"พ่อบ้านหยุน...ท่านมองตาข้าสิ ท่านเห็นอะไรในแววตาของข้าบ้าง แววตามันโกหกไม่ได้หรอก" ชัดกัดฟันบอกกับพ่อบ้านหยุนเสียงกระซิบ หลังจากที่เขาเดินเข้าไปใกล้กับพ่อบ้านหยุน แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนใบหน้าเกือบติดกับใบหน้าของพ่อบ้านหยุน พ่อบ้านหยุนผงะไปทางด้านหลังด้วยความตกใจ
"เข่อซิงเจ้า!!..."
"พ่อบ้านหยุนต้องการอะไรจากข้าเช่นนั้นรึ ข้าก็พร้อมที่จะไปหาท่าน ตามคำสั่งแล้วนี่ไงเล่า" ชัดเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ในขณะที่พ่อบ้านหยุนยืนอ้าปากค้าอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะว่าเข่อซิงคุกคามเขา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขามาก่อน โดยเฉพาะเข่อซิงที่ไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
"พ่อบ้านหยุนขอรับ คุณหนูอี้เฉินให้มาตามขอรับ" ฮุ่ยซิวเดินเข้าไปบอกกับพ่อบ้านหยุน ด้วยท่าทางที่สุภาพ
"ข้าก็ต้องไปด้วยใช่หรือไม่" ชัดถามคนที่มาใหม่ เมื่อเขาเห็นว่าพ่อบ้านหยุนยังโมโหจนพูดอะไรไม่ออกอยู่
"เข่อซิง...เจ้าตามข้ามา" พ่อบ้านหยุนกัดฟันบอกกับเข่อซิงเสียงกระซิบ เพราะว่าเขาเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำเข่อซิงไป โดยที่เขาไม่มองหน้าของใครทั้งนั้น
"เอาล่ะ มีเรื่องอะไรกัน เริ่มจากเข่อซิงก่อน เดี๋ยวจะหาว่าข้ารังแกเจ้า เข่อซิง...เจ้ามีอะไรจะบอกกับข้าหรือไม่" อี้เฉินมองหน้าของเข่อซิงนิ่งอย่างรอคำตอบ ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนโซฟาตัวหรู อย่างกับนางพญาในห้องโถงของบ้าน มีพ่อบ้านหยุนกับเข่อซิง แล้วก็เหล่าคนรับใช้ยืนห่างจากเธอออกไปพอประมาณ
"ไม่มี ข้าถูกเรียกให้มาที่นี่ คนที่เรียกข้าต้องเป็นคนบอกกับข้าไม่ใช่รึ ว่าเรียกข้ามาที่นี่ทำ..."
"เข่อซิง!! เจ้าพูดกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง..."
"หยุดก่อนพ่อบ้านหยุน ก็จริงของเข่อซิง งั้นข้าจะเป็นคนถามเจ้าเอง เจ้าออกมาจากห้องใต้ดินได้อย่างไร ใครเป็นผู้อนุญาตให้เจ้าออกมา" อี้เฉินยกมือห้ามพ่อบ้านหยุนให้หยุดพูด ก่อนที่เธอจะถามพร้อมกับยิ้มให้เข่อซิง อย่างเจ้านายที่มีคุณสมบัติที่ดีและมีเมตตา ทั้งที่ในใจของเธอตอนนี้ เธออยากจะสั่งให้พ่อบ้านหยุน เอาแส้ลงหลังของเข่อซิงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะว่าคำพูดของเข่อซิงเมื่อกี้ ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ด้วยความโกรธและอาย แต่เธอก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ เพื่อไม่ให้คนรับใช้ในบ้านเห็น
"ข้าออกมาจากห้องใต้ดินได้ เพราะว่าพ่อบ้านหยุนเป็นคนเปิดประตูให้ เพื่อให้ข้าออกมาทำงานช่วยคนอื่นๆ ใช่หรือไม่พ่อบ้านหยุน" เข่อซิงหันไปถามพ่อบ้านหยุนพร้อมกับยิ้มกว้างให้
"เข่อซิง...ข้าไม่ได้เปิดประตูให้เจ้าออกมา เจ้าออกมา..."
"จุ๊ๆ ถ้าพ่อบ้านหยุนไม่เปิดประตู แล้วข้าจะออกมาได้อย่างไรเล่า ท่านให้ข้ามาช่วยงานคนอื่น ข้าก็แค่รีบออกมากินข้าวก่อน เพื่อที่จะมาช่วยคนอื่นทำงาน แต่ถึงข้าจะรีบแล้ว ก็ยังไม่ทันใจพ่อบ้านหยุนอีก แล้วไม่อยากให้ข้าทำงานให้แล้วรึ ถึงเรียกให้ข้ามาคุยอยู่ตรงนี้" ชัดถามคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจิ้งยิ้มๆ
"เข่อซิง!! เจ้าออกมาจากห้องใต้ดินเอง โดยที่ข้าไม่ได้อนุญาต..."
"แล้วทำไมข้าต้องรอให้ใครสักคนอนุญาตด้วยเล่า ข้าเป็นคนงาน ที่มาทำงานเพื่อแลกเงิน ไม่ใช่นักโทษ ที่จะถูกขังโดยที่ไม่รู้ความผิดของตัวเอง" ชัดเถียงสวนกลับไปอย่างไม่ยอม ในขณะที่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง นั่งคอเชิดตั้งตรงอยู่โดยที่ไม่ห้ามอะไร ที่คนรับใช้ในบ้านทะเลาะกัน เพราะว่าเธอกำลังนั่งคุมสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้อยู่ เธอก็เลยปล่อยให้พ่อบ้านหยุนจัดการเข่อซิงไปก่อน
"เจ้าลืมไปแล้วรึ ว่าที่เจ้าโดนขังที่ห้องใต้ดิน เพราะว่าเจ้าทำแจกันของคุณหนูอี้เฉินตกแตก ในขณะที่เจ้ากำลังยกของอยู่..."
"แค่แจกันตกแตก ทำไมท่านไม่หักเงิน..."
