"อันที่จริง บ้างครั้งข้าก็รู้สึกว่ามีหลายคนสมองหมาปัญญากระบือ" มู่จิ่วซีกล่าวเห็นด้วย "ไม่เข้าใจก็แสร้งทำเป็นเข้าใจ""ใช่ๆๆ สมองหมาปัญญากระบือ!" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวเหมือนได้ถูกปลอมใจ "คุณหนูใหญ่ ที่แท้ท่านก็ช่างโดดเด่น ว่ากันว่าคนที่โดดเด่นมักจะมีสมองความคิดไม่เหมือนคนอื่น เจ้าว่าไหม?""ใช่ หากสมองทุกคนเหมือนกัน แล้วจะแยกแยะได้ยังไงว่าใครโดดเด่นหรือไม่โดดเด่น เช่นหมอเทวดาอย่างเจ้า สมองของเจ้าจะต้องไม่เหมือนคนอื่น ไม่งั้นจะมาเป็นหมอเทวดาได้ยังไง" มู่จิ่วซีกล่าวประจบประแจง"ก็ใช่น่ะสิ ได้คุยกับคนฉลาดมันช่างรู้สึกผ่อนคลายมากเสียจริง" จื่ออวิ๋นเฟยยิ้ม "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าเป็นผู้หญิงฉลาดและกล้าหาญมากสุดเท่าที่ข้ารู้จัก""งั้นหรอ? งั้นนับว่าเป็นเกียรติกับข้า" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว "ทว่าเมื่อก่อนผู้คนล้วนด่าทอว่าข้ามันไม่ได้เรื่อง ไร้การศึกษาไร้ความสามารถ สมองกลวง""ฮาๆๆ ใช่เลย ข้าตอนเด็กปรมาจารย์ก็บอกว่าข้าสมองกลวง ชอบดันทุรัง เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมแพ้" จื่ออวิ๋นเฟยยิ้มมีความสุข ใบหน้าซึ่งเย็นเป็นน้ำแข็งได้ถูกหลอมละลาย"บางครั้งอัจฉริยะกับคนบ้าก็แยกกันด้วยเส้นบางๆ คนปกติไม่มีวันเข้าใจ" ม
จื่ออวิ๋นเฟยหลังจากหลบหลังมู่จิ่วซีก็ได้กล่าวต่อ : "คุณหนูใหญ่มู่ เข้ามันป่วยวิตถาร ถ้ารักษาไม่หายก็อยู่ให้ห่างเขาหน่อยเถอะ เจ้าจะได้ไม่โดนเขาทุบตี"มู่จิ่วซีกลั้นขำพร้อมกับเอามือทาบอก หากนางยังขำหัวเราะต่อไปแผลได้ปริแน่โม่จุนสีหน้าดำมืดยิ่งกว่าฟ้าตอนกลางคืนด้านนอก"จื่ออวิ๋นเฟย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหมอเทวดาแล้วข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือไง!" โม่จุนชี้นิ้วไปทางจื่ออวิ๋นเฟยมู่จิ่วซีเลยรีบพูด : "โม่จุน เจ้าอย่าโมโห หมอเทวดาก็แค่เป็นคนตรงไปตรงมา เจ้าไม่ต้องฟังก็สิ้นเรื่อง เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้ายังมีธุระต้องถามหมอเทวดาจื่อ"โม่จุนเห็นท่าทีอ้อนวอนของนาง จนในที่สุดก็หลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาถลึงจ้องมองจื่ออวิ๋นเฟยครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับมู่จิ่วซี : "แม้ว่าเขาจะเป็นหมอเทวดา ทว่าก็เป็นผู้ชาย ดึกขนาดนี้แล้ว มีธุระอะไรก็ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้"มู่จิ่วซีกระตุกมุมปากและกล่าว : "ไม่เป็นไร ข้าให้เย่ฮาน ชิงเฟิงเข้ามาอยู่ด้วยก็ได้ เจ้ากลับไปพักเถอะ พวกเราคุยกันไม่ดึกมากหรอก""เจ้านั่นแหละคิดอัปมงคล ข้าเป็นหมอนะ! ชิ้วๆๆ เจ้ารีบออกไปเลย!" จื่ออวิ๋นเฟยไล่โม่จุนออกไปอย่างอารมณ์เสียมู่จิ่วซีรีบวิ่งมาอ
มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี แต่ว่าข้าสัญญากับเจ้าได้ว่าเราหลังจากจับกุมเขาแล้วจะไม่ฆ่าเขา เพียงแต่คงไม่อาจปล่อยให้เขาทำร้ายคนบริสุทธิ์ได้อีก"จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างลังเล : "เดิมทีข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่ง จนกระทั่งเขามาพบข้า ข้าถึงได้รู้ว่าข้าทำไม่ได้ คุณหนูใหญ่ ข้าทำไม่ได้จริงๆ""ได้ ข้าเข้าใจ งั้นข้าจะจับเขาเอง เจ้าคงไม่ติดขัดใช่ไหม?" คำถามของมู่จิ่วซีแปลกอย่างมากจื่ออวิ๋นเฟยอ้ำอึ้ง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "แน่นอน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังหวังว่าคุณหนูใหญ่จะไว้ชีวิตเขา"มู่จิ่วซีคิดอยู่ครู่ จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว : "ถ้าเขาไม่ฆ่าตัวตายเสียก่อน ข้าจะพยายาม"จื่ออวิ๋นเฟยยืนขึ้นมาในทันทีและกล่าว : "มู่จิ่วซี เจ้า พวกเจ้าจับเขาได้แล้วงั้นเหรอ?"มู่จิ่วซีคงไม่พูดไม่ได้ว่าจื่ออวิ๋นเฟยฉลาดมากเมื่อครู่จี๋เฟิงได้บอกกับนางว่าจับหมอผีได้แล้ว ซึ่งจับได้ตอนสะกดรอยตามจื่ออวิ๋นเฟย เพียงแต่จื่ออวิ๋นเฟยไม่รู้ว่าพอเขาจากไป จี๋เฟิงและพวกก็เข้าจับกุมทันทีมู่จิ่วซีเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรกันไปทางจื่ออวิ๋นเฟย จื่ออวิ๋นเฟยสีหน้าตกใจ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ว่า
จื่ออวิ๋นเฟยกรอกตากล่าว : "ปิดบังอะไรเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ"เขานับวันยิ่งรู้สึกว่ามู่จิ่วซีฉลาดมีไหวพริบ"ฮิๆ ของดีแบบนั้นข้าจะไม่รู้ได้ยังไง ยังมีอีกรึเปล่า?" มู่จิ่วซียิ้มอย่างเลศนัย ดูยังไงก็ล้วนเหมือนแฝงเจตนาไม่ดี"ยานี้เรียกว่ายาเทพสถิตย์ ประกอบด้วยสมุนไพรหายากหลายสิบชนิด ปรมาจารย์ให้ข้ามาแค่ 5 เม็ด ตอนนี้เหลือแค่ 2 เม็ด ส่วนยาเทพในการใช้ชีวิตของจริง ข้าเองไม่เคยใช้" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว"ยาเทพสถิตย์ แค่ฟังก็รู้ว่าเป็นของดี ให้ข้าดูได้ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยก็รีบกล่าว : "ให้เจ้ากินไปเม็ดหนึ่งแล้ว คงให้เจ้าไม่ได้อีก" ท่าทีของเขาเหมือนกับกลัวมู่จิ่วซี"อย่างกไปหน่อยเลย ข้าไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น ข้าแค่ขอเอามาดูศึกษา" มู่จิ่วซียิ้มแก้เขินจื่ออวิ๋นเฟยไม่เชื่ออยู่เล็กน้อย ทว่าพอเขาเห็นนางตั้งท่าว่าจะไม่ให้เขาไปไหนคืนนี้ ถ้าไม่หยิบเอายาออกมา เขาเลยต้องหยิบออกมาเขาหยิบขวดยาออกมาอย่างระมัดระวังแล้วเทออกมาเม็ดหนึ่งมู่จิ่วซีรีบเอาตัวขยับประชิดเข้าใกล้ นางหยิบยาเม็ดสีขาวเล็กๆ จากมือของเขาและรู้สึกแปลกใจอย่างมากนางเอามาวางไว้ใต้จมูกและสูดดม จากนั้นก็บ่นพึมพำในปาก ตอนท้ายยังพยักหน้าและเอายาค
