ผ่านไปสักอึดใจหนึ่งก็หยิบเอาสำลีที่ซับออกมา ก็เห็นว่าเป็นเลือดที่ถูกดูดซึมออกมา จนสามารถเห็นรอยแปลตรงเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน เนื่องจากแพทย์หลวงจัดการแผลได้ไม่สมบูรณ์ เลยมีผลให้เลือดยังคงใหลซึมออกมาภายใต้ความดันเลือดอันที่จริงไม่ใช่ว่าแพทย์หลวงไม่อยากจัดการให้สมบูรณ์ แต่เนื่องจากตำแหน่งแผลอยู่ลึกมาก ตอนจัดการเลยแทบจะไม่มีวิธีที่จะดูแผลที่อยู่ลึกด้านในได้ถึงแต่พอเห็นมู่จิ่วซีหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับกรีดหลอดเลือดที่ติดอยู่กับเนื้อให้ออกจากกัน พอเป็นแบบนี้ เนื้อที่ติดอยู่กับหลอดเลือดตรงปากแผลก็จะถูกยกขึ้นมาให้สูงขึ้นจากนั้นนางก็หยิบเข็มที่ร้อยด้ายแล้วเอามาเย็บตรงหลอดเลือดที่มีเลือดไหลออกมาให้ติดเข้าด้วยกันในตอนท้ายก็เย็บเนื้อ จากนั้นก็เอาเนื้อที่ติดอยู่กับหลอดเลือดเย็บเข้ากับเนื้อที่ถูกเฉือนด้านล่างเข้าด้วยกันหลายเข็ม (การอ้างอิงถึงความเฉพาะทาง เป็นการสมมุติล้วนๆ โปรดผู้อ่านจงแยกแยะจากความเป็นจริงๆ)ตอนนี้ เลือดก็ยิ่งไหลมากขึ้นมา เลยสงผลต่อการมองเห็น แต่มู่จิ่วซีเหมือนจะสามารถมองทะลุเลือดได้ นางลงมือได้อย่างรวดเร็วไม่นานนักก็จัดการหลอดเลือดเสร็จ นางใช้สำลีกดลงไปอีกครั้ง พอนางเห็นว
สายตาเย็นชาของโม่จุนก็มองไปที่จ้วงชิงเหมยพร้อมกับกล่าว : "ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้มู่จิ่วซีก็ช่วยแม่ของนางเองให้รอด นางได้ร่ำเรียนกับหมอเทวดาในยุทธภพมาบ้าง""เป็นไปได้ยังไง?" จ้วงชิงเหมยมองอัครมหาเสนาบดีไป๋ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ มือข้างหนึ่งของนางก็ได้จับคว้าไปที่แขนของอัครมหาเสนาบดีไป๋ อัครมหาเสนาบดีไป๋เจ็บจนคิ้วขมวด"เหมยเอ๋อร์ ฉี่เฟิงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คุณหนูใหญ่มู่ช่วยชีวิตฉี่เฟิงเอาไว้ได้" อัครมหาเสนาบดีไป๋ก็คล้องไปที่แขนของนางที่จับเขาไว้อยู่พร้อมกับพูดอย่างนุ่มนวลตอนนั้น มู่จิ่วซีก็ได้เดินออกมาจากข้างใน สองมือของนางที่เพิ่งล้างจนสะอาดก็กำลังเช็ดด้วยผ้าอยู่"ทำไม ฮูหยินรองไม่ได้หวังให้ข้าช่วยไป๋ฉี่เฟิงได้หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีพอเอ่ยปากก็เหน็บแนมในทันที"มู่จิ่วซี เจ้าพูดไร้สาระอะไร ข้าก็แค่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะช่วยเขาเอาไว้ได้" จ้วงชิงเหมยก็ถลึงตาสองข้างจ้องไปที่นางพร้อมกับกล่าว"เรื่องที่เจ้าคาดไม่ถึงมีอีกเยอะเลยล่ะ" มู่จิ่วซีกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย "เอาล่ะ ไป๋ฉี่เฟิงก็ดีขึ้นมาแล้ว งั้นเรื่องของไป๋ชิงล่ะ?"นางหันไปมองโม่จุนโม่จุนก็หันไปมองอัครมหาเสนาบดีไป๋และพูด