"หักเงินอะไรของเจ้า...เข่อซิง เจ้าฝันอยู่รึ แจกันที่เจ้าทำตกแตก เจ้าทำงานที่นี่จนตาย เจ้ายังชดใช้ให้กับคุณหนูไม่หมดด้วยซํ้า" พ่อบ้านหยุนสวนกลับทันทีเช่นกัน
"ท่านเห็นกับตารึ ว่าข้าเป็นคนทำแจกันแตก" ชัดถามกลับไป เมื่อเขานึกขึ้นได้ ว่าที่นี่ยังไม่มีกล้องวงจรปิดแน่นอน
"เข่อซิง!! เจ้าพูดแบบนี้ เจ้าจะไม่รับผิดเช่นนั้น..."
"ข้ารับผิดแน่ ถ้ามีหลักฐานว่าข้าทำผิด และถ้ามีหลักฐาน ก็จับข้าส่งทางการสิ อย่ามาตัดสินความผิดกันเองเช่นนี้" ชัดเถียงกลับไปพร้อมกับพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ เมื่อเขารู้สึกสนุกกับฝันครั้งนี้แล้วสิ
"หลักฐาน...หลักฐานเช่นนั้นรึ เจ้ามาถามหาหลักฐานอะไรเวลานี้ แล้ววันที่เกิดเรื่อง ทำไมเจ้าถึงไม่พูดเช่นนี้เล่า" อี้เฉินมองไปที่เข่อซิงนิ่งอย่างพิจารณา เธอคิดว่าเข่อซิงดูไม่ใช่คนเดิม ดูฉลาดขึ้น แล้วก็กล้าสบตากับเธอด้วย ถึงรูปร่างหน้าตาจะเหมือนเดิม แต่แววตาไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกอย่างนั้น
"เพราะวันนั้นข้าถูกต่อว่า จนข้าไม่มีโอกาสได้พูดต่างหากเล่า แต่ถึงกระนั้นข้าก็ไม่ได้ยอมรับว่าข้าเป็นคนผิด แต่ข้าก็โดนตัดสินว่าผิดอยู่ดี ข้าถูกบังคับให้ยอมรับผิด ทั้งที่ข้าไม่ได้ทำ" ชัดพูดด้วยหน้าตาที่เรียบเฉย และดูมั่นใจในตัวเอง ทั้งที่เขาแค่เดาเอาว่ามันน่าจะประมาณนี้ เขาก็เลยพูดกลางๆเอาไว้ แล้วก็พูดวกไปวนมาให้ฟังแล้วงงเอาไว้ก่อน เขาคิดว่าเข่อซิงจะต้องโดนต่อว่า จนไม่มีสิทธิ์ได้แก้ต่างให้กับตัวเองแน่ๆ
"เจ้าพูดอะไรของเจ้า...เข่อซิง เจ้าจะพูดยังไงก็ได้ เจ้าก็มีความผิดอยู่ดี หลักฐานอะไรที่เจ้าพูด ไม่มี..."
"ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ไม่ควรกล่าวหาข้าหรือผู้ใด เพราะว่าถ้าคนภายนอกรู้ จะหาว่าบ้านนี้รังแกคนที่ไม่มีทางสู้ จริงไหมขอรับคุณหนูอี้เฉิน คุณหนูให้ความเป็นธรรมกับข้าด้วย ข้ารู้ว่าคุณหนู ต้องเป็นนายที่ให้ความยุติธรรมกับคนงานในบ้านหลังนี้" ชัดก้มหัวให้กับคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารู้สึกตามที่พูดจริงๆ
"เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าก็รับโทษไปแล้ว ก็ถือว่าจบไป เจ้าหายดีแล้ว และพร้อมที่จะออกมาทำงานได้แล้วใช่หรือไม่" อี้เฉินสบตากับพ่อบ้านหยุน ก่อนที่เธอจะพูดกับเข่อซิง
"ถ้าคนทำงานไม่พอจริงๆ คนที่ถูกเฆี่ยนตีจนตัวลายไปทั่วทั้งตัวเช่นข้า ก็จะออกมาทำงานตามที่คุณหนูอี้เฉินสั่งขอรับ" ชัดก้มหัวทำความเคารพคุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง เพื่อให้เห็นว่า เขาพร้อมที่จะรับคำบัญชาของคุณหนูใหญ่ ตามที่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้งเห็นว่าสมควร
"เข่อซิง!!" พ่อบ้านหยุนกำมือของตัวเองเอาไว้แน่น เขาสบตากับคุณหนูของเขาอย่างรู้กัน ในขณะที่ตอนนี้คุณหนูของเขา เหมือนกับนิ่งอึ้งไป กับคำพูดแล้วก็การกระทำของเข่อซิง ที่ดูเปลี่ยนไป จนเขากับคุณหนูรับมือไม่ถูก เพราะว่าเข่อซิงดูเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ
"ข้าว่าเจ้ายังเจ็บอยู่ ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ พ่อบ้านหยุน...ท่านให้ใครเอายาทาแผลกับยาแก้ไข้ให้กับเข่อซิงด้วยนะ พร้อมทั้งข้าวและอาหารด้วย" อี้เฉินยิ้มให้เข่อซิงเล็กน้อย หลังจากที่เธอพูดจบแล้ว ซึ่งใครดูก็รู้ ว่าเธอฝืนยิ้มแค่ไหน
"คุณหนูอี้เฉินขอรับ ข้ามีเรื่องจะขอร้องคุณหนูอี้เฉินอีกเรื่องหนึ่งขอรับ" ชัดสบตากับคุณหนูใหญ่นิ่ง หลังจากที่เขาพูดจบแล้ว
"เจ้ามีเรื่องอันใดก็ว่ามา" อี้เฉินบอกกับเข่อซิง เธอกำมือของตัวเองเอาไว้แน่น เธอทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าตอนนี้ มีคนงานอยู่ด้วยเกินครึ่งจากที่มีทั้งหมด ด้วยที่พ่อบ้านหยุน อยากจะให้คนงานมารับรู้ ว่าเข่อซิงได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น กลับเป็นว่า ทำให้เธอทำอะไรเข่อซิงได้ไม่ถนัดนัก
"ข้าต้องการที่พัก..."
