่าวันนี้นางกลับตีคนอย่างโจ่งแจ้ง!

ตอนพวกเขาได้ยินข่าวลือว่าเมื่อวานนางใช้มีดทำร้ายคนในห้องโถงหลัก ยังแอบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เลย ทว่าบัดนี้พวกเขาเชื่อสนิทใจแล้วว่านางกล้าใช้มีดทำร้ายคนจริงๆ!

เฟิ่งชูอิ่งที่คิดจะใช้บ่าวหญิงแซ่จูแสดงอำนาจของตัวเอง เมื่อเห็นว่ารอบด้านมีบ่าวมามุงดูกันมากมาย จึงกล่าวเสียงดังฟังชัด “เรื่องที่ผ่านไปแล้วข้าจะไม่ติดใจเอาความกับพวกเจ้า

“ตอนนี้ข้าหมั้นหมายกับท่านอ๋องฉู่แล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานแค่ไหน

“ไหนๆ ข้าก็จะต้องตายอยู่แล้ว หลังจากนี้ไปใครหน้าไหนที่คิดจะทำร้ายข้า ข้าจะเอาคืนคนผู้นั้นให้สาสมเลยจำเอาไว้!

“ชีวิตข้าก็ไม่ได้มีค่าอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนตายจะลากพวกเจ้าลงโคลนตมไปพร้อมกัน ตอนอยู่ในนรกจะได้ไม่เงียบเหงา!”

นางกล่าวจบก็ยกไม้กระบองเปื้อนเลือดขึ้นมาแล้วกวาดตามองข้ารับใช้ที่อยู่บริเวณนั้น ถามว่า “พวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้าล่ะ?”

เพราะเพิ่งจะลงมือทุบตีคนไป แววตาของนางจึงยังหลงเหลือประกายโหดเหี้ยมอยู่

บ่าวหญิงแซ่จูและลูกชายคนรองลงไปนอนโอดครวญอยู่บนพื้น แตกต่างจากนางที่มีบรรยากาศเย็นยะเยือกแผ่ทั่วร่างอย่างชัดเจน

บ่าวในจวนพวกนี้แม้ยามปกติจะถือหางเจ้านาย เหยียบย่ำรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงคนธรรมดา ยามต้องเผชิญหน้ากับอำนาจบารมีที่นางแผ่ออกมา พวกเขาก็พากันหวาดกลัวความผิด หนีกระเจิงกันไปหมด

พ่อบ้านโจว ผู้ดูแลความเรียบร้อยของจวนสกุลหลินเดินผ่านมา เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ขมวดคิ้วหน้านิ่ว เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “คุณหนูต่างสกุลจะไม่ลงมือหนักเกินไปหน่อยหรือ?”

“พวกเขาล้วนเป็นบ่าวของจวนสกุลหลิน เหมือนว่าคุณหนูต่างสกุลจะไม่มีอำนาจลงโทษกระมัง”

เฟิ่งชูอิ่งยกไม้กระบองขึ้นมาเคาะกับฝ่ามืออีกข้างของตัวเองเบาๆ

เฟิ่งชูอิ่งเชิดหน้ามองพ่อบ้านโจว ก่อนจะเห็นว่าด้านหลังของเขามีวิญญาณร้ายเกาะอยู่ตนหนึ่ง ขนคิ้วด้านซ้ายมีรอยบากตรงกลาง

แม้เขาจะพยายามเสแสร้งแสดงท่าทีอบอุ่นอ่อนโยน แต่ก็ปกปิดความอำมหิตและเลือดเย็นของเขาได้ไม่มิด

คนประเภทนี้ส่วนใหญ่มักจะเห็นแก่ตัวมาก

นางยิ้มบางๆ ไม่ตอบแล้วยังถามกลับด้วยว่า “พ่อบ้านโจว เจ้าเชื่อเรื่องดวงหรือไม่?”

