แชร์

บทที่ 24

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-04 18:41:53
จิ่งโม่เยี่ย “......”

มือที่ตั้งใจจะสับหลังคอของนางแข็งค้างอยู่กลางอากาศ

เขากล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม “เฟิ่งชูอิ่ง!”

เฟิ่งชูอิ่งจึงโฉบหน้าเข้าไปหอมแก้มอีกข้างที่เหลือของเขา “ข้าเข้าใจเพคะ หากจุมพิตแก้มข้างนี้ของท่านอ๋อง แล้วไม่จุมพิตอีกข้างด้วย เดี๋ยวแก้มอีกข้างของท่านอ๋องจะโกรธเอา”

จิ่งโม่เยี่ย “......”

เหตุผลบ้าบออะไรกัน

เขาใคร่ครวญในใจว่าควรจะฆ่านางทิ้งเลยดีไหม ก่อนที่เขาจะถูกนางทำให้โกรธจนตายเสียเอง

จิ่งโม่เยี่ยสอดมือเข้าใต้ผ้านวมแล้วใช้คาถาสงบจิตกับเขาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกง่วงงุนหนักกว่าเดิม ความคิดที่อยากจะฆ่านางจึงลดน้อยลง

เขาสับสันมือลงบนหลังคอของนางเต็มแรง นางพลันสบถหยาบใส่เขาในใจ ก่อนจะหมดสติฟุบลงบนตัวเขา

เขาพลิกตัวนางลงจากร่างด้วยท่าทางรังเกียจ ก่อนจะโยนนางลงไปนอนริมขอบเตียง ส่วนตัวเองก็หลับตาเข้าสู่ห้วงนิทรา

เฟิ่งชูอิ่งหลับไปสักพักก็ลืมตาตื่นขึ้นมา พบว่าบนตัวของนางไม่มีผ้านวมห่มอยู่เลย จึงตัดสินใจแทรกตัวเขาไปในผ้านวม

ทว่านางเพิ่งจะแทรกตัวเขาไป ก็ถูกเขาถีบออกมา “อย่ามาเบียดข้า”

เฟิ่งชูอิ่งได้ยินแบบนั้นก็แทบระเบิดโทสะ เตียงเป็นของนาง ผ้านวมก็เป็นของนาง ทำไมนางจะนอ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Phanumas Phisaphong
...️............
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 25

    แต่ถึงตั่งจะนอนไม่สบายสักแค่ไหน นางก็ต้องข่มตาหลับให้ได้เช้าวันต่อมาตอนที่นางลืมตาตื่น จิ่งโม่เยี่ยก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว เป็นอีกครั้งที่กล้ามเนื้อของนางปวดเมื่อยไปหมดนางกัดฟันก่นด่า “ไอ้คนเสียสติเอ๊ย เตียงบ้านตัวเองมีไม่นาน จะมาแย่งเตียงของข้านอนทำไมกัน!“แย่งเตียงข้านอนก็เรื่องหนึ่ง นี่ยังมีหน้ามาดุข้าอีก ไร้มโนธรรมสิ้นดีเลย!”แต่พอนางคิดว่าเดิมทีจิ่งโม่เยี่ยก็เป็นตัวร้ายในนิยายอยู่แล้ว แถมยังมีนิสัยโหดเหี้ยมอำมหิต สิ้นไร้มโนธรรม ฉะนั้นด่าเขาไปก็ไร้ประโยชน์อะไรมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา “คุณหนูต่างสกุล มีคนจากในวังมาเจ้าค่ะ บอกว่าจะรับตัวท่านเข้าวังไปแสดงความขอบคุณ”เฟิ่งชูอิ่งชะงักไปเล็กน้อย นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังจากร่างเดิมได้รับพระราชทานสมรสกับจิ่งโม่เยี่ย ตามธรรมเนียมแล้ว นางจะต้องเข้าวังไปแสดงความเคารพทว่าร่างเดิมพอได้รับพระราชทานสมรส ก็ตัดสินใจหนีตามเฉินเยี่ยนเซิงทันที จากนั้นนางถึงได้ทะลุมิติมาอยู่ร่างนี้ ก็เลยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยนางตอบรับทันควัน “เข้าใจแล้ว ข้าขอล้างหน้าล้างหน้าสักประเดี๋ยว”บ่าวหน้าประตูเอ่ยเร่งนาง “คุณหนูต่างสกุล ท่านช่วยเร่งมือหน่อย อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 26

