"ขอบคุณใต้เท้าเย่มากที่เชื่อใจข้า ข้าทราบแล้ว" มู่จิ่วซีก็ประสานมือเคารพเขา จากนั้นนางก็พาเย่ฮานและลู่เอ๋อร์ไปที่จวนอัครมหาเสนาบดีลู่เอ๋อร์ที่อยู่บนรถม้าด้วยก็เห็นคุณหนูใหญ่สีหน้าไม่ค่อยดี นางเองก็ไม่กล้าถาม นางเลยหันมองไปาหาเย่ฮานแขนของเย่ฮานก็ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงอีกแล้วพร้อมกับเริ่มทำงานปกป้องมู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" เย่ฮานถาม"ไม่เป็นไร ก็แค่รู้สึกโดนคนอื่นหรอกก็เท่านั้น ข้าไม่ชอบมากๆ" มู่จิ่วซียิ้มอย่างแหยงๆ "เย่ฮาน เจ้าไม่ต้องมาติดตามข้าแล้ว ช่วยข้าไปจัดการเรื่องหนึ่งให้หน่อยสิ""คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยไม่อาจห่างจากท่านไปได้ ถ้าหากเกิดเรื่องแบบตอนนักฆ่าคนนั้นอีก..." เย่ฮานส่ายหัวในทันที"นี่มันกลางวันแสกๆ อีกอย่างช่วงสิบวันมานี้ข้าก็ฝึกฝนวรยุทธมาตลอด กระบวนท่าของข้าเก่งขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล"กำลังภายในของมู่จิ่วซีตั้งแต่ไม่มีจนมี ถ้าหากแบ่งขั้นแรกออกเป็นเก้าชั้น นางตอนนี้ก็ได้ฝึกฝนไปถึงระดับชั้นสามสี่แล้วนางมั่นใจว่าภายในหนึ่งเดือน นางจะสามารถฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟยขั้นแรกสำเร็จได้แน่ อีกทั้งจะบรรลุถึงขั้นสูงสุดด้วยมู่จิ่วซีบอกให้รถม้าหยุด ลู่เอ๋อร์
มู่จิ่วซีและไป๋ชิงมองตากัน"ฮูหยินรอง?" มู่จิ่วซีกล่าว "ป้าสะใภ้รองของเจ้า?"ไป๋ชิงพยักหน้า บ่าวคนนั้นก็รีบกล่าวออกมา "ฮูหยินรองอยู่ที่เรือนข้างๆ นางบอกว่ามีเรื่องต้องการเจรจากับคุณหนูใหญ่มู่ ขอให้คุณหนูใหญ่มู่ให้เกียรติมาหาด้วย"มู่จิ่วซียักใหล่และก็พูดตอบตกลงไปเสร็จก็ส่งสายตาเป็นนัยน์บอกให้ไป๋ชิงสบายใจและเดินตามบ่าวคนนั้นไปที่เรือนข้างๆเรือนข้างๆ นั้นเงียบสงบอย่างมาก มู่จิ่วซีพอเห็นเรือนที่งดามและวิจิตรของจวนอัครมหาเสนาบดีก็ได้แต่เบ้ปาก ที่แท้อัครมหาเสนาบดีก็คืออัครมหาเสนาบดี สวัสดิการที่อยู่อาศัยล้วนมากกว่าท่านพ่อของนางฮูหยินรองจ้วงชิงเหมยแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีเป็นผู้หญิงทีาสวยงดงาม เมื่อสิบปีก่อนมีชื่อเสียงใรพระนครว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งเพียงแต่จ้วงชิงเหมยเกิดมาฐานะไม่ดี เป็นเพียงแค่ลูกกำพร้า นางถูกครอบครัวพื้นบ้านธรรมดารับเลี้ยง ชีวิตของนางผ่านไปอย่างขมขื่น ต่อมาก็ถูกขายให้กับหอชิงหยาซึ่งก็ถือว่าเป็นหอนางโลมในพระนครนายท่านของหอนางโ,มในตอนนั้นเห็นว่าจ้วงชิงเหมยงดงามหาใครเปรียบได้ก็เลยทำการเลี้ยงดูนางให้เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งพระนคร อีกทั้งให้นางขายเฉพาะความสามารถแต่ไม่
