Share

บทที่ 8

สาวใช้นางนั้นตอบรับหนึ่งเสียง ก่อนจะถือมีดทำครัวเดินจากไปด้วยท่าทางเหม่อลอย มุ่งหน้าตรงไปยังห้องของฮว๋าซื่อ

เนื่องจากเวลานี้ดึกมากแล้ว บรรยากาศรอบตัวจึงมืดสนิท แม้จะมีข้ารับใช้ในจวนมองเห็นสาวใช้คนนั้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ อีกทั้งพวกเขายังเดินห่างกันมาก จึงมองไม่เห็นบาดแผลบนศีรษะของนาง

เนื่องจากหลินชูเจิ้งยกห้องพักที่ติดกับเรือนของหลินหว่านถิงให้เฟิ่งชูอิ่ง จึงถูกฮว๋าซื่อบ่นเสียยกใหญ่ คืนนี้เขาจึงไม่ไปนอนค้างที่เรือนของ และขลุกอยู่ในเรือนของอนุภรรยาแทน

เวลานี้หลินหว่านถิงก็อยู่ในห้องของฮว๋าซื่อด้วย สองแม่ลูกกำลังช่วยกันคิดว่าจะจัดการเฟิ่งชูอิ่งอย่างไรดี

วันนี้หลินหว่านถิงถูกเฟิ่งชูอิ่งเอารัดเอาเปรียบทำร้ายสารพัด แค่นี้นางก็แทบจะข่มความโกรธไว้ไม่ไหวแล้ว

ต่อมานางยังได้ยินอีกว่าเฟิ่งชูอิ่งจะย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ นางจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป

เฟิ่งชูอิ่งมันมีอะไรดีกัน มีสิทธิ์อะไรย้ายเข้าไปพักอาศัยในห้องที่ดีขนาดนั้น แล้วยังอยู่ติดกับเรือนของนางอีก?

นางพูดกับฮว๋าซื่อด้วยตาแดงก่ำ “ท่านแม่ ท่านหาข้ออ้างย้ายนังเฟิ่งชูอิ่งไปไกลๆ ได้หรือไม่”

“อีกเดี๋ยวนางก็จะตายแล้ว ให้นางมาอยู่ติดกับข้าขนาดนั้น ช่างน่าสะอิดสะเอียนเกินทน”

คอของนางมีผ้าพันแผล ซึ่งบนผ้าพันแผลสีขาวก็ปรากฏคราบเลือดประปราย บาดแผลเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่งทั้งสิ้น

เรื่องในวันนี้นางอุตส่าห์วางแผนมาตั้งเนิ่นนาน เดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะสามารถกำจัดเฟิ่งชูอิ่งได้แบบสะอาดหมดจด ไม่คิดเลยว่านอกจากแผนการจะล้มเหลวแล้ว นางยังได้แผลมาอีก

ฮว๋าซื่อกดเสียงต่ำ “นังสารเลวนั่นกลับมาคราวนี้ทำตัวผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด แต่ในเมื่อนางถูกกำหนดให้แต่งงานกับอ๋องฉู่ ก็สมควรตายได้แล้ว”

นางไม่คิดจะเก็บเฟิ่งชูอิ่งไว้ตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้นอกจากจะถูกเฟิ่งชูอิ่งกดข่ม นางยังถูกหลินชูเจิ้งตบหน้าอีกต่างหาก แค่คิดนางก็โกรธจนแทบบ้าแล้ว

หลินหว่านถิงเอ่ยถาม “ท่านแม่ พวกเราควรจะฆ่านางอย่างไรดี?”

นัยน์ตาของฮว๋าซื่อสาดประกายอำมหิต นางกดเสียงตอบว่า “ตอนนี้นางเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่ พวกเราฆ่านางอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”

“หากนางจะตาย ก็ต้องไปตายข้างนอกจวน อีกสองวันข้าจะพานางไปจุดธูปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็จ้างคนมาข่มขืนนางแล้วฆ่าทิ้งซะ!”

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางทำแต่เรื่องแย่ๆ กับเฟิ่งชูอิ่งตลอด เพราะอยากจะฆ่านางให้ตายตั้งนานแล้ว

แต่หลินชูเจิ้งกลับห้ามปรามและบอกกับนางว่า เฟิ่งชูอิ่งอายุสิบกว่าปีแล้ว สามารถจับนางแต่งงานแลกสินสอดจำนวนมหาศาลได้

ด้วยสาเหตุนี้ แม้ฮว๋าซื่อจะทำร้ายเฟิ่งชูอิ่งสารพัด แต่ก็ไม่เคยเล่นงานนางให้ถึงตาย

เพราะนางมองว่าครอบครัวฝั่งบิดาของเฟิ่งชูอิ่งล้มหายตายจากไปหมดสิ้นแล้ว ครอบครัวฝั่งมารดาก็เหลือแค่หลินชูเจิ้งที่เป็นลุงแค่คนเดียว ถือเป็นเด็กกำพร้าอย่างแท้จริง