    เฟิ่งชูอิ่งได้ยินเสียงโครมครามดังไล่หลังมา หัวคิ้วก็ยกขึ้นเบาๆ นัยน์ตาฉายแววเยือกเย็นสาวใช้คนนั้นนำทางนางไปที่เรือนของฮว๋าซื่อก่อน ฮว๋าซื่อที่พักรักษาตัวอยู่หลายวัน ตอนนี้จึงใกล้จะหายเป็นปกติแล้วตอนที่ฮว๋าซื่อมองเห็นนางแวบก็คิ้วกระตุกทันที ยิ่งเห็นเสื้อผ้าเก่าเก็บที่ใส่แล้วไม่พอดีตัวสักนิดของนาง หัวคิ้วของนางก็ยิ่งกระตุกหนักกว่าเดิมฮว๋าซื่อสั่งสาวใช้นางนั้นว่า “ไปเอาอาภรณ์ของคุณหนูใหญ่ที่เพิ่งตัดใหม่ตัวนั้นมา”แม้นางจะไม่ชอบขี้หน้าเฟิ่งชูอิ่งมาก แต่นางก็ยังต้องรักษาชื่อเสียงอันดีงามเอาไว้ หากมีข่าวลือว่านางละเลยเฟิ่งชูอิ่งเล็ดรอดออกไป คงไม่เป็นผลดีต่อนางนักวันนี้เฟิ่งชูอิ่งต้องเข้าวังไปพบเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ จะปล่อยให้ผู้อื่นครหาไม่ได้ แน่นอนว่าเฟิ่งชูอิ่งไม่คิดจะเกรงใจนาง “งั้นก็หยิบชุดเครื่องประดับทับทิมของญาติผู้พี่ออกมาด้วยละกัน”ฮว๋าซื่อหันขวับมาทางนาง นางจึงยิ้มบางๆ ว่า “ท่านป้าได้ชื่อว่าเป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจในเมืองหลวงแห่งนี้ คิดว่าคงไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะข้ากระมังเจ้าคะ!”ฮว๋าซื่อคิดว่าหลังจากเฟิ่งชูอิ่งกลับมาจากอารามครานั้น นางก็ราวกับคนถูกผีเข้าเสียจร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 27

    บ่าวหญิงแซ่จูรีบตอบทันที “ขอแค่ฆ่านังเฟิ่งชูอิ่งนั่นได้ ให้ทำอะไรข้าก็ยอมทั้งนั้น!”ฮว๋าซื่อพยักหน้ากล่าวว่า “ถ้างั้นเจ้าก็เตรียมตัวให้ดีเถอะ ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เอง ถึงตอนนั้นเจ้าก็หาโอกาสลงมือเสีย”บ่าวหญิงแซ่จูเข้าใจความหมายที่ฮว๋าซื่อต้องการสื่อทันที จึงโขกศีรษะให้อีกฝ่ายแล้วกลับไปเตรียมตัวฮว๋าซื่อเห็นท่าทางของบ่าวหญิงแซ่จูก็ยกยิ้มมุมปาก เฟิ่งชูอิ่งสร้างปัญหาให้นางมากขนาดนี้ นางจำเป็นจะต้องรีบจำกัดอีกฝ่ายทิ้งโดยไวขณะเดียวกัน เฟิ่งชูอิ่งกำลังอ้าปากหาวหวอดๆ นางเดินตามขันทีมาขึ้นรถม้ามุ่งหน้าสู่วังหลวงตอนที่อยู่บนรถม้า นางก็ยัดเงินใส่มือของขันทีคนนั้นจากที่ขันทีคนนั้นไม่พอใจที่ต้องยืนรอนานนางๆ หลังจากลองชั่งน้ำหนักเงินในมือดูก็อารมณ์ดีขึ้นมาหลายส่วนกอปรกับใบหน้าที่น่ารักอ่อนหวาน ท่าทางว่านอนสอนง่าย และฝีปากที่ประจบสอพลอเก่งไม่เป็นสองรองใคร นางจึงซื้อใจคนได้ไม่ยากขันทีคนนั้นจึงข้อควรระวังเวลาเข้าวังให้นางฟัง สุดท้ายยังเตือนนางอีกว่า “ครั้งนี้เจ้าได้เข้าวัง เพราะฮองเฮาทรงอยากพบหน้าแม่นาง”เฟิ่งชูอิ่งพลันเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมาฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 28