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 14

    พ่อบ้านโจวมีภาพลักษณ์เหมือนคนใจดีมีเมตตา ทว่าความจริงแล้วเป็นคนใจดำอำมหิตยิ่งนัก เมื่อก่อนที่ร่างเดิมถูกบ่าวในจวนสกุลหลินกลั่นแกล้งอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เพราะมีพ่อบ้านโจวคอยยุยงส่งเสริมนี่แหละเรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง เอาแค่บ่าวหญิงแซ่จูคนนี้เลย สาเหตุที่นางกล้าเอะอะโวยวายเช่นนี้ คงเพราะได้รับอนุญาตจากพ่อบ้านโจวแล้วน่ะสิลัทธิเต๋าให้ความสำคัญกับเรื่องกงกรรมกงเกวียน พ่อบ้านโจวคนนี้ทำเรื่องชั่วร้ายเอาไว้มาก แล้วยังพรากชีวิตคนไปอีกหลังจากเขาได้พบกับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็สมควรจะโดนกรรมตามสนองเสียที พ่อบ้านโจวได้ยินคำถามของนางก็ขมวดคิ้ว เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ดวงของผู้อื่นเป็นอย่างไรข้าไม่อาจทราบ แต่ว่าดวงชะตาของคุณหนูต่างสกุลเห็นชัดเลยว่าลำบากยากเข็ญ”“นายท่านให้ข้ามาเชิญคุณหนูต่างสกุลไปที่ห้องหนังสือ เชิญคุณหนูตามข้ามาทางนี้เถอะ!”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าว “พักหลังมานี้ข้าศึกษาเกี่ยวกับการดูโหงวเฮ้งของคน จนพอจะมีความรู้อยู่บ้าง”“ข้าเห็นว่าพ่อบ้านโจวหน้าตาหมองหม่น คิ้วขมวดเป็นปม คางมีรอยน้ำลากผ่าน มีโอกาสจะจมน้ำได้นะ”“แม้การศึกษาศาสตร์ลี้ลับพวกนี้จะฟังดูงมงามไปสักหน่อย แต่พ่อบ้า

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 15

    สำหรับเขาแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดที่นางเอาติดตัวมาด้วยสมควรจะเป็นของเขา!ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่เขาเป็นคนเสนอยกนางให้แต่งงานกับจิ่งโม่เยี่ย เพราะการตายของนางจะสร้างประโยชน์มหาศาลต่อเขา แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมให้นางย้ายออกจากจวนสกุลหลินล่ะ?เขาจึงรีบกล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ?“เจ้าลงมือทำร้ายคนในจวนแท้ๆ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน?”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วกล่าวว่า “ขอถามท่านลุง โจรที่บุกเข้าไปในเรือนของข้าเมื่อคืน จับตัวได้หรือยังเจ้าคะ?”หลินชูเจิ้ง “...ยังจับตัวไม่ได้หรอก เขาหนีไปแล้ว”เฟิ่งชูอิ่งแสยะยิ้ม “ข้าจะบอกความลับอะไรให้ท่านลุงฟังอย่างหนึ่ง เมื่อคืนตอนที่โจรคนนั้นบุกเข้ามาในห้องของข้า ข้ามองเห็นใบหน้าของเขาเจ้าค่ะ”หลินชูเจิ้ง “!!!!!”สีหน้าของเขาแข็งค้างอย่างฉับพลัน จนรู้สึกปวดใบหน้าเล็กน้อยเฟิ่งชูอิ่งกล่าวอีกว่า “ท่านลุง ข้าเชื่อมาตลอดว่าท่านเป็นคนยุติธรรม ดังนั้นถึงได้เชื่อใจว่าท่านจะจับตัวโจรที่แอบลอบเข้ามาในห้องของข้ากลางดึกได้“ท่านลุงช่วยตอบข้าที ตอนนี้ลูกชายคนโตของบ่าวหญิงแซ่จูอยู่ที่ไหน?”ใบหน้าหลินชูเจิ้งบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม หลังนางเอ่ยปร