"คุณท่าน เมื่อก่อนท่านสัญญาจะให้ข้าได้เป็นคุณหญิงใหญ่ พระพันปีหลวงทรงไม่อนุญาต ข้าเองก็ถือซะว่าช่างมัน แต่ตอนนี้ฉี่เฟิงสภาพหนักขนาดนี้ ท่านก็ยังทำกับข้าเช่นนี้อีก หรือว่าลูกที่เกิดจากอนุภรรยาจะไม่ใช่ลูกของท่าน" จ้วงชิงเหมยร้องไห้ออกมา"จ้วงชิงเหมย เจ้าพอได้แล้ว!" มู่จิ่วซีพูดขัดขึ้นมาในทันที "เป็นอนุภรรยาก็ควรสำเหนียกในฐานะอนุภรรยา ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหมายปองเจ้าที่หอชิงหยา พาเจ้ากลับมาที่จวน เจ้าจะได้มีวันนี้งั้นเหรอ? เจ้าไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นแค่แขกสะเออะมาเป็นเจ้าบ้าน อัครมหาเสนาบดีไป๋ วันนี้ข้ามู่จิ่วซีขอบอกท่านไว้สักประโยค ฮูหยินใหญ่ไม่ได้จากไปเพราะป่วยอาการสาหัส แต่เพราะนางถูกพิษเรื้อรังของเงาดอกนิโลบลต่างหาก!"อัครมหาเสนาบดีไป๋และจ้วงชิงเหมยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากทันที"อะไรนะ? มู่จิ่วซี เจ้าพูดว่าอะไรนะ?" อัครมหาเสนาบดีไป๋ตกใจอย่างมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นก็หันไปมองโม่จุนทันทีโม่จุนก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าว : "ไม่ผิดหรอก ฮูหยินใหญ่ถูกพิษของเงาดอกนิโลบลจนเสียชีวิต ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีคงเจ้ารู้จักพิษเรื้อรังเงาดอกนิโ
มู่จิ่วซีและโม่จุนต่างก็ชะงักอึ้งไป แต่มู่จิ่วซีก็รีบพูดขึ้นมา : "น่าขำจริงๆ จ้วงชิงเหมยก็แค่หญิงสาวจากหอนางโลมคนหนึ่ง ถ้าฮูหยินใหญ่ไม่อยากให้นางเข้ามาในจวน ถ้าฮูหยินใหญ่ต้องการฆ่านาง มีหรือจะถูกเจ้าจับได้? ให้เจ้าต้องมาพบ? เจ้าอย่าลืมว่าตระกูลของฮูหยินใหญ่เดิมทีคือลูกสาวของมหาราชครูของจักรพรรดิองค์ก่อน มีความรู้ความสามารถ นางมีหรือจะสู้ไม่ชนะกับแค่นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง?"นี่ถึงกับทำให้ไป๋ชินเตี่ยนตะลึงค้างไปจากนั้นในหัวของเขาก็ปรากฎภาพในตอนสมัยยังหนุ่มสาว ว่าฮูหยินใหญ่นั้นงดงามเก่งกาจและฉลาดหลักแหลมมากแค่ไหน พร้อมกับให้คำแนะนำเขาอย่างมากมายจนเขาเองได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในราชสำนักไม่ว่าจะลูกไม้แผนการไหน ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางที่จะวางแผนการจนมีช่องโหว่ได้มากมายขนาดนี้อีกอย่างการรับอนุภรรยาเข้ามาก็เป็นเรื่องปกติ ฮูหยินใหญ่ตอนที่ตั้งครรภ์ไป๋ชิง ก็เป็นนางเองที่ให้เขารับอนุภรรยาเข้ามา ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่นางจะต้องพยายามฆ่าจ้วงชิงเหมยที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจากหอนางโลมไป๋ชินเตี่ยนตอนนี้พอคิดดูแล้วก็พบว่าตนเองไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย เขามัวแต่ถูกจ้วงชิงเหมยปั่นหัว จนเขาไม่สนใจใยดีฮูหย
