มู่จิ่วซีก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์โกรธจนนางกุมแขนเสื้อทั้งสองข้างยับเละไปหมด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค : "จำไว้ว่าข้าจะจับตาดูเจ้า เจ้าอย่าได้ทำพลาดเชียวล่ะ"ขณะมู่จิ่วซีพูดก็หันหลังเดินจากไป แต่ว่านางไม่ได้เดินออกไปข้างนอก แต่กลับด้านเข้าไปด้านในแทน"เรือนท่านอ๋องสามอยู่ที่ไหน สนมเอกสามไม่นำทางให้หน่อยเหรอ?" มู่จิ่วซีเดินไปพลางพร้อมกับตะโกนไปพลางเซียวหลิงเย่ว์ที่อยู่ในศาลากลับมีแววตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น นางอดไม่จนอยากจะจับนางมู่จิ่วซีหักหลังทิ้งนางพยายามหายใจเข้าลึกๆ อย่างสุดชีวิต นางถึงจะสงบลงมาได้ จากนั้นก็รีบเดินตามไปพอนางเดินตามมู่จิ่วซีทัน จู่ๆ ตรงหน้าก็เห็นชายเสื้อคลุมสีฟ้าราวกับน้ำแข็งตรงมุมเลี้ยวของทางเดิน เซียวหลิงเย่ว์ก็ใจหายวาบ ตอนที่นางรีบเดินไปอยู่ข้างกายของมู่จิ่วซี เนื่องจากทางเดินที่เล็ก ดังนั้นไหล่ก็เลยเบียดสีกันพักหนึ่ง"ว๊าย" เซียวหลิงเย่ว์ร้องตกใจออกมา นางกระโจนล้มคะมำไปกองกับกับพื้นทั้งตัวจากนั้นมือทั้งสองข้างของนางก็ถูกหินข้างทางบาดถลอก ฝ่ามือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลซิบมู่จิ่วซีเมือ่ครู่ก็อยากจะหลีกทางให้ แต่นางไม่จำเป็นต้องมากลั
"เอาเถอะ เจ้าเองไม่ได้บอกหรอกหรือว่าระหว่างเจ้ากับนางไม่ได้มีอะไร? เจ้าจะโกรธอะไรขนาดนี้เนี่ย!" มู่จิ่วซีกล่าว "ข้าจงใจทำให้นางโมโห ขอเพียงนางแค้นข้าเข้ากระดูกดำ นางก็ถึงจะลงมือกับข้า ข้าก็จะได้มัโอกาสจับนางคาหนังคาเขา ให้เจ้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง"ถ้ามู่จิ่วซีก่อนหน้านี้ไม่ได้มั่นใจ งั้นเซียวหลิงเย่ว์ที่แกล้งทำเป็นล้มก็ได้ถือว่าเป็นการพิสูจน์แล้ว"แล้วถ้าไม่ใช่นางล่ะ!" โม่จุนกัดฟันพูด"ถ้านางไม่ได้มีส่วนรู้เห็น งั้นเจาก็มาตัดหัวข้าเอาไปทำเป็นเก้าอี้นั่งได้เลย โม่จุน สายตาที่เจ้ามองวิเคราะห์ผู้หญิงเทียบไม่ได้กับข้าหรอก" มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะออกมา พอพูดจบนางก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันทีโม่จุนตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาไม่เจ้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมมู่จิ่วซีถึงได้มั่นใจขนาดนี้ ในเมื่อนางรับประกันขนาดนี้แล้ว นั่นชัดแล้วว่านางรู้สึกว่าเซียวหลิงเย่ว์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอนเขาหันหน้ากลับไปมองภายในเรือนด้านนั้นก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์กำลังพิงเสาและมองมาทางด้านนี้ แววตาของนางทั้งสองข้างแฝงไปด้วยความแค้นที่อยู่ลึกในใจ พอเห็นเขามองมาที่นางเอง นางก็เผยยิ้มบางๆ ออกมาโม่จุนก็พยักหน้าให้นาง