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 16

    บ่าวหญิงแซ่จูไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ “พวกเราแค่ไปเรียกคุณหนูต่างสกุลมารับประทานอาหารเช้า แต่พวกเราทำงานหนักจนเคยชิน ก็เผลอทำเกินกว่าเหตุไปหน่อย คุณหนูต่างสกุลถึงได้เข้าใจผิด“คุณหนูต่างสกุลนั่นแหละ ไม่พูดไม่จาก็คว้าไม้มาทุบตีพวกเราแล้ว ท่านทำเกินไปหน่อยกระมัง!“ถึงพวกเราจะเป็นแค่บ่าวต่ำต้อย แต่ก็ยังเป็นคนอยู่ดี ท่านรังแกพวกเราอย่างนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!”หลินชูเจิ้งเอ่ยเสียงต่ำ “ชูอิ่ง เจ้าเองก็ทำเกินกว่าเหตุไปมากนะ ข้าจำเป็นจะต้องลงโทษเจ้าด้วย!“มิฉะนั้นหลังจากเจ้ากลายเป็นพระชายาอ๋องฉู่แล้ว จะเผลอเอานิสัยเยี่ยงนี้ไปใช้ที่จวนอ๋องด้วย ท่านอ๋องจะกล่าวโทษพวกเราว่าไม่รู้จักสั่งสอนเจ้าได้!”เฟิ่งชูอิ่งเชิดหน้ามองเขา แววตาของนางฉายแววเหยียดหยามอยู่หลายส่วนซึ่งแววตาเหยียดหยามพวกนั้นหลินชูเจิ้งเห็นแล้วรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวยิ่งนัก จึงกล่าวว่า “งั้นลงโทษให้เจ้า......จ่ายสิบตำลึงเงินเป็นค่ารักษาพวกเขาก็แล้วกัน”ตอนแรกเขาตั้งใจจะกักตัวนางไว้ในห้อง แต่พอคิดๆ ดูอีกที หากกักตัวนางเอาไว้ในจวนสกุลหลิน วันหน้าก็คงจะลงมือกับนางได้ไม่ถนัดหากนางตายในจวนสกุลหลิน ชื่อเสียงในราชสำนักของเขาก็จะพลอยย่ำ

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 17

    ก่อนหน้านี้บ่าวในจวนสกุลหลินเห็นนางต่างก็อยากจะเข้าไปซ้ำเติม คิดหาวิธีมารังแกนางสารพัดบัดนี้แม้พวกบ่าวในจวนจะไม่ถึงขั้นเจอหน้านางก็เดินหลบไปอีกทาง แต่ก็พอจะทราบว่านางเป็นบ้าไปแล้ว ไม่ได้รังแกกันง่ายๆ เหมือนในอดีตถึงนางจะเป็นแค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง แต่การเอามีดไล่ฟันทุกครั้งที่ไม่ได้ดั่งใจเช่นนี้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดีด้วยเหตุนี้เอง ชีวิตหลังจากนั้นของเฟิ่งชูอิ่งจึงค่อนข้างจะสงบสุขแต่ก็แค่ ‘ค่อนข้าง’ สงบสุขนะ เพราะช่วงสองสามวันมานี้นางยุ่งพอสมควรเลยไม่กี่วันก่อนนางลองเดินสำรวจรอบๆ จวนสกุลหลิน และพบความจริงบางอย่าง จวนสกุลหลินถูกจัดวางตำแหน่งเป็นค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดใหญ่ซึ่งค่ายกลดังกล่าวขับเคลื่อนโดยมีนางเป็นฐานเรียกง่ายๆ ว่าทุกวันนี้จวนสกุลหลินเจริญก้าวหน้าได้ ก็เพราะว่ามีนางอยู่นางมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเสาหลักของจวนสกุลหลิน คอยต้านเภทภัยทั้งหลายให้จวนสกุลหลินหากนางตาย ก็จะกลายเป็นของบำรุงโชคชะตาของจวนสกุลหลิน หล่อเลี้ยงคนทั้งหมดที่อยู่ในจวนค่ายกลแบบนี้ไม่สามารถใช้คำว่าไร้คุณธรรมมาอธิบายได้หรอก นี่มันเป็นการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์ ต่ำทรามไม่เหลือความเป็นคน!ค่ายกลชนิดนี้ไม่สามารถ

