คํ่าคืนที่มืดมิด ในห้องใต้ดินที่มืดสนิทและเย็นยะเยือก ด้วยหิมะที่ตกลงมาไม่ขาดสายจากทางด้านบน แต่ทว่า...มีร่างของทาสผู้ตํ่าต้อยนอนหลับไหลไร้ซึ่งสติ ในห้องใต้ดินที่หนาวเหน็บ
"หนิงหลง เจ้าเอานํ้ามาราดเข่อซิงเดี๋ยวนี้ ราดจนกว่ามันจะฟื้น ถ้ามันยังไม่ฟื้นอีก เจ้าก็เฆี่ยนลูกน้อยของมัน จนกว่ามันจะฟื้นขึ้นมา" พ่อบ้านหยุนสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่เขาจะเมินหน้าหนีจากภาพที่อยู่ตรงหน้า เพราะว่าเขาเกลียดคนตระกูลหลิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากแย่งที่ดินทำกินกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เขาเคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับคนตระกูลหลิว มีเรื่องทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน พอเข่อซิงเข้ามาเป็นคนรับใช้ของตระกูลเจิ้ง ที่มีเขาเป็นผู้ดูแลบ้านอยู่ และเขารู้ว่าเข่อซิงตระกูลอะไร เขาก็หาทางแกล้งเข่อซิงสารพัด จนเข่อซิงกลายเป็นทาสที่ถูกลงโทษอยู่ตอนนี้
"ขอรับพ่อบ้านหยุน ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะลู่จิว" หนิงหลงพึมพำขอโทษเด็กน้อยเบาๆ หลังจากที่เขาก้มหน้ารับคำของพ่อบ้านหยุน ด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแล้ว เพราะว่าคำสั่งของพ่อบ้านหยุน เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะทำเลย มือที่สั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปที่ร่างของเด็กน้อยวัยสองขวบกว่า ที่กำลังนอนซุกอยู่ข้างกายของเข่อซิงผู้เป็นพ่อ เขาค่อยๆลากร่างของเด็กน้อยออกมาจากอ้อมกอดของเข่อซิงช้าๆ ที่เขาลากช้าๆ ไม่ใช่เขากลัวว่าเด็กน้อยจะตื่น แต่ที่เขาลากช้าๆ เพราะว่าเขาอยากจะให้เข่อซิงตื่นขึ้นมา เขาจะได้ไม่ต้องทรามานเด็กน้อยวัยสองขวบกว่าผู้น่าสงสารคนนี้ แม่ของเด็กน้อยต้องมาตายจาก เพราะว่าตกเลือดตอนคลอดออกมา ซํ้ายังมาถูกพ่อบ้านหยุนแกล้งสารพัด สองพ่อลูกต้องมานอนในห้องใต้ดิน ได้กินข้าววันละมื้อ และเป็นข้าวที่เหลือจากคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้งอีก และตอนนี้เขาไม่มั่นใจด้วยซํ้า ว่าเข่อซิงยังมีชีวิตอยู่ไหม เพราะว่าเมื่อคืนเข่อซิงโดนแส้ลงหลัง จนขาดใจตายตามที่คนงานในบ้านเขาลือกัน แต่ไม่มีใครกล้ารายงานพ่อบ้านหยุน ทุกคนอยากให้พ่อบ้านหยุนมาเจอศพของเข่อซิงด้วยตัวเอง
"แงะๆ แงะๆ แงๆ" ลู่จิวร้องไห้จ้า เมื่อเขาโดนรบกวนเวลานอน บวกกับอากาศที่หนาวเหน็บขึ้นมาฉับพลัน เพราะว่าเขาถูกดึงออกจากอกของผู้เป็นพ่อ
"เร็วสิ เจ้าอย่าชักช้า นี่มันก็จะเช้าแล้ว เข่อซิงเป็นคนรับใช้ของนายท่าน มันจะมานอนตื่นสายเช่นนี้ไม่ได้" พ่อบ้านหยุนตวาดหนิงหลง ที่ทำอะไรก็ดูเชื่องช้าไม่ทันใจเขาไปสะหมด
"ขอรับพ่อบ้านหยุน" หนิงหลงรีบปล่อยมือออกจากเด็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบเดินไปหยิบเอาถังนํ้าที่เตรียมเอาไว้แล้ว มาเทใส่เข่อซิงที่นอนนิ่งอยู่
ซ่า!! ซ่า!!
"เข่อซิงมัน มันไม่ฟื้นขอรับพ่อบ้านหยุน" หนิงหลงบอกกับพ่อบ้านหยุนเสียงสั่น
"แงๆ แงๆ ท่างป้อ ท่างป้อ" ลู่จิวร้องไห้พร้อมกับพยายามที่จะคลานเข้าไปหาพ่อ ด้วยความที่เขาง่วงแล้วก็หนาวจนสั่นไปทั้งตัว
"ไปเอาแส้มาฟาดลู่จิว ข้าจะดูสิ ว่ามันจะทนนอนได้อีกถึงเมื่อไหร่ เร็วสิ!!" พ่อบ้านหยุนหันไปมองหน้าของหนิงหลง ด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เพราะว่าหนิงหลงยืนก้มหน้านิ่งอยู่ ไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง
"พ่อบ้านหยุนขอรับ"
"ใครอยู่ข้างนอก"
"ข้าทำแล้วขอรับพ่อบ้านหยุน" หนิงหลงรีบเดินไปเอาแส้ที่วางไว้ไม่ไกลจากเขานัก เขาต้องจำใจทำ เพราะถ้าเขาไม่ทำตามคำสั่งของพ่อบ้านหยุน ก็จะเป็นเขาเองที่โดนแส้ลงหลัง
เปี๊ยะ!! เปี๊ยะ!!
