โม่จุนก็รีบลุกขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับเดินออกไปข้างนอก ก่อนไปเขาได้ทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค : "ก่อนที่เรื่องจะตรวจสอบอย่างกระจ่าง ห้ามใครลงประชาทัณฑ์โดยเด็ดขาด"เย่อู่เหิงก็กล่าวรับคำ จากนั้นก็หันไปมองคนทั้งสองจากออกไปอย่างรวดเร็ว"ใต้เท้าเย่ ข้าไปได้แล้วหรือยัง?" ไป๋เฟิ่งหว่านก็กล่าวออกมาในทันใดถึงอย่างไรไป๋ฉี่เฟิงก็อยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดี ท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีก็คงไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี ดังนั้นนางก็คงอยากจะกลับไปดูอาการน้องสาม"คุณหนูรองไป๋ เจ้าได้ทำร้ายคุณหนูรองมู่จนบาดเจ็บ เรื่องนี้จำเป็นต้องได้ข้อสรุป เจ้ายังไม่อาจกลับไปได้ในตอนนี้" เย่อู่เหิงกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา"ใต้เท้าเย่ นี่เจ้าไม่ได้ยินงั้นเหรอ? มู่เจินจูได้เข้ามาผลักข้า ข้าถึงได้ทะเลาะลงมือกับนาง ทั้งหมดเป็นเพราะนางลงมือกับข้าก่อน""ข้าก็แค่ผลักเจ้าออกไปเพื่อไม่ให้เจ้าทำร้ายไป๋ชิง ข้าไม่ได้ทำร้ายเจ้า" มู่เจินจูก็รีบกล่าวขึ้นมา "แล้วทีเจ้าหยิกข้าไม่พูดบ้างล่ะ อีกทั้งยังใช้พู่หยกมาทุบหัวข้าด้วย อย่างเจ้าควรเรียกว่าป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ เจ้าเองก็ควรต้องได้รับโทษ"มู่เจินจูก็ฉลาดรีบหาข้ออ้างขึ้นมาใช้สวีหยา
ศิลปะหกแขนงของบุรุษ แต่ละอย่างล้วนโดดเด่น? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?แต่ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว ทักษะการขี่ม้าของนางไม่ได้เป็นรองเขาเลย บนถนนมีสิ่งกีดขวางมากมาย แต่นางกลับขี่หลบหลีกอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังบังคับม้าให้ข้ามพ้นรถม้าที่บรรทุกสิ่งของได้อีก ถึงกับทำให้ผู้คนที่เห็นตาทอเป็นประกายจนตาแทบบอดส่วนโม่จุนท่านผู้สำเร็จราชการแทนที่ตามมาด้านหลัง อีกนิดก็เกือบจะปล่อยไก่ออกมาจนในที่สุดมู่จิ่วซีก็หันกลับมามอง หน้าของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ แววตาสองข้างคมกริบอย่างกับกระบี่พร้อมกับมองไปยังโม่จุนที่ขี่ไล่ตามมาด้วยแววตาอันเย็นเยือกอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้"อย่าวู่วาม วู่วามไปก็มีแต่จะทำให้เรื่องแย่ลง" โม่จุนมองไปที่นางด้วยสีหน้าอารมณ์เสีย ส่วนน้ำเสียงกลับผ่อนคลายลงมาหน่อย"ไอผู้ชายชาติหมา เจ้าทรยศข้า!" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและตะคอกด้วยเสียงทุ้มต่ำโม่จุนก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เข้าใจในทันที"เจ้าคิดว่ามีแค่เจ้าคนเดียวหรือไงที่ถูกยึดเงิน 250,000 ตำลึง? เงินของข้าเองก็ถูกเอาไปจ่ายเป็นเงินเดือนทหารเหมือนกัน!" โม่จุนกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ "เจ้าคิดเหรอว่าพระพันปีหลวงไม่รู้ว่ามีการเปิดรับพนันเดิมพันกัน
