“เรื่องพวกนี้แม้ทางด้านท่านราชครูจะยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา แต่กลับเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้กันหมด“แม่นางเฟิ่งคนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่นามสกุลเฟิ่ง[footnoteRef:1]อย่างเดียว ก็ถือว่าเป็นการล่วงเกินฮองเฮาแล้วเพคะ [1: เฟิ่ง แปลว่าหงส์เพลิงหรือฟีนิกซ์] “ฮองเฮาต่างหากที่ทรงเป็นหงส์อย่างแท้จริง นางคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าใช้แซ่เฟิ่ง?”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกสุดขีดหรือนี่จะเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บในตำนาน จงใจหาข้ออ้างมาใส่ร้ายเพื่อลงโทษก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินว่าในวัง จะมีข้ารับใช้จำพวกหนึ่งที่กลิ้งกลอกสับปลับและโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่านางเพิ่งเข้าวังมาวันแรกก็ได้เจอกับตัวเสียแล้วนางเอ่ยเสียงเบาว่า “แซ่สกุลเป็นสิ่งที่สืบทอดจากบิดามารดา เหตุไฉนถึงเป็นความผิดของข้าไปได้?”นางกำนัลคนนั้นตะคอกเสียงดุ “เจ้าคนไม่มีมารยาท ฮองเฮาทรงตรัสอยู่ เจ้ามีสิทธิ์สอดปากงั้นหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วทำไมเจ้าถึงสอดปากได้ล่ะ?”นางกำนัลคนนั้นคิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชูอิ่งผู้ขี้ขลาดตาขาวจะกล้ายอกย้อนตนเอง!นางเบนหน้าไปทางฮองเฮา “ฮองเฮา ทรงทอดพ
เจี่ยนชุนที่อยู่ข้างๆ ยิ้มรับคำว่า “ดวงชะตาของอ๋องฉู่พิเศษนักเพคะ เขาทำว่าที่พระชายาตัวเองตายไปแล้วถึงเจ็ดคน“บุตรสาวขุนนางในเมืองหลวงไม่มีใครกล้าแต่งงานกับเขาสักคน ฮองเฮาทรงเมตตายิ่งนัก ถึงได้ลงทุนลงแรงเสาะหาว่าที่พระชายาให้เขาเช่นนี้“แค่หาว่าที่พระชายาคนใหม่ให้เขาได้ก็ดีมากแล้วเพคะ จะยังเรื่องมากได้อย่างไร?”ฮองเฮาหันมองเจี่ยนชุนและกล่าวว่า “ระวังคำพูดด้วย”เจี่ยนชุนรีบยกมือตบปากตัวเองเบาๆ กล่าวว่า “บ่าวปากพล่อย ฮองเฮาโปรดลงโทษด้วยเพคะ”ฮองเฮากล่าวเสียงเรียบว่า “ครั้งนี้แล้วไปเถิด แต่จากนี้อย่าพูดอะไรเช่นนี้อีก”เจี่ยนชุนพยักหน้ารัวๆ รับคำ ‘เพคะ’นางรู้ว่าฮองเฮามิได้ถือสาที่นางพูดจาเช่นนี้จริงๆ หรอก ตรงกันข้าม ฮองเฮาชื่นชอบให้คนพูดแบบนี้มากเชียวล่ะแต่เพราะฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดินแต่เพราะฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน จึงต้องแสดงภาพลักษณ์ใจดีมีเมตตาเท่านั้นเองฮองเฮากล่าวกับเจี่ยนชุนว่า “เจ้าสั่งการไปที่กรมราชทัณฑ์ บอกพวกเขาว่าอย่าได้ทำให้ว่าที่พระชายาในอ๋องฉู่ตกใจกลัว”เจี่ยนชุนเข้าใจความหมายของฮองเฮา “บ่าวจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เพคะ รับรองว่าไม่ทำให้ว่าที่พระชายาอ๋องฉู่หวาดกล