หนิงหลงฟาดแส้ลงบนพื้นเสียงดังสนั่น เหมือนกับซ้อมมือก่อน ก่อนที่จะลงมือจริง แต่จริงๆแล้ว เขาต้องการที่จะทำเสียงดัง เพื่อให้เข่อซิงฟื้นขึ้นมาถ้ายังมีชีวิตอยู่
"แงๆ แงๆ แงๆ" ลู่จิวตกใจจนสะดุ้งไปทั้งตัว ก่อนที่เขาจะร้องไห้จ้าออกมาอีกครั้ง
"อื้อออ...ใครมาเสียงดังแถวนี้วะ คนจะหลับจะนอน"
"พ่อบ้านหยุนขอรับ เข่อซิงฟื้นแล้วขอรับ" หนิงหลงรีบรายงานพ่อบ้านหยุนด้วยความดีใจ ที่เขาจะได้ไม่ต้องทำร้ายเด็กน้อยผู้น่าสงสาร แล้วเข่อซิงก็ยังไม่ตายตามที่คนงานเขาลือกัน
"เข่อซิง!! เจ้าตื่นขึ้นมาทำงานได้แล้ว" พ่อบ้านหยุนเดินเข้าไปหาเข่อซิง ก่อนที่เขาจะใช้เท้าเขี่ยที่ใบหน้าของเข่อซิงด้วยความเกลียดชัง
"หือ? อะไรวะ ตีน!! มึงใช้ตีนเลยเหรอวะ โอ๊ะๆ ทำไมเจ็บระบมไปหมดทั้งตัวแบบนี้เนี่ย ที่นี่มันที่ไหน แล้วทำไมถึงลุกไม่ขึ้น แขนขาก็ขยับไม่ได้ ตามตัวก็ลายเหมือนโดนตีมาแบบนี้ ตะเกียง!! ที่ไหนวะเนี่ย ทำไมยังมีตะเกียง..."
"เข่อซิง!! เจ้าหยุดทำหน้างง แล้วลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว" พ่อบ้านหยุนตะคอกเข่อซิงเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เพราะว่าเข่อซิงเอาแต่นอนนิ่งกลอกตาไปมา พร้อมกับทำหน้างงอะไรสักอย่างอยู่ ไม่ยอมลุกขึ้นมาทำตามคำสั่งของเขาสักที
"เข่อซิง? ใครเข่อซิงวะ กูชื่อชัดนะ" ชัดพึมพำออกมาเบาๆอย่างไม่มั่นใจ เขาสบตากับคนตรงหน้าไม่หลบสายตาไปไหน เพราะเขาอยากดูให้แน่ใจ ว่าคนตรงหน้าเรียกใคร ก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆ ว่ามีคนอื่นอยู่อีกไหม ยิ่งมองไปรอบๆ ยิ่งทำให้เขางงเข้าไปใหญ่ เพราะว่าเขาไม่คุ้นกับที่นี่เลย เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และที่นี่คือที่ไหน แล้วการแต่งตัวอีกล่ะ เหมือนในหนังจีนสมัยเก่า ที่เขาเคยดูตอนเด็กๆเลย
"เจ้ากล้ามองหน้าของข้าเช่นนี้ เจ้าจะแข็งข้อกับข้าใช่หรือไม่ เข่อซิง!!" พ่อบ้านหยุนตะคอกถามเข่อซิง ที่สบตากับเขาไม่ยอมหลบอย่างที่ผ่านมา ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ที่ทาสผู้โง่เขลาและขี้ขลาดอย่างเข่อซิง จะกล้าสบตากับเขาได้นานขนาดนี้
"เข่อซิง?" ชัดถามออกมาเสียงเบา เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง นี่เขาพูดภาษาจีนได้เหรอ ไม่แค่นั้น เขายังเข้าใจภาษาจีนอีกด้วย
"ท่างป้อ ท่างป้อ หน๊าว ท่างป้ออุ้ง ข้า...ข้าหน๊าว" ลู่จิวคลานเข่าเข้าไปหาพ่อด้วยความดีใจ ที่พ่อของเขาตื่นแล้ว
"อะไรอีกเนี่ย" ชัดมองด้วยความงง ตลอดชีวิตเขาไม่เคยอุ้มเด็กมาก่อน ในชีวิตของเขาถือแต่ปืน ใช่...ถือปืน!! เขาจำได้ว่า เขาถูกนายสั่งให้ไปฆ่ารัฐมนตรีคนหนึ่ง แต่เขาโดนบอดี้การ์ดของฝั่งนั้นเป่าหัวมา เอ๊ะ!! นี่เขาตายแล้วเหรอ หรือว่าเขาแค่ฝันไป
"แงะๆ แงๆ ท่างป้ออุ้ง อุ้งข้า" ลู่จิวร้องไห้ออกมาอีกรอบ เมื่อพ่อไม่อุ้มเขา แถมทำหน้าเหมือนกับไม่รู้จักเขาอีก
"ป้อ? ป้ออะไรอีก อย่าบอกนะว่าเป็นลูกของกู อยู่ๆก็มีลูก นี่กูฝันอยู่ใช่ไหมวะ" ชัดมองไปตามเนื้อตัวของตัวเอง ยิ่งตอกยํ้าว่านี่ไม่ใช่ตัวเขา เขาไม่เคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ครึ่งค่อนชีวิต เขาใส่ยีนส์สีดำทั้งชุด พร้อมกับขับมอไซค์ ไปฆ่าคนตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ตื่นเถอะ...หรือถ้าตายไปแล้ว ก็ขอให้พ้นไปจากตรงนี้สะที ที่นี่มันทั้งสกปรก เหม็นอับ แล้วก็หนาวจนเข้ากระดูก แล้วนี่ใครก็ไม่รู้ มายืนมองหน้าแล้วออกคำสั่งกับเขา แล้วไหนจะเด็กคนนี้อีก ในชีวิตจริงเขาไม่เคยมีลูกมีเมีย เขาเป็นมือปืนที่คอยเก็บคนตามที่นายสั่งเท่านั้น
"หนิงหลง!!" พ่อบ้านหยุนหันไปเรียกหนิงหลงเสียงดัง
"ขอรับพ่อบ้านหยุน" หนิงหลงรีบก้าวขาเข้าไปหาพ่อบ้านด้วยท่าทางรีบร้อน
"จับไอ้เด็กนี่ไว้ เข่อซิงจะได้ออกไปทำงานสะที" พ่อบ้านหยุนสั่งหนิงหลงเสียงดังด้วยความไม่พอใจ เพราะว่าเข่อซิงไม่ยอมขยับตัวตามที่เขาต้องการ
