Share

บทที่ 629

Author: ดอกถังร่วงหล่น
“ถ้าเจ้าอยากได้ชีวิตของข้า ก็มาเอาไปได้ตลอดเวลาเลย”

เดิมทีเฟิ่งชูอิ่งยังอยากจะบอกเขาว่า ครั้งนี้ต่อให้เขาจะเอายันต์ทั้งหมดของนางไป แต่หากนางคิดจะฆ่าเขาก็สามารถลงมือได้ตลอดเวลา

แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแสดงท่าทางเช่นนี้ให้นางเห็น

นางบอกว่าอยากหย่าขาด เขาก็ยอมตกลงหย่าขาดกับนาง

นางบอกว่าอยากฆ่าเขา เขาก็ยืนเฉยๆ ปล่อยให้นางลงมือได้ตามใจชอบ

นางเตรียมใจมาต่อสู้ห้ำหั่นกับเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ได้เตรียมใจว่าเขาจะยอมอยู่เฉยๆ ให้นางลงมือเช่นนี้

นัยน์ตาของนางเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าไม่ใช่ท่านอ๋อง ไม่มีทางใจร้ายใจดำสังหารคนบริสุทธิ์ได้ลงคอหรอก”

“วันนี้ท่านช่วยเหลือท่านพ่อของข้าไว้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ หากท่านไม่บีบคั้นข้า ข้าก็ไม่คิดจะฆ่าท่านหรอก”

นางกลางถึงตรงนี้ก็ถอยห่างอีกหนึ่งก้าว “ข้ากับท่านอ๋องไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกันอีกแล้ว นับจากนี้ไปจะไม่เกี่ยวข้องกันอีก พวกเราก็ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีเถอะ”

ทั้งสองคนอยู่ห่างกันเพียงสองก้าว แต่ระยะห่างเท่านี้ในสายตาของจิ่งโม่เยี่ย มันกลับห่างไกลราวกับเส้นแบ่งที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้

ระยะห่างนี้ก็คือตัวแทนความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 630

    สายตาของจิ่งโม่เยี่ยกวาดมองเนื้อหาที่อยู่บนบนใบหย่า เนื้อหาในใบหย่านั้นค่อนข้างเป็นเพียงรูปแบบทั่วไปเท่านั้น นางไม่ได้เขียนรายละเอียดอะไรมากมายนักเหตุผลในการหย่าร้าง นางก็เขียนอย่างง่ายๆ ว่านิสัยเข้ากันไม่ได้จิ่งโม่เยี่ยก้มมองใบหย่าที่เรียบง่ายและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกนั้น เขารู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงหัวใจเขา แทงซ้ำๆ จนเลือดไหลไม่หยุดเขาไม่พูดอะไร ใช้มือข้างที่บาดเจ็บประทับตราลงบนกระดาษเบาๆเฟิ่งชูอิ่งมองเขาแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรมากมาย แต่ผมสีขาวโพลนกลับทำให้เขาดูซูบเซียวและโทรมลงมากนางเข้าใจและรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่เด็ก รู้ว่ามันทำให้เขาเป็นคนดื้อรั้นและนำมาซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันนางเห็นอกเห็นใจเขา เรื่องในคืนแต่งงานไม่ควรโทษว่าเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะให้อภัยเขา ปลดปล่อยเขาจากความรู้สึกผิด แล้วก็ปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระด้วยชีวิตคนเรายาวนานแต่บางครั้งก็แสนสั้น นอกจากความรักหญิงชายแล้ว ก็ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้ทำชีวิตของนาง นางหวงแหนมากชีวิตของนาง นางก็หวังว่ามันจะน่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวามากกว่านี้สักหน่อยจิ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 631

    จิ่งโม่เยี่ย “……”มือของเขากำแน่นจนเป็นหมัด สิ่งที่นางพูดเป็นความจริงที่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดเช่นนั้นจริงๆเขาไม่อยากฆ่านาง แต่เขาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะกักขังนางไว้…เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะพูดถูกแล้วสินะ ท่านอ๋อง นิสัยอย่างท่าน ใครจะกล้าชอบท่านได้?”“แล้วก็พอลองนับๆ ดูแล้ว ข้ายังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อท่าน แต่ท่านกลับทำกับข้าอย่างนี้”“การวางเพลิงของเทียนซือแม้จะทำให้ข้าตายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ตัดขาดทุกอย่างระหว่างเรา พูดตามตรง ข้าแอบรู้สึกขอบคุณเขาอยู่บ้างเหมือนกัน”จิ่งโม่เยี่ยกำมือแน่น เขาจ้องมองนางที่ยิ้มละไมอยู่ตรงหน้า ดวงใจของเขาเจ็บปวดเหลือเกินที่แท้แล้วนางไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เขาเลย นางเคยมีความรู้สึกดีๆให้เขา แต่ตัวเขาเองต่างหากที่รักษาหัวใจของนางไว้ไม่ได้ตอนนี้ เขาเพิ่งจะค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับความรักที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเกลียดข้าหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “ตอนที่ข้าเกือบจะต้องตาย กับตอนที่ถูกความเจ็บปวดทรมานกัดกินหลังจากนั้น ข้าเคยรู้สึกเกลียดท่า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 632