“ข้าจะบอกเจ้าตามตรงเลยก็แล้วกันนะ นับแต่เจ้าก้าวเข้ามาในกรมราชทัณฑ์ของข้า ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับออกไปในสภาพดีๆ เลย“หากวันนี้เจ้ายอมให้ความร่วมมือกับข้าโดยดี ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าเจ็บตัวมากนัก”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาด้วยท่าทางตื่นกลัว “ฮองเฮาทรงมีรับสั่งว่าห้ามใช้การทรมานกับข้า!”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ยิ้มตอบว่า “มีใครบ้างที่เข้ามาในกรมราชทัณฑ์แล้วจะไม่ถูกลงทัณฑ์ทรมาน“เพราะถึงอย่างไรกรมราชทัณฑ์ของพวกเรา ก็ถนัดเรื่องวิธีการทรมานนักโทษอยู่แล้ว ทว่าคนอื่นไม่มีทางมองออกหรอกว่าเจ้าโดนทำร้าย”เขาพูดขณะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของนาง แต่นางหันหลบแล้วถอยไปอีกฝั่งเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ที่คว้าได้เพียงความว่างเปล่าก็แสดงความไม่พอใจผ่านทางสายตาเขายื่นมือออกมาแล้วนวดนิ้วตัวเองเบาๆ แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะ “ดูเหมือนแม่นางเฟิ่งจะชอบดื่มสุราจับกรอกมากกว่าสุราคารวะ“ช่วยไม่ได้นะ เดี๋ยวข้าจะแสดงฝีมือให้เจ้าได้ประจักษ์เอง”เฟิ่งชูอิ่งลอบสังเกตเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เงียบๆ พบว่าอีกฝ่ายมองนางด้วยสายตากระลิ้มกะเหลี่ย พลันใจหายวาบเล็กน้อยก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินมาว่าพวกขันทีในวังหลวง เพราะอวัยวะบางส่วนในร่างกายขาดหายไม่
เฉี่ยวหลิงตอบเสียงสะอื้น “ข้าไม่เป็นไร ชินแล้วล่ะ ถึงเรื่องแบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน แต่อย่างน้อยๆ สองสามวันก็ต้องเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เพราะงั้นข้าชินชากับมันแล้วแหละ”นางเอ่ยจบก็ด่าทอว่า “เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย! พวกวิญญาณตายโหงอย่างข้าไม่มีสิทธิ์เวียนว่ายตายเกิดก็แล้วไปเถิด แต่นี่แม้แต่จะแก้แค้นยังทำไม่ได้เลย!”“ต้องทนมองศัตรูเดินไปเดินมาผ่านหน้าทุกวัน แต่กลับทำอะไรเขาไม่ได้เลย ไอ้สวรรค์เฮงซวย!”นางด่าจบก็หันมาวอแวกับเฟิ่งชูอิ่งต่อ “ข้าบอกเลยนะ คราวนี้เจ้าได้ตายของจริงแน่“นังสารเลวฮองเฮานั่นจิตใจโหดเหี้ยมจะตายไป นางไม่ยอมให้ว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่รอดชีวิตสักคน“ขันทีที่ทำงานในกรมราชทัณฑ์มีแต่พวกโรคจิตทั้งนั้น พวกเขาทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าชนิดที่เจ้าคาดคิดไม่ถึงเชียวแหละ”เฟิ่งชูอิ่งถาม “เลวทรามแค่ไหนล่ะ?”เฉี่ยวหลิงมองนางแล้วหัวเราะคิกคัก “อีกเดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง”แววตาของเฟิ่งชูอิ่งแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยถามนางอีกครั้ง “หากเจ้ามีโอกาสล้างแค้นคนชั่วพวกนั้น เจ้าจะคว้าเอาไว้ไหม?”เฉี่ยวหลิง “แน่นอนอยู่แล้วสิ แต่เมื่อกี้เจ้าก็เห็นไปแล้วนี่นา แค่ข้ามีจิตอาฆาตขึ้นมานิดเด