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 18

    เฟิ่งชูอิ่งตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง เสียงกรี๊ดที่กำลังจะหลุดจากปากถูกนางฝืนกล้ำกลืนลงไปในลำคอนางหันหน้าไปมองจึงพบกับใบหน้าที่หล่อจนบรรยายไม่ถูกของจิ่งโม่เยี่ยสีหน้าของเขาในยามนี้ดูสุขุมเป็นอย่างมาก ท่วงท่าก็ดูสง่างามอย่าบอกใคร ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังประคองอยู่ไม่ใช่ก้นของนาง แต่เป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกอะไรทำนองนั้นเขาเห็นนางมองมา จึงเอ่ยถามด้วยเสียงเฉยชาว่า “อยากให้ช่วยไหม?”เฟิ่งชูอิ่งตอบแบบไม่ทันคิด “ไม่ต้อง!”คิ้วเรียวของจิ่งโม่เยี่ยเลิกขึ้นเบาๆ พร้อมกับเสียง ‘อ้อ’ แล้วปล่อยมือทันที ครู่ต่อมาร่างของเฟิ่งชูอิ่งก็ตกลงไปกระแทกพื้นใกล้ๆ กับภูเขาจำลองแม้รอบๆ ภูเขาจำลองจะเป็นพื้นหญ้าทั้งหมด แต่ตกจากที่สูงขนาดนั้นอย่างไรก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกเหมือนก้นแหลกเหลว อวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักนางรู้สึกเหมือนร่างกายจะแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ!”นางใช้หินแถวนั้นเป็นที่ค้ำยั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอามือนวดก้นที่ชาไปทั้งแถบของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะค่อนขอดว่า “ท่านอ๋อง ข้าแค่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ไม่ได้บอกให้ท่านโยนข้าลงมาจากข้างบนนั้น!”จิ่งโม่เยี่ยมอ

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 19

    ตอนที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้เขา เขาไม่เคยคิดจะสนใจนางเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขารู้ดีว่าการพระราชทานสมรสมันเป็นแค่เรื่องตลกเท่านั้นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา อีกไม่นานนางก็คงถูกฆ่าตายเขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปใส่ใจคนที่อีกไม่นานก็จะต้องตายอย่างนางตอนที่เจอกันในอาราม นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบนาง และนางแตกต่างจากที่เขาคิดไว้อย่างสิ้นเชิงตอนนั้นเขาไม่ได้ชักกระบี่ออกมาตัดศีรษะนางทันที เพราะอยากรู้ว่านางจะพูดกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองอย่างไร คิดไม่ถึงเลยว่านางจะแก้ตัวได้ฟังขึ้นไม่มีหลุดพิรุธ แล้วยังแต่งเรื่องที่เคยบังเอิญเจอเขาตอนสิบขวบขึ้นมาอีก ครั้งก่อนเขามาที่จวนสกุลหลินด้วยความบังเอิญ เพราะตอนกลางคืนเขานอนไม่หลับจึงอารมณ์หงุดหงิดอย่างมาก ตอนที่เดินผ่านจวนสกุลหลินได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงแวะเข้าไปดูเรื่องสนุกหลังจากนั้นเขาก็นั่งชมเรื่องสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าภรรยาในอนาคตของเขาดูแตกต่างจากปกติหลังจากเขาเอาเชือกไปให้เจ้าอาวาสยืนยันว่านางมีโอกาสเป็นคนสำนักลี้ลับ ก็สั่งให้คนไปสืบประวัตินางแบบละเอียดยิบทว่าข้อมูลที่สืบออกมาได้กลับทำเขาประหลาดใจมาก เ

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 20

    จิ่งโม่เยี่ยก้มมองแขนเสื้อที่ถูกนางจับแวบหนึ่ง ก่อนจะเห็นนางส่งยิ้มหวานให้แล้วเขย่าแขนเสื้อเบาๆ ราวกับนางกำลัง......อ้อนเขา?เขาค่อนข้างแปลกใจเลยล่ะ เพราะบนโลกใบนี้มีไม่กี่คนหรอกที่กล้าออดอ้อนเขาอย่างนี้?เขาปล่อยมือที่บีบคางนางแล้วกล่าว “สารภาพมาให้หมดเปลือกเดี๋ยวนี้ว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่“หากพูดความจริง ข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้า แต่หากกล้าโกหกแม้แต่คำเดียว ข้าจะบิดคอของเจ้าออกมา”เฟิ่งชูอิ่งย่อมไม่คิดจะบอกความจริงให้เขาทราบอยู่แล้ว เพราะถ้าบอกความจริงออกไป นางจะอธิบายเรื่องที่รู้วิชาลัทธิเต๋าได้อย่างไรละสมองของนางประมวลผลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแต่งเรื่องขึ้นมาว่า “อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเซ่นไหว้วิญญาณของมารดาข้าแล้ว แล้วบ้านเดิมของข้าก็มีประเพณีขึ้นที่สูง“บอกว่ายิ่งยืนอยู่สูงมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใกล้ชิดกับผู้ที่ล่วงลับไปมากเท่านั้น ข้าคิดถึงท่านแม่มาก ก็เลยอยากจะใกล้ชิดกับนางสักหน่อย“ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดในจวนสกุลหลิน เพียงแต่ท่านอ๋องก็ทราบว่าคนในจวนสกุลหลินไม่ได้ดีต่อข้านัก“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกกับพวกเขาแล้วว่าอยากทำพิธีขึ้นที่สูง แต่พวกเขากลับไม่ยอมให้ทำ ข้าอับจนหนทา