    นางไม่รู้หรอกว่าฮองเฮาตั้งใจจะแสดงอำนาจข่มนางหรือไม่ แต่นางรู้ว่าอำนาจของราชวงศ์ในยุคสมัยนี้ถือเป็นเด็ดขาด ฐานะของนางในปัจจุบันนี้ หากสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นในวัง มีหวังได้ถูกบั่นคอกันพอดีแต่จะให้นางยืนรออยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช้รูปแบบของนางอีกนั่นแหละนางมองเห็นม่านที่แขวนประดับอยู่ตรงคานตำหนัก แผนการก็ผุดขึ้นมาในใจทันทีนางหยิบปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะออกมา ส่วนหัวของปิ่นชิ้นนั้นมีรอยบุ๋มอยู่แห่งหนึ่ง นางทำการปรับแต่งมันเล็กน้อย ก่อนจะเสียบไว้บนศีรษะเหมือนเดิมจากนั้นนางก็ขยับเปลี่ยนองศาอย่างแนบเนียน ทำให้ปิ่นปักผมรวมแสงสะท้อนไปบนผ้าม่านในตำหนัก แล้วยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนใช้เวลาประมาณครึ่งเค่อ ผ้าม่านผืนนั้นก็ลุกไหม้ เพียงครู่เดียวเท่านั้น ควันก็ลอยขโมงไปทั่ว ในตำหนักเต็มไปด้วยความอลหม่านมุมปากของเฟิ่งชูอิ่งพลันยกสูงเล็กน้อย นางอยากจะเห็นนักว่าฮองเฮาจะทนอยู่ในนั้นได้อีกนานแค่ไหนไม่นานนัก เพลิงก็ลุกลามหนัก ฮองเฮากับบรรดาองค์หญิงทั้งหลายพากันหนีตายออกมาจากตำหนักคุนหนิง นางกำนัลขันทีวิ่งวุ่นเพื่อหาทางดับไฟหลังจากเฟิ่งชูอิ่งวางเพลิงเรียบร้อย นางก็ยื่นมือไปปรับทิศทา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 29

    “เรื่องพวกนี้แม้ทางด้านท่านราชครูจะยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา แต่กลับเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กันหมด“แม่นางเฟิ่งคนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่นามสกุลเฟิ่ง[footnoteRef:1]อย่างเดียว ก็ถือว่าเป็นการล่วงเกินฮองเฮาแล้วเพคะ [1: เฟิ่ง แปลว่าหงส์เพลิงหรือฟีนิกซ์] “ฮองเฮาต่างหากที่ทรงเป็นหงส์อย่างแท้จริง นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าใช้แซ่เฟิ่ง?”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกสุดขีดหรือนี่จะเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บในตำนาน จงใจหาข้ออ้างมาใส่ร้ายเพื่อลงโทษก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินว่าในวัง จะมีข้ารับใช้จำพวกหนึ่งที่กลิ้งกลอกสับปลับและโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่านางเพิ่งเข้าวังมาวันแรกก็ได้เจอกับตัวเสียแล้วนางเอ่ยเสียงเบาว่า “แซ่สกุลเป็นสิ่งที่สืบทอดจากบิดามารดา เหตุไฉนถึงเป็นความผิดของข้าไปได้?”นางกำนัลคนนั้นตะคอกเสียงดุ “เจ้าคนไม่มีมารยาท ฮองเฮาทรงตรัสอยู่ เจ้ามีสิทธิ์สอดปากงั้นหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมเจ้าถึงสอดปากได้ล่ะ?”นางกำนัลคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชูอิ่งผู้ขี้ขลาดตาขาวจะกล้ายอกย้อนตนเอง!นางเบนหน้าไปทางฮองเฮา “ฮองเฮา ทรงทอดพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 30

