แชร์

บทที่ 668

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตาลง "พวกเขาวางแผนมาแล้ว พวกเขาน่าจะกักตัวท่านพ่อของข้าไว้"

เหมยตงยวนมักจะอยู่เคียงข้างนางตลอดเวลา วันนี้ปู๋เยี่ยโหวจัดงานวันเกิดที่จวนตากอากาศ ตามปกติแล้วเขาควรจะอยู่เคียงข้างนางมากกว่า

วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่เขากลับไม่อยู่ แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

ถึงแม้เฟิ่งชูอิ่งจะรู้ว่าเหมยตงยวนมีความสามารถสูง คงไม่มีวิญญาณร้ายตนไหนที่จะทำให้เขาสูญสลายได้

เฉี่ยวหลิงสบถด่า "พวกเขาช่างเลวร้ายเหลือเกิน ทำตัวเหมือนผีไม่มีศาลอยู่ได้"

เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ "พวกเขาไม่ใช่คนเป็นอยู่แล้ว ก็เป็นผีไม่มีที่ไปจริงๆ นั่นแหละ!"

พอนางพูดจบ จิ่งสืออวิ๋นก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น

พอเขานั่งลงไปแล้ว จิ่งสือเยว่ที่หมดสติก็ร่วงลงพื้นตามไปด้วย

เฟิ่งชูอิ่งและเฉี่ยวหลิงมองไปที่จิ่งสืออวิ๋นพร้อมกัน เขาพูดตะกุกตะกัก "พระชายา เมื่อครู่นี้กำลังคุยกับใครหรือ?"

เรื่องราวคืนนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน ทั้งทางเดินที่วกไปวนมา ผมยาวและผ้าขาวที่ปลิวไสว รวมถึงเฟิ่งชูอิ่งที่พูดกับอากาศธาตุ

เรื่องแบบนี้เกินกว่าที่จิ่งสืออวิ๋นจะเข้าใจได้

เขาคิดว่าตัวเองกล้าหาญพอสมควร แต่เหตุการณ์วันนี้ไม่ใช่แค่ความกล้าหาญจะรับมือได้

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 669

    ฮ่า! นี่เป็นอีกองค์ชายที่ล้มลงหมดสติ ฮวงจุ้ยของจวนตากอากาศของเขานี่มันสุดยอดจริงๆ!เขายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดกับจิ่งโม่เยี่ย "เลิกแกล้งได้แล้ว ลุกขึ้นมาเถอะ!"เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนั้นก็หันกลับไปมอง นึกถึงตอนที่เขาช่วยนางออกมา ตอนนั้นมีคานบ้านหล่นลงมาทับหลังของเขาและหลังจากนั้นเขาก็แบกนางออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางจึงคิดว่าเขาไม่เป็นอะไรปู๋เยี่ยโหวยื่นมือไปดึงจิ่งโม่เยี่ย แต่กลับมีเลือดเปื้อนมาเต็มมือเขาตกใจมาก "ไม่จริงน่า นี่เจ้าบาดเจ็บจริงๆ หรือ?"เฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเข้ม "พยุงเขาขึ้นมา"แม้ว่าปกติปู๋เยี่ยโหวจะเคยแกล้งจิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ แต่พอเห็นเขาบาดเจ็บขนาดนี้ ปู๋เยี่ยโหวก็ร้อนใจกว่าใครๆเขาพาจิ่งโม่เยี่ยไปยังห้องพักที่อยู่ไม่ไกล วันนี้มีคนมาเยอะ ถ้าใครรู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยบาดเจ็บคงจะมีปัญหาวุ่นวายมากมายแต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่จิ่งโม่เยี่ยที่หมดสติ ยังมีจิ่งสืออวิ๋นและจิ่งสือเยว่ด้วย จึงสั่งให้คนพาพวกเขาไปด้วยกันเลยตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เขาคงไม่จัดงานวันเกิดที่นี่เด็ดขาดนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!เขาเพิ่งสั่งให้องครักษ์พาจิ่งโม่เยี่ยและคนอื่นๆ ออกไป จิ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 670