"หรอ? พิสูจน์เรื่องอะไร?" จื่ออวิ๋นเฟยถูกดึงดูดความสนใจในทันที"ก็นิสัยไม่คิดจะใฝ่ดีของศิษย์น้องเจ้า ปรมาจารย์เจ้าเลยยอมให้มันหายไปกับตำนานดีกว่าจะถ่ายทอดให้กับเขาไงล่ะ แต่เจ้าในฐานะศิษย์รัก กลับไม่ตั้งใจศึกษาและยอมแพ้ ปรมาจารย์ของเจ้าคงเสียใจ" มู่จิ่วซีกล่าว "ตอนนี้มีโอกาสทำให้สำเร็จ เจ้าไม่คิดจะลองเลยจริงๆ เหรอ?""โอกาสสำเร็จอะไร? เจ้างั้นเหรอ?""ใช่ ข้าไง ข้าปรุงพิษได้เก่งกว่าศิษย์น้องเจ้า เจ้าว่ามีความหวังสูงไหมล่ะ?" มู่จิ่วซียักคิ้ว ทำท่าอวดดีอย่างกับใต้หล้านี้ไม่มีใครสู้นางได้จื่ออวิ๋นเฟยถูกนางอวดเบ่งใส่ เพราะคนที่ถอนพิษได้เก่ง แสดงว่าก็ต้องปรุงพิษได้เก่ง ดังนั้นเขาเลยเชื่อว่าความสามารถปรุงยาของมู่จิ่วซีเก่งกว่าศิษย์น้องหมอผี แน่นอนว่าเก่งกว่าหมอเทวดาอย่างเขา"เจ้ากลับไปลองคิดดู อยากให้ของดีๆ แบบนี้หายไปกับตำนานหรือไม่ ความทุ่มเทของปรมาจารย์เจ้า เจ้ายังอยากช่วยเขาสืบสานต่อไปหรือไม่?" มู่จิ่วซีกระตุกยิ้มมุมปาก ทำเอาจื่ออวิ๋นเฟยขบคิดอยู่กับตัวเองจื่ออวิ๋นเฟยกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างเซื่องซึมเย่ฮานและชิงเฟิงก็ได้ยิน ตอนนี้ชิงเฟิงได้กล่าวอย่างตื่นเต้นขึ้นมา : "คุณหนูใหญ่
ภายในเรือนซิ่งฮวาย่วนวุ่นวายโกลาหลขึ้นมาทันที กลิ่วคาวเลือด กลิ่นยาต้ม ล้วนอบอวลไปทั่วทั้งเรือนตอนโม่จุนพาคนเข้ามาก็คิดว่ามู่จิ่วซีใกล้จะไม่รอดแล้วถึงได้วุ่นวายเกินจริงขนาดนั้น"ดูไฟให้ดี! ต้มยามาชาม อย่าให้มากหรือน้อยเกินไป! ได้ยินที่พูดไหม!" จื่ออวิ๋นเฟยกระทืบเท้าตะโกนใส่คนรับใช้"เจ้าและก็เจ้า โสมพันปีตุ๋นไก่ทำไมถึงยังตุ๋นไม่เปื่อย บอกให้เจ้าใช้แม่ไก่ที่ไม่แก่เกินไป นี่มันไก่แก่หงำเหงือกแล้วมั้ง! ถึงได้ตุ๋นไม่เปื่อยสักที! เร่งไฟขึ้นอีกหน่อยสิ โง่เง่าเสียจริง!"โม่จุนมองจื่ออวิ๋นเฟยวิ่งไปวิ่งมาตะโกนใส่ผู้คน จนมุมปากของเขาถึงกับกระตุก"หมอเทวดา บาดแผลของคุณหนูใหญ่ทำความสะอาดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ" แม่นมยกถังนองไปด้วยน้ำเลือดออกมา"มีเลือดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ช่วยชีวิตคุณหนูใหญ่มู่คราวนี้เอาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหมอเทวดาอย่างข้าอยู่ที่แคว้นเกาอวิ๋นพอดี ต่อให้เทพเซียนคงยากจะช่วยนางเอาไว้!" จื่ออวิ๋นเฟยคุยโวชมตัวเองด้านหลังของโม่จุนเป็นคนกลุ่มหนึ่ง ทางฝั่งของเขาเองคือมู่เทียนซิง เฟิงฉวนหรงเลขาธิการกระทรวงพิธีการและเย่อู่เหิงอีกฝั่งเป็นคนของแคว้นเป่ยจิ้น ไม่ได้มากันทั้งหม
