"คุณท่าน เมื่อก่อนท่านสัญญาจะให้ข้าได้เป็นคุณหญิงใหญ่ พระพันปีหลวงทรงไม่อนุญาต ข้าเองก็ถือซะว่าช่างมัน แต่ตอนนี้ฉี่เฟิงสภาพหนักขนาดนี้ ท่านก็ยังทำกับข้าเช่นนี้อีก หรือว่าลูกที่เกิดจากอนุภรรยาจะไม่ใช่ลูกของท่าน" จ้วงชิงเหมยร้องไห้ออกมา"จ้วงชิงเหมย เจ้าพอได้แล้ว!" มู่จิ่วซีพูดขัดขึ้นมาในทันที "เป็นอนุภรรยาก็ควรสำเหนียกในฐานะอนุภรรยา ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหมายปองเจ้าที่หอชิงหยา พาเจ้ากลับมาที่จวน เจ้าจะได้มีวันนี้งั้นเหรอ? เจ้าไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นแค่แขกสะเออะมาเป็นเจ้าบ้าน อัครมหาเสนาบดีไป๋ วันนี้ข้ามู่จิ่วซีขอบอกท่านไว้สักประโยค ฮูหยินใหญ่ไม่ได้จากไปเพราะป่วยอาการสาหัส แต่เพราะนางถูกพิษเรื้อรังของเงาดอกนิโลบลต่างหาก!"อัครมหาเสนาบดีไป๋และจ้วงชิงเหมยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากทันที"อะไรนะ? มู่จิ่วซี เจ้าพูดว่าอะไรนะ?" อัครมหาเสนาบดีไป๋ตกใจอย่างมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นก็หันไปมองโม่จุนทันทีโม่จุนก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าว : "ไม่ผิดหรอก ฮูหยินใหญ่ถูกพิษของเงาดอกนิโลบลจนเสียชีวิต ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีคงเจ้ารู้จักพิษเรื้อรังเงาดอกนิโ
มู่จิ่วซีและโม่จุนต่างก็ชะงักอึ้งไป แต่มู่จิ่วซีก็รีบพูดขึ้นมา : "น่าขำจริงๆ จ้วงชิงเหมยก็แค่หญิงสาวจากหอนางโลมคนหนึ่ง ถ้าฮูหยินใหญ่ไม่อยากให้นางเข้ามาในจวน ถ้าฮูหยินใหญ่ต้องการฆ่านาง มีหรือจะถูกเจ้าจับได้? ให้เจ้าต้องมาพบ? เจ้าอย่าลืมว่าตระกูลของฮูหยินใหญ่เดิมทีคือลูกสาวของมหาราชครูของจักรพรรดิองค์ก่อน มีความรู้ความสามารถ นางมีหรือจะสู้ไม่ชนะกับแค่นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง?"นี่ถึงกับทำให้ไป๋ชินเตี่ยนตะลึงค้างไปจากนั้นในหัวของเขาก็ปรากฎภาพในตอนสมัยยังหนุ่มสาว ว่าฮูหยินใหญ่นั้นงดงามเก่งกาจและฉลาดหลักแหลมมากแค่ไหน พร้อมกับให้คำแนะนำเขาอย่างมากมายจนเขาเองได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในราชสำนักไม่ว่าจะลูกไม้แผนการไหน ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางที่จะวางแผนการจนมีช่องโหว่ได้มากมายขนาดนี้อีกอย่างการรับอนุภรรยาเข้ามาก็เป็นเรื่องปกติ ฮูหยินใหญ่ตอนที่ตั้งครรภ์ไป๋ชิง ก็เป็นนางเองที่ให้เขารับอนุภรรยาเข้ามา ซึ่งไม่จำเป็นเลยที่นางจะต้องพยายามฆ่าจ้วงชิงเหมยที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่งจากหอนางโลมไป๋ชินเตี่ยนตอนนี้พอคิดดูแล้วก็พบว่าตนเองไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย เขามัวแต่ถูกจ้วงชิงเหมยปั่นหัว จนเขาไม่สนใจใยดีฮูหย
