แชร์

บทที่ 630

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
สายตาของจิ่งโม่เยี่ยกวาดมองเนื้อหาที่อยู่บนบนใบหย่า เนื้อหาในใบหย่านั้นค่อนข้างเป็นเพียงรูปแบบทั่วไปเท่านั้น นางไม่ได้เขียนรายละเอียดอะไรมากมายนัก

เหตุผลในการหย่าร้าง นางก็เขียนอย่างง่ายๆ ว่านิสัยเข้ากันไม่ได้

จิ่งโม่เยี่ยก้มมองใบหย่าที่เรียบง่ายและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกนั้น เขารู้สึกเหมือนมีมีดมาแทงหัวใจเขา แทงซ้ำๆ จนเลือดไหลไม่หยุด

เขาไม่พูดอะไร ใช้มือข้างที่บาดเจ็บประทับตราลงบนกระดาษเบาๆ

เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแวบหนึ่ง ใบหน้าของเขาไม่แสดงสีหน้าอะไรมากมาย แต่ผมสีขาวโพลนกลับทำให้เขาดูซูบเซียวและโทรมลงมาก

นางเข้าใจและรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมที่เขาต้องเผชิญตั้งแต่เด็ก รู้ว่ามันทำให้เขาเป็นคนดื้อรั้นและนำมาซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน

นางเห็นอกเห็นใจเขา เรื่องในคืนแต่งงานไม่ควรโทษว่าเป็นความผิดของเขาทั้งหมด ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะให้อภัยเขา ปลดปล่อยเขาจากความรู้สึกผิด แล้วก็ปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระด้วย

ชีวิตคนเรายาวนานแต่บางครั้งก็แสนสั้น นอกจากความรักหญิงชายแล้ว ก็ยังมีเรื่องอีกมากมายรอให้ทำ

ชีวิตของนาง นางหวงแหนมาก

ชีวิตของนาง นางก็หวังว่ามันจะน่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวามากกว่านี้สักหน่อย

จิ่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
เมษา หน้าร้อน
โอ้ยยยยย......ต่อสิ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 631

    จิ่งโม่เยี่ย “……”มือของเขากำแน่นจนเป็นหมัด สิ่งที่นางพูดเป็นความจริงที่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยคิดเช่นนั้นจริงๆเขาไม่อยากฆ่านาง แต่เขาจะพยายามทุกวิถีทางที่จะกักขังนางไว้…เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะพูดถูกแล้วสินะ ท่านอ๋อง นิสัยอย่างท่าน ใครจะกล้าชอบท่านได้?”“แล้วก็พอลองนับๆ ดูแล้ว ข้ายังถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อท่าน แต่ท่านกลับทำกับข้าอย่างนี้”“การวางเพลิงของเทียนซือแม้จะทำให้ข้าตายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็เป็นสิ่งที่ตัดขาดทุกอย่างระหว่างเรา พูดตามตรง ข้าแอบรู้สึกขอบคุณเขาอยู่บ้างเหมือนกัน”จิ่งโม่เยี่ยกำมือแน่น เขาจ้องมองนางที่ยิ้มละไมอยู่ตรงหน้า ดวงใจของเขาเจ็บปวดเหลือเกินที่แท้แล้วนางไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เขาเลย นางเคยมีความรู้สึกดีๆให้เขา แต่ตัวเขาเองต่างหากที่รักษาหัวใจของนางไว้ไม่ได้ตอนนี้ เขาเพิ่งจะค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับความรักที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเกลียดข้าหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “ตอนที่ข้าเกือบจะต้องตาย กับตอนที่ถูกความเจ็บปวดทรมานกัดกินหลังจากนั้น ข้าเคยรู้สึกเกลียดท่า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 632