"เข่อซิง!! ในเมื่อเจ้าพ้นโทษแล้ว เจ้าก็กลับไปที่ห้องพักเดิมของเจ้าสิ เจ้าอย่าให้มันเกินไปนัก" พ่อบ้านหยุนหันไปตะคอกเข่อซิงด้วยความลืมตัว เพราะเขาคิดว่าเข่อซิงจะเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว
"ห้องพักเดิม!!? นี่แหละที่ข้ากำลังจะขอ ข้า...ข้าก็จะขอกลับไปที่ห้องพักเดิมอยู่แล้ว" ชัดบอกกับพ่อบ้านหยุน แต่ในใจของเขากำลังคิด ว่าเขาจะรู้ได้ยังไง ว่าห้องพักเดิมของเขาอยู่ที่ไหน พอเขานึกขึ้นได้ว่าลู่จิวต้องรู้ แต่พอเขาหันไปมองลู่จิวทางด้านหลังของเขา ลู่จิวกลับนอนหลับคอพับคออ่อนอยู่ มิน่าล่ะ ทำไมถึงเงียบจัง
"พรุ่งนี้จะมีงานใหญ่ที่บ้านของข้า เข่อซิง...เจ้ากับลูกของเจ้า อยู่แต่ในห้องพักเท่านั้น เจ้าอย่าออกมาเกะกะด้านนอกให้ใครเห็นเป็นอันขาด เนื้อตัวของเจ้าลายไปทั่วทั้งตัวเช่นนี้ เจ้าอย่าออกมาให้แขกของข้าเห็น เดี๋ยวใครเห็นเข้า จะหาว่าข้าทารุณคนงานในบ้าน เอาล่ะ...พวกเจ้าทุกคน อย่าหาเรื่องมาให้ข้าปวดหัวอีกเป็นอันขาด ออกไปได้แล้ว พ่อบ้านหยุนอยู่คุยกับข้าก่อน" อี้เฉินเหลือบตามองไปที่เข่อซิงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเมินหน้าหนีด้วยความเกลียดชังทั้งพ่อและลูก
"ขอรับ" คนงานทุกคนก้มหัวให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลเจิ้ง ก่อนที่จะทยอยเดินตามกันออกไปจากห้องโถง
"พ่อบ้านหยุน...ท่านเดินมาใกล้ๆข้าสิ" อี้เฉินสั่งพ่อบ้านหยุน เมื่อเธอเห็นว่าคนงานทุกคนเดินออกไปพ้นห้องแล้ว
"ขอรับคุณหนู" พ่อบ้านหยุนรีบก้าวขาเข้าไปหาคุณหนูของเขาอย่างร้อนใจไม่แพ้กัน
"ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าของมันที่บ้านของข้า กำจัดมันสะ ข้าเกลียดมัน" อี้เฉินกัดฟันบอกกับพ่อบ้านหยุนเสียงกระซิบ เธอเกลียดเข่อซิงจนเธอไม่อยากจะเอ่ยชื่อของมันออกมา เธอเกลียดมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายร้อยเท่า เมื่อก่อนเธอยังไม่เกลียดเท่านี้ เพราะว่าเข่อซิงก่อนหน้านี้ ก้มหน้าอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอเลย แต่มาวันนี้ เข่อซิงไม่ใช่แค่กล้าสบตากับเธอเพียงอย่างเดียว เข่อซิงยังกล้าต่อปากต่อคำกับเธอด้วย แล้วเธอจะเก็บมันเอาไว้ให้เป็นหอกข้างแคร่ของเธอทำไมเล่า
"ต้องรอให้ผ่านพรุ่งนี้ไปก่อนนะขอรับคุณหนู เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายในวันสำคัญของคุณหนูเอาได้" พ่อบ้านหยุนกระซิบกลับเสียงเบาไม่ต่างกัน แต่ภายในใจของเขาตอนนี้ มันลิงโลดด้วยความดีใจ เพราะว่าเขาเองก็คิดไม่ต่างจากคุณหนูของเขาเลย แต่เขาอยากจะขังมันให้ตายอย่างทรมานมากกว่า ที่จะให้มันตายง่ายๆ
"พรุ่งนี้เลยยิ่งดี ในระหว่างที่งานของข้ากำลังเริ่ม คนงานจะออกมาช่วยงานในบ้านกันหมด เหลือมันกับลูกที่บ้านพักแค่สองคน เวลานั้น ท่านจ้างคนจากที่อื่นมาจัดการกับมันสะ พรุ่งนี้เป็นต้นไป อย่าให้ข้าเห็นหน้าของมันอีก" อี้เฉินสั่งพ่อบ้านหยุนเสียงนิ่งเรียบและเด็ดขาดในนํ้าเสียง
"ขอรับคุณหนู ข้าจะดำเนินการเดี๋ยวนี้แหละขอรับ" พ่อบ้านหยุนก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องโถงไป
"ลู่จิว ลู่จิว เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าจะมาหลับอะไรตอนนี้เนี่ย" ชัดพึมพำเบาๆอยู่คนเดียวอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี หลังจากที่พวกเขาออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้ เขาก็พาลู่จิวมาหลบทางด้านหลังของบ้าน แล้วปลดผ้าห่มผืนเก่าออก เพราะว่าเขาจะปลุกลู่จิวให้ตื่น เพื่อที่เขาจะได้ถามลู่จิวว่า ห้องพักที่ลู่จิวกับพ่อเคยพักอยู่ที่ไหน แต่ลู่จิวเหมือนจะกินเยอะไปหน่อย ก็เลยนอนหลับลึก"อื้อ...ท่างป้อ ข้า...ข้านองนะ" ลู่จิวบอกกับพ่อเสียงอู่อี้ ในขณะที่พ่อจับเขาให้ยืนอยู่ เพื่อปลุกเขาให้ตื่น เขาตัวโอนเอนไปมา เหมือนคนที่ยืนหลับอยู่อย่างนั้นแหละ"เรากลับไปนอนที่ห้องพักของเรานะ ลู่จิว...ห้องพักของเราอยู่ที่ไหน" ชัดกระซิบถามลู่จิวเสียงเบา เพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะได้ยินที่เขาถามลู่จิว"นอง ท่างป้อ ข้านอง...""ตื่นก่อน แล้วค่อยไปนอนที่ห้องพัก" ชัดพูดพร้อมกับเขย่าตัวของลู่จิวเบาๆ เพื่อปลุกให้ลู่จิวตื่น"เข่อซิง เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ข้าได้ยินพวกคนงานเขาคุยกัน ว่าคุณหนูอี้เฉินให้เจ้ากลับไปพัก ที่ห้องของเจ้าได้แล้วไม่ใช่รึ แล้วพรุ่งนี้ คุณหนูก็ห้ามให้เจ้ากับลู่จิวออกมาจากห้องด้วย" หนิงหลงลงไปนั่งยองๆข้างเข่อซิง