"เจ้าไปหาเย่อู๋เหิงทำไม?" โม่จุนไม่เข้าใจเล็กน้อย"ข้าจะไปถามศาลต้าหลี่ว่าในห้องลับมีพิษชนิดนี้อยู่หรือไม่ ถ้ามี ข้าก็จะรู้ที่มาที่ไป" มู่จิ่วซีก็มองเขาอย่างอารมณ์เสีย "เจ้าคงจะไม่รู้จักพิษชนิดนี้"ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็เศร้าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว : "ข้าก็ไม่เคยเห็นพิษนี้จริงๆ"ชั่วขณะนั้น แพทย์หลวงอู๋ก็รีบวิ่งมา ส่วนไป๋ฉี่เฟิงมีแพทย์หลวงหวังคอยดูแลอยู่"ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีเป็นอะไรไป?" แพทย์หลวงอู๋ถามอย่างเร่งร้อน"เขาโกรธโมโหจนกระทบกระเทือนหัวใจ" มู่จิ่วซีรีบคว้ากล่องยาของเขามาและหยิบเข็มเงินที่อยู่ในกล่องออกมา อันที่จริงบนตัวของมู่จิ่วซีได้มีของหลายอย่างแฝงเอาไว้ในร่างกาย ซึ่งถ้าไม่ถึงตาจนจริงๆ นางก็จะไม่หยิบออกมาใช้ถึงอย่างไรนางก็เคยถูกลอบฆ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีทางที่นางจะไม่เตรียมของไว้ป้องกันตัวเองแพทย์หลวงอู๋เคารพมู่จิ่วซีอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรมาก เขาก็เลยได้แต่นั่งยองมองมู่จิ่วซีหยิบเข็มออกมาและฝังเข้าตรงหัวของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหลายเข็ม จากนั้นเพียงนางกดไปที่อกของเขาไม่กี่ครั้ง ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมามู่จิ่วซีรีบพยุงเขาใ
ไป๋ชินเตี่ยนมู่จิ่วซีหันมองไปที่และกล่าว : "ข้าต้องการแม่นมหรงคนนั้น"พอพูดแบบนี้ออกไป ไป๋ชินเตี่ยน โม่จุนและแพทย์หลวงอู๋ก็ไม่เข้าใจอย่างมาก"ได้!" ไป๋ชินเตี่ยนคิดอยู่พักหนึ่งก็อนุญาต ภายในแววตาอันแก่ชราของเขาก็ฉายประกายไปด้วยความเฉลียวฉลาดเขารู้ฮูหยินใหญ่ถูกวางยาพิษเป็นเวลาหลายสิบปี เกรงว่าปัญหาจะต้องอยู่ที่แม่นมหรงคนนี้นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาไป๋ชินเตี่ยนรู้สึกว่ามู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ลูกผู้ดีคนนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรดีเหมือนที่พวกเขาคิดกันแบบนั้นมาโดยตลอดก่อนหน้านี้ที่เขาไปยังวัง พอได้ยินว่ามู่จิ่วซีชนะการวาดภาพจากการแข่งกับคุณหนูสามตระกูลฉีได้ เขาก็ไม่เชื่อเล็กน้อยและรู้สึกว่าคงจะเป็นเรื่องบังเอิญโชคดีเท่านั้นแต่ว่าครั้งนี้เมื่อมู่จิ่วซีมาถึงก็ช่วยไป๋ฉี่เฟิงไว้ทันที และยังช่วยเขาไว้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์แล้วว่ามู่จิ่วซีไม่ใช่พวกไร้ค่าเลยแม้แต่น้อยมู่เทียนซิงนะมู่เทียนซิง ช่างละเอียดรอบคอบลึกซึ้งมากจริงๆ ถึงให้ลูกสาวตัวเองเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ได้ลึกถึงขนาดนี้แค่ไม่แสดงออก แต่ถ้าคนได้เห็นต้องได้รู้รับรองตะลึงงัน !ขณะนั้นมู่เทียนซิงที่อยู่กับมู่เจินจูในศาลต้าหลี่ก
