มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี แต่ว่าข้าสัญญากับเจ้าได้ว่าเราหลังจากจับกุมเขาแล้วจะไม่ฆ่าเขา เพียงแต่คงไม่อาจปล่อยให้เขาทำร้ายคนบริสุทธิ์ได้อีก"จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างลังเล : "เดิมทีข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่ง จนกระทั่งเขามาพบข้า ข้าถึงได้รู้ว่าข้าทำไม่ได้ คุณหนูใหญ่ ข้าทำไม่ได้จริงๆ""ได้ ข้าเข้าใจ งั้นข้าจะจับเขาเอง เจ้าคงไม่ติดขัดใช่ไหม?" คำถามของมู่จิ่วซีแปลกอย่างมากจื่ออวิ๋นเฟยอ้ำอึ้ง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "แน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังหวังว่าคุณหนูใหญ่จะไว้ชีวิตเขา"มู่จิ่วซีคิดอยู่ครู่ จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "ถ้าเขาไม่ฆ่าตัวตายเสียก่อน ข้าจะพยายาม"จื่ออวิ๋นเฟยยืนขึ้นมาในทันทีและกล่าว : "มู่จิ่วซี เจ้า พวกเจ้าจับเขาได้แล้วงั้นเหรอ?"มู่จิ่วซีคงไม่พูดไม่ได้ว่าจื่ออวิ๋นเฟยฉลาดมากเมื่อครู่จี๋เฟิงได้บอกกับนางว่าจับหมอผีได้แล้ว ซึ่งจับได้ตอนสะกดรอยตามจื่ออวิ๋นเฟย เพียงแต่จื่ออวิ๋นเฟยไม่รู้ว่าพอเขาจากไป จี๋เฟิงและพวกก็เข้าจับกุมทันทีมู่จิ่วซีเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรกันไปทางจื่ออวิ๋นเฟย จื่ออวิ๋นเฟยสีหน้าตกใจ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ว่า
จื่ออวิ๋นเฟยกรอกตากล่าว : "ปิดบังอะไรเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ"เขานับวันยิ่งรู้สึกว่ามู่จิ่วซีฉลาดมีไหวพริบ"ฮิๆ ของดีแบบนั้นข้าจะไม่รู้ได้ยังไง ยังมีอีกรึเปล่า?" มู่จิ่วซียิ้มอย่างเลศนัย ดูยังไงก็ล้วนเหมือนแฝงเจตนาไม่ดี"ยานี้เรียกว่ายาเทพสถิตย์ ประกอบด้วยสมุนไพรหายากหลายสิบชนิด ปรมาจารย์ให้ข้ามาแค่ 5 เม็ด ตอนนี้เหลือแค่ 2 เม็ด ส่วนยาเทพในการใช้ชีวิตของจริง ข้าเองไม่เคยใช้" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว"ยาเทพสถิตย์ แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นของดี ให้ข้าดูได้ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยก็รีบกล่าว : "ให้เจ้ากินไปเม็ดหนึ่งแล้ว คงให้เจ้าไม่ได้อีก" ท่าทีของเขาเหมือนกับกลัวมู่จิ่วซี"อย่างกไปหน่อยเลย ข้าไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น ข้าแค่ขอเอามาดูศึกษา" มู่จิ่วซียิ้มแก้เขินจื่ออวิ๋นเฟยไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย ทว่าพอเขาเห็นนางตั้งท่าว่าจะไม่ให้เขาไปไหนคืนนี้ ถ้าไม่หยิบเอายาออกมา เขาเลยต้องหยิบออกมาเขาหยิบขวดยาออกมาอย่างระมัดระวังแล้วเทออกมาเม็ดหนึ่งมู่จิ่วซีรีบเอาตัวขยับประชิดเข้าใกล้ นางหยิบยาเม็ดสีขาวเล็กๆ จากมือของเขาและรู้สึกแปลกใจอย่างมากนางเอามาวางไว้ใต้จมูกและสูดดม จากนั้นก็บ่นพึมพำในปาก ตอนท้ายยังพยักหน้าและเอายาค