"พ่อบ้านหยุนขอรับ เข่อซิง เข่อซิงเอ่อ...ขยับตัวไม่ได้...ขอรับ ข้าจะทำตามคำสั่งของคุณพ่อบ้านเดี๋ยวนี้แหละขอรับ" หนิงหลงมองไปที่เข่อซิงด้วยความสงสาร เพราะว่าเขาหรือคนรับใช้ในบ้าน ต่างก็คิดว่าเข่อซิงตายไปแล้ว เข่อซิงหยุดหายใจไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เพราะว่าโดนแส้ลงหลังอย่างหนัก แต่ไม่มีใครกล้ารายงานพ่อบ้านหยุน รอให้เช้าสะก่อน แต่พอมาถึงตอนนี้ เข่อซิงกลับฟื้นขึ้นมาอีก ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ เพราะว่าลูกของเข่อซิงจะได้ไม่ต้องไปเป็นขอทานที่ไหนสักแห่ง ตามที่พ่อบ้านหยุนต้องการ
"ท่างป้อ หิว...กิงก้าว ข้าหิวแย้ว กิงก้าว ท่างป้อ" ลู่จิวบอกกับพ่อเสียงอ้อน หลังจากที่เขาเดินเข้ามาหาพ่อแล้ว"ลู่จิวใช่ไหม ชื่อของเจ้า" ชัดถามเด็กน้อยด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนโยน ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงได้น่าสงสารขนาดนี้ หน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ผอมแล้วก็มอมแมมไปหน่อย ไม่หน่อยสิ ถึงขั้นสกปรกเลยแหละ รวมทั้งร่างที่เขาอาศัยอยู่นี่ด้วย กลิ่นเหม็นไม่รู้ว่าเหม็นห้องที่อาศัยอยู่ตอนนี้ หรือว่าเหม็นร่างนี้กับเด็กน้อยก็ไม่รู้ "ยู่ฉิว ท่างป้อ ยู่ฉิว" ลู่จิวพูดชื่อของตัวเองให้พ่อฟังจนปากจู๋"ลู่จิว เจ้าลองพูดอีกทีสิ ลู่จิว" ชัดบอกกับเด็กน้อยผู้น่าสงสารตรงหน้า ให้เด็กน้อยดูที่ปากของเขา เวลาที่เขาพูด"ยู่ฉิว ลู่ฉิว ม่ายอาว ม่ายพูกแย้ว ท่างป้อ ข้าหิวแย้ว กิงก้าว" ลู่จิวลุกขึ้นไปนั่งบนตักของพ่ออย่างออดอ้อน"หนาวไหม" ชัดกอดเด็กน้อยเอาไว้แน่นด้วยความสงสาร เพราะว่าเขาเองก็หิว แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน เพราะว่าแม้แต่แรงเดินแรงขยับตัวเขายังไม่มีเลย เขาก็เลยถามเด็กน้อยเรื่องอื่นไปเรื่อยๆ เผื่อจะทำให้เด็กน้อยลืมความหิวไปได้บ้าง"หิว...ท่างป้อ ข้าหิวแย้ว" ลู่จิวไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เขาหิวจนปวดท
"ม่าย!! ม่าย!! ม่ายอุ้งข้านะ ท่างป้อ ท่างป้อ ฉ่วยข้าย้วย ท่างป้อแงๆ แงๆ" ลู่จิวดิ้นสุดชีวิตไม่ยอมให้หนิงหลงอุ้มเขา แต่แรงของเด็กสองขวบกว่า มีเหรอจะสู้แรงของผู้ใหญ่ที่เป็นชายฉกรรจ์ได้"ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้นะ" ชัดตะโกนออกมาสุดเสียง แต่เสียงที่ออกมา มันเบาจนตัวเขาเองยังแทบจะไม่ได้ยินเลย เขาเป็นอะไรเนี่ย แม้แต่แรงขยับตัวยังไม่มีเลย ปกติเขาเข้ายิมตลอด เขาเป็นผู้ชายหุ่นหมี ตามที่เพื่อนๆชอบพูดกัน เพราะว่าเขาชอบเล่นกล้าม เขาเป็นมือปืน เขาต้องออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ตลอด พร้อมรับทุกงานที่นายสั่งมา"เข่อซิง ตัวของเจ้าเอง เจ้ายังเอาตัวเองไม่รอดเลย เจ้าพูดอะไรข้าก็ยังไม่ได้ยินด้วยซํ้า ตอนนี้ข้าจะเอาลูกของเจ้าไปเป็นขอทานที่ตลาด เจ้ายังไม่ปัญญามาห้ามข้าเลย หึหึ" พ่อบ้านหยุนหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความสะใจ ที่เขาเอาคืนคนตระกูลหลิวได้แล้ว ถึงจะเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเขาได้เอาคืนให้กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว"อื้ม...ทำไมถึงลุกไม่ได้ดังใจเลยวะ อะไรวะเนี่ย นี่กูฝันไปใช่ไหม ทำไมแขนกับขาถึงได้เล็กเรียวไม่มีกล้ามเลย กล้าม...กล้ามของกูหายไปไหนหมด" ชัดกัดฟันพยายามลุกขึ้นนั่งจนได้ ก่อนที่เขาจะตกใจกับ
"คุณหนูขอรับ ชุดที่สั่งตัดจากเมืองไถเป่ยมาถึงแล้วขอรับ เจียวหั่ว...เจ้ายกหีบนั่นเอามาวางไว้ตรงนี้" พ่อบ้านหยุนชี้บอกกับเจียวหั่วว่าให้เอาไปวางไว้ตรงไหน อย่างรู้ใจคุณหนูอี้เฉินของเขามากที่สุด"เร็วทันใจข้าจริง พ่อบ้านหยุน ท่านให้ใครไปตามซีห่าวกับจางลี่ ให้มาช่วยข้าลองชุดทีสิ" อี้เฉินบอกกับพ่อบ้านหยุนอย่างอารมณ์ดี ที่ชุดมาทันใจของเธอ ชุดที่เธอสั่งตัดมาใส่ในวันที่ดูตัวของเธอ ซึ่งจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้ เธอสั่งตัดชุดจากเมืองไถเป่ย ที่อยู่ห่างจากเมืองหย่งอานที่เธออยู่ ห่างออกไปไกลกันมาก เดินทางด้วยม้าใช้เวลาถึงสองวัน แต่เธอก็สั่งตัดชุดจากเมืองนี้ เพราะว่าเมืองไถเป่ย มีชื่อเสียงในเรื่องของการตัดชุดให้กับสาวงาม