    Last Updated : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 21

    ค่ายกลที่อยู่ตรงหน้าเฟิ่งชูอิ่งชัดเจนเลยว่าเป็นพิธีกรรมสาปแช่งอย่างหนึ่ง อักขระพวกนั้นยังดูชั่วร้ายมากด้วยแม้ค่ายกลนี้จะไม่เหมือนกับคำสาปที่เขาโดน แต่ก็มีความคล้ายคลึงอยู่ไม่น้อยอารมณ์นึกสนุกในคราแรกพลันสงบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่งแล้ว นั่นคือนางเชี่ยวชาญคาถาอาคมของสำนักลี้ลับเจ้าเด็กเลี้ยงแกะ!เฟิ่งชูอิ่งในยามนี้ไม่มีเวลาไปสนใจจิ่งโม่เยี่ย ขั้นตอนสลับของที่อยู่ตรงแกนกลางของค่ายกลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่อาจประมาทพลาดพลั้งได้นางไม่ได้พกเครื่องมือประกอบพิธีกรรมติดไม้ติดมือมาด้วย จึงต้องอาศัยประสบการณ์เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อยแล้วก็เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ ตอนที่นางหยิบกุญแจเงินออกมาก็มีวิญญาณร้ายตนหนึ่งผุดออกมาจากในกุญแจ พุ่งตรงเข้ามาหานางด้วยจิตอาฆาตพยาบาทนางเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า จึงใช้มือข้างหนึ่งสร้างเคล็ดวิชาดาบสุวรรณฟันใส่วิญญาณร้ายตัวนั้นนางฟันลงไปเพียงครั้งเดียว วิญญาณร้ายตนนั้นก็ขาดเป็นสองท่อน!ก่อนจะสลายเป็นฝุ่นควัน วิญญาณร้ายตนนั้นได้ถลึงตามองนาง สีหน้าประหลาดใจคล้ายไม่อยากจะเชื่อขณะที่นางมองก

    Last Updated : 2024-06-04

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 941

    เหมยตงยวนตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลบสายฟ้าที่ฟาดลงมาสายนั้นได้สายฟ้านั้นเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง จึงพุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งเหมยตงยวนกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบระงับพลังแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเฟิ่งชูอิ่งนึกถึงวันที่นางได้พบกับเหมยตงยวนครั้งแรก เขาก็มาพร้อมกับอสนีบาตจากฟากฟ้าเช่นนี้แต่วันนั้นเขาหาตัวแทนรับเคราะห์ สายฟ้าจึงไม่ได้ฟาดลงมาที่เขาเมื่อครู่เขาคำนวณอะไรบางอย่าง จึงไปรบกวนพลังแห่งสวรรค์ ทำให้สวรรค์ตามล่าเขาอีกครั้ง ใช้สายฟ้าฟาดใส่เขาโดยตรงเฟิ่งชูอิ่งหันไปมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า "เรื่องนี้ดูท่าจะใหญ่โตเอาการ"จิ่งโม่เยี่ยถามว่า "ท่านพ่อจะเป็นอะไรไหม?"เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า "ถ้าท่านพ่อเป็นอะไรไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"จิ่งโม่เยี่ย “......”ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าความกังวลของเฟิ่งชูอิ่งนั้นมากเกินไป เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เหมยตงยวนก็กลับมาเพียงแต่อีกฟากฝั่งของเมือง ที่นั่นมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาก็ถามทันทีว่า "ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 940