"ลู่จิว เจ้านั่งเล่นอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปต้มนํ้าให้เจ้าอาบ" ชัดตะโกนบอกกับลู่จิวเสียงดัง ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพราะว่าไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก ก่อนที่เขาจะหิ้วถังนํ้ารีบเดินเข้าไปในห้องพัก พอเขาเข้ามาในห้องพักได้ เขาวางถังนํ้าเอาไว้ในห้องนํ้า แล้วเขาก็รีบเดินออกไปทางหน้าบ้านพัก เขาเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ของบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกัน แล้ววิ่งเลาะริมลำธารไปใกล้ๆ กับคนที่กำลังแอบซุ่มดูเขาอยู่ เขาอยากรู้ว่าใครที่มาแอบซุ่มดูเขาอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร เรื่องที่แอบซุ่มดูแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย เพราะว่าที่เขาเป็นมือปืนได้ เขาไม่ได้จับฉลากมาหรือโชคช่วยแต่อย่างใด ทีแรกก่อนที่เขาจะมาเป็นมือปืน เขาก็เป็นเดนคนมาก่อน และก่อนที่เขาจะได้มาเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของนาย เขาเคยเป็นขโมยและเป็นโจรมาก่อน จนนายให้เขามาทำงานด้วย และฝึกให้เขายิงปืน จนเขากลายมาเป็นมือขวาของนาย และการที่จะฆ่าใครสักคน ไม่ใช่ไปแล้วยิงเป้าหมายเลย เขาต้องไปซุ่มดู ไปเรียนรู้พฤติกรรมของเป้าหมาย และจนแน่ใจแล้วว่าใช่คนที่นายสั่ง เขาถึงลงมือ และเขาจะลงมือยิงเป้าหมาย โดยที่เขาจะต้องหาทางหนีทีไล่ไม่ให้ถูกจับได้ด้วย เรีย
"ท่างป้อ ข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้า...""ลู่จิว เจ้าฟังพ่อนะ ถ้าพ่อบอกให้เจ้าเงียบ เจ้าต้องเงียบ เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดหรือไม่ลู่จิว" ชัดถามพร้อมกับพยายามใส่เสื้อผ้าให้ลู่จิวรัดกุมมากที่สุด หลังจากที่เขาใส่ให้กับตัวเองด้วยชุดที่รัดกุมสีเทาดำเรียบร้อยแล้ว เขากับลู่จิวกินข้าวกลางวันกันอิ่มแล้ว เขาให้ลู่จิวกินข้าวอิ่มให้เต็มที่ ลู่จิวจะได้หลับเร็วๆ ในขณะที่เขากินข้าวอิ่มไปเพียงแค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเขาต้องการความคล่องตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้"ท่างป้อข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้าใฉ่" ลู่จิวสบตากับพ่อ พร้อมกับพยายามที่จะใส่เสื้อผ้าเองไปด้วย"เจ้าให้พ่อใส่ให้นะลู่จิว เดี๋ยวคราวหน้าพ่อจะให้เจ้าใส่เองอย่างเมื่อคืนไงเล่า" ชัดพูดกับลูกชายตัวน้อยด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนโยน ตอนนี้เขายอมรับได้แล้วว่าเขามีลูก เพราะว่าทำยังไง เขาก็ไม่ตื่นจากความฝันนี้สะที หรือถ้าให้เขาเลือกได้ เขาก็คงยังไม่เลือกที่จะตื่น จนกว่าเขาจะได้ช่วยเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้สะก่อน และอยู่ด้วยกันมา เขาเริ่มผูกพันกับเด็กน้อยที่ยังบริสุทธิ์คนนี้ ที่ทุกอย่างยังเป็นสีขาวสำหรับเด็กน้อยอยู่"ท่างป้อใฉ่..."แกร๊บ แกร๊บ"ลู่จิว เจ้านอนก่อ
"จางหมิ่น!! เจ้าปามีดใส่มันสิ เราต้องฆ่ามันก่อน ก่อนที่มันจะวิ่งไปถึงขบวนม้าของตระกูลหลี่" ซูเหวินบอกกับจางหมิ่น เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่า ถ้าเข่อซิงวิ่งไปถึงขบวนม้าของตระกูลหลี่ เรื่องวุ่นวายคงจะเกิดขึ้นเป็นแน่ฟิ้ว!!ปั๊ก!!"โอ้ย...ช่วยข้าด้วย" ชัดร้องออกมาเสียงดังเกินกว่าความเจ็บปวดจริงๆ เขาต้องร้องเสียงดังเอาไว้ก่อน เพื่อแข่งกับเสียงของพายุหิมะ และเพื่อให้ขบวนรถม้าได้ยินเสียงของเขา เมื่อเขาโดนมีดปักเข้าที่ไหล่ หลังจากที่เขาหันกลับไปมองทางด้านหลัง เขาเห็นว่าจางหมิ่นปามีดมา เขาจะหลบ แต่เขาก็หลบไม่ทัน และเขากลัวว่ามีดจะโดนลู่จิว ทำให้เขาตั้งท่าจะปัดมีดออก แต่มันก็ไม่ทันแล้ว "ไปลากตัวมันมา" จางหมิ่นตะโกนบอกกับซูเหวิน"มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดน่ะสิ มันวิ่งหนีทั้งที่มันบาดเจ็บอยู่" ซูเหวินตะโกนบอกกับจางหมิ่น"ช่วยข้าด้วย" ชัดตะโกนขอความช่วยเหลือไปสุดเสียง ขาก็พยายามวิ่งฝ่าพายุหิมะไปด้วยความยากลำบาก"จางหมิ่น ข้าว่าพวกเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ก่อนที่เราจะหนีไม่ได้" ซูเหวินตะโกนบอกกับจางหมิ่น ก่อนที่เขาจะพาจางหมิ่นเดินย้อนกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว"หยุดม้าก่อน เลี่ยงเฟิ่งเจ้าไปดูชาย