"หรอ? พิสูจน์เรื่องอะไร?" จื่ออวิ๋นเฟยถูกดึงดูดความสนใจในทันที"ก็นิสัยไม่คิดจะใฝ่ดีของศิษย์น้องเจ้า ปรมาจารย์เจ้าเลยยอมให้มันหายไปกับตำนานดีกว่าจะถ่ายทอดให้กับเขาไงล่ะ แต่เจ้าในฐานะศิษย์รัก กลับไม่ตั้งใจศึกษาและยอมแพ้ ปรมาจารย์ของเจ้าคงเสียใจ" มู่จิ่วซีกล่าว "ตอนนี้มีโอกาสทำให้สำเร็จ เจ้าไม่คิดจะลองเลยจริงๆ เหรอ?""โอกาสสำเร็จอะไร? เจ้างั้นเหรอ?""ใช่ ข้าไง ข้าปรุงพิษได้เก่งกว่าศิษย์น้องเจ้า เจ้าว่ามีความหวังสูงไหมล่ะ?" มู่จิ่วซียักคิ้ว ทำท่าอวดดีอย่างกับใต้หล้านี้ไม่มีใครสู้นางได้จื่ออวิ๋นเฟยถูกนางอวดเบ่งใส่ เพราะคนที่ถอนพิษได้เก่ง แสดงว่าก็ต้องปรุงพิษได้เก่ง ดังนั้นเขาเลยเชื่อว่าความสามารถปรุงยาของมู่จิ่วซีเก่งกว่าศิษย์น้องหมอผี แน่นอนว่าเก่งกว่าหมอเทวดาอย่างเขา"เจ้ากลับไปลองคิดดู อยากให้ของดีๆ แบบนี้หายไปกับตำนานหรือไม่ ความทุ่มเทของปรมาจารย์เจ้า เจ้ายังอยากช่วยเขาสืบสานต่อไปหรือไม่?" มู่จิ่วซีกระตุกยิ้มมุมปาก ทำเอาจื่ออวิ๋นเฟยขบคิดอยู่กับตัวเองจื่ออวิ๋นเฟยกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างเซื่องซึมเย่ฮานและชิงเฟิงก็ได้ยิน ตอนนี้ชิงเฟิงได้กล่าวอย่างตื่นเต้นขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่
ภายในเรือนซิ่งฮวาย่วนวุ่นวายโกลาหลขึ้นมาทันที กลิ่วคาวเลือด กลิ่นยาต้ม ล้วนอบอวลไปทั่วทั้งเรือนตอนโม่จุนพาคนเข้ามาก็คิดว่ามู่จิ่วซีใกล้จะไม่รอดแล้วถึงได้วุ่นวายเกินจริงขนาดนั้น"ดูไฟให้ดี! ต้มยามาชาม อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป! ได้ยินที่พูดไหม!" จื่ออวิ๋นเฟยกระทืบเท้าตะโกนใส่คนรับใช้"เจ้าและก็เจ้า โสมพันปีตุ๋นไก่ทำไมถึงยังตุ๋นไม่เปื่อย บอกให้เจ้าใช้แม่ไก่ที่ไม่แก่เกินไป นี่มันไก่แก่หงำเหงือกแล้วมั้ง! ถึงได้ตุ๋นไม่เปื่อยสักที! เร่งไฟขึ้นอีกหน่อยสิ โง่เง่าเสียจริง!"โม่จุนมองจื่ออวิ๋นเฟยวิ่งไปวิ่งมาตะโกนใส่ผู้คน จนมุมปากของเขาถึงกับกระตุก"หมอเทวดา บาดแผลของคุณหนูใหญ่ทำความสะอาดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ" แม่นมยกถังนองไปด้วยน้ำเลือดออกมา"มีเลือดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ช่วยชีวิตคุณหนูใหญ่มู่คราวนี้เอาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหมอเทวดาอย่างข้าอยู่ที่แคว้นเกาอวิ๋นพอดี ต่อให้เทพเซียนคงยากจะช่วยนางเอาไว้!" จื่ออวิ๋นเฟยคุยโวชมตัวเองด้านหลังของโม่จุนเป็นคนกลุ่มหนึ่ง ทางฝั่งของเขาเองคือมู่เทียนซิง เฟิงฉวนหรงเลขาธิการกระทรวงพิธีการและเย่อู่เหิงอีกฝั่งเป็นคนของแคว้นเป่ยจิ้น ไม่ได้มากันทั้งหม