โม่จุนเดิมทีอยากจะพูดเรื่องของเซียวหลิงเย่ว์ แต่พอได้ยินประโยคนี้ เขาก็ได้แต่พูด : "หรือว่าเจ้ายังสามารถช่วยไป๋ฉี่เฟิงได้งั้นเหรอ? แพทย์หลวงเองก็กำลังรักษากันอย่างสุดความสามารถ""ข้าเคยบอกแล้วว่ามีความสามารถหลายอย่าง เพียงแต่เจ้าไม่รู้เท่านั้น" มู่จิ่วซีกรอกตามองบนใส่เขาและก็เข้าไปในจวนไป๋ทันทีองครักษ์ของจวนไป๋เห็นท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีอยู่ไกลๆ ตั้งนานแล้ว ซึ่งไม่มีใครกล้าไปขวาง พวกเขาได้แต่คุกเข่าถวายคำนับท่านผู้สำเร็จราชการแทนแต่ว่าคนข้างในรู้ตั้งนานแล้วว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนและมู่จิ่วซีอยู่ที่หน้าประตู ดูเหมือนว่าเพราะเรื่องอะไรสักอย่างและกำลังทะเลาะกันอยู่แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของมู่จิ่วซีในตอนแรกเหมือนกับสีหน้าของคนต้องการฆ่าโม่จุนแทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลย"ไป๋ฉี่เฟิงอยู่ที่ไหน?" มู่จิ่วซีบุ่มบ่ามเข้าไปพร้อมกับคว้าข้ารับใช้คนหนึ่งมาถาม"คุณหนูใหญ่มู่ คุณชายสามอยู่ อยู่ที่เรือนหลินฟ้านขอรับ" ข้ารับใช้คนนั้นตกใจกับท่าทีดุร้ายของมู่จิ่วซีโม่จุนก็ได้เดินแซงนางเข้าไปข้างในมู่จิ่วซีก็รีบปล่อยข้ารับใช้คนนั้นและเดินตามเข้าไปพร้อมกับกล่าว : "ชื่อดีๆ ไม่รู้จักตั้ง ตั
"เจ้าคือใคร?" มู่จิ่วซีไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้"ข้าน้อยไป๋เอินลู่ เป็นลุงสองของไป๋ฉี่เฟิง" ไป๋เอินลู่รีบกล่าวถึงฐานะของตัวเองโม่จุนก็ถามขึ้นมา : "ข้างในมีใครอยู่? ไป๋ฉี่เฟิงเป็นไงบ้าง?""ทูลท่านผู้สำเร็จราชการแทน ด้านในมีท่านอัครมหาเสนาบดีและฮูหยินรอง รวมไปถึงแพทย์หลวงอีกสองคนขอรับ" ไป๋เอินลู่รีบกล่าวออกมามู่จิ่วซีก็พูดขึ้นมาทันที : "ข้าต้องการเข้าไปดู""คุณหนูใหญ่มู่ แพทย์หลวงกล่าวไว้ว่าห้ามเข้าไปรบกวน" ขณะพูดเขาก็มองไปที่นางอย่างรู้สึกยากลำบากใจ"น่าขำสิ้นดี ไม่ให้เข้าไปรบกวน? ข้างในมีคนตั้งมากมายขนาดนั้น แต่มีเพิ่มอีกสักคนสองคนก็คงไม่เยอะหรอกมั้ง เจ้าหลีกไปได้แล้ว" มู่จิ่วซีโมโหขึ้นมาโม่จุนก็กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ : "หลีกทางไปเถอะ"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเอ่ยปากออกมาแล้ว ไป๋เอินลู่ก็ได้แต่ต้องหลีกทางมู่จิ่วซีก็เดินเข้าไปด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุดเพื่อเดินเข้าไปยังด้านใน โม่จุนก็รีบเดินตามไปภายในห้องมีขนาดใหญ่มาก เห็นได้ชัดว่าไป๋ฉี่เฟิงซึ่งเป็นคุณชายสามได้รับการเลี้ยงดูดีมากขนาดไหนทั้งสามด้านของห้องล้วนมีหน้าต่าง แสงสว่างมีมากเพียงพอ อีกทั้งในห้องยังวางเต็มไปด้วยตะเกีย