เด็กกำพร้าแบบนี้นางคิดจะต้มยำทำแกงอย่างไรก็ย่อมได้ ต่อให้นางเกิดตายขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครโผล่มาเรียกร้องเอาผิดหรอก

หลินหว่านถิงเตือนฮว๋าซื่อ “ท่านแม่ คราวนี้พวกเราจะต้องทำทุกอย่างให้รอบคอบ จะได้ไม่ผิดพลาดอีก

“ท่านอ๋องเฉินบอกแล้ว หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะรีบทูลขอสมรสพระราชทาน แต่งตั้งข้าเป็นพระชายาเอกของเขา”

ฮว๋าซื่อหัวเราะคิกคัก “ข้าลงมือเองทั้งที เจ้าวางใจได้เลย!”

เสียงกุกกักดังมาจากหน้าประตู นางจึงหันกลับไปมอง พบว่าเป็นอดีตสาวใช้ของเฟิ่งชูอิ่งเดินเข้ามาในสภาพเลือดอาบศีรษะ

นางกล่าวอย่างไม่พอใจ “เจ้าเป็นบ้าหรืออย่างไร? ดึกดื่นขนาดนี้มาที่ห้องของข้าทำไมกัน?”

สาวใช้คนนั้นตอบเสียงยานคาง “พวกเจ้ารังแกเด็กสาวกำพร้า ทำตัวไร้มโนธรรม ข้าในนามตัวแทนแห่งดวงจันทร์ จะลงทัณฑ์แกเอง[footnoteRef:1]!” [1: เป็นคำพูดประจำตัวของตัวละครเซเลอร์มูน

]

นางกล่าวจบก็เงื้อมมีดทำครัวขึ้นกลางอากาศ จ้วงแทงใส่ฮว๋าซื่อ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนือความคาดหมายของฮว๋าซื่อ นางจึงไม่ทันได้ตั้งตัว ถูกมีดทำครัวฟันโดนไหล่ไปเต็มๆ

มีเสียง “กรี๊ด” โหยหวนเหมือนหมูถูกเชือดดังก้องไปทั่วทั้งจวนสกุลหลิน

เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงดังกล่าวก็คลี่ยิ้มบางๆ พลางเลิกคิ้วเล็กน้อย

ความทุกข์ที่ร่างเดิมเคยได้รับตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็มาจากฮว๋าซื่อทั้งนั้น

หลังจากนางทะลุมิติมา ฮว๋าซื่อก็คิดแต่จะฆ่านางให้ตาย นางย่อมต้องเอาคืนฮว๋าซื่อให้รู้สำนึกเสียบ้าง

สิ่งที่นางใช้กับสาวใช้คนนั้นเป็นคาถาอาคมทางลัทธิเต๋าอย่างหนึ่ง สามารถควบคุมสติสัมปชัญญาของคนได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ และสั่งให้นางทำตามคำสั่งได้ทุกอย่าง

คาถาอาคมบทนี้ค่อนข้างจะชั่วร้าย เฟิ่งชูอิ่งจึงไม่ค่อยนำออกมาใช้

แต่สาวใช้คนนั้นเป็นพวกใจดำอำมหิต นางจึงแทบไม่รู้สึกผิดเลยที่นำคาถาดังกล่าวออกมาใช้

นางอ้าปากหาวหวอด นั่งไขว้ขวาเอนตัวพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อน รอดูว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีก

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม แม่นมข้างกายฮว๋าซื่อก็เดินมาเคาะประตูห้องของเฟิ่งชูอิ่ง บอกว่าฮว๋าซื่อเรียกตัวนางไปพบ

เนื่องจากวันนี้นางใช้มีดทำร้ายคนให้เห็น แม่นมที่มาเชิญตัวนางจึงสุภาพกว่ายามปกติอย่างเห็นได้ชัด

เฟิ่งชูอิ่งรับคำแล้วเปิดประตูออก ก่อนจะเดินตามแม่นมไปที่ห้องของฮว๋าซื่อ

แค่นางก้าวขาเข้าไป ก็มองเห็นห้องที่พังเละเทะ ข้าวของกระจัดกระจาย และมีคราบเลือดกระเซ็นไปทั่ว

ฮว๋าซื่อกับหลินหว่านถิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แม้จะถูกพันด้วยผ้าสะอาดเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่

สภาพของพวกนางสองคนตอนนี้ เหมือนกับไก่ที่ถูกจับถอนขน ไม่หลงเหลือความงดงามสูงส่งในยามปกติสักนิดเดียว

สาวใช้คนนั้นถูกจับมัดคุกเข่าอยู่บนพื้น คาถาที่ใช้กับนางยังไม่ถูกคลายออกอย่างสมบูรณ์ นางจึงนั่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเหม่อลอยเหมือนคนสติหลุด

