มู่จิ่วซีคิดถึงพิษเงาหอมนิโลบลขึ้นมา ถ้าหากคุณหญิงใหญ่ของอัครมหาเสนาบดีถูกจ้วงชิงเหมยวางยาพิษเงาหอมนิโลบล งั้นจ้วงชิงเหมยคนนี้ก็คือไส้ศึกของแคว้นเป่ยจิ้น งั้นจะปล่อยให้นางขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่ได้อย่างไร?หากไส้ศึกได้กลายเป็นคุณหญิงตราตั้งระดับหนึ่งขึ้นมา งั้นหลังจากนี้คงไม่ตบหน้าราชวงศ์อย่างเปิดเผยเลยหรอกเหรอ?พระพันปีหลวงก็ทรงแย้มสรวลให้กับท่าทีขึงขังของมู่จิ่วซี"เอาล่ะ เอาล่ะ เลิกคิดเรื่องของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเตือนเขาเอง แม่หนูไป๋ ไม่มีใครจะแย่งฐานะคุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลไป๋ของเจ้าไปได้ เจ้าวางใจเถอะ แต่ว่าท่านแม่ของเจ้าก็ไม่อยู่แล้ว งั้นหลังจากนี้เจ้าได้วางแผนไว้บางรึเปล่า?"ไป๋ชิงเมื่อได้ยินน้ำเสียงโอบอ้อมอารีย์ของพระพันปีหลวง นางก็รีบคุกเข่าและกล่าวขอร้องขึ้นมา : "หม่อมฉันหวังว่าพระพันปีหลวงจะทรงพระอนุญาตให้หม่อมฉันไว้ทุกข์ท่านแม่เป็นเวลาสามปีเจ้าคะ""สามีปี!" มู่จิ่วซีตกใจจนอุทานออกมาพร้อมกับรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูก "ไป๋ชิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?"ไป๋ชิงหันไปมองมู่จิ่วซีครู่หนึ่งพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเผือด : "พ่อข้าและป้าสะใภ้รองต้องการให้ข้าแต่งกับ
มู่จิ่วซีถลึงตาเบิกกว้างและกล่าวอย่างตกใจ : "ข้า ข้าทำอะไร? ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก?" นางหันไปมองแม่นมเฝิงและรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม"ไม่ได้ทำอะไรงั้นเหรอ แล้วทำไมท่านอ๋องหกถึงอยากสู่ขอเจ้าเป็นพระชายา? ถ้าไม่ใช่เพราะพระมเหสีเลี่ยวถูกขังอยู่ในจวน เกรงว่าก๋คงจะมาสู่สู่ขอแต่งงานกับพ่อของเจ้าแล้ว" พระพันปีหลวงทรงตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธพระมเหสีเลี่ยวคือเสด็จแม่ของท่านอ๋องหกโม่หยวนชิง"อะไรนะ?" มู่จิ่วซีตกตะลึงในสายตา นางจำได้ว่าเจ้าของร่างเดิมได้อยู่ที่โรงสุราและดื่มเยอะเกินไป ซึ่งตอนนั้นท่านอ๋องหกก็อยู่ติดกับโรงเหล้าแห่งนั้นท่านอ๋องหกมีอายุน้อยกว่าโม่จุนแค่ 4 ปี ปีนี้อายุเพียง 19 ใบหน้าของเขาหล่อเหลาโดดเด่น นิสัยร่าเริงดั่งชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยแสงตะวันมู่จิ่วซีตอนนั้นดื่มเยอะและก้ได้เข้าไปหยอกล้อท่านอ๋องหก อีกทั้งยังไปนั่งบนตัวของท่านอ๋องหก นางยังชิ้วจับคางเชิดหน้าของเขาขึ้นและบอกกับเขาว่าเขานั้นหล่อมาก จนในตอนท้ายท่านอ๋องหกก็เขินอย่างมากจนลุกหนีไปทำไมกับแค่เหตุการณ์นั้นเพียงครู่เดียว ท่านอ๋องหกถึงได้มาสู่ขอนางเสียได้?นี่คือเขาสมองกลับหรืออะไร?แม้แต่ท่านอ๋องผ