"ท่านพ่อ ข้า ข้าไม่เป็นไร" มู่จิ่วซีได้ยินเสียงฝีเท้าเป็นขบวน เลยรีบกล่าวด้วยเสียงรวยรินจนมู่เทียนซิงมาถึงตรงข้างเตียงก็ตกใจจนเกือบสะดุ้งเห็นเพียงมู่จิ่วซีสีหน้าซีดขาวอยู่บนเตียง ผอมซูบอย่างยิ่ง แก้มทั้งสองข้างแทบเหลือแต่หนัง อย่าว่าแต่ริมฝีปากซีดจนไร้สี ยังแห้งและปริแตกพร้อมกับเลือดติดจนแห้งกรังมู่จิ่วซีจ้องมองมู่เทียนซิงที่กำลังจะตะโกนร้องเสียงดังและรีบกระพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ไอพร้อมกับกล่าว : "ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นไร"มู่เทียนซิงใจหายไปอยู่ที่ตาตุ่ม นี่เป็นลูกสาวสุดที่รักผู้งดงามของเขาคนนั้นงั้นเหรอ? ทำไมถึงได้เหมือนอย่างกับผีแต่ว่าเมื่อวานตอนเขามาเจอมู่จิ่วซี นางไม่ได้เป็นแบบนี้ ผ่านไปแค่คืนเดียวทำไมยิ่งทรุดลงหนัก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าลูกสาวจะต้องทำอะไรแผลงๆ แน่"ซีเอ๋อร์ เจ้าช่างน่ารันทดเหลือเกิน" มู่เทียนซิงเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตากลุ่มชายที่เดินตามมาทีหลังก็มายืนตรงหน้าเตียงพร้อมกับมองมู่จิ่วซีซึ่งแต่งหน้าแบบจัดเต็ม จนทั้งหมดตกตะลึงโม่จุนอึ้งจนมุ่ยหน้าย่น บอกให้นางแกล้งทำเป็นอาการสาหัส แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นต้องทำเหมือนอย่างกับผีขนาดนั้นก็ได้ นี่ถ้าใครเห็นก็เกรงว่าคงอยู่ได้
มู่จิ่วซีมองสีหน้าคนของแคว้นเป่ยจิ้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่ามุมปากกลับเผยยิ้มขมขื่นยากจะดูได้"ท่านนี้คือองค์ชายรองของแคว้นเป่ยจิ้นงั้นเหรอ?" มู่จิ่วซีไอไปด้วยถามไปด้วย"คุณหนูใหญ่มู่ ข้าคือเซวียนหยวนห้าว ชื่นชมกิตติศัพท์ของคุณหนูใหญ่มู่มานาน วันนี้ถือว่าเป็นฤกษิ์ดีที่ได้มาพบ" เซวียนหยวนห้าวประสานมือคำนับมู่จิ่วซีทันทีจ่านเฉวียนและอาคู่ก็ประสานมือเคารพเช่นกัน ในใจของพวกเขา ผู้หญิงคนนี้นับได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง เพราะแคว้นเป่ยจิ้นจะนับถือเฉพาะผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นต่อให้เป็นศัตรู พวกเขาก็จะนอบน้อมและเคารพอย่างมาก"แค่กๆๆ องค์ชายรองจิตใจเมตตาเผื่อแผ่ ประพฤติตนอยู่ในคุณธรรม เห็นท่านแล้วรู้สึกดียิ่งกว่ามกุฎราชกุมารเซวียนหยวนเชาสมควรตายคนนั้น" มู่จิ่วซีแค่พูดประโยคแรกก็ทำเอาทุกคนตกตะลึง"พวกเจ้าอย่าหาว่าข้าด่ามกุฎราชกุมารของพวกเจ้าเลยนะ สภาพข้าในตอนนี้อันที่จริงเป็นเพราะเขาแท้ๆ ความโกรธแค้นนี้ให้ข้าได้ระบายบ้างเถอะ แค่กๆๆ" มู่จิ่วซีทุบอกของตัวเอง "เจ็บตรงนี้ ปวดมาก อีกนิดก็เกือบลาโลกแล้ว ยังดีที่ไม่ตาย ไม่งั้นมกุฎราชกุมารของพวกเจ้าคงต้องได้ตายไปพร้อมกับข้า""คุณหนูใหญ่ รู้ว่าเจ้า