"ข้าไม่ได้บอกว่าพวกเจ้ามีอะไรกัน แต่ว่าแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าเจ้ามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับโม่จุน เพราะว่าเจ้าอิจฉาและอยากจะฆ่าข้า พูดแบบนี้พอจะเข้าเค้าไหม?""คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าอย่าโยนขี้ใส่คนอื่นดีกว่า ข้าตอนนี้เป็นถึงสนมเอกสาม ข้าจะไปมีความรู้สึกกับท่านผู้สำเร็จราชการแทนได้ยังไง หรือว่าใครที่ชอบโม่จุน ข้าล้วนต้องฆ่าทุกคนเลยงั้นเหรอ?" เซียวหลิงเย่ว์โกรธจัดจนหน้าแดงขึ้นมา"ได้ ถือว่าเหตุผลเจ้าพอฟังขึ้น งั้นเซียวเจี้ยนล่ะ? เซียวเจี้ยนได้จ้างฉีฟั่งมาฆ่าข้า เรื่องนี้เจ้าคงจะไม่มีทางไม่รู้สินะ?" มู่จิ่วซีเริ่มพูดต้อนให้จนมุมเซียวหลิงเย่ว์สีหน้าซีดเผือดพร้อมกับกล่าว : "ข้า ข้าไม่รู้จริงๆ ที่ตระกูลเซียวไม่มีใครแล้ว นี่เจ้ากำลังพูดไร้สาระอะไร""สนมเอกสาม เลิกเสแสร้งเถอะ หากข้าไม่มีข้อมูล ข้าจะพูดถึงเซียวเจี้ยนรึ? อย่างที่คาดไว้ เขาคงเพิ่งมาหาเจ้าได้ไม่นานสินะ" สายตาอันแหลมคมของมู่จิ่วซีก็มองไปจ้องไปที่นาง"เจ้าพูดไร้สาระ เซียวเจี้ยนตายไปตั้งนานแล้ว เขาจะมาหาข้าได้ยังไง คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดมั่วซั่วดีกว่า จวนอ๋องสามน่าเวทนามากพออยู่แล้ว เจ้าไม่เห็นใจเลยเหรอไง?" เซีย
มู่จิ่วซีก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์โกรธจนนางกุมแขนเสื้อทั้งสองข้างยับเละไปหมด จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค : "จำไว้ว่าข้าจะจับตาดูเจ้า เจ้าอย่าได้ทำพลาดเชียวล่ะ"ขณะมู่จิ่วซีพูดก็หันหลังเดินจากไป แต่ว่านางไม่ได้เดินออกไปข้างนอก แต่กลับด้านเข้าไปด้านในแทน"เรือนท่านอ๋องสามอยู่ที่ไหน สนมเอกสามไม่นำทางให้หน่อยเหรอ?" มู่จิ่วซีเดินไปพลางพร้อมกับตะโกนไปพลางเซียวหลิงเย่ว์ที่อยู่ในศาลากลับมีแววตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น นางอดไม่จนอยากจะจับนางมู่จิ่วซีหักหลังทิ้งนางพยายามหายใจเข้าลึกๆ อย่างสุดชีวิต นางถึงจะสงบลงมาได้ จากนั้นก็รีบเดินตามไปพอนางเดินตามมู่จิ่วซีทัน จู่ๆ ตรงหน้าก็เห็นชายเสื้อคลุมสีฟ้าราวกับน้ำแข็งตรงมุมเลี้ยวของทางเดิน เซียวหลิงเย่ว์ก็ใจหายวาบ ตอนที่นางรีบเดินไปอยู่ข้างกายของมู่จิ่วซี เนื่องจากทางเดินที่เล็ก ดังนั้นไหล่ก็เลยเบียดสีกันพักหนึ่ง"ว๊าย" เซียวหลิงเย่ว์ร้องตกใจออกมา นางกระโจนล้มคะมำไปกองกับกับพื้นทั้งตัวจากนั้นมือทั้งสองข้างของนางก็ถูกหินข้างทางบาดถลอก ฝ่ามือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลซิบมู่จิ่วซีเมือ่ครู่ก็อยากจะหลีกทางให้ แต่นางไม่จำเป็นต้องมากลั