แล้วก็ตัดชุดให้กับลูกสาวของผู้ที่มันอันจะกินทั้งหลาย และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ตัดชุดจากเมืองนี้มาตลอดเช่นกัน"ขอรับคุณหนู" พ่อบ้านหยุนหันไปส่งสัญญาณให้กับเจียวหั่ว "ขอรับพ่อบ้านหยุน" เจียวหั่วก้มหน้ารับคำอย่างรู้งาน ก่อนที่เขาจะรีบไปทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้น ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เพราะว่าทุกคนต้องวุ่นวาย กับการเตรียมงานใหญ่ของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจิ้ง ถึงจะเป็นแค่งานดูตัว แต
"ท่างป้อ ท่างป้อตึ่ง ท่างป้อตึ่งเย็วๆ" ลู่จิวปลุกพ่อให้ตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ ที่อากาศไม่หนาวมากนัก แล้วร่างกายของเขาก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เมื่อวานท้องอิ่ม แล้วก็ได้กินยาแก้ไข้ไปแล้ว"อื้อ...หืออ ลู่จิว เจ้าปลุกพ่อทำไม" ชัดลืมตาขึ้นมาด้วยความงง แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น หลังจากที่เขาแบ่งซาลาเปาที่เหลือคนละครึ่งลูกกินกับลู่จิว แล้วเขาก็กินยาคล้ายกับยาลูกกลอนนั้นไปอีกสองเม็ดก่อนนอน เมื่อวานไม่มีใครมาหาเขาเลยนอกจากหนิงหลง ซึ่งเขาก็คิดว่าเป็นการดี ที่เขาจะได้มีเวลาฟื้นฟูสภาพของร่างกายให้แข็งแรงขึ้นกว่านี้"ท่างป้อ ข้าหิว ข้ากิงก้าว ท่างป้อข้ากิงก้าวแย้ว ข้ากิงอีก" ลู่จิวบอกกับพ่อด้วยนํ้าเสียงที่สดใส เพราะเขาคิดว่าเขาจะได้กินของอร่อยอย่างเมื่อวานนี้อีก"ลู่จิว รออีกสักครู่นะลูก เจ้ามานอนต่ออีกสักหน่อยไหม ถึงตื่นขึ้นมาเราก็ไม่มีอะไรทำ" ชัดบอกกับเด็กน้อย อย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง เขาคิดว่าการนอน กับการเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด จะช่วยทำให้ลดความหิวได้"ม่ายนองนะ ข้าม่ายนอง ท่างป้อ ข้ากิงก้าว ท่างป้อ ข้ากิงก้าวแย้ว ข้าม่าย
"พ่อบ้านหยุน...ท่านมองตาข้าสิ ท่านเห็นอะไรในแววตาของข้าบ้าง แววตามันโกหกไม่ได้หรอก" ชัดกัดฟันบอกกับพ่อบ้านหยุนเสียงกระซิบ หลังจากที่เขาเดินเข้าไปใกล้กับพ่อบ้านหยุน แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนใบหน้าเกือบติดกับใบหน้าของพ่อบ้านหยุน พ่อบ้านหยุนผงะไปทางด้านหลังด้วยความตกใจ"เข่อซิงเจ้า!!...""พ่อบ้านหยุนต้องการอะไรจากข้าเช่นนั้นรึ ข้าก็พร้อมที่จะไปหาท่าน ตามคำสั่งแล้วนี่ไงเล่า" ชัดเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ในขณะที่พ่อบ้านหยุนยืนอ้าปากค้าอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะว่าเข่อซิงคุกคามเขา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขามาก่อน โดยเฉพาะเข่อซิงที่ไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"พ่อบ้านหยุนขอรับ คุณหนูอี้เฉินให้มาตามขอรับ" ฮุ่ยซิวเดินเข้าไปบอกกับพ่อบ้านหยุน ด้วยท่าทางที่สุภาพ"ข้าก็ต้องไปด้วยใช่หรือไม่" ชัดถามคนที่มาใหม่ เมื่อเขาเห็นว่าพ่อบ้านหยุนยังโมโหจนพูดอะไรไม่ออกอยู่"เข่อซิง...เจ้าตามข้ามา" พ่อบ้านหยุนกัดฟันบอกกับเข่อซิงเสียงกระซิบ เพราะว่าเขาเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำเข่อซิงไป โดยที่เขาไม่มองหน้าของใครทั้งนั้น"เอาล่ะ มีเรื่องอะไรกัน เริ่มจากเข่อซิงก่อน เดี๋ยวจะหาว่าข้ารังแ
"ลู่จิว ลู่จิว เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าจะมาหลับอะไรตอนนี้เนี่ย" ชัดพึมพำเบาๆอยู่คนเดียวอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี หลังจากที่พวกเขาออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้ เขาก็พาลู่จิวมาหลบทางด้านหลังของบ้าน แล้วปลดผ้าห่มผืนเก่าออก เพราะว่าเขาจะปลุกลู่จิวให้ตื่น เพื่อที่เขาจะได้ถามลู่จิวว่า ห้องพักที่ลู่จิวกับพ่อเคยพักอยู่ที่ไหน แต่ลู่จิวเหมือนจะกินเยอะไปหน่อย ก็เลยนอนหลับลึก"อื้อ...ท่างป้อ ข้า...ข้านองนะ" ลู่จิวบอกกับพ่อเสียงอู่อี้ ในขณะที่พ่อจับเขาให้ยืนอยู่ เพื่อปลุกเขาให้ตื่น เขาตัวโอนเอนไปมา เหมือนคนที่ยืนหลับอยู่อย่างนั้นแหละ"เรากลับไปนอนที่ห้องพักของเรานะ ลู่จิว...