ในใจของมู่จิ่วซีมั่นใจแน่นอนว่าคือลู่เวยหย่า แต่นางไม่มีหลักฐาน อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นช่วงนี้ก็ทำท่าเชื่องสะขนาดนั้น ผนวกกับสุขภาพแม่ของนางเพิ่งจะดีขึ้นมา นางเองก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ นางจึงไม่ได้มีเวลาไปจัดการให้นางผู้หญิงคนนั้นโผล่หางจิ้งจอกออกมา"ดังนั้นเจ้าเลยรู้สึกว่าจ้วงชิงเหมย..."โม่จุนถาม"องค์กรที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้แทรกซึมเข้ามาในระหว่างแคว้น อีกอย่างจำนวนคนก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ คนพวกนั้นคงจะร่วมมือกันปกปิดอำพรางซึ่งกันและกัน หากช้ากว่านี้อีกไม่กี่ปี แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องพังทลายจากภายในแน่นอน"มู่จิ่วซีsหันไปมองโม่จุนพร้อมกับกล่าวอย่างหนักแน่นสีหน้าของโม่จุนเคร่งขึมและจริงจังขึ้นมา เขาพยักหน้าเบาๆ และกล่าว : "สามปีก่อน หลังจากข้าปราบปรามท่านอ๋องสามไป ข้าก็ต้องเผชิญกับการรุกรานของแคว้นศัตรู ในราชสำนักทั้งหมดก็ได้พระพันปีหลวงและองคมนตรีหลายคนเป็นคนดูแล แม้ว่าคนที่ส่งให้ไปจัดการจะเป็นคนที่สนิทไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแทรกซึมเข้ามาของศัตรูได้"โม่จุนพูดความรู้สึกของเขาออกมาพร้อมกับมองมู่จิ่วซีที่เผยสีหน้าตื่นตกใจและก็กล่าวต่อ : "จิ่วซี คราวนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ถ้าไม่ใช่เจ
ดวงตาสีดำของโม่จุนทั้งสองข้างก็ทอประกายแสงอันคมกริบมองไปที่มู่จิ่วซี"เจ้ามาจ้องเขม็งอะไรข้า? ตำหนักในที่ไหนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันท์พี่น้อง?" มู่จิ่วซีก็ถลึงจ้องมองกลับ "พูดตามตรง เสด็จแม่ของเจ้าก็จากไปแล้ว เจ้าเติบโตมาขนาดนี้ได้ก็นับว่าบุญมากแล้ว""นั่นเพราะพระพันปีหลวงองค์ก่อนได้ปกป้องข้าเอาไว้ตลอด" สีหน้าของโม่จุนนิ่งขรึม ดูไปแล้วเขาเหมือนจะโมโหเล็กน้อยพระพันปีหลวงองค์ก่อนสำหรับโม่จุนแล้วก็เหมือนกับแม่บุญธรรม แน่นอนเขาไม่ยอมรับคำพูดใส่ร้ายของมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีก็ได้แต่ระงับอารมณ์เอาไว้ จากนั้นก็กล่าวขอโทษกับเขา : "ข้าขอโทษแค่ตัดสินพิจารณาจากสถานการณ์ปกติ งั้นเจ้าคิดคว่าใครเป็นคนวางยาเงาหอมนิโลบลให้กับพระพันปีหลวงองค์ก่อนล่ะ?"โม่จุนไม่พูดอะไร ในตอนท้ายเขามองไปที่นางครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว แต่ว่าสีหน้าของเขากลับดูลึกซึ้งอย่างมาก ทำให้มู่จิ่วซีอดไม่ได้ที่จะคิดมาก"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ยังไม่ต้องไปยุ่ง เจ้าสนใจเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า" โม่จุนปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยมู่จิ่วซีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในศาลต้าหลี่"พ่อข้ามาแล้วเหรอ?" มู่จิ่วซีพอได้ทราบจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่