"เอาเถอะ เจ้าเองไม่ได้บอกหรอกหรือว่าระหว่างเจ้ากับนางไม่ได้มีอะไร? เจ้าจะโกรธอะไรขนาดนี้เนี่ย!" มู่จิ่วซีกล่าว "ข้าจงใจทำให้นางโมโห ขอเพียงนางแค้นข้าเข้ากระดูกดำ นางก็ถึงจะลงมือกับข้า ข้าก็จะได้มัโอกาสจับนางคาหนังคาเขา ให้เจ้าได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง"ถ้ามู่จิ่วซีก่อนหน้านี้ไม่ได้มั่นใจ งั้นเซียวหลิงเย่ว์ที่แกล้งทำเป็นล้มก็ได้ถือว่าเป็นการพิสูจน์แล้ว"แล้วถ้าไม่ใช่นางล่ะ!" โม่จุนกัดฟันพูด"ถ้านางไม่ได้มีส่วนรู้เห็น งั้นเจาก็มาตัดหัวข้าเอาไปทำเป็นเก้าอี้นั่งได้เลย โม่จุน สายตาที่เจ้ามองวิเคราะห์ผู้หญิงเทียบไม่ได้กับข้าหรอก" มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะออกมา พอพูดจบนางก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันทีโม่จุนตกตะลึงยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาไม่เจ้าใจอยู่เล็กน้อยว่าทำไมมู่จิ่วซีถึงได้มั่นใจขนาดนี้ ในเมื่อนางรับประกันขนาดนี้แล้ว นั่นชัดแล้วว่านางรู้สึกว่าเซียวหลิงเย่ว์ไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอนเขาหันหน้ากลับไปมองภายในเรือนด้านนั้นก็เห็นเซียวหลิงเย่ว์กำลังพิงเสาและมองมาทางด้านนี้ แววตาของนางทั้งสองข้างแฝงไปด้วยความแค้นที่อยู่ลึกในใจ พอเห็นเขามองมาที่นางเอง นางก็เผยยิ้มบางๆ ออกมาโม่จุนก็พยักหน้าให้นาง
มู่จิ่วซีก็เบิกตาโพลงกว้าง นางมองไปที่ใบหน้าของโม่จุนด้วยความไม่เชื่อ ใบหน้านั้นเข้ามาใกล้จนขยายใหญ่จนสามารถมองเห็นรูขุมขนบนใบหน้าของเขาผู้ชายคนนี้จูบนางอย่างงั้นเหรอ?นี่มันวิธีการอะไร?ส่วนโม่จุนเองก็ถลึงตาทั้งสองข้างจนกว้างเช่นเดียวกันและมองไปยังแววตาที่ตื่นตระหนักของมู่จิ่วซี ในหัวของเขาพร่ามัวไปหมด นี่เขาทำอะไรลงไป?นึกไม่ถึงว่าเขาจะจูบผู้หญิงคนนี้ผู้หญิงคนที่เขาเพิ่งถอนหมั้นไปสองสายตาสอดประสานห่างกันเพียงแค่คืบ พวกเขาต่างมองเห็นความคาดไม่ถึงของดวงตาอีกฝ่ายส่วนเย่ฮานและอานเย่ที่ตามมาอย่างติดๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นก็กลับไม่ได้ยินเสียงในรถม้าเลยแม้แต่น้อย จนทั้งสองถึงกับสะดุ้งไม่ใช่ว่าท่านอ๋องฆ่าคุณหนูใหญ่มู่ไปแล้วหรอกนะ"คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋อง..." เย่ฮานถึกับอยากจะร้องไห้ออกมา เขาอดไม่ไหวที่จะต้องส่งเสียงเรียกเสียงนั้นทำให้คนทั้งสองที่ปากประกบกันและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนนุ่มของริมฝีปากอีกฝ่ายต้องผลักแยกออกจากกันในทันทีแน่นอนว่าโม่จุนรีบลุกขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก เขาหันหลังและหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ จากนั้นก็ถอนหายใจใช่แล้วล่ะ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่สูงศ