ห้องพักของเราอยู่ที่ไหน" ชัดกระซิบถามลู่จิวเสียงเบา เพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะได้ยินที่เขาถามลู่จิว"นอง ท่างป้อ ข้านอง...""ตื่นก่อน แล้วค่อยไปนอนที่ห้องพัก" ชัดพูดพร้อมกับเขย่าตัวของลู่จิวเบาๆ เพื่อปลุกให้ลู่จิวตื่น"เข่อซิง เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ข้าได้ยินพวกคนงานเขาคุยกัน ว่าคุณหนูอี้เฉินให้เจ้ากลับไปพัก ที่ห้องของเจ้าได้แล้วไม่ใช่รึ แล้วพรุ่งนี้ คุณหนูก็ห้ามให้เจ้ากับลู่จิวออกมาจากห้องด้วย" หนิงหลงลงไปนั่งยองๆข้างเข่อซิง
"ลู่จิว เจ้านั่งเล่นอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปต้มนํ้าให้เจ้าอาบ" ชัดตะโกนบอกกับลู่จิวเสียงดัง ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพราะว่าไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก ก่อนที่เขาจะหิ้วถังนํ้ารีบเดินเข้าไปในห้องพัก พอเขาเข้ามาในห้องพักได้ เขาวางถังนํ้าเอาไว้ในห้องนํ้า แล้วเขาก็รีบเดินออกไปทางหน้าบ้านพัก เขาเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ของบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกัน แล้ววิ่งเลาะริมลำธารไปใกล้ๆ กับคนที่กำลังแอบซุ่มดูเขาอยู่ เขาอยากรู้ว่าใครที่มาแอบซุ่มดูเขาอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร เรื่องที่แอบซุ่มดูแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย เพราะว่าที่เขาเป็นมือปืนได้ เขาไม่ได้จับฉลากมาหรือโชคช่วยแต่อย่างใด ทีแรกก่อนที่เขาจะมาเป็นมือปืน เขาก็เป็นเดนคนมาก่อน และก่อนที่เขาจะได้มาเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของนาย เขาเคยเป็นขโมยและเป็นโจรมาก่อน จนนายให้เขามาทำงานด้วย และฝึกให้เขายิงปืน จนเขากลายมาเป็นมือขวาของนาย และการที่จะฆ่าใครสักคน ไม่ใช่ไปแล้วยิงเป้าหมายเลย เขาต้องไปซุ่มดู ไปเรียนรู้พฤติกรรมของเป้าหมาย และจนแน่ใจแล้วว่าใช่คนที่นายสั่ง เขาถึงลงมือ และเขาจะลงมือยิงเป้าหมาย โดยที่เขาจะต้องหาทางหนีทีไล่ไม่ให้ถูกจับได้ด้วย เรีย
"ท่างป้อ ข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้า...""ลู่จิว เจ้าฟังพ่อนะ ถ้าพ่อบอกให้เจ้าเงียบ เจ้าต้องเงียบ เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดหรือไม่ลู่จิว" ชัดถามพร้อมกับพยายามใส่เสื้อผ้าให้ลู่จิวรัดกุมมากที่สุด หลังจากที่เขาใส่ให้กับตัวเองด้วยชุดที่รัดกุมสีเทาดำเรียบร้อยแล้ว เขากับลู่จิวกินข้าวกลางวันกันอิ่มแล้ว เขาให้ลู่จิวกินข้าวอิ่มให้เต็มที่ ลู่จิวจะได้หลับเร็วๆ ในขณะที่เขากินข้าวอิ่มไปเพียงแค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเขาต้องการความคล่องตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้"ท่างป้อข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้าใฉ่" ลู่จิวสบตากับพ่อ พร้อมกับพยายามที่จะใส่เสื้อผ้าเองไปด้วย"เจ้าให้พ่อใส่ให้นะลู่จิว เดี๋ยวคราวหน้าพ่อจะให้เจ้าใส่เองอย่างเมื่อคืนไงเล่า" ชัดพูดกับลูกชายตัวน้อยด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนโยน ตอนนี้เขายอมรับได้แล้วว่าเขามีลูก เพราะว่าทำยังไง เขาก็ไม่ตื่นจากความฝันนี้สะที หรือถ้าให้เขาเลือกได้ เขาก็คงยังไม่เลือกที่จะตื่น จนกว่าเขาจะได้ช่วยเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้สะก่อน และอยู่ด้วยกันมา เขาเริ่มผูกพันกับเด็กน้อยที่ยังบริสุทธิ์คนนี้ ที่ทุกอย่างยังเป็นสีขาวสำหรับเด็กน้อยอยู่"ท่างป้อใฉ่..."แกร๊บ แกร๊บ"ลู่จิว เจ้านอนก่อ