ภายในพระราชอุทยาน ไป๋ชิงก็กล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน : "จิ่วซี คุณหนูสามของตระกูลฉีนั้นวาดรูปเก่งมากนะ""ไม่ต้องกังวลเรื่องของข้า ข้าบอกแล้วว่าชนะได้ก็ต้องชนะได้ วันมะรืนเจ้าก็มาด้วยล่ะ มาเป็นกำลังใจให้ข้าด้วย" มู่จิ่วซีกุมไปที่มือของนางพร้อมกับยิ้มกล่าวสำหรับการที่ได้เป็นเพื่อนกับไป๋ชิง มู่จิ่วซีเองก็รู้สึกดีใจมาก ถึงแม้อาจไม่ถึงขั้นเปิดอกจริงใจพูดคุยกันได้ขนาดนั้น แต่มู่จิ่วซีก็ยอมที่จะให้โอกาสกับไป๋ชิง และก็เป็นการให้โอกาสตนเองเหมือนกัน ถึงอย่างไรสถานที่แบบนี้ นางเองก็ไม่มีเพื่อนแท้เลยสักคนจริงๆไป๋ชิงก็ดีใจขึ้นมาทันทีและก็กล่าว : "ได้ ถึงอย่างไรถ้าแพ้ขึ้นมาก็แค่เสียหน้า"มู่จิ่วซีรู้สึกเฉยชากับเรื่องที่คนอื่นรู้สึกว่านางจะต้องแข่งแพ้ แต่คราวนี้นางจะต้องกู้หน้าให้กับเจ้าของร่างเดิมให้ได้จริงๆ เพื่อระบายความโกรธแค้นของท่านพ่อด้วยแม้ว่านางจะไม่ได้สนใจชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้ แต่ในเมื่อท่านพ่อและพระพันปีหลวงล้วนชื่นชอบ งั้นนางก็จะยอมฝืนแสดงฝีมือที่แท้จริงสักตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไอพวกที่ชอบเอาแต่ชอบหาเรื่องมานาน จะได้เลิกคิดจริงๆ สักทีว่าตัวเองเป็นนางฟ้าที่สามารถดึงดูดใจผู้คนได้มู่จิ
พอโม่จุนพูดประโยคนี้ออกมา เขาก็อยากจะตีปากของตัวเอง ทำไมเขาถึงได้ปากร้ายเหมือนกับมู่จิ่วซีไปได้พอคนอยู่ด้วยกันไปนานๆ สนิทกัน ก็จะหลอมรวมเข้าหากันเองจริงๆ งั้นเหรอเหมือนกับสามีภรรยา?โม่จุนตะลึงตกใจ เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าในหัวจะกล้าคิดคำว่าสามีภรรยาสองคำนี้ขึ้นมาได้ อีกทั้งยังเป็นตอนที่อยู่ด้วยกันกับมู่จิ่วซีอีกในหัวของเขาพักนี้มีแต่มู่จิ่วซีเต็มหัวไปหมด เขาแทบจะเกือบถูกนางทำให้หลงจนโงหัวแทบไม่ขึ้นแล้ว"ทำผิดก็ยอมรับ ฮิฮิ แต่ว่านะโม่จุน วันนี้เจ้าหล่าเหลาดูดีมากจริงๆ" มู่จิ่วซียิ้มพร้อมกับยักไหล่ จนความเขินอายได้คลายลงในใจของโม่จุนถึงกับเต้นกระตุก เขาแหงนหน้าหันไปมองนาง แต่ก็กลับเห็นเพียงแค่ความจริงใจในสายตาของนาง ไม่เหมือนกับคนโกหก ในใจของเขาก็แอบมีความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาเล็กๆ จากนั้นริมฝีปากของเขาก็อดที่จะปากร้ายขึ้นมาไม่ได้"เทียบกับฮั้วอวิ๋นเทียนล่ะ?" โม่จุนพอพูดจบก็อยากจะตบปากของตัวเองอีกครั้งมู่จิ่วซีก็ตะลึงค้างไป จากนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นมาอย่างไพเราะจนทำให้โม่จุนถึงโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและหูแดงไปหมด"เจ้ากับฮั้วอวิ๋นเทียนก็ล้วนดูดีทั้งคู่ ใบหน้าสมส่วน แต่พวกเจ้าท