"ฮิฮิ ก็ไม่ยังไงทั้งนั้น แค่จูบข้าอีกสักจูบก็พอ" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็อยากจะตะครุบเขาโม่จุนตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน พริบตาเขาก็กระโจนไปอยู่อีกฝั่งของรถม้าราวกับว่าต่อให้เขาถูกตีจนตายก็จะไม่ยอมจูบมู่จิ่วซี"ให้ตายเถอะ โม่จุน นี่เจ้าจะเกินไปแล้วไหม ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น นี่เจ้ารังเกียจข้าขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีเดิมทีก็แค่หยอกล้อเขาเล่น ตอนนี้ความภาคภูมิใจตนเองของเขาคงจะถูกทำลายไปแล้วพริบตามือสองข้างของมู่จิ่วซีก็เท้าสะเอว คล้ายกับแม่เสือเฒ่าที่ถลึงตามองโม่จุน"10,000! 10,000! ตำลึง" โม่จุนรีบตะโกนออกมา""ตกลง!" สีหน้าของมู่จิ่วซีเปลี่ยนไปในทันที นางยื่นมือออกไปคว้าเขาแล้วพูด "ถ้าให้ 10,000 ตำลึงตั้งแต่แรกก็ไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่หรือไง? แต่ว่านะโม่จุน เจ้าก็ยังได้กำไรอยู่ดี แม้ว่าชื่อเสียงข้าจะไม่ได้ดี แต่นี่ก็เป็นจูบแรกของข้า 10,000 ตำลึงที่จ่ายมา เจ้าไม่ขาดทุนแน่!"ข้าเองก็ครั้งแรก งั้น 10,000 ตำลึงนั่นไม่ต้องจ่ายได้ไหม" โม่จุนรีบพูดขึ้นมา พอเขาพูดจบ เขาก็รู้ตัวในทันทีว่าทำพลาดไปมหันต์ พริบตาเขาก็เปิดประตูรถม้าและพุ่งทะยานออกไปทันที"ฮาฮาฮา..." ภายในรถม้า มู่จิ่วซีหัวเราะจนแทบกลิ้
มู่จิ่วซีเลิกคิ้วมองไปที่มู่เจินจู ฮูหยินใหญ่เองก็มองไปที่นางอย่างตกใจมู่เจินจูถึงกับหน้าแดงขึ้นมาและรีบเอ่ย : "ข้า ข้าแค่ได้ยินมาน่ะ...""มู่เจินจู เจ้าคิดอยากให้ท่านแม่ของข้าตายใช่ไหม พอป้าสะใภ้รองได้ขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่แล้ว เจ้าก็จะได้กลายเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนแม่ทัพมู่สินะ?"คำพูดของมู่จิ่วซีทำให้มู่เจินจูตกใจจนต้องลงไปคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับร้องไห้ขึ้นมา"พี่หญิงใหญ่ ข้าก็แค่ถามไปงั้นเจ้าคะ อย่าคิดมากเลยเจ้าคะ ท่านป้าดีกับข้าขนาดนี้ ข้าจะคิดอัปมงคลเช่นนั้นได้อย่างไร""ทางที่ดีเจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิด ยิ่งคิดชั่วมากเท่าไหร่ เวรกรรมมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น! ไสหัวไป! อย่ามาอยู่ที่นี่ให้ขวางตาอีก" มู่จิ่วซีไล่นางอย่างกับไล่แมลงวันมู่เจินจูถึงกับร้องไห้และรีบเดินจากไปทันที ฮูหยินใหญ่มองมู่จิ่วซีที่โมโหและก็ได้แต่ถอนหายใจ"ท่านแม่ ท่านเองก็เห็นแล้ว นี่ขนาดท่านยังไม่เป็นอะไรไป นางก็คิดเรื่องพวกนี้แล้ว คิดบ้าอะไรก็ไม่รู้" มู่จิ่วซีมองอย่างดูถูกนี่ถ้าป้าสะใภ้รองเรียกมู่เจินจูมาถาม งั้นนางเองก็คงจะดูถูกลู่เวยหย่ามากเกินไป คงจะเป็นนางสมองพิการมู่เจินจูมาถามเองมากกว่า"เจ้าก็