"เข่อซิง ข้ากับเจ้าทำงานกันมานานแล้ว เจ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ ข้ากับเจ้าควรจะหาที่พักผ่อนอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เจ้าว่าดีหรือไม่เล่า" หลี่หยางถามเข่อซิงเสียงนุ่ม ในขณะที่เข่อซิงกำลังนั่งทำซาลาเปาอยู่อย่างตั้งใจ หลังจากที่พวกเขากลับมาจากไปเที่ยวที่บนหุบเขา เวลาก็ล่วงเลยมานานหลายเดือน จนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกแล้ว พวกเขากลับมาอยู่ที่ร้านขายผ้า ที่หัวเมืองเหอเป่ย์ตามเดิม เข่อซิงก็กลับมานั่งหัดทำซาลาเปาจนเก่ง แล้วตอนนี้เข่อซิงก็เปิดร้านขายเครื่องดื่มคู่กับซาลาเปา เป็นร้านแรกที่ทำร้านหรูหราใหญ่โต และมีภาชนะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนเมืองเหอเป่ย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าหลี่หยางทำภาชนะใส่เครื่องดื่มกับจานชาม จากสแตนเลสสตีลมาใช้ในร้านของเข่อซิงเป็นที่แรก พร้อมกับวางขายในร้านที่เปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง และตอนนี้หลี่หยางก็มีร้านขายพวกแก้วกับจานชามเพิ่มที่หัวเมืองเหอเป่ย์ รวมกับพวกร้านขายผ้ากับร้านขายไม้ แล้วก็เครื่องประดับสี่ร้านด้วยกัน ไม่รวมกับร้านอาหารของเข่อซิง ส่วนลู่จิวได้ไปอยู่ที่บ้านเกิดของหลี่หยาง เพื่อไปเรียนแล้วก็อยู่กับปู่กับย่า ก่อนที่ลู่จิวจะถูกส่งไปเรียนตามหัวเมือ
"หือ...คุณชาย!!หนาวหรือขอรับ เหตุใดท่านถึงได้มานอนเบียดข้าเช่นนี้" ชัดถามด้วยนํ้าเสียงที่งัวเงีย เมื่อเขาโดนเบียดแปลกๆ ที่ว่าแปลกๆ เพราะว่าคนที่เบียดเขาตัวอุ่นๆเหมือนกับอุ่นเนื้อ เหมือนกับถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วอย่างนั้นแหละ และน่าจะใช่อย่างที่เขาคิด เพราะว่าคนที่นอนเบียดเขา มือไม้เริ่มไม่อยู่นิ่งแล้ว ในขณะที่ตอนนี้เขากับคุณชายหลี่นอนอยู่ในกระโจม ที่อยู่ในหุบเขา ซึ่งบนเขาอากาศหนาวมาก ถึงใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้วก็เถอะ"เข่อซิง...ข้ากับเจ้า เราเป็นคนรักกันมานานโขแล้ว และข้าก็รอให้แผลที่ท้องของเจ้าหายมานานแล้วเช่นกัน ข้ายังต้องรอสิ่งใดอีกเช่นนั้นหรือ" หลี่หยางไม่ถามเปล่า เขาถอดเสื้อผ้าออกให้กับเข่อซิงไปด้วย"คุณชาย...คุณชายเออ... เคยนอนกับ นอนกับผู้ชาย...""เจ้าจะถามข้า ว่าข้าเคยนอนกับชายด้วยกันไหม ใช่หรือไม่" หลี่หยางกระซิบถามข้างหูของเข่อซิงเสียงกระเส่า มือก็ลูบไล้ไปที่หน้าท้องแบนราบ ของคนที่นอนนิ่งให้เขากอดได้อย่างตามใจ เขาลูบไล้เลยไปที่ท่อนเอ็น ที่เริ่มแข็งชี้โด่ขึ้น ตั้งแต่ถูกถอดเสื้อผ้าออกในยามที่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้"ซี๊ส...คุณชายขอรับ อ่า...ข้าไม่สงสัยแล้วขอรับ อื้ออออ" ชัดครางเสียงแ
"เข่อซิง...เหตุใดเจ้าถึงได้เงียบเช่นนี้เล่า เจ้าไม่ดีใจเช่นนั้นหรือ ที่ข้าคิดเช่นเดียวกับเจ้า หรือว่าเจ้าพูดว่ารักข้า เจ้าแค่หยอกล้อข้าเล่นเท่านั้น" หลี่หยางถามเข่อซิงที่นั่งเงียบมาตลอด ตั้งแต่เขาบอกว่า เขาคิดแบบเดียวกันกับเจ้าตัวแล้ว ในขณะที่ตอนนี้พวกเขา เข้ามาอยู่ในห้องพักกันเพียงลำพังสองคนแล้ว เข่อซิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เพราะว่าเขาต้องนอนพักหลังมื้ออาหารเช้า และยาต้มสมุนไพรที่เขาได้ดื่มไปแล้ว"หาเป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ข้าดีใจจนข้าพูดสิ่งใดไม่ออกต่างหากเล่า ข้าไม่คิดว่าทาสอย่างข้า จะมีชายที่สูงศักดิ์อย่างคุณชายหลี่มารักข้าได้ แล้ว...เออ...ท่านพ่อกับท่านแม่ของคุณชายเล่า พวกท่านจะยอมรับได้หรือไม่ขอรับ" ชัดถามเสียงเศร้า เพราะว่าถึงเขาจะดีใจ ที่คุณชายหลี่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันกับเขา แต่ความรักของชายที่รักกับชาย ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ยิ่งเป็นสมัยเก่าอย่างนี้ด้วย อย่าว่าแต่สังคมไม่ยอมรับเลย สังคมยังไม่รู้จักด้วยซํ้ามั้ง และนี่คือเหตุผลที่เขานั่งเงียบ เพราะว่านอกจากที่เขากับคุณชายจะใจตรงกันแล้ว แล้วต่อไปจะใช้ชีวิตกันยังไง เขายังคิดไม่ออกเลย เขามัวแต่คิดว่าชีวิตไม่ได้ยืนยาว อยากทำอะไรก็ให้รีบท