หลินชูเจิ้งก็นั่งหน้ามืดครึ้มอยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน ตอนที่ฮว๋าซื่อถูกสาวใช้ทำร้ายจนบาดเจ็บ เขากำลังเล่นพลิกผ้าห่มกับอนุภรรยาอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม

ทว่าเสียงร้องโหยหวนของฮว๋าซื่อทำเขาหมดอารมณ์ ไม่ว่าใครหากต้องเจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องหงุดหงิดด้วยกันทั้งนั้น เขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เพียงแต่เรื่องแบบนี้มันสมควรเก็บเอาไว้ในที่ลับ จึงไม่ได้พูดให้ใครฟัง

เฟิ่งชูอิ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ลอบยิ้มในใจ ทว่าเอ่ยถามด้วยใบหน้าห่วงใย “ท่านป้า พี่สาว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ? ทำไมพวกท่านถึงอยู่สภาพนี้ล่ะ?”

ฮว๋าซื่อเห็นหน้าเฟิ่งชูอิ่งก็เลือดขึ้นหน้าทันที “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าเป็นคนสั่งให้สาวใช้คนนี้มาทำร้ายข้างั้นหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งหันไปมองสาวใช้คนนั้นแล้วตอบว่า “ใยท่านป้าจึงกล่าวเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ?

“แม้ว่าสาวใช้คนนี้จะเป็นของคนในนามของข้า แต่เดือนๆ หนึ่งข้าพบหน้านางไม่ถึงสองครั้งด้วยซ้ำไป

“ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เมื่องครึ่งปีก่อน ท่านป้าโยกย้ายนางไปทำงานที่ห้องเย็บปัก ตั้งแต่นั้นมานางก็ไม่เคยอยู่รับใช้ข้าอีกเลย

“แต่ก่อนหน้านี้นางเคยมาเปรยๆ ให้ข้าฟังอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ นางบอกว่าไม่พอใจท่านป้า เพราะท่านป้าไม่ยอมมอบตำลึงเงินให้นางอย่างที่เคยตกปากรับคำเอาไว้

“อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนั้นกระมัง นางถึงได้คิดจะลงมือสังหารท่านป้า”

ฮว๋าซื่อเอ่ยอย่างโมโห “นางเป็นสาวใช้ของเจ้า แต่พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เจ้ากลับปัดความรับผิดชอบออกจากตัวอย่างนั้นหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าใส่ซื่อ “เบี้ยหวัดของนางล้วนได้รับมาจากท่านป้า หากเป็นเช่นนั้นแล้วยังนับว่านางเป็นคนของข้าอีก ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเจ้าค่ะ

“อย่างไรเสียสาวใช้คนนี้ก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของข้าอยู่แล้ว ในเมื่อวันนี้นางทำเรื่องเลวร้ายเกินกว่าจะให้อภัยได้ ท่านป้าก็สั่งโบยนางให้ตายเถอะเจ้าค่ะ!”

ฮว๋าซื่อ “......”

ตอนแรกนางตั้งใจจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง สร้างความลำบากให้เฟิ่งชูอิ่งสักหน่อย

เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่นางสั่งให้สาวใช้คนนี้จงใจก่อเรื่อง เฟิ่งชูอิ่งที่เห็นแก่ความผูกพันในอดีตก็เอ่ยปากขอร้องแทนประจำ ดังนั้นนางจึงหลอกเอาทรัพย์สินของเฟิ่งชูอิ่งมาได้ไม่น้อย

ทว่าตอนนี้ เฟิ่งชูอิ่งกลับบอกให้นางโบยสาวใช้คนนี้จนตายไปเลย?

เรื่องราวพลิกกลับตาลปัตรไปหมด คำพูดที่นางตระเตรียมเอาไว้ตั้งมากมาย กลับต้องติดอยู่ในลำคอ นำออกมาใช้จริงไม่ได้สักอย่าง

นางชี้หน้าเฟิ่งชูอิ่ง “นางเป็นสาวใช้ที่เจ้าพามาจากจวนสกุลเฟิ่ง ทำไมเจ้าใจจืดใจดำได้ถึงเพียงนี้?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “ท่านป้าเป็นคนสั่งสอนข้าเองนะเจ้าคะ ว่าต้องทำทุกอย่างด้วยความยุติธรรม อย่าได้เห็นแก่เรื่องส่วนตัวจนหลงลืมคุณธรรม

“วันนี้ข้ายึดตามหลักที่ท่านป้าสั่งสอน จัดการคนใกล้ชิดเพื่อผดุงคุณธรรม ทำไมถึงกลายเป็นคนใจจืดใจดำไปได้ล่ะเจ้าคะ?”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
jjomjaij
มีคำผิดแก้ไขด้วย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status