    เจี่ยนชุนที่อยู่ข้างๆ ยิ้มรับคำว่า “ดวงชะตาของอ๋องฉู่พิเศษนักเพคะ เขาทำว่าที่พระชายาตัวเองตายไปแล้วถึงเจ็ดคน“บุตรสาวขุนนางในเมืองหลวงไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเขาสักคน ฮองเฮาทรงเมตตายิ่งนัก ถึงได้ลงทุนลงแรงเสาะหาว่าที่พระชายาให้เขาเช่นนี้“แค่หาว่าที่พระชายาคนใหม่ให้เขาได้ก็ดีมากแล้วเพคะ จะยังเรื่องมากได้อย่างไร?”ฮองเฮาหันมองเจี่ยนชุนและกล่าวว่า “ระวังคำพูดด้วย”เจี่ยนชุนรีบยกมือตบปากตัวเองเบาๆ กล่าวว่า “บ่าวปากพล่อย ฮองเฮาโปรดลงโทษด้วยเพคะ”ฮองเฮากล่าวเสียงเรียบว่า “ครั้งนี้แล้วไปเถิด แต่จากนี้อย่าพูดอะไรเช่นนี้อีก”เจี่ยนชุนพยักหน้ารัวๆ รับคำ ‘เพคะ’นางรู้ว่าฮองเฮามิได้ถือสาที่นางพูดจาเช่นนี้จริงๆ หรอก ตรงกันข้าม ฮองเฮาชื่นชอบให้คนพูดแบบนี้มากเชียวล่ะแต่เพราะฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดินแต่เพราะฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน จึงต้องแสดงภาพลักษณ์ใจดีมีเมตตาเท่านั้นเองฮองเฮากล่าวกับเจี่ยนชุนว่า “เจ้าสั่งการไปที่กรมราชทัณฑ์ บอกพวกเขาว่าอย่าได้ทำให้ว่าที่พระชายาในอ๋องฉู่ตกใจกลัว”เจี่ยนชุนเข้าใจความหมายของฮองเฮา “บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เพคะ รับรองว่าไม่ทำให้ว่าที่พระชายาอ๋องฉู่หวาดกล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 31

    “ข้าจะบอกเจ้าตามตรงเลยก็แล้วกันนะ นับแต่เจ้าก้าวเข้ามาในกรมราชทัณฑ์ของข้า ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับออกไปในสภาพดีๆ เลย“หากวันนี้เจ้ายอมให้ความร่วมมือกับข้าโดยดี ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัวมากนัก”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาด้วยท่าทางตื่นกลัว “ฮองเฮาทรงมีรับสั่งว่าห้ามใช้การทรมานกับข้า!”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ยิ้มตอบว่า “มีใครบ้างที่เข้ามาในกรมราชทัณฑ์แล้วจะไม่ถูกลงทัณฑ์ทรมาน“เพราะถึงอย่างไรกรมราชทัณฑ์ของพวกเรา ก็ถนัดเรื่องวิธีการทรมานนักโทษอยู่แล้ว ทว่าคนอื่นไม่มีทางมองออกหรอกว่าเจ้าโดนทำร้าย”เขาพูดขณะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของนาง แต่นางหันหลบแล้วถอยไปอีกฝั่งเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าก็แสดงความไม่พอใจผ่านทางสายตาเขายื่นมือออกมาแล้วนวดนิ้วตัวเองเบาๆ แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “ดูเหมือนแม่นางเฟิ่งจะชอบดื่มสุราจับกรอกมากกว่าสุราคารวะ“ช่วยไม่ได้นะ เดี๋ยวข้าจะแสดงฝีมือให้เจ้าได้ประจักษ์เอง”เฟิ่งชูอิ่งลอบสังเกตเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เงียบๆ พบว่าอีกฝ่ายมองนางด้วยสายตากระลิ้มกะเหลี่ย พลันใจหายวาบเล็กน้อยก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินมาว่าพวกขันทีในวังหลวง เพราะอวัยวะบางส่วนในร่างกายขาดหายไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 32

    เฉี่ยวหลิงตอบเสียงสะอื้น “ข้าไม่เป็นไร ชินแล้วล่ะ ถึงเรื่องแบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน แต่อย่างน้อยๆ สองสามวันก็ต้องเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เพราะงั้นข้าชินชากับมันแล้วแหละ”นางเอ่ยจบก็ด่าทอว่า “เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย! พวกวิญญาณตายโหงอย่างข้าไม่มีสิทธิ์เวียนว่ายตายเกิดก็แล้วไปเถิด แต่นี่แม้แต่จะแก้แค้นยังทำไม่ได้เลย!”“ต้องทนมองศัตรูเดินไปเดินมาผ่านหน้าทุกวัน แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย ไอ้สวรรค์เฮงซวย!”นางด่าจบก็หันมาวอแวกับเฟิ่งชูอิ่งต่อ “ข้าบอกเลยนะ คราวนี้เจ้าได้ตายของจริงแน่“นังสารเลวฮองเฮานั่นจิตใจโหดเหี้ยมจะตายไป นางไม่ยอมให้ว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่รอดชีวิตสักคน“ขันทีที่ทำงานในกรมราชทัณฑ์มีแต่พวกโรคจิตทั้งนั้น พวกเขาทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าชนิดที่เจ้าคาดคิดไม่ถึงเชียวแหละ”เฟิ่งชูอิ่งถาม “เลวทรามแค่ไหนล่ะ?”เฉี่ยวหลิงมองนางแล้วหัวเราะคิกคัก “อีกเดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง”แววตาของเฟิ่งชูอิ่งแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามนางอีกครั้ง “หากเจ้ามีโอกาสล้างแค้นคนชั่วพวกนั้น เจ้าจะคว้าเอาไว้ไหม?”เฉี่ยวหลิง “แน่นอนอยู่แล้วสิ แต่เมื่อกี้เจ้าก็เห็นไปแล้วนี่นา แค่ข้ามีจิตอาฆาตขึ้นมานิดเด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-29