"คุณชายขอรับ ข้าอยากเดินออกไปที่หน้าร้านขายผ้า ข้าอยากเห็นร้านซาลาเปา ว่ายามเช้าเช่นนี้มีลูกค้าหรือไม่ ข้าขอเดินออกไปได้หรือไม่ขอรับ" ชัดขอคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่แหบเบา เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าของวันต่อมา เขามองไปรอบๆแล้ว เขาจำได้ว่าเขานอนอยู่ที่ไหน เพราะว่าเมื่อวาน หลังจากที่เขากินซุปข้าวโพดอิ่มแล้ว เลี่ยงเฟิ่งก็ให้เขาดื่มยาต้มสมุนไพรไปถ้วยหนึ่ง เขาก็หลับยาวจนมาถึงเช้าเลย ระหว่างทางเจออะไรบ้าง เขาเข้ามานอนในห้องพักตรงนี้ได้ยังไง เขายังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น จนเขาอยากจะลองเดินออกไปดูที่หน้าร้านขายผ้า ว่าที่หน้าร้านขายผ้า รถเข็นไม้ที่เขาใช้ขายซาลาเปา ยังอยู่เหมือนเดิมไหม และยังมีลูกค้าอยู่หรือเปล่า"เจ้าจะออกไปได้เช่นไร เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ข้า...""คุณชายหลี่พาข้าออกไปได้หรือไม่เล่า ข้ารู้สึกว่าอยากออกไปข้างนอก นอนอยู่เช่นนี้ ข้าปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแล้วขอรับ" ชัดขอร้องคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่ออดอ้อน เอาสิ เขาอ้อนขนาดนี้ ถ้าคุณชายหลี่ยอมใจอ่อนพาเขาไป ก็แสดงว่าคุณชายหลี่ต้องมีใจให้กับเขาบ้างแหละวะ ที่เขากล้าอ้อนคุณชายหลี่เช่นนี้ เพราะว่าเม
"คุณชายหลี่ขอรับ รถม้าพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางขอรับ" อู๋ห่างบอกกับคุณชายหลี่ หลังจากที่เขาดูคนของเขา ขนของขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีรถม้าสองคัน โดยที่รถม้าคันหนึ่ง ขนเสบียงกับพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นในการรักษาเข่อซิง และอีกคันหนึ่ง ให้ลู่จิวกับอันฉีแล้วก็เข่อซิงนอน และมีเลี่ยงเฟิ่งนั่งไปด้วย เพื่อดูแลเข่อซิงในระหว่างทาง ส่วนเขากับซิงเยียน แล้วก็คุณชายหลี่กับคนของเขาขี่ม้าไป ไปครั้งนี้เขาพาคนของเขาไปเยอะกว่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันภัยจากพวกโจรระหว่างทาง "หลี่หยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ พ่อหาได้เห็นด้วยกับเจ้าไม่ แต่พ่อก็บังคับเจ้าไม่ได้ เพราะว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว" พ่อพูดกับลูกชายเสียงเครียด "ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่ขอรับ ข้าต้องขออภัย ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลกับข้า สิ่งใดที่ข้าได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าข้าจะตัดสินใจผิดพลาด แต่ข้าก็เป็นคนตัดสินใจเอง ข้าขอให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้ ข้าจะทำปัจจุบันของข้าให้ดีที่สุด เพราะว่าปัจจุบันจะบ่งบอก ว่าอดีตกับอนาคตของข้าจะไปในทิศทางไหน ทุกอย่างข้าเลือกเอง ข้าก็พร้อมที่จะรั
"เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางเดินเข้ามาในห้องรักษา ในช่วงคํ่าของวัน หลังจากที่เขาได้นอนพักเต็มอิ่มแล้ว"อาการของเข่อซิงยังคงที่ขอรับ โชคดีที่ไม่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ข้าคอยเช็ดตัวแล้วก็คอยหยดยาต้มสมุนไพร ให้เข่อซิงกินทีละหยดขอรับ อย่างน้อยก็เป็นยาช่วยสมานแผล ในยามที่เข่อซิงไม่ได้สติอยู่เช่นนี้ และยาสมุนไพรตัวนี้ แก้ไข้ได้ด้วยขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งตอบคำถาม พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตามตัวให้กับเข่อซิงไปด้วย"เลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคิดว่า เออ...เข่อซิงจะรอดพ้นคืนนี้ได้หรือไม่" หลี่หยางถามเสียงเบา เมื่อเขาเห็นสภาพเข่อซิงนอนตัวขาวซีด กว่าตอนก่อนที่เขาจะขึ้นไปนอนพักเสียอีก สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดที่เข่อซิงชอบบอกกับเขา มันเข้ามาในความรู้สึกของเขาตอนนี้ ว่าชีวิตของคนเรามันไม่ได้ยืนยาว แต่มันก็ไม่ควรที่จะสั้นขนาดนี้ไม่ใช่หรือ"ข้าตอบไม่ได้ขอรับ แต่ก็มีเรื่องดีอยู่นะขอรับ ที่เข่อซิงไม่มีอาการไข้ตัวร้อน นั่นหมายความว่า แผลที่ท้องของเข่อซิงไม่เกิดการติดเชื้อด้านในขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดปลอบใจคนถาม เพราะว่าตอนนี้ใบหน้าของคุณชายหลี่ดูเป็นกังวล จนเ