    ทันใดนั้น นางก็ได้ค้นพบว่า จิ่งโม่เยี่ยแท้จริงแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายและฆ่าคนง่ายอย่างที่นางคิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนแต่งงาน ดูเหมือนจะทำให้เขาใจเย็นลงและไตร่ตรองความสัมพันธ์ของพวกเขานางยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันอย่างสงบสุขแบบนี้”จิ่งโม่เยี่ยมองนางแล้วพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ตานับจากนี้ไปข้าจะไม่บังคับเจ้าทำอะไรอีกต่อไป และจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกแล้ว”“เจ้าพักรักษาตัวที่เรือนหลังนี้ได้อย่างสบายใจ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ข้าจะไม่มารบกวนเจ้าเด็ดขาด”เขาพูดจบก็หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง “เจ้าคงอยากรู้ว่า ทำไมข้าถึงรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”เฟิ่งชูอิ่งก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาได้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูมีเสน่ห์เย้ายวนขึ้นหลายส่วน “ปู๋เยี่ยโหวเป็นคนบอกข้า”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นี่เป็นคำตอบที่คาดการณ์ได้แต่ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องชวนคาดไม่ถึง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับปู๋เยี่ยโหว ก็พอจะทำความเข้าใจได้ปู๋เยี่ยโหวพลันกระโจนออกมาจากข้างๆ “จิ่งโม่เยี่ย อย่าพูดมั่วซั่วน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 633

    ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ พวกคนด้านนอกคงรออยู่นานแล้วและเห็นว่าพวกคนข้างในไม่ยอมออกมา และเมื่อจิ่งโม่เยี่ยพากำลังพลมาด้วย พวกเขาก็เลยคิดจะบุกเข้ามาทางอื่นแต่ขณะที่พวกเขาพยายามจะบุกเข้ามา ก็ดันหลงเข้าไปในเขตแดนที่เหมยตงยวนวางไว้ก่อนหน้านี้เขตแดนนั้นเดิมทีเหมยตงยวนสร้างขึ้นเพื่อป้องกันจิ่งโม่เยี่ยโดยเฉพาะ แทบจะเป็นกับดักสังหารทั้งหมดเขาเกรงว่าคนธรรมดาจะบังเอิญเข้ามา จึงได้สร้างกำแพงป้องกันไว้ด้านนอก คนธรรมดาทั่วไปตราบใดที่ไม่พยายามบุกเข้าไปอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็จะเข้าไปในเขตแดนสังหารด้านในไม่ได้แต่ถ้ามีใครดื้อรั้นจะบุกเข้าไปในเรือนก็จะหลุดเข้าไปในเขตแดนสังหารทันทีก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยเคยแอบมาเยี่ยมเฟิ่งชูอิ่ง และถูกเขตแดนด้านนอกขัดขวางไว้ตอนนั้นเขาเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงถอยออกไป เพราะเขาไม่อยากทำให้เหมยตงยวนไม่พอใจอีกดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขตแดนสังหารนั้นทรงพลังแค่ไหน ตอนนี้เขาได้ยินเสียงจากข้างนอก เขาก็รู้ทันทีว่าเขตแดนสังหารนั้นน่าจะร้ายกาจมากตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่ยามนั้นไม่ได้ดื้อดึงจะบุกเข้าไปข้างในให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงแย่แน่ เพราะศาสตร์ลี้ลับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ค

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 634

    ปู๋เยี่ยโหวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย ไอ้สุนัขตัวนี้มันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไงวิ่งเข้ามาอาละวาดถึงในจวนตากอากาศของเขา นี่มันหาเรื่องตายชัดๆขณะนี้จิ่งโม่เยี่ยเองก็อยู่ที่ลานด้านหลังด้วย ปู๋เยี่ยโหวจึงอยากจะรอดูว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงจะตายอย่างไรดังนั้นปู๋เยี่ยโหวจึงไม่ขัดขวางจิ่งสือเฟิงแม้แต่น้อยเขาไม่ขัดขวาง ในสายตาของจิ่งสือเฟิงนั่นก็คือการหวาดหวั่นและหากปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทีหวาดหวั่นเช่นนี้ แปลว่าเรื่องที่จิ่งสือเฟิงสั่งให้จัดการวันนี้จะต้องสำเร็จแล้วอย่างแน่นอนเขาบอกกับองครักษ์ข้างกายว่า “คุมตัวปู๋เยี่ยโหวไว้”องครักษ์หลายคนพุ่งเข้าไปปิดล้อมปู๋เยี่ยโหวอย่างดุร้าย องครักษ์ของปู๋เยี่ยโหวพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่เขาโบกมือเบาๆ องครักษ์ของเขาจึงหยุดยืนอยู่เฉยๆปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ว่า “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ ขอให้หาหลักฐานได้สำเร็จนะ”จิ่งสือเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงตอนนี้จะยังปากแข็งได้อยู่ แต่อีกเดี๋ยวเจ้าหัวเราะไม่ออกแน่”ปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “โอ้ย ข้ากลัวจังเลย!”จิ่งสือเฟิง “……”เขาคิดว่าปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทางยียวนเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องอยากโดนทุบตีชัดๆเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 635

    จิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย็นชา “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าตอนนี้ว่างงานอยู่ไม่ใช่หรือ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งในศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์”“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครว่างมากนักถึงได้ไม่ไปแจ้งความที่ศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์ แต่มาแจ้งความกับอ๋องว่างงานอย่างเจ้า”คำว่า “อ๋องว่างงาน” นั้นแทงใจดำจิ่งสือเฟิงอย่างแรงที่จริงแล้วเขามีตำแหน่งในกรมกลาโหมอยู่ เพียงแต่เขามักจะไปสร้างปัญหาให้จิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ และความสามารถของเขาก็ไม่โดดเด่นพอช่วงก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยจับผิดเขาได้ จึงถอดถอนตำแหน่งของเขาออกช่วงเวลานี้จิ่งสือเฟิงจึงไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในราชสำนักสำหรับจิ่งสือเฟิงที่ชอบถือครองอำนาจ ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง เขาจึงรีบร้อนอยากพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุดแต่ในสายตาของจิ่งโม่เยี่ย วิธีการพิสูจน์ตัวเองของเขานั้นโง่เขลาเหลือเกินจิ่งสือเฟิงมีสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะว่างงาน แต่ก็เป็นองค์ชายโดยชอบธรรม”“ข้ามีชื่อเสียงอันดีงามในราชสำนัก และเป็นที่รู้จักในเรื่องความยุติธรรม”“ช่วงนี้มีคนกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขาจึงมาหาข้าเพื่อขอให้ช่วย”คำพูดของเขาแทบจะพูดตรงๆ ว่าจิ่งโม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 636

    เขาพูดทันทีว่า “ถูกต้อง! ไม่น่าแปลกใจที่ข้าหาอยู่นานจึงไม่เจอ ที่แท้ก็อยู่กับเจ้านี่เอง!”พูดจบเขาก็ตะคอกเสียงดังว่า “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ายังกล้าบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดจะก่อกบฏอีกหรือ!”“ตอนนี้มีอาภรณ์มังกรเป็นหลักฐาน ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามีเจตนาไม่ดี!”จิ่งโม่เยี่ยใช้สายตาเหมือนมองคนโง่จ้องมองเขาแล้วพูดว่า “แค่อาภรณ์มังกรชิ้นเดียวก็พิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาไม่ดี เห็นทีจะเป็นคนโง่จริงๆ”“หากข้าต้องการ ข้าสามารถค้นหาอาภรณ์มังกรได้มากกว่าสิบชิ้นในจวนอ๋องของเจ้า”“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะไม่ถือสาเจ้า ตอนนี้เจ้ารีบไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“เพราะหากข้าต้องการก่อกบฏจริงๆ เจ้าก็ไม่มีความสามารถที่จะขัดขวางได้อยู่ดี”จิ่งสือเฟิง “……”เขานึกถึงเหตุการณ์ที่จิ่งโม่เยี่ยก่อการปฏิวัติสำเร็จ จนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อสามเดือนก่อนในสายตาของจิ่งสือเฟิง นั่นคือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฐานะของเขาก็ตกต่ำลงอย่างมากฮ่องเต้เจาหยวนยังซ่อนตัวอยู่ภายในวังหลวง อาการหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ ยังลุกจากเตียงไม่ได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาส่งคนเข้าไปในวังเพื่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 637

    จิ่งโม่เยี่ยราวกับล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงเสริมอีกประโยคว่า “ห้ามแตะต้องนางแม้แต่น้อย!”พูดจบเขาก็ชักกระบี่ออกมาทันทีชั่วพริบตานั้น จิ่งสือเฟิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นดวงตาของเขาค่อยๆ พร่ามัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำร้ายเขามาตลอด วันนี้กลับลงมือโหดดหี้ยมเด็ดขาดเช่นนี้องครักษ์ของเขาพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกองครักษ์ของจิ่งโม่เยี่ยสกัดเอาไว้หมดจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ฆ่าพวกมันทั้งหมด”คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจิ่งสือเฟิง ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไปต้องปากพล่อยแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกไปแน่จิ่งโม่เยี่ยไม่กลัวพวกเขาจะนินทาว่าร้าย แต่เขารำคาญพวกที่จะเข้ามาสร้างความวุ่นวายหลังจากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปดังนั้นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ก็คือการกำจัดพวกเขาให้หมดเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฆ่าจิ่งสือเฟิงตรงนี้ ทว่านางก็พอจะเข้าใจความคิดของจิ่งโม่เยี่ยได้แต่จิ่งสือเฟิงเป็นโอรสคนโตที่เกิดจากฮองเฮาโดยตรง ในบรรดาองค์ชายทุกพระองค์ เขาถือว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนช้างพิเศษการตายของเขาในครั้งนี้ จิ่งโม่เยี่ยคงมีเ

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status