"เจ้าไปหาเย่อู๋เหิงทำไม?" โม่จุนไม่เข้าใจเล็กน้อย"ข้าจะไปถามศาลต้าหลี่ว่าในห้องลับมีพิษชนิดนี้อยู่หรือไม่ ถ้ามี ข้าก็จะรู้ที่มาที่ไป" มู่จิ่วซีก็มองเขาอย่างอารมณ์เสีย "เจ้าคงจะไม่รู้จักพิษชนิดนี้"ใบหน้าหล่อเหลาของโม่จุนก็เศร้าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว : "ข้าก็ไม่เคยเห็นพิษนี้จริงๆ"ชั่วขณะนั้น แพทย์หลวงอู๋ก็รีบวิ่งมา ส่วนไป๋ฉี่เฟิงมีแพทย์หลวงหวังคอยดูแลอยู่"ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีเป็นอะไรไป?" แพทย์หลวงอู๋ถามอย่างเร่งร้อน"เขาโกรธโมโหจนกระทบกระเทือนหัวใจ" มู่จิ่วซีรีบคว้ากล่องยาของเขามาและหยิบเข็มเงินที่อยู่ในกล่องออกมา อันที่จริงบนตัวของมู่จิ่วซีได้มีของหลายอย่างแฝงเอาไว้ในร่างกาย ซึ่งถ้าไม่ถึงตาจนจริงๆ นางก็จะไม่หยิบออกมาใช้ถึงอย่างไรนางก็เคยถูกลอบฆ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่มีทางที่นางจะไม่เตรียมของไว้ป้องกันตัวเองแพทย์หลวงอู๋เคารพมู่จิ่วซีอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ถามอะไรมาก เขาก็เลยได้แต่นั่งยองมองมู่จิ่วซีหยิบเข็มออกมาและฝังเข้าตรงหัวของใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหลายเข็ม จากนั้นเพียงนางกดไปที่อกของเขาไม่กี่ครั้ง ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมามู่จิ่วซีรีบพยุงเขาใ
ไป๋ชินเตี่ยนมู่จิ่วซีหันมองไปที่และกล่าว : "ข้าต้องการแม่นมหรงคนนั้น"พอพูดแบบนี้ออกไป ไป๋ชินเตี่ยน โม่จุนและแพทย์หลวงอู๋ก็ไม่เข้าใจอย่างมาก"ได้!" ไป๋ชินเตี่ยนคิดอยู่พักหนึ่งก็อนุญาต ภายในแววตาอันแก่ชราของเขาก็ฉายประกายไปด้วยความเฉลียวฉลาดเขารู้ฮูหยินใหญ่ถูกวางยาพิษเป็นเวลาหลายสิบปี เกรงว่าปัญหาจะต้องอยู่ที่แม่นมหรงคนนี้นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาไป๋ชินเตี่ยนรู้สึกว่ามู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ลูกผู้ดีคนนี้ไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรดีเหมือนที่พวกเขาคิดกันแบบนั้นมาโดยตลอดก่อนหน้านี้ที่เขาไปยังวัง พอได้ยินว่ามู่จิ่วซีชนะการวาดภาพจากการแข่งกับคุณหนูสามตระกูลฉีได้ เขาก็ไม่เชื่อเล็กน้อยและรู้สึกว่าคงจะเป็นเรื่องบังเอิญโชคดีเท่านั้นแต่ว่าครั้งนี้เมื่อมู่จิ่วซีมาถึงก็ช่วยไป๋ฉี่เฟิงไว้ทันที และยังช่วยเขาไว้ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์แล้วว่ามู่จิ่วซีไม่ใช่พวกไร้ค่าเลยแม้แต่น้อยมู่เทียนซิงนะมู่เทียนซิง ช่างละเอียดรอบคอบลึกซึ้งมากจริงๆ ถึงให้ลูกสาวตัวเองเก็บซ่อนความสามารถเอาไว้ได้ลึกถึงขนาดนี้แค่ไม่แสดงออก แต่ถ้าคนได้เห็นต้องได้รู้รับรองตะลึงงัน !ขณะนั้นมู่เทียนซิงที่อยู่กับมู่เจินจูในศาลต้าหลี่ก