"คุณชายหลี่...""เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่ร้อนใจ เมื่อเลี่ยงเฟิ่งเปิดม่านประตูออกมาจากห้องรักษา ในขณะที่เขาเดินวนไปมาที่หน้าห้อง เพื่อรอฟังอาการของเข่อซิง เขามาถึงนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าเปิดม่านเข้าไป เพราะเขากลัวว่าจะรบกวนเลี่ยงเฟิ่งในขณะที่กำลังรักษาเข่อซิงอยู่"เข่อซิงเสียเลือดมากขอรับ ถ้าผ่านวันนี้ไปได้อาจจะมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่พ้นวันนี้...""เจ้าต้องการสิ่งใด ต้องการยาชนิดไหนเลี่ยงเฟิ่ง ข้าจะให้คนไปตามหามาให้เจ้า แต่เจ้าต้องช่วยชีวิตของเข่อซิงให้กลับมา...""ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว คุณชายขอรับ...ท้องของเข่อซิง ถูกแทงเข้าไปโดนจุดสำคัญหลายจุด ทำให้เสียเลือดมาก คุณชายเข้าไปดูเข่อซิงสิขอรับ เข่อซิงตัวซีดขาวเพราะว่าเสียเลือดมาก ข้าเย็บแผลใส่ยาและห้ามเลือดให้แล้ว ที่เหลือแค่เพียงรอ เออ...รอให้เข่อซิงฟื้นขึ้นมาเท่านั้นขอรับ เรื่องยารักษาข้ามีเพียงพอแล้วขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดทั้งที่คุณชายหลี่ นั่งลงไปบนเก้าอี้หน้าห้องอย่างคนที่หมดแรงแล้ว"คุณชายขอรับ คุณชายขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถิดขอรับ นี่มันก็สายมากแล้ว ลู่จิวกับนายท่านทั้งสอง ลงมาจากบนบ้านใหญ่แล้ว
"หมดแรงแล้วใช่หรือไม่ไอ้เด็กน้อย เจ้าเตรียมตัวตายตามท่านอี้เจ๋อกับท่านไฉ่หงสะเถิด" หนึ่งในกองโจรที่ปิดหน้าอยู่ เดินเข้าไปหาชายตัวเล็กที่เริ่มหมดแรง ที่จะเก็บก้อนหินปาใส่พวกเขาแล้ว หลังจากที่สหายของเขาหัวแตกกันแทบจะทุกคนแล้ว ในขณะที่สหายของชายตัวเล็กผู้นี้ กำลังต่อสู้กับสหายของพวกเขาอยู่อีกด้าน"เข้ามาเลย ข้ารอพวกเจ้าอยู่" ชัดกวักมือเรียกพวกโจรยิกๆ ทั้งที่เขาเหนื่อยจนใจแทบจะขาดแล้ว โดยที่มืออีกข้างหนึ่งเขากำก้อนหินเอาไว้แน่น เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวครั้งสุดท้าย เพราะว่าเขาไม่มีโอกาสได้ก้มลงไปเก็บก้อนหินอีก พวกโจรมันล้อมเขาเอาไว้ในระยะประชิดตัวแล้ว แต่เขาก็ทำหน้าว่ามีไพ่ที่เหนือกว่า จนพวกโจรมันลังเลไม่มั่นใจ ว่าทำไมเขาตัวเปล่า ถึงไม่ท่าทีว่ากลัวพวกมันเลย"เข่อซิง!!" หลี่หยางมองไปที่เข่อซิงด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าเข่อซิงไม่มีอาวุธอะไรในมือเลย แต่เขายังไปช่วยไม่ได้ เพราะพวกโจรก็รุมเขาอยู่ไม่ต่างจากซิงเยียนและเข่อซิงเลย "ฆ่ามันสิ พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่เล่า!!" หนึ่งในกองโจรที่ล้อมคนตัวเล็กเอาไว้อยู่สั่งขึ้น เมื่อไม่มีใครเข้าไปฆ่าผู้ชายตัวเล็กที่กวักมือเรียกพวกเขาอยู่สักที"ไม่เปิดกันใช่ไหม งั้น
"คุณชายหลี่ พวกโจรมันตามมาขอรับ" ซิงเยียนหันไปตะโกนบอกกับคุณชายหลี่ พร้อมกับควบม้าไปด้วยไม่หยุด พวกเขาช้าไม่ได้ เพราะว่าพวกโจรตามมาเร็วมาก"ท่านซิงเยียน ข้าขอมีดสั้นของท่านได้หรือไม่" ชัดตะโกนไปสุดเสียง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในขณะที่คุณชายหลี่กับซิงเยียน จะต้องควบม้าหนีพวกโจร ที่เขาหันไปดูแล้วตามมาเป็นสิบเลย ทั้งคนทั้งม้า"เข่อซิง...เจ้าคิดจะทำสิ่งใด" หลี่หยางถามเข่อซิง ก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านหลัง ที่ตอนนี้ม้าของพวกโจรวิ่งใกล้เข้ามาแล้ว เขาคิดว่าซิงเยียนจะเอามีดสั้นมาให้เข่อซิงได้ยังไง ไหนเมื่อพวกเขาต้องรีบหนี ไม่สามารถหยุดม้าได้"ข้าจะต้องหยุดพวกมัน ไม่ให้ตามพวกเรามาได้ ถ้ามีดสั้นไม่มี ข้าขอใช้ดาบของท่านได้หรือไม่" ชัดหันไปถามคุณชายหลี่ แต่มือของเขาก็ดึงดาบของคุณชายหลี่ออกมาจากฝักแล้ว ถึงเขาจะใช้ดาบไม่เป็น แต่ก็ดีกว่าไม่มีอาวุธอะไรเลย เพราะว่าซิงเยียนเองก็ต้องควบม้าหนี คงจะเอามีดสั้นมาให้เขาไม่ได้"เจ้าใช้ดาบเป็นเช่นนั้นรึ" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่เป็นห่วง สายตาของเขาก็มองไปข้างหน้า เพื่อที่จะหนีพวกโจรให้ได้"พวกเจ้าตามมา อยากได้ของมีค่าใช่หรือไม่" ชัดเอี้ยวหน้าไปถามพวกโจร โดย