“นางกำนัลที่ถูกส่งตัวเข้ามา หากพวกเขามองว่านางไม่มีโอกาสกลับออกไป หรือต่อให้ได้กลับออกไปก็ไม่มีใครออกหน้าช่วยเหลือ ก็จะตกเป็นของเล่นของพวกเขาทั้งหมด”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ถกกางเกงลง แล้วนำของสิ่งนั้นสวมไว้ตรงบริเวณหว่างขาเสียงหัวเราะหื่นกระหายดังกระหึ่มยิ่งกว่าเก่า มีขันทีผู้หนึ่งเอ่ยว่า “ใต้เท้า นางกำนัลคนนี้ไม่เห็นจะน่าสนุกเลย ท่านมิสู้ไปเล่นสนุกกับแม่นางเฟิ่งโดยตรงล่ะ”“อย่างไรเสียนางก็จะต้องตายอยู่แล้ว อ๋องฉู่ก็เป็นแค่ขยะไร้ค่า ไม่มีเวลามาสนใจนางหรอกขอรับ”“ข้ายังได้ยินมาว่านางเป็นแค่เด็กกำพร้า โดนลุงแท้ๆ มัดมือชกให้กลายเป็นว่าที่พระชายาของอ๋องฉู่”“คนแบบนาง อยากจะเล่นสนุกแค่ไหนก็ย่อมได้ ต่อให้พลั้งมือฆ่าตายก็ไม่มีใครออกหน้าแทนนางหรอก”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คิดว่าคำพูดของพวกเขามีเหตุผลมาก จึงถามว่า “ลงกลอนประตูใหญ่ของกรมราชทัณฑ์หรือยัง?”ขันทีคนหนึ่งเอ่ยตอบ “ปิดเรียบร้อยแล้วขอรับ ประตูกรมราชทัณฑ์ของพวกเราไม่เหมือนกับประตูของที่อื่นๆ“เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงดังรบกวนผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายในวัง ดังนั้นช่องว่างทั้งหมดจึงถูกอุดปิดอย่างแน่นหนา ต่อให้ข้างในนี้จะเกิดเรื่องวุ่นวายสักแค่ไหน
เฟิ่งชูอิ่งใช้เท้าเหยียบยอดหน้าของเขา ก่อนจะกดลงพื้นแล้วขยี้ไปมา หัวเราะเสียงใสว่า “แค่นี้ก็ถือว่าจองหองแล้วหรือ? เจ้าช่างความรู้ตื้นเขินเสียจริงเชียว!”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ “!!!!!”นับตั้งแต่เขารับหน้าที่ควบคุมดูแลกรมราชทัณฑ์ ก็ถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจในวังหลวงพอสมควรหากเป็นสถานการณ์โดยทั่วไป ไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาแน่นอน!เขาจึงคิดว่าเฟิ่งชูอิ่งกำลังหาเรื่องตายชัดๆ!เขาสบถอย่างโกรธเคือง “พวกเจ้ามัวยืนโง่อยู่ทำไมล่ะ? ยังไม่รีบมาลากตัวนังสารเลวนี่ออกไปอีก!”ทว่ากลับไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเขาเลยแม้แต่คนเดียวเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์พยายามหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะพบว่าลูกน้องทั้งหมดของเขากำลังยืนตาเหลือก คล้ายถูกอะไรบางอย่างบีบคอจนหายใจไม่ออก ภาพที่เห็นชวนอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย เขาจึงเอ่ยด้วยความตระหนกว่า “เจ้าทำอะไรกับพวกเขา?”คิ้วเรียวของเฟิ่งชูอิ่งกระดกขึ้นเล็กน้อย “ลองเดาสิ!”เฉี่ยวหลิงกระโดดมายืนตรงหน้าเฟิ่งชูอิ่งแล้วเอ่ยว่า “พวกเราไม่ถูกไอมังกรโจมตีจริงด้วย!“หมายความว่าวันนี้พวกเราก็ทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจเลยสิ?”ตอนที่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์สั่งให้ลูกน้องเข้าไปช่วย นางลองยื่นมือเข