โม่จุนก็เดินมาหาทางด้านของรองหัวหน้าทหารรักษาพระองค์พร้อมกับพูดคุย แต่ว่าดวงตาของเขายังคงเหลือบมองรถม้าที่อยู่ตรงประตูอยู่่เป็นครั้งคราวราวกับว่าในรถม้ามีของสำคัฯของเขา ราวกับว่าไม่อยากให้รถม้านั้นคลาดสายตาเขาไปหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม มู่จิ่วซีก็ยังไม่ตื่น เย่ฮานอดทนต่อไปไม่ไหวเลยเดินเข้าไปและพูดเสียงเบา : "คุณหนู คุณหนูใหญ่"คราวนี้มู่จิ่วซีรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและก็นั่งจนหลังตรง"ถึงแล้วหรอ?" สามคำที่มู่จิ่วซีพูดออกมาทำให้มุมปากของเย่ฮานถึงกับยิ้มกระตุก"คุณหนูใหญ่พวกเรามาถึงได้หนึ่งชั่วยามแล้วขอรับ"มู่จิ่วซีก็รีบเปิดประตูลงมาจากรถม้าละกล่าว : "ถึงตั้งนานแล้วเหรอ? แล้วทำไมไม่เรียกข้า?""ท่านผู้สำเร็จราชการแทนให้ท่านนอนอีกสักหน่อยขอรับ" เย่ฮานมองมู่จิ่วซีด้วยสายตาแปลกๆมู่จิ่วซีเลิกคิ้วขึ้นมาทันใด เพียงนางหันไปก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนซึ่งอยู่ใต้ชายคาตอนนี้แววตาอันลึกล้ำทั้งสองข้างของโม่จุนก็ได้มองนางอย่างลึกซึ้งเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็รีบถวายความเคารพมู่จิ่วซี ในใจของแต่ละคนก็รู้สึกสงสัยคุณหนูใหญ่มู่คนนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งถูกท่านผู้สำเร็จราชการแทนถอนหมั้นไปหรอกเหรอ? ท
มู่จิ่วซีก็แอบพูดในใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นยอดฝีมือด้านการแสดงเลยนะเนี่ย"ยินดีที่ได้พบเช่นกันสนมเอกสาม" มู่จิ่วซีย่อตัวลงมาเซียวหลิงเย่ว์ก็รีบหันไปมองโม่จุนและยิ้มกล่าว : "ท่านผู้สำเร็จราชการแทนวันนี้มาหาด้วยธุระเรื่อง?"โม่จุนก็สลายบรรยากาศเย็นชารอบตัว : "พี่สะใภ้ท่านอ๋องสาม ข้ามาเพื่ออยากพบเสด็จพี่สาม"เซียวหลิงเย่ว์ตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวขึ้นมาทันที : "ท่านอ๋องนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ ทั้งสองท่านเชิญด้านนี้" ขณะกล่าวนางก็ทำท่าผายมือเชิญ"นั่งสมาธิ?" มู่จิ่วซีอีกนิดก็เกือบจะหลุดขำออกมา นี่คือกำลังสำนึกผิดอยู่อย่างงั้นเหรอ?"คงทำให้คุณหนูใหญ่มู่ต้องขบขันหัวเราะเลยสินะ ท่านอ๋องสามปกติแล้วไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องทำ จึงได้แต่นั่งสมาธิเป็นครั้งคราว เพื่อสำนึกผิดกับสิ่งที่ตนเองทำไปในตอนนั้น"ประโยคคำพูดนี้ของเซียวหลิงเย่ว์ยิ่งตอกย้ำควมคิดของมู่จิ่วซี นี่เรื่องจริงงั้นเหรอ?"เห้อ ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ตอนนั้นก็ไม่ควรเลย" มู่จิ่วซีเองก็เห็นใจมากและก็หันไปมองโม่จุนครู่หนึ่งที่ซึ่งเขาพูดน้อยมากเซียวหลิงเย่ว์ก็กล่าวต่อพร้อมกับใบหน้าที่กระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย : "คุณหนูใหญ่มู