"คุณชายขอรับ...""อู๋ห่าง...เจ้าคิดว่าเข่อซิงเป็นคนของใคร" หลี่หยางหันไปสบตากับอู๋ห่างแล้วนิ่ง อย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่"ข้าให้คนของเรา ตามไปจับสองคนที่ทำร้ายเข่อซิงมาแล้ว อีกไม่นานเราก็จะรู้ความจริงขอรับ คุณชายขอรับ คุณชายไม่คิดว่าเข่อซิงจะพูดเรื่องจริงรึขอรับ""เข่อซิงพูดจาฉะฉาน แล้วยังกล้าสบตากับข้าอีก สายตาของเข่อซิงมีความมั่นใจในตัวเอง สายตาเช่นนี้ ไม่ใช่สายตาของคนที่ทำงานรับใช้ในบ้านของใครแน่""แต่แววตาของเข่อซิงดูจริงจัง ไม่ล๊อกแล๊กและไม่ได้โกหก เข่อซิงสบตากับข้าเวลาที่เขาพูด ข้ามั่นใจว่าเข่อซิงพูดจริง""ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าให้คนของเราเข้าไปสืบที่บ้านของตระกูลเจิ้ง ให้ได้เรื่องก่อนพรุ่งนี้เช้า ก่อนที่ข้าจะเข้าไป แล้วนี่เจ้าให้สองพ่อลูกนั่นพักอยู่ที่ไหน" หลี่หยางถามเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาในสีหน้า"ให้อยู่ในกระโจมด้านหลังสุด ให้คนของเราเฝ้าเอาไว้อยู่ขอรับ""เอาข้าวเอานํ้าให้พวกเขากินด้วย""ขอรับ" "เจ้าไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว" หลี่หยางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้อู๋ห่างออกไปจากกระโจม"ขอรับ" อู๋ห่างก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากกระโจม..."เจ้าทั้งส
"ข้าเป็นแค่คู่หมายของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจิ้ง ไม่ใช่คู่หมั้นอย่างที่เจ้าเข้าใจ หลังจากที่คนของข้าเก็บของทุกอย่างเสร็จแล้ว ข้าก็จะเดินทางไปที่บ้านของตระกูลเจิ้ง เจ้าจะไปกับข้าด้วยหรือไม่ หยุด...เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ฟังที่ข้าพูดก่อน" หลี่หยางยกมือขึ้นห้าม เมื่อเข่อซิงอ้าปากจะเถียงเขา "ก็ว่ามาสิ ข้ากำลังฟังอยู่" ชัดพูดเสียงเรียบ แต่เขาคิดอยู่ในใจ ว่าเขาไม่มีวันร่วมทางไปกับคนพวกนี้เด็ดขาด จะหลอกให้เขากลับไปให้คุณหนูอี้เฉิน กับพ่อบ้านหยุนลงโทษเขาอย่างนั้นเหรอ เขาไม่โง่หรอก"คนของข้าจับผู้ชายสองคนที่ตามฆ่าเจ้าได้แล้ว คนในตระกูลเจิ้งจ้างวานฆ่าเจ้าจริง ข้าเชื่อที่เจ้าพูด แต่ข้าได้นัดหมายกับคนของตระกูลเจิ้งเอาไว้แล้ว และข้าต้องการไปพิสูจน์ความจริงด้วยตัวของข้าเอง เข่อซิง!! เจ้าฟังที่ข้าพูดอยู่รึไม่" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย เพราะว่าเข่อซิงนั่งลอยหน้าลอยตา ไม่พูดไม่เถียง แต่ทำหน้าเหมือนกับไม่ได้สนใจฟังที่เขาพูดเลย"ท่านจะพูดอะไรก็ได้ แต่ข้าไม่หลงกลของพวกท่านเด็ดขาด อย่าเสียเวลาพูดหลอกข้าให้เหนื่อยเลย ถ้าท่านจะหลอกข้าไปให้คู่หมั้นคู่หมายของท่านฆ่าข้า จะต้องพูดให้เหนื่อยทำไมเล
"ว่าไง เจ้าควรแนะนำให้ลู่จิวเรียกข้าว่าพ่อได้แล้ว และเจ้าควรเป็นแม่ เพราะว่าหลังจากที่เจ้าแต่งตัวเป็นคนรักของข้าเสร็จ ลู่จิวจะได้เรียกถูกและชินปาก" หลี่หยางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างนึกสนุก"ท่านดูมีความสุขดีเหลือเกิน ที่ได้เป็นพ่อของลู่จิว" ชัดพูดด้วยความหมั่นไส้ คนที่นั่งยิ้มกริ่มอย่างมีความสุขอยู่"มีความสุขสิ ที่จู่ๆข้าก็มีลูกโตแล้ว โดยที่ข้าไม่ต้องออกแรง" หลี่หยางพูดอย่างอารมณ์ดี"ท่างป้อ ข้ากิง ท่างป้อข้ากิงนี่" ลู่จิวออกมาจากที่อุ้มได้ เขาก็เขย่งขาดูบนโต๊ะที่มีจานซาลาเปากับถ้วยนํ้าชาวางอยู่"อ่ะนี่ เจ้าหิวแล้วใช่หรือไม่ลู่จิว" หลี่หยางหยิบซาลาเปาให้กับลู่จิวลูกหนึ่งอย่างใจดี"ท่างป้อ ข้า...""เจ้ารับมาสิลู่จิว แล้วเจ้าก็ขอบคุณด้วย" ชัดบอกกับลูกชาย เมื่อลูกชายเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของเขา เหมือนกับถามพ่อว่าเขารับซาลาเปาได้ไหม หลังจากที่คุณชายหลี่ยื่นซาลาเปาให้กับเจ้าตัวแล้ว"ขอกคุงขอรับ ข้ากิง ท่างป้อข้ากิงแย้วนะ" ลู่จิวรับซาลาเปามาได้ เขาก็ไปยืนแอบอยู่ทางด้านหลังของพ่อด้วยความเขินอาย ที่คนยื่นซาลาเปายิ้มให้เขาด้วยความเอ็นดู"เข่อซิง...ข้ารออยู่นะ"