    ในมุมมองของเหมยตงยวน การช่วยชีวิตเฟิ่งชูอิ่งครั้งแรกของจิ่งโม่เยี่ย อาจถือได้ว่าเป็นการชดเชยความเจ็บปวดที่เขาเคยทำร้ายนางในอดีตการช่วยชีวิตนางอีกครั้งที่สอง ก็ถือว่าเป็นการติดหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อจิ่งโม่เยี่ยแม้ว่าเหมยตงยวนจะฝึกฝนวิถีไร้ใจ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบเข็มเงินขึ้นมาแล้วเริ่มฝังเข็มให้จิ่งโม่เยี่ยเฟิ่งชูอิ่งถามเบาๆ "ท่านพ่อ เขาจะตายไหม?"เหมยตงยวนพูดเสียงเรียบ "ไม่ต้องกังวล ชะตาชีวิตเขาแข็งแกร่งมาก ไม่มีทางตายหรอก"จิ่งโม่เยี่ยมีพลังมังกรหนาแน่นในร่างกาย คนแบบนี้มีสวรรค์คุ้มครอง โดยทั่วไปแล้วไม่มีทางตายเขามองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง แล้วแค่นเสียงเบาๆ ก่อนจะฝังเข็มต่อไปเขาฝังเข็มไปพลางพูดกับเฟิ่งชูอิ่งไปพลาง "ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี วันนี้ยังต้องตกใจอีก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ""ที่นี่มีข้าอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจิ่งโม่เยี่ยจะเป็นอะไร"ตอนนี้ค่ำมากแล้ว เฟิ่งชูอิ่งเองก็รู้สึกเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เฉี่ยวหลิงก็ได้จัดเตียงให้นางในห้องข้างๆ เรียบร้อยแล้วนางมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาซีดขาว ดูน่าสงสารอยู่บ้างนางบอกตัวเองว่าอย่าใจอ่อน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 671

    เขาเหลือบมองจิ่งโม่เยี่ยที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเขาลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเบาๆ ว่า “บางครั้งพอเห็นเจ้า ข้าก็เหมือนเห็นตัวเอง”“น่ารำคาญเหมือนกัน จนปัญญาเหมือนกัน”หลังจากพูดจบ เขาก็ทิ่มเข็มเงินลงบนตัวจิ่งโม่เยี่ยอย่างแผ่วเบา ไม่เหมือนตอนแรกที่แทบจะทิ่มแทงจิ่งโม่เยี่ยให้ตายจิ่งโม่เยี่ยมีไข้สูงตอนใกล้รุ่งสาง เริ่มละเมอเพ้อว่า “ชูอิ่ง อย่าไปนะ ข้าจะไม่ดุเจ้าอีกแล้ว…”“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะ…”เหมยตงยวนมองจิ่งโม่เยี่ยที่เป็นแบบนี้ ทำให้นึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูดกับแม่ของเฟิ่งชูอิ่งมากที่สุด นั่นก็คือคำว่าขอโทษในโลกนี้ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาอีกแล้วว่าคำว่า “ขอโทษ” เป็นคำที่ไร้ประโยชน์ที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่าในคำว่า "ขอโทษ" นั้นซ่อนความเสียใจไว้มากมายเพียงใดเหมยตงยวนไม่ชอบจิ่งโม่เยี่ย แต่ก็รู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยเหมือนกับตัวเองในตอนนั้นมากเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบยาลูกกลอนลดไข้ป้อนให้จิ่งโม่เยี่ยกินจิ่งโม่เยี่ยไม่กลับมาทั้งคืน ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกเป็นห่วง จึงรีบเดินทางมาหาในตอนเช้าตรู่ตอนที่เขาเห็นจิ่งโม่เยี่ย หน้าของเขาก็ซีดเผือด “ท่านอ๋องเป็นอะไรไป?”เหมยตงยวนพูดอย่างใจเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 672

    เหมยตงยวนเห็นสภาพการณ์แบบนี้แล้วก็หรี่ตาลง เขามองไปที่จิ่งโม่เยี่ยที่ยังไม่ฟื้นเหตุการณ์เมื่อคืนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางสมรู้ร่วมคิดกับฉินจื๋อเจี้ยนได้ แต่ทั้งสองคนนี้กลับมีความเข้าใจกันดีมากจิ่งโม่เยี่ยบาดเจ็บเพราะช่วยเฟิ่งชูอิ่ง เหมยตงยวนก็ไม่สามารถขับไล่เขาออกไปได้โดยตรงฉินจื๋อเจี้ยนบอกว่าจะเรียกคนจากจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาโดยเร็ว แต่รอจนพลบค่ำก็ยังไม่เห็นคนจากจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาแต่ไข้ของจิ่งโม่เยี่ยเริ่มลดลง และเขาก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาตอนที่เขายังงุนงงอยู่นิดหน่อยก็ได้ยินเสียงของปู๋เยี่ยโหว "ชูชู เจ้าอย่าได้หลงกลจิ่งโม่เยี่ยเด็ดขาด""เขาตั้งใจบาดเจ็บเอง เพื่อมาเรียกความสงสารจากเจ้า""เขาช่างมีเล่ห์เหลี่ยมลึกล้ำ การกระทำแบบนี้ช่างน่ารังเกียจ เจ้าอย่าได้ใจอ่อนเด็ดขาด!"จิ่งโม่เยี่ยเดิมทียังไม่ค่อยรู้สึกตัวดีนัก แต่หลังจากได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกตัวอย่างสมบูรณ์ เขาอยากรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งมองเรื่องนี้อย่างไรเฟิ่งชูอิ่งพูดเสียงเรียบ "ถึงแม้เขาจะใช้กลอุบายทำร้ายตัวเอง แต่เรื่องที่เขาช่วยข้าก็เป็นความจริง""ความรู้สึกระหว่างข้ากับเขาขาดสะบั้นไปแล้ว ไม่มีทาง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 673

