"ม่าย!! ม่าย!! ม่ายอุ้งข้านะ ท่างป้อ ท่างป้อ ฉ่วยข้าย้วย ท่างป้อแงๆ แงๆ" ลู่จิวดิ้นสุดชีวิตไม่ยอมให้หนิงหลงอุ้มเขา แต่แรงของเด็กสองขวบกว่า มีเหรอจะสู้แรงของผู้ใหญ่ที่เป็นชายฉกรรจ์ได้
"ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้นะ" ชัดตะโกนออกมาสุดเสียง แต่เสียงที่ออกมา มันเบาจนตัวเขาเองยังแทบจะไม่ได้ยินเลย เขาเป็นอะไรเนี่ย แม้แต่แรงขยับตัวยังไม่มีเลย ปกติเขาเข้ายิมตลอด เขาเป็นผู้ชายหุ่นหมี ตามที่เพื่อนๆชอบพูดกัน เพราะว่าเขาชอบเล่นกล้าม เขาเป็นมือปืน เขาต้องออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ตลอด พร้อมรับทุกงานที่นายสั่งมา
"เข่อซิง ตัวของเจ้าเอง เจ้ายังเอาตัวเองไม่รอดเลย เจ้าพูดอะไรข้าก็ยังไม่ได้ยินด้วยซํ้า ตอนนี้ข้าจะเอาลูกของเจ้าไปเป็นขอทานที่ตลาด เจ้ายังไม่ปัญญามาห้ามข้าเลย หึหึ" พ่อบ้านหยุนหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความสะใจ ที่เขาเอาคืนคนตระกูลหลิวได้แล้ว ถึงจะเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเขาได้เอาคืนให้กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว
"อื้ม...ทำไมถึงลุกไม่ได้ดังใจเลยวะ อะไรวะเนี่ย นี่กูฝันไปใช่ไหม ทำไมแขนกับขาถึงได้เล็กเรียวไม่มีกล้ามเลย กล้าม...กล้ามของกูหายไปไหนหมด" ชัดกัดฟันพยายามลุกขึ้นนั่งจนได้ ก่อนที่เขาจะตกใจกับสภาพของตัวเอง จากคนที่หุ่นหมี กลายเป็นอาตี๋ตัวโปร่งบางไปสะแล้ว เขาคงจะฝันไปแหละ หลับต่อดีกว่า จะได้ตื่นขึ้นมาหุ่นหมีเหมือนเดิม
"ท่างป้อ แงๆ ท่างป้อ ฉ่วยข้า ม่ายอุ้งนะ แงๆ" ลู่จิวทั้งร้องไห้ทั้งดิ้นจนหมดแรง
"นอนไม่ได้อีก ไอ้เด็กนี่ก็ร้องไห้ไม่หยุดเลย แล้วจะช่วยยังไงวะ แรงจะยกแขนยังไม่มีเลย นี่กูฝันมาสมัยไหนวะเนี่ย ทำไมยังใช้แส้เฆี่ยนอยู่อีก เขาใช้ปืนกันแล้วโว๊ย!!" ชัดพยายามที่จะพูดออกมาให้ทุกคนได้ยิน แต่มันก็ออกมาเพียงแค่ลมปากเท่านั้น
"ถ้าเจ้าไม่ลุกขึ้นมาทำงาน ข้าจะให้หนิงหลงพาลู่จิวลูกของเจ้า ไปขอทานที่ตลาด เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเจ้า" พ่อบ้านหยุนมองไปที่เข่อซิงด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
"พ่อบ้านหยุนขอรับ เข่อซิงโดนแส้ไปทั่วทั้งตัว...ขอรับ ข้าไม่พูดแล้วขอรับ" หนิงหลงก้มหน้าลงแล้วเงียบเสียงทันที ที่พ่อบ้านหยุนหันมามองหน้าของเขาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