มู่จิ่วซีก็เบิกตาโพลงกว้าง นางมองไปที่ใบหน้าของโม่จุนด้วยความไม่เชื่อ ใบหน้านั้นเข้ามาใกล้จนขยายใหญ่จนสามารถมองเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของเขาผู้ชายคนนี้จูบนางอย่างงั้นเหรอ?นี่มันวิธีการอะไร?ส่วนโม่จุนเองก็ถลึงตาทั้งสองข้างจนกว้างเช่นเดียวกันและมองไปยังแววตาที่ตื่นตระหนักของมู่จิ่วซี ในหัวของเขาพร่ามัวไปหมด นี่เขาทำอะไรลงไป?นึกไม่ถึงว่าเขาจะจูบผู้หญิงคนนี้ผู้หญิงคนที่เขาเพิ่งถอนหมั้นไปสองสายตาสอดประสานห่างกันเพียงแค่คืบ พวกเขาต่างมองเห็นความคาดไม่ถึงของดวงตาอีกฝ่ายส่วนเย่ฮานและอานเย่ที่ตามมาอย่างติดๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นก็กลับไม่ได้ยินเสียงในรถม้าเลยแม้แต่น้อย จนทั้งสองถึงกับสะดุ้งไม่ใช่ว่าท่านอ๋องฆ่าคุณหนูใหญ่มู่ไปแล้วหรอกนะ"คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋อง..." เย่ฮานถึกับอยากจะร้องไห้ออกมา เขาอดไม่ไหวที่จะต้องส่งเสียงเรียกเสียงนั้นทำให้คนทั้งสองที่ปากประกบกันและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนนุ่มของริมฝีปากอีกฝ่ายต้องผลักแยกออกจากกันในทันทีแน่นอนว่าโม่จุนรีบลุกขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก เขาหันหลังและหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ จากนั้นก็ถอนหายใจใช่แล้วล่ะ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงศ
"ฮิฮิ ก็ไม่ยังไงทั้งนั้น แค่จูบข้าอีกสักจูบก็พอ" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็อยากจะตะครุบเขาโม่จุนตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน พริบตาเขาก็กระโจนไปอยู่อีกฝั่งของรถม้าราวกับว่าต่อให้เขาถูกตีจนตายก็จะไม่ยอมจูบมู่จิ่วซี"ให้ตายเถอะ โม่จุน นี่เจ้าจะเกินไปแล้วไหม ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น นี่เจ้ารังเกียจข้าขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเดิมทีก็แค่หยอกล้อเขาเล่น ตอนนี้ความภาคภูมิใจตนเองของเขาคงจะถูกทำลายไปแล้วพริบตามือสองข้างของมู่จิ่วซีก็เท้าสะเอว คล้ายกับแม่เสือเฒ่าที่ถลึงตามองโม่จุน"10,000! 10,000! ตำลึง" โม่จุนรีบตะโกนออกมา""ตกลง!" สีหน้าของมู่จิ่วซีเปลี่ยนไปในทันที นางยื่นมือออกไปคว้าเขาแล้วพูด "ถ้าให้ 10,000 ตำลึงตั้งแต่แรกก็ไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่หรือไง? แต่ว่านะโม่จุน เจ้าก็ยังได้กำไรอยู่ดี แม้ว่าชื่อเสียงข้าจะไม่ได้ดี แต่นี่ก็เป็นจูบแรกของข้า 10,000 ตำลึงที่จ่ายมา เจ้าไม่ขาดทุนแน่!"ข้าเองก็ครั้งแรก งั้น 10,000 ตำลึงนั่นไม่ต้องจ่ายได้ไหม" โม่จุนรีบพูดขึ้นมา พอเขาพูดจบ เขาก็รู้ตัวในทันทีว่าทำพลาดไปมหันต์ พริบตาเขาก็เปิดประตูรถม้าและพุ่งทะยานออกไปทันที"ฮาฮาฮา..." ภายในรถม้า มู่จิ่วซีหัวเราะจนแทบกลิ้
มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองไปที่มู่เจินจู ฮูหยินใหญ่เองก็มองไปที่นางอย่างตกใจมู่เจินจูถึงกับหน้าแดงขึ้นมาและรีบเอ่ย : "ข้า ข้าแค่ได้ยินมาน่ะ...""มู่เจินจู เจ้าคิดอยากให้ท่านแม่ของข้าตายใช่ไหม พอป้าสะใภ้รองได้ขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่แล้ว เจ้าก็จะได้กลายเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนแม่ทัพมู่สินะ?"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้มู่เจินจูตกใจจนต้องลงไปคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมา"พี่หญิงใหญ่ ข้าก็แค่ถามไปงั้นเจ้าคะ อย่าคิดมากเลยเจ้าคะ ท่านป้าดีกับข้าขนาดนี้ ข้าจะคิดอัปมงคลเช่นนั้นได้อย่างไร""ทางที่ดีเจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิด ยิ่งคิดชั่วมากเท่าไหร่ เวรกรรมมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น! ไสหัวไป! อย่ามาอยู่ที่นี่ให้ขวางตาอีก" มู่จิ่วซีไล่นางอย่างกับไล่แมลงวันมู่เจินจูถึงกับร้องไห้และรีบเดินจากไปทันที ฮูหยินใหญ่มองมู่จิ่วซีที่โมโหและก็ได้แต่ถอนหายใจ"ท่านแม่ ท่านเองก็เห็นแล้ว นี่ขนาดท่านยังไม่เป็นอะไรไป นางก็คิดเรื่องพวกนี้แล้ว คิดบ้าอะไรก็ไม่รู้" มู่จิ่วซีมองอย่างดูถูกนี่ถ้าป้าสะใภ้รองเรียกมู่เจินจูมาถาม งั้นนางเองก็คงจะดูถูกลู่เวยหย่ามากเกินไป คงจะเป็นนางสมองพิการมู่เจินจูมาถามเองมากกว่า"เจ้าก็
ด้านหลังของใต้เท้าฉีเลขาธิการแห่งกระทรวงราชทัณฑ์ก็มีคุณหนูสามของตระกูลฉีที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไป นางมีนามว่าฉีหงเย่และก็ยังมีแม่หม้ายฉีเล่อฉี่ที่เป็นน้องสาวของเขาสองฝ่ายเมื่อเจอหน้ากัน แน่นอนว่ามู่เทียนซิงและฉีหู่ซานก็ทักทายกันอย่างเป็นกันเอง เหล่าหญิงสาวของจวนมู่ก็ย่อตัวเคารพทักทาย"มู่จิ่วซี คราวนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากที่ให้ข้าชนะได้เงินเดิมพัน" ฉีเล่อฉี่พอเห็นมู่จิ่วซีก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นในดวงตา จนเขาพูดเหน็บแนมจิกกัดออกมาทันที"ฉีเล่อฉี่ นี่ท่านวางเงินพนันแทงว่าข้าแพ้ไปเท่าไหร่ล่ะ?" มู่จิ่วซียิ้มออกมาอย่างสบายใจ"100,000 ตำลึง! เดี๋ยวพอข้าออกจากวังไปก็ได้แล้ว 200,000 ตำลึง! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ" ฉีเล่อฉี่ราวกับได้ระบายความแค้นออกมา"อย่าเพิ่งขอบคุณข้าเร็วไปนัก ข้าเกรงว่าเดี๋ยวอีกสักพักพวกเจ้าคงจะต้องร้องไห้มากกว่า" มู่จิ่วซีหันไปมองคุณหนูสามของตระกูลฉีที่อยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำฉีหงเย่คือลูกสาวฮูหยินใหญ่ฉี นางเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนฉีตั้งแต่เล็กนางได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี หน้าตาอยู่ในระดับดี เป็นคนดูเงียมครึมและดูห่างเหิน ฉินหมากอักษรภาพวาดล้วนแตกฉานทุก
