แชร์

บทที่ 663

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เขาพูดเสียงเย็น "ยกเลิกงานเลี้ยง"

ปู๋เยี่ยโหวรู้ถึงความสามารถของเหมยตงยวน ตอนนี้วิญญาณร้ายทั้งหมดในเมืองหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาสามารถรู้ข่าวในเมืองหลวงได้เร็วที่สุด

เขาสูดจมูกพูดว่า "ลุงเหมย ถึงแม้ว่าข้าจะหน้าหนา แต่ก็ยังต้องการรักษาหน้าบ้าง"

"หากข้าเรียกคืนบัตรเชิญตอนนี้ คนในเมืองหลวงคงจะหัวเราะเยาะข้าตายเลย!"

เหมยตงยวนพูดเสียงเย็น "เมื่อครู่นี้เจ้าบอกเองว่าเจ้าไม่สนใจหน้าตา แล้วเจ้ายังกลัวถูกคนหัวเราะเยาะอีกหรือ?"

ปู๋เยี่ยโหว "......"

งานเลี้ยงนี้ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ถูกยกเลิก ปู๋เยี่ยโหวยอมเอาตัวเข้าแลกให้อีกฝ่ายทุบตี แต่จะไม่ยอมเสียหน้าโดยเด็ดขาด

เหมยตงยวนก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้จริงๆ จึงต้องปล่อยให้เขาทำตามใจ

แต่ในวันงานเลี้ยง เขาได้ติดตั้งกลไกหน้าเรือนเพื่อป้องกันคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือหลงเข้ามา

เฟิ่งชูอิ่งแต่เดิมเป็นคนชอบความคึกคัก อยู่ในบ้านหลังนี้มาหลายเดือนไม่ได้ออกไปไหนเลย นางรู้สึกเบื่อแย่แล้ว

นางนั่งในห้องได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากลานหน้าบ้าน จึงเอามือเท้าคาง สีหน้าเศร้าสร้อย

เหมยตงยวนเห็นท่าทางของนางแบบนี้ จึงเรียกวิญญาณร้ายที่มีความสามารถมาสองสามตนให้มาแสดงให้นางดู

เฟ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 664

    วิญญาณร้ายรู้แค่ว่าเหมยตงยวนและเฉี่ยวหลิงเก่งกาจ แต่ไม่รู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งจะเก่งขนาดนี้พวกมันคิดว่าจะสามารถฆ่านางได้อย่างรวดเร็วแล้วกลับไปรายงานแต่ตอนนี้พวกวิญญาณร้ายเหล่านี้ ไม่มีตนไหนสามารถต่อสู้กับนางได้แม้แต่นิดเดียวเฟิ่งชูอิ่งเห็นพวกมันไม่เข้ามา นางเคลื่อนไหวลำบากจึงไม่สะดวกที่จะไล่ตามพวกมันไป จึงใช้นิ้วกระดิกเรียกพวกมันการกระทำของนางในสายตาของพวกวิญญาณร้าย นั่นคือการท้าทายอย่างชัดเจนพวกมันสบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีวิญญาณร้ายเนรมิตผมยาวออกมารัดคอนางบนพื้นก็มีผ้าขาวโผล่ออกมาพันเท้านางก่อนที่พวกวิญญาณร้ายจะลงมือ ด้านหน้าลานบ้านสว่างไสวด้วยเปลวไฟ ดูคึกคักมาก แต่ก็มีคนหนึ่งที่จิตใจไม่ได้อยู่ที่งานเลี้ยงจิ่งสืออวิ๋นคิดถึงความลับที่เรือนหลังจวนตลอด เขาวางแผนจะหาโอกาสไปสำรวจดูสักหน่อยแต่เหตุการณ์ครั้งที่แล้วทำให้เขาจำได้แม่น เขากลัวว่าจวนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวจะมีผีสิง จึงไม่กล้าไปคนเดียวเขาพยายามบอกใบ้ให้ปู๋เยี่ยโหวพาเขาไป แต่ไม่คิดว่าปู๋เยี่ยโหวจะแกล้งโง่ ไม่ตอบรับคำพูดของเขาเลยเขาจึงไปหาจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเยี่ยนนึกถึงคำพูดของเฟิ่งชูอิ่งเมื่อครั้งก่อน เขาไม่อยากทำให้นางรำ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 665