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 946

    จิ่งสือเฟิงนอนกลัดกลุ้มอยู่บนพื้นแล้วจะทำอย่างไรต่อดี?ถึงแม้เขาจะหลุดพ้นจากกระจกปราบปีศาจที่ประตูเมืองได้ และย้อนกลับไปแจ้งข่าวเฟิ่งชูอิ่งก็ไม่ทันการณ์แล้วเพราะเขาเห็นจิ่งสือเยี่ยนคุยกับแม่ทัพผู้รักษาประตูเมืองเพียงไม่กี่คำ ก็สามารถเดินออกจากเมืองหลวงไปได้อย่างผ่าเผยจิ่งสือเฟิงเห็นท่าทางแบบนั้นของจิ่งสือเยี่ยนก็แอบสบถในใจและในขณะนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเขากับจิ่งสือเยี่ยนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขารวบรวมผู้คนได้มากมาย เขาเก่งกาจมากแต่ไม่มีใครในกลุ่มคนเหล่านั้นสามารถพาเขาออกจากเมืองหลวงได้เลยเมื่อเทียบกับจิ่งสือเยี่ยน จิ่งสือเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองโง่จริงๆ เพราะคนที่เขาซื้อตัวมานั้นไม่สามารถทำงานเป็นระบบแบบแผนเหมือนคนของจิ่งสือเยี่ยนไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะทำอะไร ก็มีคนที่สามารถใช้งานได้ตลอดจิ่งสือเฟิงก็เป็นองค์ชาย รู้ว่ากว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้มันยากขนาดไหนเพราะการซื้อตัวขุนนางที่มีอำนาจสูงต่ำต่างกัน ต้องใช้ความพยายามที่แตกต่างกันด้วยหากจะให้สรุปง่ายๆ คือเขาไม่มีปัญญาทำเฟิ่งชูอิ่งติดยันต์ไว้บนตัวจิ่งสือเฟิง ตอนที่เขาถูกกระจกปราบปีศาจสะกด นางก็รู้สึกได้ทันที

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 945

    ต้องออกจากเมืองหลวงให้ได้ เขาถึงจะปลอดภัยอย่างแท้จริงกองกำลังของเขายังต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึงเมืองหลวง ตอนนี้เขาต้องออกจากเมืองหลวงไปสมทบกับพวกเขาตราบใดที่พวกเขารวมตัวกันได้ เขาก็จะปลอดภัยเพียงแต่เรื่องนี้ พูดง่าย แต่ทำได้ยากเพราะอีกไม่นานจิ่งโม่เยี่ยก็จะรู้ตัวว่าเขาหนีออกมาแล้ว จากนั้นก็จะส่งทหารมาตามล่าเขาดังนั้นเขาต้องรีบออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด!วันนี้ตอนที่เขาเข้าวัง เขาได้เตรียมการมาอย่างรอบคอบ เขากลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ดังนั้นจึงให้ทหารองครักษ์ของเขารอเขาอยู่นอกวังตอนนี้ทหารองครักษ์ของเขาตามหาเขาพบแล้ว เขาจึงออกคำสั่งว่า "ออกจากเมืองหลวง"ทหารองครักษ์ทำท่าลำบากใจแล้วรายงานว่า "ตอนที่ท่านอ๋องเข้าวัง พวกข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง สืบดูสถานการณ์ในเมืองหลวงแล้ว""เป็นอย่างที่ท่านอ๋องคาดการณ์ไว้ อ๋องผู้สำเร็จราชการได้สั่งปิดประตูเมืองแล้ว""ตอนนี้ประตูเมืองปิดหมดทุกบาน พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว"จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่เป็นไร ที่ประตูติ้งหวามีคนของข้าอยู่ พวกเราจะไปที่ประตูติ้งหวากัน"ทหารองครักษ์ตอบรับ แล้วรีบพาเขาไปทางนั้นพวกเขาไม่ท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 944

    จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าเคยมุดนะ”ปู๋เยี่ยโหวนึกอยากจะเถียงว่าเขามุดรูหมาลอดตอนไหน แต่ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเด็กๆ ได้ จึงเงียบปากลงทันทีจิ่งโม่เยี่ยพูดต่อ “ได้ยินว่าวันนี้เจ้าไปก่อเรื่องใหญ่ในวังหลวงอีกแล้ว?”พอเขาเข้าวัง ก็มีทหารมาเล่าเรื่องที่ศพฮ่องเต้เจาหยวนถูกทำลายจนแหลกละเอียดให้ฟังคนอื่นอาจจะโดนปู๋เยี่ยโหวหลอกได้ แต่จิ่งโม่เยี่ยไม่มีทางโดนหลอกแน่นอนเขารู้ว่าปู๋เยี่ยโหวต้องเป็นคนทำลายศพฮ่องเต้แน่ๆปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้ว “เรื่องนั้นข้าไม่ได้ทำจริงๆ เสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นพยานให้ข้าได้”จิ่งโม่เยี่ยได้แต่หัวเราะในใจกับคำพูดนี้ ใครบ้างไม่รู้จักนิสัยของปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเขา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ ปู๋เยี่ยโหวจึงขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้เจาหยวนยังไม่ตาย”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเขา ปู๋เยี่ยโหวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบตอนแรกปู๋เยี่ยโหวคิดว่าฮ่องเต้เจาหยวนถูกผีสิง แต่เขาก็นึกถึงที่เฟิ่งชูอิ่งเคยบอกว่าวิญญาณร้ายเข้าวังหลวงไม่ได้ดังนั้น ตอนที่ฮ่องเต้เจาหยวนดีดตัวลุกขึ้นมานั่งในโลงศพ คงต้องมีแผนการบางอย่างแน่แต่ฮ่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 943

    เฟิ่งชูอิ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป “ไม่เห็นจะปัญญาอ่อนเลย ข้าว่าเขาเป็นแบบนี้น่ารักจะตาย”เหมยตงยวนกลอกตาไปมา เขามองไม่เห็นจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยน่ารักตรงไหนเฟิ่งชูอิ่งเห็นสีหน้าของเขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว ข้าว่าท่านพ่อพูดถูก เขาโง่จริงๆ นั่นแหละ”“ขนาดเดินยังไม่ถูกทางเลย ไม่โง่จะเรียกว่าอะไร?”มุมปากของเหมยตงยวนกระตุกเบาๆถึงแม้เขาจะรู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งพูดแบบนี้เพื่อปลอบใจเขา แต่มันก็ปิดกั้นความรู้สึกดีของเขาไม่ได้ลูกสาวของเขายังคงเอาใจใส่เขา คอยดูแลความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อเสมอถึงแม้ว่าเหมยตงยวนจะรู้สึกว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็พอจะยอมรับจิ่งโม่เยี่ยได้อย่างมากที่สุดก็คือตอนที่จิ่งโม่เยี่ยทำไม่ดีกับเฟิ่งชูอิ่งในอนาคต เขาจะไปซ้อมจิ่งโม่เยี่ยให้หนักเองเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “มืดแล้ว เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนเถอะ”วันนี้นางใช้พลังทำนายมากเกินไป ร่างกายจึงอ่อนล้า ต้องพักผ่อนให้เพียงพอตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกมึนหัวจริงๆ นางเดินโซเซกลับไปที่ห้องของตัวเองแต่เมื่อนางกลับมาที่ห้อง นางกลับพบว่าตัวเองนอนไม่หลับไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 942