"ซีห่าว...เจ้าว่าอะไร...""คุณหนูขอรับ ซีห่าวอาจจะฟังมาไม่ชัดนัก คุณหนูรอให้นายหญิงมาบอกอีกทีนะขอรับ" พ่อบ้านหยุนรีบเดินเข้าไปจับมือของคุณหนูของเขาเอาไว้ ก่อนที่คุณหนูของเขาจะอาละวาดด้วยการปาข้าวของ หลังจากที่ซีห่าวมารายงานว่า ตระกูลหลี่เพิ่งจะออกเดินทางมา และอาจจะมาถึงในช่วงเย็น ถ้าเกิดไม่ติดพายุหิมะอีก"ถึงท่านแม่มา ก็ไม่ทำให้ตระกูลหลี่มาถึงในเวลานี้ได้ ข้าเกลียดหิมะ!!" อี้เฉินตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโมโห เธอจะแสดงความเป็นตัวเองออกมาเต็มที่ เมื่อเธออยู่กับคนสนิทอย่างพ่อบ้านหยุนกับซีห่าวและจางลี่ แต่ถ้าเธออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอก็จะเก็บอาการของเธอเอาไว้อย่างดี เพราะว่าเธอเป็นหญิงสาวที่เลอโฉมที่สุดในเมืองหย่งอาน"คุณหนูจะรับมื้อเที่ยงเลย...""ข้าไม่กิน!! เจ้าคิดว่าข้ายังจะกินได้อีกรึ" อี้เฉินหันไปตวาดจางลี่ ที่ถามอะไรไม่คิด"เจ้าค่ะคุณหนู" จางลี่ก้มหน้ารับคำ โดยที่เธอเก็บปากเงียบไม่พูดอะไรอีก "อี้เฉินลูก ลูกอย่า...""ท่านแม่ไม่ต้องพูดอะไร ข้าไม่อยากได้ยิน" อี้เฉินหันไปพูดกับแม่ด้วยนํ้าเสียงที่หงุดหงิด เพราะว่าทันทีที่เธอเห็นหน้าของแม่ ที่แสดงถึงความกังวลใจ ทำให้เธอรู้ว่าไม่มีอะไ
"เข่อซิง ข้ากับเจ้าทำงานกันมานานแล้ว เจ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ ข้ากับเจ้าควรจะหาที่พักผ่อนอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เจ้าว่าดีหรือไม่เล่า" หลี่หยางถามเข่อซิงเสียงนุ่ม ในขณะที่เข่อซิงกำลังนั่งทำซาลาเปาอยู่อย่างตั้งใจ หลังจากที่พวกเขากลับมาจากไปเที่ยวที่บนหุบเขา เวลาก็ล่วงเลยมานานหลายเดือน จนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกแล้ว พวกเขากลับมาอยู่ที่ร้านขายผ้า ที่หัวเมืองเหอเป่ย์ตามเดิม เข่อซิงก็กลับมานั่งหัดทำซาลาเปาจนเก่ง แล้วตอนนี้เข่อซิงก็เปิดร้านขายเครื่องดื่มคู่กับซาลาเปา เป็นร้านแรกที่ทำร้านหรูหราใหญ่โต และมีภาชนะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนเมืองเหอเป่ย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าหลี่หยางทำภาชนะใส่เครื่องดื่มกับจานชาม จากสแตนเลสสตีลมาใช้ในร้านของเข่อซิงเป็นที่แรก พร้อมกับวางขายในร้านที่เปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง และตอนนี้หลี่หยางก็มีร้านขายพวกแก้วกับจานชามเพิ่มที่หัวเมืองเหอเป่ย์ รวมกับพวกร้านขายผ้ากับร้านขายไม้ แล้วก็เครื่องประดับสี่ร้านด้วยกัน ไม่รวมกับร้านอาหารของเข่อซิง ส่วนลู่จิวได้ไปอยู่ที่บ้านเกิดของหลี่หยาง เพื่อไปเรียนแล้วก็อยู่กับปู่กับย่า ก่อนที่ลู่จิวจะถูกส่งไปเรียนตามหัวเมือ
"หือ...คุณชาย!!หนาวหรือขอรับ เหตุใดท่านถึงได้มานอนเบียดข้าเช่นนี้" ชัดถามด้วยนํ้าเสียงที่งัวเงีย เมื่อเขาโดนเบียดแปลกๆ ที่ว่าแปลกๆ เพราะว่าคนที่เบียดเขาตัวอุ่นๆเหมือนกับอุ่นเนื้อ เหมือนกับถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วอย่างนั้นแหละ และน่าจะใช่อย่างที่เขาคิด เพราะว่าคนที่นอนเบียดเขา มือไม้เริ่มไม่อยู่นิ่งแล้ว ในขณะที่ตอนนี้เขากับคุณชายหลี่นอนอยู่ในกระโจม ที่อยู่ในหุบเขา ซึ่งบนเขาอากาศหนาวมาก ถึงใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้วก็เถอะ"เข่อซิง...ข้ากับเจ้า เราเป็นคนรักกันมานานโขแล้ว และข้าก็รอให้แผลที่ท้องของเจ้าหายมานานแล้วเช่นกัน ข้ายังต้องรอสิ่งใดอีกเช่นนั้นหรือ" หลี่หยางไม่ถามเปล่า เขาถอดเสื้อผ้าออกให้กับเข่อซิงไปด้วย"คุณชาย...คุณชายเออ... เคยนอนกับ นอนกับผู้ชาย...""เจ้าจะถามข้า ว่าข้าเคยนอนกับชายด้วยกันไหม ใช่หรือไม่" หลี่หยางกระซิบถามข้างหูของเข่อซิงเสียงกระเส่า มือก็ลูบไล้ไปที่หน้าท้องแบนราบ ของคนที่นอนนิ่งให้เขากอดได้อย่างตามใจ เขาลูบไล้เลยไปที่ท่อนเอ็น ที่เริ่มแข็งชี้โด่ขึ้น ตั้งแต่ถูกถอดเสื้อผ้าออกในยามที่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้"ซี๊ส...คุณชายขอรับ อ่า...ข้าไม่สงสัยแล้วขอรับ อื้ออออ" ชัดครางเสียงแ
"เข่อซิง...เหตุใดเจ้าถึงได้เงียบเช่นนี้เล่า เจ้าไม่ดีใจเช่นนั้นหรือ ที่ข้าคิดเช่นเดียวกับเจ้า หรือว่าเจ้าพูดว่ารักข้า เจ้าแค่หยอกล้อข้าเล่นเท่านั้น" หลี่หยางถามเข่อซิงที่นั่งเงียบมาตลอด ตั้งแต่เขาบอกว่า เขาคิดแบบเดียวกันกับเจ้าตัวแล้ว ในขณะที่ตอนนี้พวกเขา เข้ามาอยู่ในห้องพักกันเพียงลำพังสองคนแล้ว เข่อซิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เพราะว่าเขาต้องนอนพักหลังมื้ออาหารเช้า และยาต้มสมุนไพรที่เขาได้ดื่มไปแล้ว"หาเป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ข้าดีใจจนข้าพูดสิ่งใดไม่ออกต่างหากเล่า ข้าไม่คิดว่าทาสอย่างข้า จะมีชายที่สูงศักดิ์อย่างคุณชายหลี่มารักข้าได้ แล้ว...เออ...ท่านพ่อกับท่านแม่ของคุณชายเล่า พวกท่านจะยอมรับได้หรือไม่ขอรับ" ชัดถามเสียงเศร้า เพราะว่าถึงเขาจะดีใจ ที่คุณชายหลี่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันกับเขา แต่ความรักของชายที่รักกับชาย ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ยิ่งเป็นสมัยเก่าอย่างนี้ด้วย อย่าว่าแต่สังคมไม่ยอมรับเลย สังคมยังไม่รู้จักด้วยซํ้ามั้ง และนี่คือเหตุผลที่เขานั่งเงียบ เพราะว่านอกจากที่เขากับคุณชายจะใจตรงกันแล้ว แล้วต่อไปจะใช้ชีวิตกันยังไง เขายังคิดไม่ออกเลย เขามัวแต่คิดว่าชีวิตไม่ได้ยืนยาว อยากทำอะไรก็ให้รีบท