    ครู่ต่อมา นางก็เอาหัวโขกโต๊ะอีกครั้งเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”เอาเถอะ นางยอมแพ้แล้ว!นางสูดน้ำมูกพลางพูดว่า “สวรรค์ช่างน่าเบื่อจริงๆ จงใจกลั่นแกล้งคนชัดๆ!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นก้อนบวมสองก้อนบนหน้าผากของนางก็รู้สึกสงสารไม่ได้ “ให้ข้าทายาให้เถอะ”เฟิ่งชูอิ่งกลับพูดว่า “เรื่องทายาไม่รีบร้อนหรอก ขอข้าตั้งสติคิดก่อนว่าเรื่องบ้าๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางสบถออกมาก็รู้ว่าครั้งนี้นางโกรธจริงๆ จึงพูดว่า “งั้นข้าทายาให้พลางๆ เจ้าก็คิดไปพลางๆ แล้วกัน”ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ปฏิเสธเพียงแต่พอเขาเข้ามาใกล้ นางก็ได้กลิ่นกายของเขา หอมสดชื่นแต่ก็ยั่วยวนอย่างมากนางอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาและคิ้วของเขาเดิมทีก็งดงามอยู่แล้ว เป็นแบบที่นางชอบที่สุดตอนนี้เขาเข้ามาใกล้ ท่าทางที่ทายาให้นางนั้นดูตั้งใจมาก มองดูแล้วเห็นความรักที่ลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วนขนตาที่เป็นแพยาวและโค้งงอน ดวงตาสีดำสนิท มีเสน่ห์ที่ส่งผลต่อนางอย่างร้ายกาจเดิมทีสมองของนางก็มึนงงอยู่แล้ว พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา หัวสมองของนางก็หยุดทำงานไปเลยคิดคำนวณอะไรกัน ดูหนุ่มหล่อไม่ดีกว่าหรือ?ดังนั้นนางจึงเลิกคำนวณแล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 939

    ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร นั่งกินหม้อไฟกันเงียบๆเมื่อจิ่งโม่เยี่ยได้นั่งอยู่เคียงข้างนาง อันตรายจากการช่วงชิงอำนาจก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปในค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ เพียงมีนางอยู่เคียงข้างเขา หัวใจของเขาก็สงบอย่างยิ่งทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศอบอุ่นเป็นอย่างมากเฟิ่งชูอิ่งกำลังลวกเนื้อชิ้นหนึ่งเตรียมที่จะคีบให้จิ่งโม่เยี่ย ในขณะเดียวกันเขาก็คีบเนื้อที่เพิ่งลวกเสร็จใหม่ๆ ให้นางทั้งสองคนต่างชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้กัน กินเนื้อที่อีกฝ่ายคีบให้เฟิ่งชูอิ่งถามว่า “ท่านตั้งใจจะขึ้นครองราชย์เมื่อไหร่?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “กรมพิธีการกำลังวางแผนอยู่ สำนักโหรหลวงกำลังคำนวณฤกษ์งามยามดี…”พูดถึงตรงนี้เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ฤกษ์ที่สำนักโหรหลวงคำนวณออกมาอาจจะไม่แม่นยำเท่าเจ้า เจ้าช่วยคำนวณให้ข้าหน่อยได้ไหม”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างพินิจ จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณครู่ต่อมาเลือดกำเดาของนางก็ไหลออกมาเฟิ่งชูอิ่ง “……”จิ่งโม่เยี่ย “……”เขารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเฟิ่งชูอิ่งสบถออกมา “มันต้องขนาดนี้เลยหรือ!”นางรู้สึกหดหู่ใจจริงๆ นางแค่จะคำนวณดวงชะตาให้เขาเท่านั้น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 938

    เหมยตงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างฉับพลัน เจ้าลูกหมานี่พูดจาแบบนี้ได้คล่องปากขึ้นทุกวันเฟิ่งชูอิ่งมองไปยังศาลาร่มรื่นที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้าย นางรู้สึกว่าควรจะเตือนจิ่งโม่เยี่ยสักหน่อยนางจึงเปิดเนตรทิพย์ให้เขาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเหมยตงยวนทำหน้าบึ้งตึง และเหล่าวิญญาณร้ายตนอื่นๆ ที่ทำหน้าเหมือนกำลังดูละครสนุกๆจิ่งโม่เยี่ย “......”อย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องน่าตกใจมันมีอยู่ทุกที่เขาไอเบาๆ แล้วคำนับเหมยตงยวน “สวัสดี ท่านอาเหมย”เหมยตงยวนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ข้าไม่กล้ารับคำนับจากฝ่าบาทหรอก”พลังแห่งฮ่องเต้ในตัวจิ่งโม่เยี่ยเข้มข้นขึ้นมากหลังจากผ่านคืนนี้ไปนั่นหมายความว่าการเข้าวังของเขาในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพียงแต่ตอนนี้ดวงดาวของฮ่องเต้ยังไม่กลับมาประจำตำแหน่ง บัลลังก์ของเขายังไม่มั่นคงจิ่งโม่เยี่ยยิ้มแห้งๆ “ท่านอาเหมยอย่าล้อข้าเลย”“ตำแหน่งฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการได้มา แต่การมีตำแหน่งนี้ช่วยให้ข้าทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้”เหมยตงยวนแค่นเสียง “ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ความทะเยอทะยานมันเด่นชัดขนาดนั้น เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าจิ่งสือเยี่ยนนักหรอก”

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 937

    ถัดมา ม่านหน้าต่างก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เผยให้เห็นเงาร่างน่าขนลุก รูปร่างคล้ายกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนปู๋เยี่ยโหวเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว “แม่เจ้า!”พูดจบก็กระโดดขึ้นไปขี่บนหลังท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย “......”เขาอยากจะด่าบรรพบุรุษปู๋เยี่ยโหวสิบแปดชั่วโคตร!พุ่งเข้ามาแบบนี้ ตัวหนักขนาดนี้ เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น อายุก็มากแล้ว จะแบกปู๋เยี่ยโหวไหวได้อย่างไร!แล้วทั้งสองคนก็ล้มกลิ้งลงกับพื้น ปู๋เยี่ยโหวกลายเป็นเบาะรองคนอื่นๆ ก็ตกใจตัวสั่นด้วยความกลัว เบียดเสียดกันเป็นก้อนตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฮองเฮา พระโอรสผู้สูงศักดิ์หรือขุนนางผู้สุขุมเยือกเย็นในราชสำนัก ต่างก็หดตัวเป็นก้อน อยากจะเบียดเข้าหากันเป็นหนึ่งเดียวบางคนที่ว่องไวก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วพระราชวังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด การเกิดเรื่องแบบนี้ทำให้พวกเขาแทบสิ้นสติตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อคำพูดของปู๋เยี่ยโหวเลย พอเกิดเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ จะไม่เชื่อก็ยากแล้วเดิมทีฮองเฮายังอยากจะซักถามปู๋เยี่ยโหวสองสามคำ พอเห็นสภาพแบบนี้นางก็พูดอะไรไม่ออกตอนนี้ทุกคนมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นหรือว่าเป็นเพราะองค์ฮ่องเต้เจาหยวนท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 936

    สุดท้ายปู๋เยี่ยโหวที่มีชนักติดหลังก็ยังอดแววตาสั่นไหวไม่ได้การกระพริบตาของเขา คนทั่วไปอาจจะไม่เห็นถึงปัญหา แต่คนที่เขากำลังเผชิญอยู่คือท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายตีความได้ทันทีว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือของปู๋เยี่ยโหวท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายด่าทออยู่ในใจ “เจ้าตัวสร้างปัญหา ฮ่องเต้เจาหยวนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ยังมาทำลายพระศพให้เป็นแบบนี้ คิดจะโยนความผิดให้คนอื่นรึไง?”“โง่จริงๆ โง่ที่สุด!”ถึงแม้จะด่าทออยู่ในใจอย่างหนัก แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อยเขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าได้ยินมาว่า หากคนเรามีบาปกรรมมากมาย เมื่อตายไป ร่างกายก็จะถูกทำลาย”“แต่เรื่องนี้ข้าแค่เคยได้ยินมา ไม่เคยเห็นมาก่อน”หลังจากพูดจบ เขาก็ถามปู๋เยี่ยโหวว่า “เมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้นในท้องพระโรงหรือ?”เมื่อปู๋เยี่ยโหวได้ยินคำถามนี้ ก็รู้ทันทีว่าท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายรู้แล้วว่าสภาพของฮ่องเต้เจาหยวนที่เป็นแบบนี้เป็นฝีมือของเขาเขาลอบถอนหายใจเบาๆ นี่แหละจิ้งจอกเฒ่าตัวจริง ไม่มีอะไรปิดบังท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายได้เลย โชคดีที่ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายอยู่ข้างเดียวกับเขาปู๋เยี่ยโหวตอบทันทีว่า “หลังจากที่อ๋องผู้สำเร็จราช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 935