    ทันใดนั้น นางก็ได้ค้นพบว่า จิ่งโม่เยี่ยแท้จริงแล้วก็ไม่ได้โหดร้ายและฆ่าคนง่ายอย่างที่นางคิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในคืนแต่งงาน ดูเหมือนจะทำให้เขาใจเย็นลงและไตร่ตรองความสัมพันธ์ของพวกเขานางยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ข้าก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันอย่างสงบสุขแบบนี้”จิ่งโม่เยี่ยมองนางแล้วพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ตานับจากนี้ไปข้าจะไม่บังคับเจ้าทำอะไรอีกต่อไป และจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกแล้ว”“เจ้าพักรักษาตัวที่เรือนหลังนี้ได้อย่างสบายใจ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ข้าจะไม่มารบกวนเจ้าเด็ดขาด”เขาพูดจบก็หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองนางอีกครั้ง “เจ้าคงอยากรู้ว่า ทำไมข้าถึงรู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”เฟิ่งชูอิ่งก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาได้รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าดูมีเสน่ห์เย้ายวนขึ้นหลายส่วน “ปู๋เยี่ยโหวเป็นคนบอกข้า”เฟิ่งชูอิ่ง “……”นี่เป็นคำตอบที่คาดการณ์ได้แต่ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องชวนคาดไม่ถึง เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับปู๋เยี่ยโหว ก็พอจะทำความเข้าใจได้ปู๋เยี่ยโหวพลันกระโจนออกมาจากข้างๆ “จิ่งโม่เยี่ย อย่าพูดมั่วซั่วน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 633

    ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ พวกคนด้านนอกคงรออยู่นานแล้วและเห็นว่าพวกคนข้างในไม่ยอมออกมา และเมื่อจิ่งโม่เยี่ยพากำลังพลมาด้วย พวกเขาก็เลยคิดจะบุกเข้ามาทางอื่นแต่ขณะที่พวกเขาพยายามจะบุกเข้ามา ก็ดันหลงเข้าไปในเขตแดนที่เหมยตงยวนวางไว้ก่อนหน้านี้เขตแดนนั้นเดิมทีเหมยตงยวนสร้างขึ้นเพื่อป้องกันจิ่งโม่เยี่ยโดยเฉพาะ แทบจะเป็นกับดักสังหารทั้งหมดเขาเกรงว่าคนธรรมดาจะบังเอิญเข้ามา จึงได้สร้างกำแพงป้องกันไว้ด้านนอก คนธรรมดาทั่วไปตราบใดที่ไม่พยายามบุกเข้าไปอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็จะเข้าไปในเขตแดนสังหารด้านในไม่ได้แต่ถ้ามีใครดื้อรั้นจะบุกเข้าไปในเรือนก็จะหลุดเข้าไปในเขตแดนสังหารทันทีก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยเคยแอบมาเยี่ยมเฟิ่งชูอิ่ง และถูกเขตแดนด้านนอกขัดขวางไว้ตอนนั้นเขาเห็นว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจึงถอยออกไป เพราะเขาไม่อยากทำให้เหมยตงยวนไม่พอใจอีกดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขตแดนสังหารนั้นทรงพลังแค่ไหน ตอนนี้เขาได้ยินเสียงจากข้างนอก เขาก็รู้ทันทีว่าเขตแดนสังหารนั้นน่าจะร้ายกาจมากตอนนี้เขารู้สึกโชคดีมากที่ยามนั้นไม่ได้ดื้อดึงจะบุกเข้าไปข้างในให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงแย่แน่ เพราะศาสตร์ลี้ลับนั้นไม่ใช่สิ่งที่ค

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 634

    ปู๋เยี่ยโหวเห็นท่าทางของเขาแล้วก็เบ้ปากเล็กน้อย ไอ้สุนัขตัวนี้มันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไงวิ่งเข้ามาอาละวาดถึงในจวนตากอากาศของเขา นี่มันหาเรื่องตายชัดๆขณะนี้จิ่งโม่เยี่ยเองก็อยู่ที่ลานด้านหลังด้วย ปู๋เยี่ยโหวจึงอยากจะรอดูว่าวันนี้จิ่งสือเฟิงจะตายอย่างไรดังนั้นปู๋เยี่ยโหวจึงไม่ขัดขวางจิ่งสือเฟิงแม้แต่น้อยเขาไม่ขัดขวาง ในสายตาของจิ่งสือเฟิงนั่นก็คือการหวาดหวั่นและหากปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทีหวาดหวั่นเช่นนี้ แปลว่าเรื่องที่จิ่งสือเฟิงสั่งให้จัดการวันนี้จะต้องสำเร็จแล้วอย่างแน่นอนเขาบอกกับองครักษ์ข้างกายว่า “คุมตัวปู๋เยี่ยโหวไว้”องครักษ์หลายคนพุ่งเข้าไปปิดล้อมปู๋เยี่ยโหวอย่างดุร้าย องครักษ์ของปู๋เยี่ยโหวพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่เขาโบกมือเบาๆ องครักษ์ของเขาจึงหยุดยืนอยู่เฉยๆปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ว่า “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ ขอให้หาหลักฐานได้สำเร็จนะ”จิ่งสือเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงตอนนี้จะยังปากแข็งได้อยู่ แต่อีกเดี๋ยวเจ้าหัวเราะไม่ออกแน่”ปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “โอ้ย ข้ากลัวจังเลย!”จิ่งสือเฟิง “……”เขาคิดว่าปู๋เยี่ยโหวแสดงท่าทางยียวนเช่นนี้ เป็นการหาเรื่องอยากโดนทุบตีชัดๆเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 635

    จิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย็นชา “ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าตอนนี้ว่างงานอยู่ไม่ใช่หรือ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งในศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์”“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครว่างมากนักถึงได้ไม่ไปแจ้งความที่ศาลต้าหลี่หรือกรมราชทัณฑ์ แต่มาแจ้งความกับอ๋องว่างงานอย่างเจ้า”คำว่า “อ๋องว่างงาน” นั้นแทงใจดำจิ่งสือเฟิงอย่างแรงที่จริงแล้วเขามีตำแหน่งในกรมกลาโหมอยู่ เพียงแต่เขามักจะไปสร้างปัญหาให้จิ่งโม่เยี่ยบ่อยๆ และความสามารถของเขาก็ไม่โดดเด่นพอช่วงก่อนหน้านี้จิ่งโม่เยี่ยจับผิดเขาได้ จึงถอดถอนตำแหน่งของเขาออกช่วงเวลานี้จิ่งสือเฟิงจึงไม่มีตำแหน่งหน้าที่ในราชสำนักสำหรับจิ่งสือเฟิงที่ชอบถือครองอำนาจ ถือว่าเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง เขาจึงรีบร้อนอยากพิสูจน์ตัวเองอย่างถึงที่สุดแต่ในสายตาของจิ่งโม่เยี่ย วิธีการพิสูจน์ตัวเองของเขานั้นโง่เขลาเหลือเกินจิ่งสือเฟิงมีสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “ถึงแม้ข้าจะว่างงาน แต่ก็เป็นองค์ชายโดยชอบธรรม”“ข้ามีชื่อเสียงอันดีงามในราชสำนัก และเป็นที่รู้จักในเรื่องความยุติธรรม”“ช่วงนี้มีคนกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พวกเขาจึงมาหาข้าเพื่อขอให้ช่วย”คำพูดของเขาแทบจะพูดตรงๆ ว่าจิ่งโม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 636

    เขาพูดทันทีว่า “ถูกต้อง! ไม่น่าแปลกใจที่ข้าหาอยู่นานจึงไม่เจอ ที่แท้ก็อยู่กับเจ้านี่เอง!”พูดจบเขาก็ตะคอกเสียงดังว่า “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ายังกล้าบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดจะก่อกบฏอีกหรือ!”“ตอนนี้มีอาภรณ์มังกรเป็นหลักฐาน ย่อมพิสูจน์ได้ว่าเจ้ามีเจตนาไม่ดี!”จิ่งโม่เยี่ยใช้สายตาเหมือนมองคนโง่จ้องมองเขาแล้วพูดว่า “แค่อาภรณ์มังกรชิ้นเดียวก็พิสูจน์ได้ว่ามีเจตนาไม่ดี เห็นทีจะเป็นคนโง่จริงๆ”“หากข้าต้องการ ข้าสามารถค้นหาอาภรณ์มังกรได้มากกว่าสิบชิ้นในจวนอ๋องของเจ้า”“วันนี้ข้าอารมณ์ดี ข้าจะไม่ถือสาเจ้า ตอนนี้เจ้ารีบไสหัวออกไปจากที่นี่เสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“เพราะหากข้าต้องการก่อกบฏจริงๆ เจ้าก็ไม่มีความสามารถที่จะขัดขวางได้อยู่ดี”จิ่งสือเฟิง “……”เขานึกถึงเหตุการณ์ที่จิ่งโม่เยี่ยก่อการปฏิวัติสำเร็จ จนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อสามเดือนก่อนในสายตาของจิ่งสือเฟิง นั่นคือความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฐานะของเขาก็ตกต่ำลงอย่างมากฮ่องเต้เจาหยวนยังซ่อนตัวอยู่ภายในวังหลวง อาการหนักจนล้มหมอนนอนเสื่อ ยังลุกจากเตียงไม่ได้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาส่งคนเข้าไปในวังเพื่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 637