"คุณชายขอรับ ข้าอยากเดินออกไปที่หน้าร้านขายผ้า ข้าอยากเห็นร้านซาลาเปา ว่ายามเช้าเช่นนี้มีลูกค้าหรือไม่ ข้าขอเดินออกไปได้หรือไม่ขอรับ" ชัดขอคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่แหบเบา เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าของวันต่อมา เขามองไปรอบๆแล้ว เขาจำได้ว่าเขานอนอยู่ที่ไหน เพราะว่าเมื่อวาน หลังจากที่เขากินซุปข้าวโพดอิ่มแล้ว เลี่ยงเฟิ่งก็ให้เขาดื่มยาต้มสมุนไพรไปถ้วยหนึ่ง เขาก็หลับยาวจนมาถึงเช้าเลย ระหว่างทางเจออะไรบ้าง เขาเข้ามานอนในห้องพักตรงนี้ได้ยังไง เขายังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น จนเขาอยากจะลองเดินออกไปดูที่หน้าร้านขายผ้า ว่าที่หน้าร้านขายผ้า รถเข็นไม้ที่เขาใช้ขายซาลาเปา ยังอยู่เหมือนเดิมไหม และยังมีลูกค้าอยู่หรือเปล่า"เจ้าจะออกไปได้เช่นไร เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ข้า...""คุณชายหลี่พาข้าออกไปได้หรือไม่เล่า ข้ารู้สึกว่าอยากออกไปข้างนอก นอนอยู่เช่นนี้ ข้าปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแล้วขอรับ" ชัดขอร้องคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่ออดอ้อน เอาสิ เขาอ้อนขนาดนี้ ถ้าคุณชายหลี่ยอมใจอ่อนพาเขาไป ก็แสดงว่าคุณชายหลี่ต้องมีใจให้กับเขาบ้างแหละวะ ที่เขากล้าอ้อนคุณชายหลี่เช่นนี้ เพราะว่าเม
"คุณชายหลี่ขอรับ รถม้าพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางขอรับ" อู๋ห่างบอกกับคุณชายหลี่ หลังจากที่เขาดูคนของเขา ขนของขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีรถม้าสองคัน โดยที่รถม้าคันหนึ่ง ขนเสบียงกับพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นในการรักษาเข่อซิง และอีกคันหนึ่ง ให้ลู่จิวกับอันฉีแล้วก็เข่อซิงนอน และมีเลี่ยงเฟิ่งนั่งไปด้วย เพื่อดูแลเข่อซิงในระหว่างทาง ส่วนเขากับซิงเยียน แล้วก็คุณชายหลี่กับคนของเขาขี่ม้าไป ไปครั้งนี้เขาพาคนของเขาไปเยอะกว่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันภัยจากพวกโจรระหว่างทาง "หลี่หยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ พ่อหาได้เห็นด้วยกับเจ้าไม่ แต่พ่อก็บังคับเจ้าไม่ได้ เพราะว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว" พ่อพูดกับลูกชายเสียงเครียด "ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่ขอรับ ข้าต้องขออภัย ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลกับข้า สิ่งใดที่ข้าได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าข้าจะตัดสินใจผิดพลาด แต่ข้าก็เป็นคนตัดสินใจเอง ข้าขอให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้ ข้าจะทำปัจจุบันของข้าให้ดีที่สุด เพราะว่าปัจจุบันจะบ่งบอก ว่าอดีตกับอนาคตของข้าจะไปในทิศทางไหน ทุกอย่างข้าเลือกเอง ข้าก็พร้อมที่จะรั
"เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางเดินเข้ามาในห้องรักษา ในช่วงคํ่าของวัน หลังจากที่เขาได้นอนพักเต็มอิ่มแล้ว"อาการของเข่อซิงยังคงที่ขอรับ โชคดีที่ไม่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ข้าคอยเช็ดตัวแล้วก็คอยหยดยาต้มสมุนไพร ให้เข่อซิงกินทีละหยดขอรับ อย่างน้อยก็เป็นยาช่วยสมานแผล ในยามที่เข่อซิงไม่ได้สติอยู่เช่นนี้ และยาสมุนไพรตัวนี้ แก้ไข้ได้ด้วยขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งตอบคำถาม พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตามตัวให้กับเข่อซิงไปด้วย"เลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคิดว่า เออ...เข่อซิงจะรอดพ้นคืนนี้ได้หรือไม่" หลี่หยางถามเสียงเบา เมื่อเขาเห็นสภาพเข่อซิงนอนตัวขาวซีด กว่าตอนก่อนที่เขาจะขึ้นไปนอนพักเสียอีก สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดที่เข่อซิงชอบบอกกับเขา มันเข้ามาในความรู้สึกของเขาตอนนี้ ว่าชีวิตของคนเรามันไม่ได้ยืนยาว แต่มันก็ไม่ควรที่จะสั้นขนาดนี้ไม่ใช่หรือ"ข้าตอบไม่ได้ขอรับ แต่ก็มีเรื่องดีอยู่นะขอรับ ที่เข่อซิงไม่มีอาการไข้ตัวร้อน นั่นหมายความว่า แผลที่ท้องของเข่อซิงไม่เกิดการติดเชื้อด้านในขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดปลอบใจคนถาม เพราะว่าตอนนี้ใบหน้าของคุณชายหลี่ดูเป็นกังวล จนเ