    เมื่อเขาพูดจบก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังมาจากในห้อง และมีแสงฟ้าแลบระเบิดขึ้นด้านหน้ากระดาษยันต์ปัญจอสนีที่เฟิ่งชูอิ่งวางไว้ในห้องเกิดระเบิดขึ้น แต่พวกเขาถูกผลกระทบจากเขตอาคมจึงมองไม่เห็นห้อง ได้แต่เห็นแสงฟ้าแลบเท่านั้นเพราะสิ่งนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตอาคมแต่เดิม เมื่อถูกรบกวนเช่นนี้เขตอาคมก็อ่อนแรงลงกว่าเดิมไปหลายส่วนจิ่งสือเยว่พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ "ทำไมอยู่ดีๆ ก็มีฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นมา แล้วทำไมฟ้าร้องดูเหมือนดังมาจากพื้นดินด้วย? เมฆลอยต่ำขนาดนั้นเลยหรือ?"จิ่งสืออวิ๋นสงสัยมาตั้งแต่แรกแล้วว่านี่เป็นมายาลวงตา พอได้ยินคำพูดของจิ่งสือเยว่ก็ยิ่งแน่ใจว่าเป็นการโดนผีลักซ่อนในใจเขารู้สึกกลัวแทบตาย แต่ก็ต้องทำเป็นเข้มแข็งในฐานะพี่ชายคนโต เขาพูดเสียงสั่น "ที่นี่ดูไม่ค่อยชอบมาพากลนะ พวกเราออกไปก่อนดีกว่า"แต่พวกเขาหาทางออกไม่เจอเลย!ด้านหน้ามีแสงฟ้าแลบระเบิดขึ้นอีกครั้ง พวกเขาถึงกับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างชนกระแทกไม้อย่างแรงและเสียงไม้แตกหักจิ่งสืออวิ๋นกับจิ่งสือเยว่สบตากัน อาศัยแสงฟ้าแลบที่วาบผ่าน พวกเขาต่างเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของอีกฝ่ายจิ่งสือเยว่ถามว่า "พี่ใหญ่ นี่มันเกิดอะไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 666

    เปลวไฟแผดเผาวิญญาณร้ายที่ต้องการฆ่าเฟิ่งชูอิ่งจนตายไปหลายตน แต่ก็กลืนกินทั้งห้องไปด้วยวิญญาณร้ายที่ไม่ตายก็ถูกไฟลนจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงผมและผ้าขาวกลายเป็นเชื้อเพลิง เพียงชั่วพริบตาทั้งห้องก็กลายเป็นทะเลเพลิงสีหน้าของเฟิ่งชูอิ่งดูแย่มาก นางพยายามหมุนรถเข็นเพื่อออกไป แต่กลับพบว่าล้อรถเข็นถูกวิญญาณร้ายบางตนขัดไว้ ทำให้หมุนไม่ได้เลยหลังจากพยายามสามครั้งแล้วยังไม่สำเร็จ เฟิ่งชูอิ่งก็ตัดสินใจทิ้งรถเข็นแล้วกระโดดด้วยขาข้างเดียวไปที่ประตูแต่ที่ประตูมีม่านแขวนอยู่ ตอนนี้ม่านถูกไฟไหม้แล้วม่านเพิ่งแขวนหลังเข้าฤดูใบไม้ร่วงเพื่อกันลม มันหนามาก ขาของนางยังบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถวิ่งฝ่าไปได้ด้านหลังของนางกลายเป็นทะเลเพลิงแล้ว เปลวไฟกำลังลุกลามเข้ามาใกล้ในขณะนั้น นางรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปอยู่ในกองเพลิงที่โรงเก็บฟืนในคืนวิวาห์อีกครั้งความหวาดกลัวอย่างมหาศาลโถมเข้าใส่นาง นางรู้ว่าการตื่นตระหนกไม่มีประโยชน์ในตอนนี้ แต่ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้นางรู้ว่าหลังจากไฟไหม้ครั้งนั้น นางมีอาการหวาดหวั่นและวิตกกังวลอย่างรุนแรง แต่เพราะปกตินางไม่ได้สัมผัสกับไฟ จึงไม่ค่อยแสดงอาการออกมาแต่วันนี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 667