"ข้าไม่ได้บอกว่าพวกเจ้ามีอะไรกัน แต่ว่าแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าเจ้ามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับโม่จุน เพราะว่าเจ้าอิจฉาและอยากจะฆ่าข้า พูดแบบนี้พอจะเข้าเค้าไหม?""คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าอย่าโยนขี้ใส่คนอื่นดีกว่า ข้าตอนนี้เป็นถึงสนมเอกสาม ข้าจะไปมีความรู้สึกกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ยังไง หรือว่าใครที่ชอบโม่จุน ข้าล้วนต้องฆ่าทุกคนเลยงั้นเหรอ?" เซียวหลิงเย่ว์โกรธจัดจนหน้าแดงขึ้นมา"ได้ ถือว่าเหตุผลเจ้าพอฟังขึ้น งั้นเซียวเจี้ยนล่ะ? เซียวเจี้ยนได้จ้างฉีฟั่งมาฆ่าข้า เรื่องนี้เจ้าคงจะไม่มีทางไม่รู้สินะ?" มู่จิ่วซีเริ่มพูดต้อนให้จนมุมเซียวหลิงเย่ว์สีหน้าซีดเผือดพร้อมกับกล่าว : "ข้า ข้าไม่รู้จริงๆ ที่ตระกูลเซียวไม่มีใครแล้ว นี่เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร""สนมเอกสาม เลิกเสแสร้งเถอะ หากข้าไม่มีข้อมูล ข้าจะพูดถึงเซียวเจี้ยนรึ? อย่างที่คาดไว้ เขาคงเพิ่งมาหาเจ้าได้ไม่นานสินะ" สายตาอันแหลมคมของมู่จิ่วซีก็มองไปจ้องไปที่นาง"เจ้าพูดไร้สาระ เซียวเจี้ยนตายไปตั้งนานแล้ว เขาจะมาหาข้าได้ยังไง คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดมั่วซั่วดีกว่า จวนอ๋องสามน่าเวทนามากพออยู่แล้ว เจ้าไม่เห็นใจเลยเหรอไง?" เซีย
มู่จิ่วซีก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์โกรธจนนางกุมแขนเสื้อทั้งสองข้างยับเละไปหมด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค : "จำไว้ว่าข้าจะจับตาดูเจ้า เจ้าอย่าได้ทำพลาดเชียวล่ะ"ขณะมู่จิ่วซีพูดก็หันหลังเดินจากไป แต่ว่านางไม่ได้เดินออกไปข้างนอก แต่กลับด้านเข้าไปด้านในแทน"เรือนท่านอ๋องสามอยู่ที่ไหน สนมเอกสามไม่นำทางให้หน่อยเหรอ?" มู่จิ่วซีเดินไปพลางพร้อมกับตะโกนไปพลางเซียวหลิงเย่ว์ที่อยู่ในศาลากลับมีแววตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น นางอดไม่จนอยากจะจับนางมู่จิ่วซีหักหลังทิ้งนางพยายามหายใจเข้าลึกๆ อย่างสุดชีวิต นางถึงจะสงบลงมาได้ จากนั้นก็รีบเดินตามไปพอนางเดินตามมู่จิ่วซีทัน จู่ๆ ตรงหน้าก็เห็นชายเสื้อคลุมสีฟ้าราวกับน้ำแข็งตรงมุมเลี้ยวของทางเดิน เซียวหลิงเย่ว์ก็ใจหายวาบ ตอนที่นางรีบเดินไปอยู่ข้างกายของมู่จิ่วซี เนื่องจากทางเดินที่เล็ก ดังนั้นไหล่ก็เลยเบียดสีกันพักหนึ่ง"ว๊าย" เซียวหลิงเย่ว์ร้องตกใจออกมา นางกระโจนล้มคะมำไปกองกับกับพื้นทั้งตัวจากนั้นมือทั้งสองข้างของนางก็ถูกหินข้างทางบาดถลอก ฝ่ามือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลซิบมู่จิ่วซีเมือ่ครู่ก็อยากจะหลีกทางให้ แต่นางไม่จำเป็นต้องมากลั
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่