โม่จุนพอได้ยินมู่จิ่วซีพูดประโยคนี้ มุมปากเขาก็กระตุกขึ้นเบาๆ จากนั้นเขาก็เบาใจลงได้ผู้หญิงคนนี้สามารถพูดอย่างโอหังได้ขนาดนี้ นางจะต้องมีความสามารถช่วยไป๋ฉี่เฟิงได้แน่เขาตอนนี้เข้าใจนางขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย"คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเซียนหรือไง?" อัครมหาเสนาบดีไป๋มองไปที่มู่จิ่วซี เขาถูกนงทำให้โกรธจนแทบอยากจะหัวเราะมู่จิ่วซีก็หัวเราะเยาะออกมา นางหันไปมองแพทย์หลวงอู๋และกล่าว : "แพทย์หลวงอู๋ หลอดเลือดตรงเอวของไป๋ฉี่เฟิงแตกใช่ไหม พอรักษาซ่อมหลอดเลือดได้ไม่สมบูรณ์ เลือดก็จะซึมไหลเข้าไปในช่องท่อง ทำให้เกิดแรงกดดันแน่นในอวัยวะภายใน คนไข้ก็เลยยิ่งวิกฤติขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม?"เดิมทีแพทย์หลวงอู๋ตกใจตะลึงกับคำพูดของมู่จิ่วซี แต่พอได้ฟังคำพูดของนางไปเรื่อย เขาก็พยักหน้าอย่างประหลาดใจ : "มู่จิ่วซีพูดได้ไม่ผิด คุณหนูใหญ่มู่เข้าใจศาสตร์แพทย์งั้นรึ?""ก็พอรู้อยู่บ้าง ให้ข้าลองเถอะ" มู่จิ่วซีพูด "เตรียมเข็มเงินให้ข้าชุดหนึ่ง"แพทย์หลวงอู๋ก็ไม่ได้หยิงผยอง ถึงอย่างไรพวกเขาก็มือไม้วุ่นวายรักษามาพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่อาจหยุดเลือดที่ซึมออกมาจากหลอดเลือดได้ เลยไม่กล้าที่จะปิดปากแผลด้านนอก"ม
ผ่านไปสักอึดใจหนึ่งก็หยิบเอาสำลีที่ซับออกมา ก็เห็นว่าเป็นเลือดที่ถูกดูดซึมออกมา จนสามารถเห็นรอยแปลตรงเส้นเลือดได้อย่างชัดเจน เนื่องจากแพทย์หลวงจัดการแผลได้ไม่สมบูรณ์ เลยมีผลให้เลือดยังคงใหลซึมออกมาภายใต้ความดันเลือดอันที่จริงไม่ใช่ว่าแพทย์หลวงไม่อยากจัดการให้สมบูรณ์ แต่เนื่องจากตำแหน่งแผลอยู่ลึกมาก ตอนจัดการเลยแทบจะไม่มีวิธีที่จะดูแผลที่อยู่ลึกด้านในได้ถึงแต่พอเห็นมู่จิ่วซีหยิบมีดขึ้นมา พร้อมกับกรีดหลอดเลือดที่ติดอยู่กับเนื้อให้ออกจากกัน พอเป็นแบบนี้ เนื้อที่ติดอยู่กับหลอดเลือดตรงปากแผลก็จะถูกยกขึ้นมาให้สูงขึ้นจากนั้นนางก็หยิบเข็มที่ร้อยด้ายแล้วเอามาเย็บตรงหลอดเลือดที่มีเลือดไหลออกมาให้ติดเข้าด้วยกันในตอนท้ายก็เย็บเนื้อ จากนั้นก็เอาเนื้อที่ติดอยู่กับหลอดเลือดเย็บเข้ากับเนื้อที่ถูกเฉือนด้านล่างเข้าด้วยกันหลายเข็ม (การอ้างอิงถึงความเฉพาะทาง เป็นการสมมุติล้วนๆ โปรดผู้อ่านจงแยกแยะจากความเป็นจริงๆ)ตอนนี้ เลือดก็ยิ่งไหลมากขึ้นมา เลยสงผลต่อการมองเห็น แต่มู่จิ่วซีเหมือนจะสามารถมองทะลุเลือดได้ นางลงมือได้อย่างรวดเร็วไม่นานนักก็จัดการหลอดเลือดเสร็จ นางใช้สำลีกดลงไปอีกครั้ง พอนางเห็นว