"ท่านพ่อ ข้า ข้าไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีได้ยินเสียงฝีเท้าเป็นขบวน เลยรีบกล่าวด้วยเสียงรวยรินจนมู่เทียนซิงมาถึงตรงข้างเตียงก็ตกใจจนเกือบสะดุ้งเห็นเพียงมู่จิ่วซีสีหน้าซีดขาวอยู่บนเตียง ผอมซูบอย่างยิ่ง แก้มทั้งสองข้างแทบเหลือแต่หนัง อย่าว่าแต่ริมฝีปากซีดจนไร้สี ยังแห้งและปริแตกพร้อมกับเลือดติดจนแห้งกรังมู่จิ่วซีจ้องมองมู่เทียนซิงที่กำลังจะตะโกนร้องเสียงดังและรีบกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ไอพร้อมกับกล่าว : "ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไร"มู่เทียนซิงใจหายไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่เป็นลูกสาวสุดที่รักผู้งดงามของเขาคนนั้นงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้เหมือนอย่างกับผีแต่ว่าเมื่อวานตอนเขามาเจอมู่จิ่วซี นางไม่ได้เป็นแบบนี้ ผ่านไปแค่คืนเดียวทำไมยิ่งทรุดลงหนัก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าลูกสาวจะต้องทำอะไรแผลงๆ แน่"ซีเอ๋อร์ เจ้าช่างน่ารันทดเหลือเกิน" มู่เทียนซิงเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตากลุ่มชายที่เดินตามมาทีหลังก็มายืนตรงหน้าเตียงพร้อมกับมองมู่จิ่วซีซึ่งแต่งหน้าแบบจัดเต็ม จนทั้งหมดตกตะลึงโม่จุนอึ้งจนมุ่ยหน้าย่น บอกให้นางแกล้งทำเป็นอาการสาหัส แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นต้องทำเหมือนอย่างกับผีขนาดนั้นก็ได้ นี่ถ้าใครเห็นก็เกรงว่าคงอยู่ได้
มู่จิ่วซีมองสีหน้าคนของแคว้นเป่ยจิ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่ามุมปากกลับเผยยิ้มขมขื่นยากจะดูได้"ท่านนี้คือองค์ชายรองของแคว้นเป่ยจิ้นงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีไอไปด้วยถามไปด้วย"คุณหนูใหญ่มู่ ข้าคือเซวียนหยวนห้าว ชื่นชมกิตติศัพท์ของคุณหนูใหญ่มู่มานาน วันนี้ถือว่าเป็นฤกษิ์ดีที่ได้มาพบ" เซวียนหยวนห้าวประสานมือคำนับมู่จิ่วซีทันทีจ่านเฉวียนและอาคู่ก็ประสานมือเคารพเช่นกัน ในใจของพวกเขา ผู้หญิงคนนี้นับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เพราะแคว้นเป่ยจิ้นจะนับถือเฉพาะผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นต่อให้เป็นศัตรู พวกเขาก็จะนอบน้อมและเคารพอย่างมาก"แค่กๆๆ องค์ชายรองจิตใจเมตตาเผื่อแผ่ ประพฤติตนอยู่ในคุณธรรม เห็นท่านแล้วรู้สึกดียิ่งกว่ามกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชาสมควรตายคนนั้น" มู่จิ่วซีแค่พูดประโยคแรกก็ทำเอาทุกคนตกตะลึง"พวกเจ้าอย่าหาว่าข้าด่ามกุฎราชกุมารของพวกเจ้าเลยนะ สภาพข้าในตอนนี้อันที่จริงเป็นเพราะเขาแท้ๆ ความโกรธแค้นนี้ให้ข้าได้ระบายบ้างเถอะ แค่กๆๆ" มู่จิ่วซีทุบอกของตัวเอง "เจ็บตรงนี้ ปวดมาก อีกนิดก็เกือบลาโลกแล้ว ยังดีที่ไม่ตาย ไม่งั้นมกุฎราชกุมารของพวกเจ้าคงต้องได้ตายไปพร้อมกับข้า""คุณหนูใหญ่ รู้ว่าเจ้า