"คุณชายหลี่...""เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่ร้อนใจ เมื่อเลี่ยงเฟิ่งเปิดม่านประตูออกมาจากห้องรักษา ในขณะที่เขาเดินวนไปมาที่หน้าห้อง เพื่อรอฟังอาการของเข่อซิง เขามาถึงนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าเปิดม่านเข้าไป เพราะเขากลัวว่าจะรบกวนเลี่ยงเฟิ่งในขณะที่กำลังรักษาเข่อซิงอยู่"เข่อซิงเสียเลือดมากขอรับ ถ้าผ่านวันนี้ไปได้อาจจะมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่พ้นวันนี้...""เจ้าต้องการสิ่งใด ต้องการยาชนิดไหนเลี่ยงเฟิ่ง ข้าจะให้คนไปตามหามาให้เจ้า แต่เจ้าต้องช่วยชีวิตของเข่อซิงให้กลับมา...""ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว คุณชายขอรับ...ท้องของเข่อซิง ถูกแทงเข้าไปโดนจุดสำคัญหลายจุด ทำให้เสียเลือดมาก คุณชายเข้าไปดูเข่อซิงสิขอรับ เข่อซิงตัวซีดขาวเพราะว่าเสียเลือดมาก ข้าเย็บแผลใส่ยาและห้ามเลือดให้แล้ว ที่เหลือแค่เพียงรอ เออ...รอให้เข่อซิงฟื้นขึ้นมาเท่านั้นขอรับ เรื่องยารักษาข้ามีเพียงพอแล้วขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดทั้งที่คุณชายหลี่ นั่งลงไปบนเก้าอี้หน้าห้องอย่างคนที่หมดแรงแล้ว"คุณชายขอรับ คุณชายขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถิดขอรับ นี่มันก็สายมากแล้ว ลู่จิวกับนายท่านทั้งสอง ลงมาจากบนบ้านใหญ่แล้ว
"หมดแรงแล้วใช่หรือไม่ไอ้เด็กน้อย เจ้าเตรียมตัวตายตามท่านอี้เจ๋อกับท่านไฉ่หงสะเถิด" หนึ่งในกองโจรที่ปิดหน้าอยู่ เดินเข้าไปหาชายตัวเล็กที่เริ่มหมดแรง ที่จะเก็บก้อนหินปาใส่พวกเขาแล้ว หลังจากที่สหายของเขาหัวแตกกันแทบจะทุกคนแล้ว ในขณะที่สหายของชายตัวเล็กผู้นี้ กำลังต่อสู้กับสหายของพวกเขาอยู่อีกด้าน"เข้ามาเลย ข้ารอพวกเจ้าอยู่" ชัดกวักมือเรียกพวกโจรยิกๆ ทั้งที่เขาเหนื่อยจนใจแทบจะขาดแล้ว โดยที่มืออีกข้างหนึ่งเขากำก้อนหินเอาไว้แน่น เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวครั้งสุดท้าย เพราะว่าเขาไม่มีโอกาสได้ก้มลงไปเก็บก้อนหินอีก พวกโจรมันล้อมเขาเอาไว้ในระยะประชิดตัวแล้ว แต่เขาก็ทำหน้าว่ามีไพ่ที่เหนือกว่า จนพวกโจรมันลังเลไม่มั่นใจ ว่าทำไมเขาตัวเปล่า ถึงไม่ท่าทีว่ากลัวพวกมันเลย"เข่อซิง!!" หลี่หยางมองไปที่เข่อซิงด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าเข่อซิงไม่มีอาวุธอะไรในมือเลย แต่เขายังไปช่วยไม่ได้ เพราะพวกโจรก็รุมเขาอยู่ไม่ต่างจากซิงเยียนและเข่อซิงเลย "ฆ่ามันสิ พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่เล่า!!" หนึ่งในกองโจรที่ล้อมคนตัวเล็กเอาไว้อยู่สั่งขึ้น เมื่อไม่มีใครเข้าไปฆ่าผู้ชายตัวเล็กที่กวักมือเรียกพวกเขาอยู่สักที"ไม่เปิดกันใช่ไหม งั้น
"คุณชายหลี่ พวกโจรมันตามมาขอรับ" ซิงเยียนหันไปตะโกนบอกกับคุณชายหลี่ พร้อมกับควบม้าไปด้วยไม่หยุด พวกเขาช้าไม่ได้ เพราะว่าพวกโจรตามมาเร็วมาก"ท่านซิงเยียน ข้าขอมีดสั้นของท่านได้หรือไม่" ชัดตะโกนไปสุดเสียง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในขณะที่คุณชายหลี่กับซิงเยียน จะต้องควบม้าหนีพวกโจร ที่เขาหันไปดูแล้วตามมาเป็นสิบเลย ทั้งคนทั้งม้า"เข่อซิง...เจ้าคิดจะทำสิ่งใด" หลี่หยางถามเข่อซิง ก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านหลัง ที่ตอนนี้ม้าของพวกโจรวิ่งใกล้เข้ามาแล้ว เขาคิดว่าซิงเยียนจะเอามีดสั้นมาให้เข่อซิงได้ยังไง ไหนเมื่อพวกเขาต้องรีบหนี ไม่สามารถหยุดม้าได้"ข้าจะต้องหยุดพวกมัน ไม่ให้ตามพวกเรามาได้ ถ้ามีดสั้นไม่มี ข้าขอใช้ดาบของท่านได้หรือไม่" ชัดหันไปถามคุณชายหลี่ แต่มือของเขาก็ดึงดาบของคุณชายหลี่ออกมาจากฝักแล้ว ถึงเขาจะใช้ดาบไม่เป็น แต่ก็ดีกว่าไม่มีอาวุธอะไรเลย เพราะว่าซิงเยียนเองก็ต้องควบม้าหนี คงจะเอามีดสั้นมาให้เขาไม่ได้"เจ้าใช้ดาบเป็นเช่นนั้นรึ" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่เป็นห่วง สายตาของเขาก็มองไปข้างหน้า เพื่อที่จะหนีพวกโจรให้ได้"พวกเจ้าตามมา อยากได้ของมีค่าใช่หรือไม่" ชัดเอี้ยวหน้าไปถามพวกโจร โดย