    แต่ตอนนี้เขาทำให้นางรู้สึกว่าเขาดูอ่อนแอและน่าสงสารน้ำเสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว "ยังเจ็บแผลอยู่ไหม?"จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าตอนนี้เขาต้องควบคุมความรู้สึกเอาไว้ การแสร้งท่าทางน่าสงสารเกินไปอาจทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ แต่ถ้ายังคงแข็งกร้าวเหมือนเดิม ก็จะสูญเสียความหมายของการยอมเจ็บตัวครั้งนี้เขาพูดเบาๆ "ก็ยังดี เจ็บนิดหน่อย แต่ยังทนได้"เฟิ่งชูอิ่งคราวนี้เมื่อจัดการแผลให้เขา พบว่าแผลที่มือตอนเขารับกระบี่ของเหมยตงยวนเพื่อปกป้องนางครั้งก่อนยังไม่หายดีเมื่อคืนตอนที่เขามาช่วยนาง แผลที่มือก็เปิดอีกครั้งวันนั้นนางรู้ว่าเขาบาดเจ็บ และรู้ว่าเขาบาดเจ็บค่อนข้างหนัก แต่ไม่รู้ว่าเขาจะบาดเจ็บหนักขนาดนี้หากวันนั้นถ้าเหมยตงยวนใช้แรงมากกว่านี้อีกนิด อาจจะตัดมือเขาขาดไปแล้วบาดแผลแบบนั้นต้องเจ็บมากแน่ แต่วันนั้นเขากลับไม่พูดอะไรเลยสักคำนางถามเขา "เจ้าบาดเจ็บบ่อยหรือเปล่า? บาดเจ็บขนาดนี้แต่ไม่พูดอะไรเลย?"จิ่งโม่เยี่ยตอบ "ไม่บ่อยหรอก แต่ทุกครั้งที่บาดเจ็บก็ไม่ใช่แผลเล็กๆ""หลังจากเสด็จพ่อของข้าสวรรคต พระสนมสวี่ก็ไม่สนใจข้า เสด็จย่าก็อายุมากแล้ว แล้วข้าก็ไม่ได้อยู่ในวังหลวง ไม่อยากให้ท่านเป็นห

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 674

    จิ่งโม่เยี่ยพูดถึงตรงนี้แล้วหัวเราะเบาๆ "สำหรับข้า การมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วไม่มีความหมายอะไร เพราะข้าไม่มีความสุขกับชีวิต""แม้เวลาที่อยู่กับเจ้าจะแสนสั้น แต่มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของข้า""ข้ารู้ว่าถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ต่อไป คงต้องอาศัยความทรงจำช่วงนั้นเป็นกำลังใจ ดังนั้นถึงตายไปก็ไม่เป็นไร"เฟิ่งชูอิ่งไม่คิดว่าเขาจะคิดเช่นนี้เกี่ยวกับเรื่องการหย่าร้างของพวกเขานางยันไม้เท้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป จิ่งโม่เยี่ยนอนมองนางอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรนางเดินไปได้สองสามก้าวก็หันกลับมามองเขาและถาม "ถ้าอย่างนั้น ทำไมเจ้าถึงยอมหย่ากับข้า?"จิ่งโม่เยี่ยตอบ "เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าเรียกร้อง เจ้าอยากหย่ากับข้า การหย่าจะทำให้เจ้ามีความสุข"เฟิ่งชูอิ่ง "......"ความรู้สึกของนางซับซ้อนขึ้นมาทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ "หลังคืนวันแต่งงาน ข้าได้สาบานไว้ว่าถ้าสวรรค์ช่วยให้เจ้ามีชีวิตรอด ข้าจะยอมทำทุกอย่าง""ตั้งแต่รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ได้สาบานว่าต่อไปจะไม่ทำอะไรที่เป็นการบังคับเจ้าอีก""เจ้าอยากหย่า ข้าก็จะหย่าให้เจ้า""เจ้าไม่อยากเจอข้า ต่อให้ข้าคิดถึงเจ้าแค่ไหนก็จะไม่มารบกวนเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 675