    จิ่งโม่เยี่ยราวกับล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร จึงเสริมอีกประโยคว่า “ห้ามแตะต้องนางแม้แต่น้อย!”พูดจบเขาก็ชักกระบี่ออกมาทันทีชั่วพริบตานั้น จิ่งสือเฟิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นดวงตาของเขาค่อยๆ พร่ามัว เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจิ่งโม่เยี่ยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทำร้ายเขามาตลอด วันนี้กลับลงมือโหดดหี้ยมเด็ดขาดเช่นนี้องครักษ์ของเขาพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกองครักษ์ของจิ่งโม่เยี่ยสกัดเอาไว้หมดจิ่งโม่เยี่ยเก็บกระบี่เข้าฝักแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ฆ่าพวกมันทั้งหมด”คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของจิ่งสือเฟิง ถ้าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไปต้องปากพล่อยแพร่งพรายเรื่องพวกนี้ออกไปแน่จิ่งโม่เยี่ยไม่กลัวพวกเขาจะนินทาว่าร้าย แต่เขารำคาญพวกที่จะเข้ามาสร้างความวุ่นวายหลังจากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปดังนั้นวิธีที่ง่ายและได้ผลที่สุด ก็คือการกำจัดพวกเขาให้หมดเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะฆ่าจิ่งสือเฟิงตรงนี้ ทว่านางก็พอจะเข้าใจความคิดของจิ่งโม่เยี่ยได้แต่จิ่งสือเฟิงเป็นโอรสคนโตที่เกิดจากฮองเฮาโดยตรง ในบรรดาองค์ชายทุกพระองค์ เขาถือว่าเป็นคนที่มีฐานะค่อนช้างพิเศษการตายของเขาในครั้งนี้ จิ่งโม่เยี่ยคงมีเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 638

    จิ่งสือเฟิงคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยและเฟิ่งชูอิ่งก็เป็นคนที่ประสงค์ร้ายต่อเขาพอกันนั่นแหละ พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนดีอะไรเลยสถานที่ที่พวกเขาห้ามไม่ยอมให้เขาไป ย่อมเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยแต่เมื่อเขาฝ่าเข้าไป เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องเพราะทันทีที่เขาฝ่าเข้าไป เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ความเจ็บปวดนั้นแตกต่างจากตอนที่จิ่งโม่เยี่ยแทงเขาอย่างสิ้นเชิงในขณะนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณ ความรู้สึกอันตรายอย่างใหญ่หลวงถาโถมเข้ามา เขารู้สึกเหมือนกำลังจะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีเขาพยายามถอยหลัง แต่กลับพบว่าถอยไม่ได้ดูเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดูดเขาไว้แน่น แล้วฉีกจิตวิญญาณของเขาออกเป็นเสี่ยงๆเขาตกใจสุดขีด ร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย! ข้าไม่อยากสลายกลายเป็นเถ้าธุลี!”เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางขี้ขลาดของเขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่ยังตะโกนโวยวาย ทำเหมือนตัวเองเก่งนักเก่งหนาอยู่เลยแต่พอวิ่งเข้าไปเจอดีกับตัวก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วค่ายกลดังกล่าวนั้นเป็นฝีมือของเหมยตงหยวน วัตถุประสงค์เพื่อขู่และหยุดวิญญาณร้ายที่ล่องลอยไปมา ไม่ให้เข้ามาในจวนตากอากาศรบกวนพวกเขาดังนั้นค่ายกลดังกล่าว ถ้าไม่ฝ่า

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status