ในใจของมู่จิ่วซีมั่นใจแน่นอนว่าคือลู่เวยหย่า แต่นางไม่มีหลักฐาน อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นช่วงนี้ก็ทำท่าเชื่องสะขนาดนั้น ผนวกกับสุขภาพแม่ของนางเพิ่งจะดีขึ้นมา นางเองก็มีเรื่องมากมายต้องจัดการ นางจึงไม่ได้มีเวลาไปจัดการให้นางผู้หญิงคนนั้นโผล่หางจิ้งจอกออกมา"ดังนั้นเจ้าเลยรู้สึกว่าจ้วงชิงเหมย..."โม่จุนถาม"องค์กรที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้แทรกซึมเข้ามาในระหว่างแคว้น อีกอย่างจำนวนคนก็คงจะไม่ใช่น้อยๆ คนพวกนั้นคงจะร่วมมือกันปกปิดอำพรางซึ่งกันและกัน หากช้ากว่านี้อีกไม่กี่ปี แคว้นเกาอวิ๋นจะต้องพังทลายจากภายในแน่นอน"มู่จิ่วซีsหันไปมองโม่จุนพร้อมกับกล่าวอย่างหนักแน่นสีหน้าของโม่จุนเคร่งขึมและจริงจังขึ้นมา เขาพยักหน้าเบาๆ และกล่าว : "สามปีก่อน หลังจากข้าปราบปรามท่านอ๋องสามไป ข้าก็ต้องเผชิญกับการรุกรานของแคว้นศัตรู ในราชสำนักทั้งหมดก็ได้พระพันปีหลวงและองคมนตรีหลายคนเป็นคนดูแล แม้ว่าคนที่ส่งให้ไปจัดการจะเป็นคนที่สนิทไว้ใจ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการแทรกซึมเข้ามาของศัตรูได้"โม่จุนพูดความรู้สึกของเขาออกมาพร้อมกับมองมู่จิ่วซีที่เผยสีหน้าตื่นตกใจและก็กล่าวต่อ : "จิ่วซี คราวนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ถ้าไม่ใช่เจ
ดวงตาสีดำของโม่จุนทั้งสองข้างก็ทอประกายแสงอันคมกริบมองไปที่มู่จิ่วซี"เจ้ามาจ้องเขม็งอะไรข้า? ตำหนักในที่ไหนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งฉันท์พี่น้อง?" มู่จิ่วซีก็ถลึงจ้องมองกลับ "พูดตามตรง เสด็จแม่ของเจ้าก็จากไปแล้ว เจ้าเติบโตมาขนาดนี้ได้ก็นับว่าบุญมากแล้ว""นั่นเพราะพระพันปีหลวงองค์ก่อนได้ปกป้องข้าเอาไว้ตลอด" สีหน้าของโม่จุนนิ่งขรึม ดูไปแล้วเขาเหมือนจะโมโหเล็กน้อยพระพันปีหลวงองค์ก่อนสำหรับโม่จุนแล้วก็เหมือนกับแม่บุญธรรม แน่นอนเขาไม่ยอมรับคำพูดใส่ร้ายของมู่จิ่วซีมู่จิ่วซีก็ได้แต่ระงับอารมณ์เอาไว้ จากนั้นก็กล่าวขอโทษกับเขา : "ข้าขอโทษแค่ตัดสินพิจารณาจากสถานการณ์ปกติ งั้นเจ้าคิดคว่าใครเป็นคนวางยาเงาหอมนิโลบลให้กับพระพันปีหลวงองค์ก่อนล่ะ?"โม่จุนไม่พูดอะไร ในตอนท้ายเขามองไปที่นางครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว แต่ว่าสีหน้าของเขากลับดูลึกซึ้งอย่างมาก ทำให้มู่จิ่วซีอดไม่ได้ที่จะคิดมาก"เอาเป็นว่าเรื่องนี้ยังไม่ต้องไปยุ่ง เจ้าสนใจเรื่องตรงหน้าก่อนดีกว่า" โม่จุนปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยมู่จิ่วซีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในศาลต้าหลี่"พ่อข้ามาแล้วเหรอ?" มู่จิ่วซีพอได้ทราบจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง
พอนางเดินเข้ามาที่ห้องโถงด้านข้าง ไป๋เฟิ่งหว่านก็ลุกพรวดขึ้นมาทันทีและก็พูด : "มู่จิ่วซี เจ้ากลับมาทำไม? แล้วน้องสามข้าล่ะเป็นยังไงบ้าง?"มู่จิ่วซีเหลือบมองนาง ไป๋เฟิ่งหว่านเป็นห่วงน้องชายคนนี้ของนางจริงๆ"ไป๋ฉี่เฟิงยังไม่ตาย เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว พ่อเจ้าเองก็ไม่ได้จะเอาเรื่องไป๋ชิงแล้ว อีดเดี๋ยวพวกเจ้าก็กลับกันได้แล้ว""อะไรนะ? ไม่เอาเรื่องแล้ว?" สีหน้าของไป๋เฟิ่งหว่านราวกับไม่อยากจะเชื่อ"ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าอย่าลืมว่าแม่ของเจ้ายังไม่ได้ขึ้นเป็นคุณหญิงใหญ่ เจ้าก็ยังเป็นเพียงคุณหนูของอนุภรรยา ไป๋ชิงต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ลูกสาวของคุณหญิงใหญ่ พ่อของเจ้าไม่มีทางทำอะไรขายหน้าให้เป็นเรื่องตลกทั้งแคว้นเกาอวิ๋นหรอก"มู่จิ่วซีหัวเราะเยาะเย้ย สายตาก็มองไปที่สวีหยางและองครักษ์อีกคนที่อยู่ด้านหลังของไป๋เฟิ่งหว่าน"เจ้าคือสวีหยาง?" มู่จิ่วซีจ้องมองไปที่เขาสวีหยางชะงักไปพักหนึ่งและก็พยักหน้า"เจ้าเองคงเป็นองครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดีใช่ไหม?" มู่จิ่วซีถามอีกครั้งสวีหยางไม่เข้าใจทำไมมู่จิ่วซีถึงถามแบบนี้ แต่เขาก็ยังคงพยักหน้า"องครักษ์ของจวนอัครมหาเสนาบดียังดีไปกว่าคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพใ
มู่จิ่วซีพอเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่เหมือนกับหมดทางเลือกของเย่อู่เหิงก็ได้เอ่ยขึ้นมา : "ใต้เท้าเย่ ขอโทษที ข้าจะชดใช้ให้"เย่อู่เหิงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาและส่ายหัว : "เรื่องของไป๋ชิงจบลงทั้งแบบนี้น่ะเหรอ?""อืม อัครมหาเสนาบดีไม่ได้เอาเรื่องแล้ว แน่นอนไป๋ชิงก็ไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างไป๋ฉี่เฟิงก็ยังไม่ตาย เขาก็แค่ต้องอดทนลำบากก็แค่นั้น ไปเถอะ พวกเราไปพบแม่นมหรงด้วยกัน"มู่จิ่วซียิ้มหวานให้กับเขา"ได้ยินมาว่าเจ้าดึงพิษออกมาจากในฟันของนางงั้นเหรอ?" เย่อู่เหิงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร การจับไส้ศึกคือเรื่องของเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล แต่ว่าไส้ศึกก็เกี่ยวข้องกับคดีด้วย ศาลต้าหลี่ก็เลยมีอำนาจที่จะสอบปากคำแต่ว่ามู่จิ่วซีไม่ใช่คนของศาลต้าหลี่ และก็ไม่ใช่คนของเจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล แต่นางกลับสามารถจับไส้ศึกคนหนึ่งได้ ความรู้สึกทำให้เย่อู่เหิงรู้สึกลำบากกระอักกระอ่วนอย่างมากคนที่มีหน้าที่เฉพาะกลับจับไม่ได้ แต่คุณหนูใหญ่คนหนึ่งที่เอาแต่กินเที่ยวดื่มเล่นกลับเก่งกาจขึ้นมาได้ในพริบตา นั่นยิ่งทำให้พวกเขาดูด้อยความสามารถมากขึ้นไปอีก"ใต้เท้าเย่ ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างบริสุทธิ์ใจได้ไหม?" มู่จิ