เฟิ่งชูอิ่งยิ้มตาหยีใส่เขาแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็นใครงั้นหรือ? ขอคิดแปปนะ ตอนนี้ข้าน่าจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมให้คนที่ตายโดยไร้ความผิดกระมัง!”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ “......”ก่อนหน้านี้เขาคิดว่านางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอรังแกง่าย ตอนนี้เพิ่งจะเข้าใจว่านางนี่แหละ คนที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเขาประสานมือให้นาง “แม่นางเฟิ่ง ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แล้ว ได้โปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะนะ!”เฟิ่งชูอิ่งใช้หางตาเหล่มองเขาแล้วเอ่ยว่า “หากการขอโทษของเจ้าทำให้คนบริสุทธิ์ที่ตายไปฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ข้าก็อาจจะยอมยกโทษให้เจ้า“เจ้าจะลองดูสักหน่อยไหมล่ะ ว่าคนบริสุทธิ์ที่ตายไปพวกนั้นฟื้นคืนชีพได้หรือไม่?”เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ “......”เรื่องนั้นมันทำได้ที่ไหนกันเล่า!เฟิ่งชูอิ่งกล่าวต่อว่า “เมื่อครู่นี้เจ้ายังอวดเก่งอยู่เลย แล้วยังคิดจะทำเรื่องพรรค์นั้นกับข้าอีก?”“ในเมื่อจิตใจของเจ้ามันสกปรก ถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าจะช่วยทำให้มันสะอาดเอง”นางกล่าวจบก็หยิบมีดเลาะกระดูกเล่มหนึ่งออกมาจากบรรดาเครื่องมือทรมาน ก่อนจะแทงใส่บริเวณท้องน้อยของเขาเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ “!!!!!!”เขาแผดร้องเสียงหลง ดังก้อง
ทั้งที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนปราการที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ ชวนให้เขารู้สึกท้อแท้เหลือเกินทันใดนั้นเอง ประตูใหญ่ของกรมราชทัณฑ์ก็ถูกคนผู้หนึ่งถีบจนเปิดกว้าง คนที่อยู่หน้าประตูชักกระบี่แล้วเดินดุ่มๆ เข้ามาในกรมราชทัณฑ์ด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่านประกายคมกระบี่เล่มนั้นเปี่ยมจิตสังหารที่แสนอหังการ ฟันค่ายกลมายาที่พวกวิญญาณร้ายสร้างขึ้นมาจนพังพินาศเฟิ่งชูอิ่งและวิญญาณร้ายทั้งหมดหันกลับไปมองพร้อมกัน ก่อนจะเห็นจิ่งโม่เยี่ยยืนถือกระบี่อยู่หน้าประตูทางเข้าเขาในยามนี้สวมอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ สายลมยามราตรีกาลพัดชายอาภรณ์พลิ้วไหว เรือนผมสีน้ำหมึกปลิวไสว นัยน์ตาดอกท้อสีดำขลับทอประกายจิตสังหารอันโหดเหี้ยมหากมองเพียงภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนเทพเซียนที่ลงมายังแดนมนุษย์ แต่หากมองเข้าไปในแววตาของเขา จะพบว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสังหารผู้เบื่อหน่ายโลกตอนที่เขาทอดสายตามองเข้ามาด้านใน ความเกลียดชังและหงุดหงิดยังปรากฏให้เห็นชัดในแววตาทว่าตอนที่เขามองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าชัดๆ เขากลับชะงักไปเล็กน้อยเฟิ่งชูอิ่งที่มองเห็นเขาเผลอหยุดมือที่ตีกลองไปชั่วขณะ ทว่าวิญญาณร้ายที่ตีฆ้องกลับไม่ยอม