    แววตาของจิ่งโม่เยี่ยเยือกเย็นลงในทันที พร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาเขาไม่ได้ยึดติดกับบัลลังก์ แต่ตอนนี้เขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาต้องมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่งได้เพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เขาสามารถทำทุกอย่างได้เดิมทีเขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าจิ่งสือเยี่ยน แต่ในวินาทีนี้ เขากลับรู้สึกว่าจิ่งสือเยี่ยนสมควรตายได้แล้วเขาพูดกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้าจะกลับเข้าวังก่อน”กลับไปเพื่อฆ่าจิ่งสือเยี่ยนแต่เหมยตงยวนกลับรั้งเขาไว้ว่า “เจ้าช้าก่อน”จิ่งโม่เยี่ยหันไปมองเขา เหมยตงยวนจึงยื่นกระบี่ในมือให้เขา “ใช้สิ่งนี้ไปฆ่าจิ่งสือเยี่ยน”จิ่งโม่เยี่ยค่อนข้างงุนงง เหมยตงยวนอธิบายว่า “กระบี่เกล็ดน้ำค้างเหมันต์ของเจ้าถึงแม้จะคมกริบ แต่เจ้าหล่อเลี้ยงมันด้วยจิตสังหารมามากเกินไปในช่วงหลายปีมานี้”“จิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ เมื่อชักกระบี่ออกมา แท้จริงแล้วคนที่ได้รับความเสียหายที่สุดคือตัวเจ้าเอง มันจะส่งผลต่อโชคชะตาของเจ้า”“สำหรับเจ้าในอดีต จิตสังหารเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียอะไร แต่ตอนนี้โชคชะตาของเจ้ากำลังเฟื่องฟู หากจิตสังหารหนักเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อโชคช

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 941

    เหมยตงยวนตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลบสายฟ้าที่ฟาดลงมาสายนั้นได้สายฟ้านั้นเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง จึงพุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งเหมยตงยวนกลัวว่าเฟิ่งชูอิ่งจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบระงับพลังแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เฟิ่งชูอิ่งและจิ่งโม่เยี่ยตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเฟิ่งชูอิ่งนึกถึงวันที่นางได้พบกับเหมยตงยวนครั้งแรก เขาก็มาพร้อมกับอสนีบาตจากฟากฟ้าเช่นนี้แต่วันนั้นเขาหาตัวแทนรับเคราะห์ สายฟ้าจึงไม่ได้ฟาดลงมาที่เขาเมื่อครู่เขาคำนวณอะไรบางอย่าง จึงไปรบกวนพลังแห่งสวรรค์ ทำให้สวรรค์ตามล่าเขาอีกครั้ง ใช้สายฟ้าฟาดใส่เขาโดยตรงเฟิ่งชูอิ่งหันไปมองจิ่งโม่เยี่ยแล้วพูดว่า "เรื่องนี้ดูท่าจะใหญ่โตเอาการ"จิ่งโม่เยี่ยถามว่า "ท่านพ่อจะเป็นอะไรไหม?"เฟิ่งชูอิ่งมองเขาแล้วพูดว่า "ถ้าท่านพ่อเป็นอะไรไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"จิ่งโม่เยี่ย “......”ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าความกังวลของเฟิ่งชูอิ่งนั้นมากเกินไป เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เหมยตงยวนก็กลับมาเพียงแต่อีกฟากฝั่งของเมือง ที่นั่นมีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นเฟิ่งชูอิ่งเห็นเขาก็ถามทันทีว่า "ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 940

    ครู่ต่อมา นางก็เอาหัวโขกโต๊ะอีกครั้งเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”เอาเถอะ นางยอมแพ้แล้ว!นางสูดน้ำมูกพลางพูดว่า “สวรรค์ช่างน่าเบื่อจริงๆ จงใจกลั่นแกล้งคนชัดๆ!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นก้อนบวมสองก้อนบนหน้าผากของนางก็รู้สึกสงสารไม่ได้ “ให้ข้าทายาให้เถอะ”เฟิ่งชูอิ่งกลับพูดว่า “เรื่องทายาไม่รีบร้อนหรอก ขอข้าตั้งสติคิดก่อนว่าเรื่องบ้าๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางสบถออกมาก็รู้ว่าครั้งนี้นางโกรธจริงๆ จึงพูดว่า “งั้นข้าทายาให้พลางๆ เจ้าก็คิดไปพลางๆ แล้วกัน”ครั้งนี้เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ปฏิเสธเพียงแต่พอเขาเข้ามาใกล้ นางก็ได้กลิ่นกายของเขา หอมสดชื่นแต่ก็ยั่วยวนอย่างมากนางอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง ดวงตาและคิ้วของเขาเดิมทีก็งดงามอยู่แล้ว เป็นแบบที่นางชอบที่สุดตอนนี้เขาเข้ามาใกล้ ท่าทางที่ทายาให้นางนั้นดูตั้งใจมาก มองดูแล้วเห็นความรักที่ลึกซึ้งมากขึ้นหลายส่วนขนตาที่เป็นแพยาวและโค้งงอน ดวงตาสีดำสนิท มีเสน่ห์ที่ส่งผลต่อนางอย่างร้ายกาจเดิมทีสมองของนางก็มึนงงอยู่แล้ว พอเห็นท่าทางแบบนี้ของเขา หัวสมองของนางก็หยุดทำงานไปเลยคิดคำนวณอะไรกัน ดูหนุ่มหล่อไม่ดีกว่าหรือ?ดังนั้นนางจึงเลิกคำนวณแล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 939

    ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร นั่งกินหม้อไฟกันเงียบๆเมื่อจิ่งโม่เยี่ยได้นั่งอยู่เคียงข้างนาง อันตรายจากการช่วงชิงอำนาจก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปในค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้ เพียงมีนางอยู่เคียงข้างเขา หัวใจของเขาก็สงบอย่างยิ่งทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศอบอุ่นเป็นอย่างมากเฟิ่งชูอิ่งกำลังลวกเนื้อชิ้นหนึ่งเตรียมที่จะคีบให้จิ่งโม่เยี่ย ในขณะเดียวกันเขาก็คีบเนื้อที่เพิ่งลวกเสร็จใหม่ๆ ให้นางทั้งสองคนต่างชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้กัน กินเนื้อที่อีกฝ่ายคีบให้เฟิ่งชูอิ่งถามว่า “ท่านตั้งใจจะขึ้นครองราชย์เมื่อไหร่?”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “กรมพิธีการกำลังวางแผนอยู่ สำนักโหรหลวงกำลังคำนวณฤกษ์งามยามดี…”พูดถึงตรงนี้เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ฤกษ์ที่สำนักโหรหลวงคำนวณออกมาอาจจะไม่แม่นยำเท่าเจ้า เจ้าช่วยคำนวณให้ข้าหน่อยได้ไหม”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาอย่างพินิจ จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาคำนวณครู่ต่อมาเลือดกำเดาของนางก็ไหลออกมาเฟิ่งชูอิ่ง “……”จิ่งโม่เยี่ย “……”เขารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นางเฟิ่งชูอิ่งสบถออกมา “มันต้องขนาดนี้เลยหรือ!”นางรู้สึกหดหู่ใจจริงๆ นางแค่จะคำนวณดวงชะตาให้เขาเท่านั้น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 938

    เหมยตงยวนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างฉับพลัน เจ้าลูกหมานี่พูดจาแบบนี้ได้คล่องปากขึ้นทุกวันเฟิ่งชูอิ่งมองไปยังศาลาร่มรื่นที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้าย นางรู้สึกว่าควรจะเตือนจิ่งโม่เยี่ยสักหน่อยนางจึงเปิดเนตรทิพย์ให้เขาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นเหมยตงยวนทำหน้าบึ้งตึง และเหล่าวิญญาณร้ายตนอื่นๆ ที่ทำหน้าเหมือนกำลังดูละครสนุกๆจิ่งโม่เยี่ย “......”อย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องน่าตกใจมันมีอยู่ทุกที่เขาไอเบาๆ แล้วคำนับเหมยตงยวน “สวัสดี ท่านอาเหมย”เหมยตงยวนพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ข้าไม่กล้ารับคำนับจากฝ่าบาทหรอก”พลังแห่งฮ่องเต้ในตัวจิ่งโม่เยี่ยเข้มข้นขึ้นมากหลังจากผ่านคืนนี้ไปนั่นหมายความว่าการเข้าวังของเขาในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพียงแต่ตอนนี้ดวงดาวของฮ่องเต้ยังไม่กลับมาประจำตำแหน่ง บัลลังก์ของเขายังไม่มั่นคงจิ่งโม่เยี่ยยิ้มแห้งๆ “ท่านอาเหมยอย่าล้อข้าเลย”“ตำแหน่งฮ่องเต้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการได้มา แต่การมีตำแหน่งนี้ช่วยให้ข้าทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้”เหมยตงยวนแค่นเสียง “ปากบอกว่าไม่ต้องการ แต่ความทะเยอทะยานมันเด่นชัดขนาดนั้น เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าจิ่งสือเยี่ยนนักหรอก”

DMCA.com Protection Status