    ปู๋เยี่ยโหวที่ถูกถลึงตาใส่ทำหน้างง เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา!หลังจากเฟิ่งชูอิ่งเดินออกไปถึงพบว่าตอนนี้นางก็อาศัยอยู่ในเรือนแห่งเดียวกันนั้น จึงเดินกลับมาบอกปู๋เยี่ยโหวว่า "เจ้าไปเตรียมที่พักใหม่ให้ข้าหน่อย"พอได้ยินคำนี้ ปู๋เยี่ยโหวก็ยิ้มกว้างทันที "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย!"หลังจากเขาจากไป เฟิ่งชูอิ่งก็ถือไม้เท้าไปนั่งบนก้อนหินข้างๆตอนนี้อากาศเย็นลงแล้ว หลังจากค่ำลง ลมที่พัดมาก็ทำให้สมองของนางแจ่มใสขึ้นบ้างนางยกมือขึ้นลูบหน้าผากเบาๆ พอหันไปก็เห็นเหมยตงยวนยืนอยู่ข้างๆ นางก็ชะงักไปครู่หนึ่งเหมยตงยวนถามนาง "ต้องการให้ข้าฆ่าจิ่งโม่เยี่ยไหม?"จิ่งโม่เยี่ยมีพลังมังกรปกป้องคุ้มครอง ปกติแล้วเขาไม่สามารถฆ่าจิ่งโม่เยี่ยได้แต่ตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยบาดเจ็บสาหัส แค่เขาจัดการกับยาของจิ่งโม่เยี่ยนิดหน่อย เขาก็จะตายอย่างแน่นอนเฟิ่งชูอิ่งพูดเบาๆ "เขาเพิ่งช่วยชีวิตข้า แต่ข้ากลับจะฆ่าเขา นั่นนับเป็นการเนรคุณ ข้าทำไม่ลงจริงๆ"เหมยตงยวนจ้องมองนางนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยจึงถามว่า "ทำไมท่านพ่อถึงมองข้าแบบนี้ล่ะ?"เหมยตงยวนตอบไม่ตรงคำถาม "เจ้ายังไม่ได้ตัดขาดความรู้สึกกับเขาอย่างส

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 676

    ไม่ต้องอะไรมาก แค่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยอาศัยอยู่ที่นี่ก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวแล้วลานเล็กๆ ที่เคยสงบร่มเย็น หลังจากจิ่งโม่เยี่ยมาถึงก็กลายเป็นนรกบนดินปู๋เยี่ยโหวด่าจิ่งโม่เยี่ยในใจอย่างรุนแรงเฟิ่งชูอิ่งหลังจากคุยกับจิ่งโม่เยี่ยวันนั้นแล้ว ก็ไม่มาพบเขาอีกเลยจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นคนเด็ดขาด พอบาดแผลหายจนลุกจากเตียงได้ เขาก็กลับจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนทันที ไม่ได้อยู่เกาะติดข้างกายเฟิ่งชูอิ่งเรื่องนี้ทำให้ฉินจื๋อเจี้ยนร้อนใจมาก "ท่านอ๋อง ท่านจะกลับไปแบบนี้ได้อย่างไร?"จิ่งโม่เยี่ยพูดเสียงเรียบ "ไม่กลับแบบนี้ แล้วจะให้ทำอย่างไร?"ฉินจื๋อเจี้ยนตอบ "อย่างน้อยก็ควรสนิทสนมกับพระชายาให้มากขึ้น สร้างความรู้สึกดีๆ ร่วมกัน"ดวงตารูปดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยลึกล้ำยากจะคาดเดา "สิ่งที่ข้ากับนางต้องการตอนนี้ไม่ใช่การสร้างความรู้สึกดีๆ ร่วมกัน แต่เป็นการเว้นระยะให้นางปล่อยวางความเจ็บปวดที่ข้าเคยก่อไว้""เรื่องนี้เร่งรัดไม่ได้ ต้องใช้เวลาเยียวยา"ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกร้อนใจ "แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน?"จิ่งโม่เยี่ยเลิกม่านรถม้ามองออกไปข้างนอก พูดเสียงเรียบ "ไม่รู้"ฉินจื๋อเจี้ยนถาม "ถ้าพระชายาปล่อยว

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status