คนของแคว้นเป่ยจิ้นได้พบกับมู่จิ่วซีเป็นครั้งแรกก็ถึงกับหวาดกลัวมู่จิ่วซี นางคือผู้หญิงงั้นเหรอ? ดูโหดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก"หากมกุฎราชกุมารทรงกระทำด้วยตัวพระองค์เอง งั้นเขาก็ต้องชดใช้ หากฝ่าบาทของพวกท่านทรงออกคำสั่ง งั้นเราทั้งสองแคว้นก็ต้องคิดบัญชีกัน พวกเจ้าปรึกษากันให้ดีๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชดใช้ให้กับแคว้นเกาอวิ๋น ถ้าไม่งั้นก็ให้ข้าไปเที่ยวเล่นไล่ฆ่าคนแคว้นเป่ยจิ้นสักรอบ จากนั้นพวกเจ้าค่อยให้ข้าเดินตบตูดสบายใจเฉิบกลับมาก็แล้วกัน""เจ้า..." เซวียนหยวนห้าวถึงกับพูดไม่ออก"หวังว่าพวกเจ้าจะมีความจริงใจ การสงครามไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่าพวกเราก็ไม่ได้กลัว ทว่าหากสามารถต่อรองสงบศึกได้ มันก็จะเป็นเรื่องดีต่อประชาชนทั้งสองแคว้น"คุณหนูใหญ่มู่พูดถูกแล้ว พวกเราครั้งนี้มาเพื่อเจรจาต่อรอง" เซวียนหยวนห้าวรีบกล่าวโม่จุนส่งเสียงไอหลายครั้งและกล่าว : "เอาล่ะ ซีเอ๋อร์คงเหนื่อยแล้ว วันนี้เอาไว้เท่านี้ก่อน พวกเจ้าก็กลับไปคิดดูให้ดี แสดงความจริงใจหน่อย พวกเราค่อยคุยกันหวังหลัง ซีเอ๋อร์ เจ้าพักผ่อนเถอะ"มู่จิ่วซีพยักหน้าและกล่าว : "เป็นวันมะรืนแล้วกัน ข้าคงจะหายพอดี พวกเราก็ค่อยมาเจรจากัน ตอนนี้พวกเ
จื่ออวิ๋นเฟยรีบพูดสวนกลับ "งั้นมาประลองสักตั้ง!""ได้ หลังจากนี้อีกสองสามวันเราจะมาประลองศาสตร์แพทย์ หากเจ้าแพ้ จากนี้เจ้าต้องมาเป็นศิษย์น้องข้า" มู่จิ่วซีไม่ติดขัดจะมีปรมาจารย์เพิ่ม ถึงอย่างไรปรมาจารย์คนนี้ก็ไม่ได้อยู่บนโลกแล้วทว่าการมีหมอเทวดาเป็นศิษย์น้องเพิ่มมาอีกสักคน แน่นอนว่าเป็นประโยชน์สำหรับนาง"งั้นจะประลองอะไร?" จื่ออวิ๋นเฟยมองนางอย่างสุขุม แต่ในใจกลับคิดว่าตนเองเป็นถึงหมอเทวดาจะสู้นางไม่ได้เนี่ยนะ ไม่มีทาง"ช่วงไม่กี่วันนี้ให้คนไปสังเกตุโรงแพทย์ในพระนครว่ามีผู้ป่วยอาการสาหัสหรือไม่ เราจะแข่งกันรักษาโรค นี่คือวิธีการประลองศาสตร์แพทย์ที่ดีที่สุด แน่นอนว่าไม่มีใครได้เปรียบจริงไหม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว "แน่นอนว่าห้ามใช้ยาเทพสถิตย์ของเจ้า ทำได้แค่จัดยาตอนแข่งเท่านั้น"จื่ออวิ๋นเฟยหลังจากอึ้งไปก็หัวเราะ : "ฮาๆๆ งั้นมันก็แค่อาการป่วยธรรมดาทั่วไป ไม่เห็นจะน่าสนใจ ข้ารักษาหายอยู่แล้ว""เหอะๆ เจ้ามีชีวิตมาถึงตอนนี้ไม่เคยอยู่ในสถานการตึงมือเลยรึไง? ทุกครั้งที่เจ้ารักษาคนไข้ล้วนรวดชีวิตหมดทุกคนเลยรึไง?" มู่จิ่วซีกระแนะกระแหนเขาจื่ออวิ๋นเฟยอึ้งไป จากนั้นก็หน้าแดงและกล่าวขึ้นมา :
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่