"ท่างป้อ อุ้งข้า ท่างป้ออุ้ง แงๆ แงๆ" ลู่จิวร้องไห้พร้อมกับมองไปที่พ่อ ด้วยสายตาที่ขอร้องอ้อนวอน เขาไม่ได้ดิ้นอย่างในตอนแรกที่โดนอุ้มแล้ว เพราะว่าเขาดิ้นจนไม่มีแรงดิ้นแล้ว บวกกับเขายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น
"เข่อซิง!! เจ้ามองหน้าของข้าเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร" พ่อบ้านหยุนถามเข่อซิง พร้อมกับมองเข่อซิงด้วยความไม่เข้าใจ เขาว่าสายตาของเข่อซิงดูเปลี่ยนไป ไม่เหมือนก่อน เข่อซิงสบตากับเขาแล้วไม่หลบตา แถมมองเขาด้วยสายตาเหมือนกับตำหนิเขาอีกด้วย ปกติแล้ว เข่อซิงจะก้มหน้ารับคำสั่งของเขาตลอด ไม่ได้การแล้ว เขาจะต้องรีบจัดการอะไรสักอย่าง ก่อนที่เข่อซิงจะมีกำลังขึ้นมาต่อกรกับเขาได้
"ข้าลุกไม่ไหว ท่านพ่อบ้านก็เห็นไม่ใช่รึ ว่าแผลเต็มตัวของข้าไปหมด ข้าจะเอากำลังที่ไหนลุกขึ้นมาทำงานเล่า" ชัดพยายามพูดออกมาให้มีเสียง แล้วก็หนักแน่นในนํ้าเสียงมากที่สุด เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงพูดภาษาเดียวกับคนพวกนี้ได้ แสดงว่าเขาคงจะฝันไปนั่นแหละ แล้วเขาก็จะต้องเอาตัวรอดจากในความฝันนี้ให้ได้ แล้วก็ไม่ใช่เขาแค่คนเดียวที่จะต้องรอด ไอ้เด็กน้อยที่เรียกเขาว่าพ่อคนนี้ก็จะต้องรอดไปกับเขาด้วย เขาอยากจะรู้แล้วสิ ว่าไอ้พ่อบ้านคนนี้มันเป็นใคร ทำไมมันถึงได้มองร่างที่เขาอาศัยอยู่ด้วยสายตาที่เกลียดชังได้ถึงขนาดนี้
"เจ้าเป็นแค่ทาสผู้รับใช้ เจ้าจะมาต่อรองไม่ได้ นายให้ที่อยู่ที่กินกับเจ้า เจ้าจะมาเนรคุณ..."
"งั้นข้าขอลาออกจากที่นี่ ข้าจะไป..."
"ฮ่าๆ เจ้าจะเป็นคนเนรคุณเช่นนั้นรึ เจ้าลืมไปแล้วรึ ว่าคนจีนอย่างเรา ต้องสำนึกบุญคุณของคนที่ให้ที่อยู่ที่กินกับเราแค่ไหน แล้วอีกอย่าง เจ้าเคยสัญญาอะไรเอาไว้ ตอนที่เจ้าขอมาอาศัยอยู่กับคนตระกูลเจิ้ง เจ้า..."
"ข้ายอมเป็นคนเนรคุณ ถ้าที่อยู่ที่กินมันแย่เช่นนี้" ชัดสบตากับพ่อบ้านหยุน โดยที่เขาไม่สนสายตาของพ่อบ้านหยุน ที่มองมาที่เขาอย่างดูถูก สัญญาบ้าบออะไรเขาไม่รู้หรอก แล้วให้อยู่ในห้องที่เหม็นอับ แถมท้องก็หิวข้าวจนปวดแบบนี้ เขาต้องสำนึกบุญคุณอะไรอีก ไหนจะถูกเฆี่ยนตีจนไม่เหลือที่ว่างขนาดนี้ เขาต้องสำนึกบุญคุณด้วยเหรอวะ
"เข่อซิง!! เจ้าเป็นคนที่เลวมาก ข้าจะรายงานนายท่าน ว่าเจ้าเป็นคนผิดคำพูด เจ้าจะหางานที่ไหนทำไม่ได้เลย เจ้าจะได้ไปนอนขอทานที่ตลาด..."