ถึงอย่างไรตอนที่นางถูกเรียกว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งนั้น นางก็ยังเป็นแค่นางโลมอันดับหนึ่งของหอชิงหยา"ข้าแก่แล้ว กาลเวลาไม่เคยปราณีคน ตอนนี้เป็นเวลาหนุ่มสาวของพวกเจ้าแล้วต่างหาก" เสียงของจ้วงชิงเหมยอ่อนโยนอย่างมาก ฟังแล้วก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มมากจริงๆไม่นานนักชากลิ่มหอมก็ได้ถูกเอามาเสิร์ฟ มู่จิ่วซีดื่มไปอึกหนึ่งก็กล่าวออกมา : "ไม่ทราบว่าฮูหยินรองเรียกจิ่วซีมาพบมีธุระอันใดรึ?"จ้วงชิงเหมยก็ส่งสายตาไปให้แม่นมที่อยู่ข้างๆ จากนั้นแม่นมคนนั้นก็ยกกล่องไม้ใบหนึ่งออกมา"คุณหนูใหญ่มู่ ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าหว่านเอ๋อร์กับเจ้าเข้าใจผิดกันเล็กน้อย เป็นเพราะหว่านเอ๋อร์เด็กคนนี้ไม่รู้จักประสีประสา นี่ถือเป็นคำค่าขอโทษชดใช้ให้กับคุณหนูใหญ่มู่แทนหว่านเอ๋อร์ของข้า ข้าหวังว่าคุณหนูใหญ่มู่จะไม่เอามาเก็บใส่ใจ""พอพูดจบ แม่นมคนนั้นก็เปิดกล่องไม้ออกมาภายในเป็นเครื่องประดับทองคำชิ้นหนึ่งที่เรืองรองเหลืองอร่าม แค่มองก็สวยสดงดงามมาก เป็นของคุณภาพระดับสูงและมีราคาแพงมาก"โอ้โห สวยงามจริงๆ" ตาสองข้างของมู่จิ่วซีแทบหลุดออกจากเบ้า คนที่ชอบเงินทองอย่างนางพอได้ก็ต้องชอบเป็นเรื่องธรรมชาติ "แต่ว่าข้ารับเอาไว้ไ
มู่จิ่วซีหันไปมองไป๋เฟิ่งหว่านที่โกรธโมโหอย่างกับอยากจะกระโจนมาจับนางฉีกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยกล่าวออกมา : "ถ้าเจ้าอยากจะคิดแบบนั้น ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก พระดำริของพระพันปีหลวงข้าเองก็คาดคะเนไม่ได้ ถ้าไม่มีธุระอื่นแล้ว จิ่วซีก็ขอลา"มู่จิ่วซีพอพูดจบก็ย่อตัวทำความเคารพฮูหยินรองและหันหลังเดินกลับออกไป"คุณหนูใหญ่มู่" จ้วงชิงเหมยจู่ๆ ก็ลุกขึ้นมา และเดินเข้ามาหามู่จิ่วซีมู่จิ่วซีถึงกับใจเต้น ร่างกายของนางเตรียมพร้อมที่จะรับมือพร้อมกับหันกลับไปมองนางจ้วงชิงเหมยเข้ามาใกล้นางและพูดเสียงเบา : "เจ้าจะโหดร้ายแบบนั้นจริงๆ งั้นเหรอ?""ฮูหยินรองหมายความว่ายังไง? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย" มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะ"ถ้าข้ากลายเป็นคุณหญิงใหญ่ของท่านอัครมหาเสนาบดี เจ้าเองก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย แต่ถ้าหากข้าไม่ได้เป็น ความแค้นนี้ข้าจะเก็บเอาไว้ชำระกับเจ้า คุณหนูใหญ่มู่" เห็นได้ชัดว่าจ้วงชิงเหมยกำลังคุกคามนาง"ฮูหยินรอง เจ้าคิดว่าความแค้นที่เจ้าจะมาชำระกับข้ามู่จิ่วซีคนนี้มันน้อยงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีก้หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปทันทีจ้วงชิงเหมยที่อยู่อยู่ด้านก็จ้องมู่จิ่วซีเ