    จิ่งสืออวิ๋นประหลาดใจที่นางโลมของปู๋เยี่ยโหวกลับเป็นพระชายาเฟิ่งชูอิ่ง เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อครู่เฟิ่งชูอิ่งต่อสู้กับพวกนั้นอยู่หรือ?ถ้าเป็นเช่นนั้น นางเป็นอะไรกันแน่?คราวนี้ขาของเขาก็อ่อนแรงตามไปด้วยแต่เขาก็ยังคงเป็นองค์ชายคนโตอยู่ ความกล้าหาญของเขาไม่ธรรมดา "สามน้อง...เอ่อ อ๋องผู้สำเร็จราชการ ช่างบังเอิญจริงๆ!"จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจจิ่งสืออวิ๋น ถามเฟิ่งชูอิ่ง "เจ้าเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"เขาพูดพลางมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า มือที่โอบกอดนางสั่นเล็กน้อยไฟครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เฟิ่งชูอิ่งที่กลัว จิ่งโม่เยี่ยก็กลัวเช่นกันไฟในคืนแต่งงานครั้งนั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในใจของทั้งสองคนจิ่งโม่เยี่ยใช้เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาจมอยู่กับความเสียใจเขาเสียใจที่วันนั้นพูดจารุนแรงเกินไป ทำให้นางได้รับบาดแผลที่ไม่อาจย้อนกลับได้เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ และพวกเขาก็ไม่อาจกลับไปสู่จุดเริ่มต้นได้อีก สิ่งที่เขาทำได้คือหาทางเริ่มต้นใหม่กับนางและนั่นขึ้นอยู่กับว่านางจะยอมให้โอกาสเขาหรือไม่คืนนี้เมื่อเขาเห็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง กลัวว่านางจะเป็นอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 668

    เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตาลง "พวกเขาวางแผนมาแล้ว พวกเขาน่าจะกักตัวท่านพ่อของข้าไว้"เหมยตงยวนมักจะอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา วันนี้ปู๋เยี่ยโหวจัดงานวันเกิดที่จวนตากอากาศ ตามปกติแล้วเขาควรจะอยู่เคียงข้างนางมากกว่าวันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เขากลับไม่อยู่ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆถึงแม้เฟิ่งชูอิ่งจะรู้ว่าเหมยตงยวนมีความสามารถสูง คงไม่มีวิญญาณร้ายตนไหนที่จะทำให้เขาสูญสลายได้เฉี่ยวหลิงสบถด่า "พวกเขาช่างเลวร้ายเหลือเกิน ทำตัวเหมือนผีไม่มีศาลอยู่ได้"เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ "พวกเขาไม่ใช่คนเป็นอยู่แล้ว ก็เป็นผีไม่มีที่ไปจริงๆ นั่นแหละ!"พอนางพูดจบ จิ่งสืออวิ๋นก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพอเขานั่งลงไปแล้ว จิ่งสือเยว่ที่หมดสติก็ร่วงลงพื้นตามไปด้วยเฟิ่งชูอิ่งและเฉี่ยวหลิงมองไปที่จิ่งสืออวิ๋นพร้อมกัน เขาพูดตะกุกตะกัก "พระชายา เมื่อครู่นี้กำลังคุยกับใครหรือ?"เรื่องราวคืนนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน ทั้งทางเดินที่วกไปวนมา ผมยาวและผ้าขาวที่ปลิวไสว รวมถึงเฟิ่งชูอิ่งที่พูดกับอากาศธาตุเรื่องแบบนี้เกินกว่าที่จิ่งสืออวิ๋นจะเข้าใจได้เขาคิดว่าตัวเองกล้าหาญพอสมควร แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่แค่ความกล้าหาญจะรับมือได้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 669

    ฮ่า! นี่เป็นอีกองค์ชายที่ล้มลงหมดสติ ฮวงจุ้ยของจวนตากอากาศของเขานี่มันสุดยอดจริงๆ!เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับจิ่งโม่เยี่ย "เลิกแกล้งได้แล้ว ลุกขึ้นมาเถอะ!"เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนั้นก็หันกลับไปมอง นึกถึงตอนที่เขาช่วยนางออกมา ตอนนั้นมีคานบ้านหล่นลงมาทับหลังของเขาและหลังจากนั้นเขาก็แบกนางออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางจึงคิดว่าเขาไม่เป็นอะไรปู๋เยี่ยโหวยื่นมือไปดึงจิ่งโม่เยี่ย แต่กลับมีเลือดเปื้อนมาเต็มมือเขาตกใจมาก "ไม่จริงน่า นี่เจ้าบาดเจ็บจริงๆ หรือ?"เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเข้ม "พยุงเขาขึ้นมา"แม้ว่าปกติปู๋เยี่ยโหวจะเคยแกล้งจิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ แต่พอเห็นเขาบาดเจ็บขนาดนี้ ปู๋เยี่ยโหวก็ร้อนใจกว่าใครๆเขาพาจิ่งโม่เยี่ยไปยังห้องพักที่อยู่ไม่ไกล วันนี้มีคนมาเยอะ ถ้าใครรู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยบาดเจ็บคงจะมีปัญหาวุ่นวายมากมายแต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่จิ่งโม่เยี่ยที่หมดสติ ยังมีจิ่งสืออวิ๋นและจิ่งสือเยว่ด้วย จึงสั่งให้คนพาพวกเขาไปด้วยกันเลยตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เขาคงไม่จัดงานวันเกิดที่นี่เด็ดขาดนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!เขาเพิ่งสั่งให้องครักษ์พาจิ่งโม่เยี่ยและคนอื่นๆ ออกไป จิ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 670