    ปู๋เยี่ยโหวหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม จึงลงมือทุบกระดูกมือและกระดูกขาของฮ่องเต้เจาหยวนจนแหลกละเอียดฮ่องเต้เจาหยวน “……”ฮ่องเต้เจาหยวน “!!!!!!”ไอ้เจ้าสุนัขปู๋เยี่ยโหวมันกล้าดีอย่างไรมาทำลายศพของเขา! เขาจะฆ่ามัน!พลังวิญญาณของเขาพลุ่งพล่านถึงขีดสุดอย่างฉับพลันแต่เขายังไม่ทันได้กลายร่างเป็นวิญญาณร้าย ก็ถูกพลังมังกรซัดกระแทกลงพื้นอีกครั้งและเนื่องจากพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเกินไป พลังมังกรจึงตัดสินว่าเขาเป็นวิญญาณร้ายที่อันตรายอย่างยิ่งในการรับมือกับวิญญาณร้ายที่อันตรายเช่นนี้ พลังมังกรจะแสดงพลังอย่างรุนแรงและเด็ดขาด โดยการตรงเข้าไปฉีกวิญญาณของฮ่องเต้เจาหยวนจนแตกเป็นเสี่ยงๆฮ่องเต้เจาหยวน “!!!!!!”เขายังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ ก็วิญญาณแตกสลายไปแล้วไม่ว่าเขาจะมีความโกรธหรือความไม่ยินยอมมากแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาคือฮ่องเต้ ดังนั้นพลังมังกรจึงคุ้มครองเขาแต่หลังจากเขาตาย วิญญาณของเขาก็ไม่ต่างจากวิญญาณตนอื่นๆเพราะทันทีที่ฮ่องเต้เจาหยวนสิ้นพระชนม์ เขาก็ไม่ใช่ฮ่องเต้อีกต่อไป เมื่อวิญญาณของเขากลายเป็นวิญญาณร้าย มันก็จะถูกพลังมังกรโจมตียิ่งไป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 934

    ถึงปู๋เยี่ยโหวจะใจกล้าบ้าบิ่น แต่เขาก็กลัวผีที่เขาไม่กลัวเฉี่ยวหลิงมากนัก เพราะรู้จักกันดีแล้ว รู้ว่านางจะไม่ทำร้ายเขาแต่ฮ่องเต้เจาหยวน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ใช่ผีที่ดีแน่ ๆ เพราะตอนยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่คนดีอะไรปู๋เยี่ยโหวไม่พูดพร่ำทำเพลง คว้าอิฐที่วางอยู่ข้างๆ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับรองฐานโลงศพ ฟาดลงไปที่หัวของฮ่องเต้เจาหยวนอย่างจังในจังหวะที่ฮ่องเต้เจาหยวนกำลังจะลุกขึ้นนั่งนั้น พระองค์ตั้งใจจะร้องเรียกขุนนางที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าพระองค์คิดว่าหากบอกขุนนางเหล่านั้นว่าถูกจิ่งโม่เยี่ยกักขังไว้ในวัง ขุนนางคนสนิทของพระองค์จะต้องออกมาต่อต้านอย่างแน่นอนก่อนหน้านี้พระองค์ไม่สามารถติดต่อกับขุนนางเหล่านี้ได้ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ ขุนนางเหล่านี้จะต้องเข้าวังพระองค์ยังทรงทราบอีกว่าขุนนางเหล่านั้นเฝ้าอยู่ข้างนอก เพียงแค่พระองค์ร้องเสียงดัง พวกขุนนางก็จะได้ยินทันทีแผนการของพระองค์ค่อนข้างยอดเยี่ยม ในทางปฏิบัติแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งข่าวสารออกไปหากพระองค์สามารถส่งข่าวสารออกไปได้ แม้ว่าจะสิ้นพระชนม์หลังจากนั้น ก็ยังสามารถสร้างความลำบากให้กับจิ่งโม่เยี่ยได้ไม่น้อยหลังจากนี้

DMCA.com Protection Status