สายตาเย็นชาของโม่จุนก็มองไปที่จ้วงชิงเหมยพร้อมกับกล่าว : "ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้มู่จิ่วซีก็ช่วยแม่ของนางเองให้รอด นางได้ร่ำเรียนกับหมอเทวดาในยุทธภพมาบ้าง""เป็นไปได้ยังไง?" จ้วงชิงเหมยมองอัครมหาเสนาบดีไป๋ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ มือข้างหนึ่งของนางก็ได้จับคว้าไปที่แขนของอัครมหาเสนาบดีไป๋ อัครมหาเสนาบดีไป๋เจ็บจนคิ้วขมวด"เหมยเอ๋อร์ ฉี่เฟิงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คุณหนูใหญ่มู่ช่วยชีวิตฉี่เฟิงเอาไว้ได้" อัครมหาเสนาบดีไป๋ก็คล้องไปที่แขนของนางที่จับเขาไว้อยู่พร้อมกับพูดอย่างนุ่มนวลตอนนั้น มู่จิ่วซีก็ได้เดินออกมาจากข้างใน สองมือของนางที่เพิ่งล้างจนสะอาดก็กำลังเช็ดด้วยผ้าอยู่"ทำไม ฮูหยินรองไม่ได้หวังให้ข้าช่วยไป๋ฉี่เฟิงได้หรอกเหรอ?" มู่จิ่วซีพอเอ่ยปากก็เหน็บแนมในทันที"มู่จิ่วซี เจ้าพูดไร้สาระอะไร ข้าก็แค่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะช่วยเขาเอาไว้ได้" จ้วงชิงเหมยก็ถลึงตาสองข้างจ้องไปที่นางพร้อมกับกล่าว"เรื่องที่เจ้าคาดไม่ถึงมีอีกเยอะเลยล่ะ" มู่จิ่วซีกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย "เอาล่ะ ไป๋ฉี่เฟิงก็ดีขึ้นมาแล้ว งั้นเรื่องของไป๋ชิงล่ะ?"นางหันไปมองโม่จุนโม่จุนก็หันไปมองอัครมหาเสนาบดีไป๋และพูด
"คุณท่าน เมื่อก่อนท่านสัญญาจะให้ข้าได้เป็นคุณหญิงใหญ่ พระพันปีหลวงทรงไม่อนุญาต ข้าเองก็ถือซะว่าช่างมัน แต่ตอนนี้ฉี่เฟิงสภาพหนักขนาดนี้ ท่านก็ยังทำกับข้าเช่นนี้อีก หรือว่าลูกที่เกิดจากอนุภรรยาจะไม่ใช่ลูกของท่าน" จ้วงชิงเหมยร้องไห้ออกมา"จ้วงชิงเหมย เจ้าพอได้แล้ว!" มู่จิ่วซีพูดขัดขึ้นมาในทันที "เป็นอนุภรรยาก็ควรสำเหนียกในฐานะอนุภรรยา ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีหมายปองเจ้าที่หอชิงหยา พาเจ้ากลับมาที่จวน เจ้าจะได้มีวันนี้งั้นเหรอ? เจ้าไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เป็นแค่แขกสะเออะมาเป็นเจ้าบ้าน อัครมหาเสนาบดีไป๋ วันนี้ข้ามู่จิ่วซีขอบอกท่านไว้สักประโยค ฮูหยินใหญ่ไม่ได้จากไปเพราะป่วยอาการสาหัส แต่เพราะนางถูกพิษเรื้อรังของเงาดอกนิโลบลต่างหาก!"อัครมหาเสนาบดีไป๋และจ้วงชิงเหมยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากทันที"อะไรนะ? มู่จิ่วซี เจ้าพูดว่าอะไรนะ?" อัครมหาเสนาบดีไป๋ตกใจอย่างมาก ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นก็หันไปมองโม่จุนทันทีโม่จุนก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าว : "ไม่ผิดหรอก ฮูหยินใหญ่ถูกพิษของเงาดอกนิโลบลจนเสียชีวิต ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีคงเจ้ารู้จักพิษเรื้อรังเงาดอกนิโ