คิดว่าตัวเองไม่อาจเทียบกับนักโทษของราชสำนักคนนึงได้งั้นเหรอ ? หรือไม่ใช่เพราะว่าเซียวหลิงเย่ว์คือคนรักเก่าของเขาหรือไง !"ที่นี่ไม่เหมาะจะมาพูดคุย รอข้าออกมาค่อยหาที่คุยจะดีกว่าไหม?" โม่จุนเห็นสีหน้าที่เย็นชาของมู่จิ่วซี เขารู้สึกว่าควรต้องทำอะไรสักอย่างตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและความสามารถเหมือนที่เขาเคยได้ยินมาคนนั้น ถ้าจัดการนางได้ไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เกิดอันตรายมากอีกแค่ไหนมู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองไปที่เขาอยู่ร้านหนึ่โม่จุนรีบกล่าวขึ้นมา : "ถนนแถวนี้มีหอชมจันทร์อยู่ร้านหนึ่ง ขนมเองก็รสชาติไม่เลว ข้าเลี้ยงคุณหนูใหญ่มู่เองเป็นไง?""เอาอกเอาใจขนาดนี้? ทำดีหวังผลสินะ งั้นก็ได้! ข้าก็อยากจะรู้ว่าเจ้าจะอธิบายอย่างไร เย่ฮาน ไปกันเถอะ" มู่จิ่วซีเชิดหน้าราวกับอวดดีอยู่เล็กน้อยและก็ขึ้นรถม้าไปเย่ฮานเองก็ยิ้มให้กับท่านผู้สำเร็จราชการแทนอย่างเขินๆ จากนั้นก็เรียกคนขับเกวียนม้าให้รีบออกรถ"อานเย่!" ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเรียกออกมาเพียงแค่หนึ่งคำ องครักษ์อานเย่ก็เดินออกมาจากมุมด้านหนึ่ง "เจ้าไปที่หอชมจันทร์ก่อนและดูแลคุณหนูใหญ่มู่ให้ดี""พะยะค่ะ!" อานเย่น้อมรับคำส
โม่จุนใบหน้าอึมครึมจ้อมองไปที่ปากเล็กๆ ที่งดงามของนางที่กำลังพะงาบพูดอยู่พร้อมกับคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ช่างพูดนัก แต่ก่อนเข้าไม่เคยเข้าใจนางเลยจริงๆ"เจ้าพูดเถอะได้เตรียมจัดการไว้อย่างไร?" มู่จิ่วซีพอพูดจบก็ดื่มชาหมดทั้งถ้วยพร้อมกับสายตาที่มองโม่จุนด้วยความไม่พอใจโม่จุนกระแอ่มในลำคอและกล่าว : "เจ้าอย่าเพิ่งกังวล ข้าไม่เคยพูดว่าจะไม่ฆ่าเซียวเจี้ยน เขาเดิมทีก็ได้หลบหนีความผิด ที่ไม่ฆ่าเขาเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเขา""คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่ว่าเซียวหลิงเย่ว์หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วพร้อมกับสีหน้าที่บกบอกว่าเจ้าอย่ามาหรอกข้า"เจ้าคิดว่าเซียวหลิงเย่ว์ผู้หญิงคนเดียวสามารถทำได้ขนาดนี้งั้นเหรอ?" โม่จุนขมวดคิ้วกล่าว"ถ้าเจ้าพูดแบบนี้ข้าก็ไม่อยากฟังแล้ว ผู้หญิงคนเดียวสามารถทำได้ขนาดนี้หมายความว่าอะไร เจ้าดูถูกผู้หญิงหรอ?"มู่จิ่วซีรู้สึกว่าคำพูดนี้ฟังแล้วไม่สบอารมณ์เลย ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจเหมือนถูกเหมารวมไปด้วย"เซียวหลิงเย่ว์ไม่เหมือนกับเจ้า นางคือสนมเอกสามและก็ยังมีลูกสาวด้วยและยังต้องคอยดูแลเสด็จลุงสามที่นั่งรถเข็นอยู่ในจวนของท่านจวนอ๋องสามตลอดเวลา น้อยครั้งนักที่จะได้ออก