ด้านหลังของใต้เท้าฉีเลขาธิการแห่งกระทรวงราชทัณฑ์ก็มีคุณหนูสามของตระกูลฉีที่ยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนไป นางมีนามว่าฉีหงเย่และก็ยังมีแม่หม้ายฉีเล่อฉี่ที่เป็นน้องสาวของเขาสองฝ่ายเมื่อเจอหน้ากัน แน่นอนว่ามู่เทียนซิงและฉีหู่ซานก็ทักทายกันอย่างเป็นกันเอง เหล่าหญิงสาวของจวนมู่ก็ย่อตัวเคารพทักทาย"มู่จิ่วซี คราวนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากที่ให้ข้าชนะได้เงินเดิมพัน" ฉีเล่อฉี่พอเห็นมู่จิ่วซีก็เกิดไฟลุกโชนขึ้นในดวงตา จนเขาพูดเหน็บแนมจิกกัดออกมาทันที"ฉีเล่อฉี่ นี่ท่านวางเงินพนันแทงว่าข้าแพ้ไปเท่าไหร่ล่ะ?" มู่จิ่วซียิ้มออกมาอย่างสบายใจ"100,000 ตำลึง! เดี๋ยวพอข้าออกจากวังไปก็ได้แล้ว 200,000 ตำลึง! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ" ฉีเล่อฉี่ราวกับได้ระบายความแค้นออกมา"อย่าเพิ่งขอบคุณข้าเร็วไปนัก ข้าเกรงว่าเดี๋ยวอีกสักพักพวกเจ้าคงจะต้องร้องไห้มากกว่า" มู่จิ่วซีหันไปมองคุณหนูสามของตระกูลฉีที่อยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำฉีหงเย่คือลูกสาวฮูหยินใหญ่ฉี นางเป็นลูกสาวของคุณหญิงใหญ่แห่งจวนฉีตั้งแต่เล็กนางได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี หน้าตาอยู่ในระดับดี เป็นคนดูเงียมครึมและดูห่างเหิน ฉินหมากอักษรภาพวาดล้วนแตกฉานทุก
มู่จิ่วซีเหมือนยังอยากจะพูดอะไรขึ้นมาอีก แต่นางกลับถูกมู่เทียนซิงส่งเสียงตวาด นางจึงได้แต่มององค์หญิงเหวินซิงด้วยตาปริบๆ และทำตัวเชื่อฟังขึ้นมาทันทีองค์หญิงเหวินซิงแต่ก่อนรังเกียจมู่จิ่วซีมาก แต่ตอนนี้ได้นางพบว่าผู้หญิงคนนี้ก็พอจะเข้ากับนางได้ความคิดของมู่จิ่วซีตอนนี้เรียบง่ายและเถรตรง นางคิดว่าถ้านางไม่กอดขาขององค์หญิง นางก็โง่แล้วไหม? ต่อให้เป็นองค์หญิงที่น่าสังเวช แต่ก็ยังเป็นองค์หญิงที่มีอำนาจมากว่าคนธรรมดาอยู่ดีมีเพื่อนมากย่อมมีหนทางมาก องค์หญิงเหวินซิงก็แค่เจ้าชู้มากไปหน่อยก็เท่านั้น อันที่จริงเดิมทีนิสัยนางก็ไม่เลว อีกอย่างการเจ้าชู้ในต่างโลกแบบนี้ที่ซึ่งมีหอนางโลมให้ประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมาย พอเป็นแบบนี้ยังจะไปตัดสินอะไรคนอื่นได้อีกพูดให้ชัดก็คือแค่รสนิยมความชอบส่วนตัวก็เท่านั้น มู่จิ่วซีราชินีแห่งราตรีคนนี้เปิดกว้างอย่างมากกับเรื่องพวกนี้เมื่อมาถึงพระราชอุทยาน ทุกคนก็ถึงได้รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ไม่ใช่น้อยๆ นอกจากทหารรักษาพระองค์ บ่าวรับใช้ ข้ารับใช้พวกนี้แล้ว จักรพรรดิองค์น้อยและพระพันปีหลวงก็อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีมหาราชครูอีกสองท่านที่น่านับถือและเหล่าองคมนตรีที่ไม่