มู่จิ่วซีเหมือนยังอยากจะพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่นางกลับถูกมู่เทียนซิงส่งเสียงตวาด นางจึงได้แต่มององค์หญิงเหวินซิงด้วยตาปริบๆ และทำตัวเชื่อฟังขึ้นมาทันทีองค์หญิงเหวินซิงแต่ก่อนรังเกียจมู่จิ่วซีมาก แต่ตอนนี้ได้นางพบว่าผู้หญิงคนนี้ก็พอจะเข้ากับนางได้ความคิดของมู่จิ่วซีตอนนี้เรียบง่ายและเถรตรง นางคิดว่าถ้านางไม่กอดขาขององค์หญิง นางก็โง่แล้วไหม? ต่อให้เป็นองค์หญิงที่น่าสังเวช แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงที่มีอำนาจมากว่าคนธรรมดาอยู่ดีมีเพื่อนมากย่อมมีหนทางมาก องค์หญิงเหวินซิงก็แค่เจ้าชู้มากไปหน่อยก็เท่านั้น อันที่จริงเดิมทีนิสัยนางก็ไม่เลว อีกอย่างการเจ้าชู้ในต่างโลกแบบนี้ที่ซึ่งมีหอนางโลมให้ประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมาย พอเป็นแบบนี้ยังจะไปตัดสินอะไรคนอื่นได้อีกพูดให้ชัดก็คือแค่รสนิยมความชอบส่วนตัวก็เท่านั้น มู่จิ่วซีราชินีแห่งราตรีคนนี้เปิดกว้างอย่างมากกับเรื่องพวกนี้เมื่อมาถึงพระราชอุทยาน ทุกคนก็ถึงได้รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ นอกจากทหารรักษาพระองค์ บ่าวรับใช้ ข้ารับใช้พวกนี้แล้ว จักรพรรดิองค์น้อยและพระพันปีหลวงก็อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีมหาราชครูอีกสองท่านที่น่านับถือและเหล่าองคมนตรีที่ไม่
นางสารเลวคนนี้คงจะล่อลวงท่านอ๋องหกอยู่แน่ ท่านอ๋องหกถึงได้หลงนางขนาดนั้นพระพันปีหลวงหลังจากส่งเสียงกระแอมไอออกมา เสียงของผู้คนที่พูดคุยทักทายก็หยุดลง จากนั้นก็ทยอยนั่งลงตรงที่นั่งที่ได้เตรียมไว้อย่างดีล่วงหน้าเบื้องหน้าของมู่จิ่วซีมีโต๊ะกลมอยู่ประมาน 10 ตัวได้ บนโต๊ะนั้นล้วนมีน้ำชาและขนมของหวาน นี่มันงานเลี้ยงอาหารหรือว่ามาชมการแสดงลิงกายกรรมกันแน่ท่านแม่ของนางเองได้ไปหาพระพันปีหลวง มู่จิ่วซีมองทั้งสองคนคุยกันอย่างอารมณ์ดี แต่ว่านางมองไปมองมาแล้วกลับไม่เจอคนของจวนอัครมหาเสนาบดี นั่นเลยทำให้นางถึงกับขมวดคิ้วเนื่องจากนางบอกให้ไป๋ชิงให้มาดูนางแข่งขัน แต่ทำไมนางถึงยังไม่มา?ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีก็ไม่มา มีบางอย่างผิดปกติแล้วมู่จิ่วซีโน้มตัวเข้าใกล้มู่เจินจูและกล่าวเสียงเบา : "น้องหญิงรอง ช่วยข้าไปถามที่จวนอัครมหาเสนาบดีดีว่าทำไมถึงไม่มีใครมา คุณหนูใหญ่ไป๋ชิงเดิมทีบอกว่าจะมา นี่มันแปลกทะแม่งๆ เรื่องนี้เจ้าพอช่วยทำให้ข้าได้ไหม?"มู่เจินจูไม่คาดคิดว่ามู่จิ่วซีจะใช้มอบหมายให้นางทำงานให้ นางดีใจขึ้นมาในทันทีและพยักหน้า ราวกับว่านางได้โอกาสที่จะแสดงฝีมือ : "ข้าจะแอบไปถามให้ตอนนี้เลย"
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่