"ต่อให้เป็นนางจริง เจ้าก็เจ้าเป็นต้องมีหลักฐานยืนยัน" โม่จุนขมวดคิ้วกล่าว"หลักฐานก็ที่เซียวเจี้ยนไปพบนาง ยังไม่เรียกว่าหลักฐานอีกเหรอ? จับเซียวเจี้ยนมาเค้นถามล่ะเป็นไง?" มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะกล่าว "ข้าทำให้เขาคายบอกคนที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงออกมไาด้แน่""เจ้าเข้าใจเซียวหลิงเย่ว์ผิดไแล้วจริงๆ หรือว่าข้าพาเจ้าไปหน้านางสักครั้งล่ะเป็นไง?" โม่จุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา"ไปพบเซียวหลิงเย่ว์? ไปที่จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย"อืม ข้ากำลังจะไปพบท่านอ๋องสามพอดี" โม่จุนเลิกคิ้วเล็กน้อย"โม่จุน เจ้าคงไม่ใช่ว่าอยากคุยกับเซียวหลิงเย่ว์เป็นการส่วนตัวเลยเอาข้าไปเป็นข้ออ้างหรอกใช่ไหม?" มู่จิ่วซีรู้สึกแบบนั้น"เจ้าพูดไร้สาระ!" โม่จุนสีหน้าเปลี่ยนในทันที แววตาสองข้างเหมือนมีไฟความโกรธปะทุขึ้นมา "มู่จิ่วซี ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าไม่ได้คิดกับเซียวหลิงเย่ว์แบบนั้น!""ได้ได้ได้ จะขึ้นเสียงแบบนั้นทำไม อายแล้วทำมาโกรธกลบเกลื่อน" ประโยคคำพูดของมู่จิ่วซีอีกนิดก็ทำให้โม่จุนอยากจะลงไม้ลงมือได้แล้วทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาเสียงเคาะประตูดังขึ้น อานเย่กล
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันไปมองและนั่งลงโดยไม่พูดอะไร รอบกายของโม่จุนแผ่ซ่านไปด้วยบรรยากาศเย็นเยือก ฮั้วอวิ๋นเทียนหันไปมองมู่จิ่วซีและเอ่ย : "อาจื่อแม้มีวรยุทธ แต่ก็เป็นเพียงวรยุทธแมวสามขาแค่นั้น นางยังห่างชั้นกับพี่สาวมาก""หรอ?" มู่จิ่วซีสะดุ้งใจหาย "จอนนี้ข้าฝึกฝนเฟิงเหยียนหยูเฟยไปได้แล้วประมาณสี่ส่วนแล้ว ถ้าลองอ้างอิงเทียบความสามารถกับแม่หญิงอาจื่อ ข้าพอจะชนะนางได้ไหม?""เจ้าฝึกฝนเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นก็ดีมาก กำลังภายในของอาจื่ออ่อนแอมาก ต่อให้คุณหนูใหญ่มู่ไม่มีกำลังภายใน แค่ใช้กระบวนท่าธรรมดาก็เอาชนะนางได้แล้ว สุขภาพนางไม่ดีมาโดยตลอด ข้าก็ไม่เคยเห็นนางฝึกวรยุทธมากมายอะไร ก็คงประมาณนี้แแหละ"ฮั้วอวิ๋นเทียนพอพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมามู่จิ่วซีเองก็อดไม่ได้จริงๆ จนส่งเสียงไม่พอใจผ่านจมูกออกมาฮั้วอวิ๋นเทียนก็กล่าวออกมาอย่างแปลกๆ : "ทำไมเจ้าทำสีหน้าแบบนั้น?""ข้ารู้สึกว่าผู้ชายอย่างพวกเจ้าที่มันหลอกง่ายจริงๆ" มู่จิ่วซีส่ายหัวอย่างดูหมิ่น จากนั้นก็ถอนหายใจ สีหน้าของนางราวกับว่าเหล็กนั้นจะได้เป็นเหล็กกล้า (เหล็กนั้นจะได้เป็นเหล็กกล้า หมายถึง ตั้งความหวังไว้สูง หวังว่าจะเก่งกาจ ได้ดิบไ
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่