    ในมุมมองของเหมยตงยวน การช่วยชีวิตเฟิ่งชูอิ่งครั้งแรกของจิ่งโม่เยี่ย อาจถือได้ว่าเป็นการชดเชยความเจ็บปวดที่เขาเคยทำร้ายนางในอดีตการช่วยชีวิตนางอีกครั้งที่สอง ก็ถือว่าเป็นการติดหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อจิ่งโม่เยี่ยแม้ว่าเหมยตงยวนจะฝึกฝนวิถีไร้ใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเข็มเงินขึ้นมาแล้วเริ่มฝังเข็มให้จิ่งโม่เยี่ยเฟิ่งชูอิ่งถามเบาๆ "ท่านพ่อ เขาจะตายไหม?"เหมยตงยวนพูดเสียงเรียบ "ไม่ต้องกังวล ชะตาชีวิตเขาแข็งแกร่งมาก ไม่มีทางตายหรอก"จิ่งโม่เยี่ยมีพลังมังกรหนาแน่นในร่างกาย คนแบบนี้มีสวรรค์คุ้มครอง โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางตายเขามองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง แล้วแค่นเสียงเบาๆ ก่อนจะฝังเข็มต่อไปเขาฝังเข็มไปพลางพูดกับเฟิ่งชูอิ่งไปพลาง "ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี วันนี้ยังต้องตกใจอีก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ""ที่นี่มีข้าอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจิ่งโม่เยี่ยจะเป็นอะไร"ตอนนี้ค่ำมากแล้ว เฟิ่งชูอิ่งเองก็รู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เฉี่ยวหลิงก็ได้จัดเตียงให้นางในห้องข้างๆ เรียบร้อยแล้วนางมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาซีดขาว ดูน่าสงสารอยู่บ้างนางบอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 671

    เขาเหลือบมองจิ่งโม่เยี่ยที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเบาๆ ว่า “บางครั้งพอเห็นเจ้า ข้าก็เหมือนเห็นตัวเอง”“น่ารำคาญเหมือนกัน จนปัญญาเหมือนกัน”หลังจากพูดจบ เขาก็ทิ่มเข็มเงินลงบนตัวจิ่งโม่เยี่ยอย่างแผ่วเบา ไม่เหมือนตอนแรกที่แทบจะทิ่มแทงจิ่งโม่เยี่ยให้ตายจิ่งโม่เยี่ยมีไข้สูงตอนใกล้รุ่งสาง เริ่มละเมอเพ้อว่า “ชูอิ่ง อย่าไปนะ ข้าจะไม่ดุเจ้าอีกแล้ว…”“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะ…”เหมยตงยวนมองจิ่งโม่เยี่ยที่เป็นแบบนี้ ทำให้นึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูดกับแม่ของเฟิ่งชูอิ่งมากที่สุด นั่นก็คือคำว่าขอโทษในโลกนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาอีกแล้วว่าคำว่า “ขอโทษ” เป็นคำที่ไร้ประโยชน์ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าในคำว่า "ขอโทษ" นั้นซ่อนความเสียใจไว้มากมายเพียงใดเหมยตงยวนไม่ชอบจิ่งโม่เยี่ย แต่ก็รู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยเหมือนกับตัวเองในตอนนั้นมากเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบยาลูกกลอนลดไข้ป้อนให้จิ่งโม่เยี่ยกินจิ่งโม่เยี่ยไม่กลับมาทั้งคืน ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกเป็นห่วง จึงรีบเดินทางมาหาในตอนเช้าตรู่ตอนที่เขาเห็นจิ่งโม่เยี่ย หน้าของเขาก็ซีดเผือด “ท่านอ๋องเป็นอะไรไป?”เหมยตงยวนพูดอย่างใจเ

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status