"แล้วนอนอยู่ตรงนี้ มันต่างกันตรงไหนเล่า แถมยังถูกเฆี่ยนตีอย่างกับไม่ใช่คน อย่าให้กูลุกไปได้นะมึง กูจะเป่าหัวทีละคนเลย" ชัดกัดฟันพูดเสียงเบาในท้ายประโยค หลังจากที่เขาพอที่จะรู้แล้ว ว่าถ้าเขาพูดให้คนพวกนี้ได้ยิน คนพวกนี้จะได้ยินเขาพูดภาษาเดียวกัน แต่ถ้าเขาพูดกับตัวเองหรือว่าเขานึกอยู่ในใจ เขาจะพูดเป็นภาษาที่เขาเข้าใจอยู่คนเดียว ซึ่งมันก็ดูน่าสนุกดีนะ ถ้าเขาไม่ตื่นจากความฝันนี้สะก่อน
"เข่อซิง เจ้าขอโทษพ่อบ้านหยุนสะ เจ้าจะออกไปอยู่ที่อื่นได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าเป็นหนี้บุญคุณของนายท่าน ที่ให้งานให้ที่นอนเจ้ากับลูกมาตั้งหลายปีแล้ว" หนิงหลงเอ่ยเตือนเข่อซิงด้วยความเป็นห่วง เข่อซิงอาจจะเจ็บตัวจนลืมนึกถึงบุญคุณของนายท่าน
"นายท่านมีบุญคุณต่อข้าก็จริง แต่พ่อบ้านหยุนเล่า มีบุญคุณอันใดต่อข้า เจ้าเองก็ปล่อยลูกของข้าได้แล้ว ข้าเคยได้ยินมา ว่า...ว่าอะไรวะ บุญคุณต้องชดใช้ หนี้แค้นต้องชำระ ใช่ไหมวะ ช่างมันเถอะ...เสือกเรียนมาน้อย พูดสุภาษิตไม่เป็นอีก เรียนมาน้อยถึงได้เป็นแค่มือปืนไง" ชดพึมพำกับตัวเองในท้ายประโยค
"ท่างป้อ ท่างป้อ ฉ่วยข้าย้วย แงๆ แงๆ" ลู่จิวร้องไห้ไม่หยุด ถึงเขาจะหมดแรงดิ้นแล้วก็ตาม แต่เขาก็อยากไปหาพ่อ ที่นั่งพิงผนังอย่างคนที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่
"ท่านส่งลูกของข้า คืนมาให้ข้า" ชัดพูดเสียงเรียบ เขามองไปที่คนอุ้มเด็กน้อยด้วยสายตาที่นิ่งดุ
"เออ...พ่อบ้านหยุนขอรับ" หนิงหลงเรียกพ่อบ้านหยุน เมื่อเขาทำตัวไม่ถูก ว่าจะเอายังไงดี เขารู้สึกว่าสายตาของเข่อซิงดูเปลี่ยนไป เหมือนกับไม่ใช่เข่อซิงคนเดิม
"เจ้าคิดดีแล้วเหรอเข่อซิง ที่เจ้าจะออกไปเป็นขอทานข้างนอก" พ่อบ้านหยุนถามด้วยนํ้าเสียงที่เยาะเย้ย
"ข้าเป็นแค่คนรับใช้ เจ้าเป็นแค่พ่อบ้าน อย่ามาทำตัวข่มข้า อย่างกับเจ้าเป็น..."
"เข่อซิง!! เจ้าปากดีกับข้า หนิงหลง!! เจ้าเอาแส้มาให้ข้า" พ่อบ้านหยุนรับแส้มาจากหนิงหลงด้วยมือที่สั่นเทาเพราะความโมโห ที่เข่อซิงกำเริบเสิบสานกับเขา โดยที่ไม่ไว้หน้าของเขาเลย
เพี๊ยะ!!
พ่อบ้านหยุนฟาดแส้ลงบนพื้นเพื่อลองกำลัง ก่อนที่เขาจะฟาดแส้ลงไปที่ตัวของเข่อซิง
เพี๊ยะ!!
"โอ๊ะ!! ฮึบ!!"
ตุ๊บ!!
"โอ้ย!!"
ชัดที่ตั้งท่ารับเอาไว้อยู่แล้ว เขากลั้นใจยกแขนที่เจ็บอยู่ ขึ้นรับแส้ที่ฟาดลงมา แล้วจับเอาแส้ที่ฟาดลงมาอย่างแรงเอาไว้ ก่อนที่เขาจะดึงแส้เข้าหาตัว จนพ่อบ้านหยุนเสียหลักถลาตัวล้มลงมานอนข้างเขา
"เข่อซิง!! เจ้า!!" พ่อบ้านหยุนเรียกเข่อซิงเสียงดังด้วยความโมโหจนขาดสติ ปากคอของเขาสั่นฟันกระทบกันจนเกิดเสียง
"เจ้าเป็นแค่พ่อบ้าน อย่ามาตัดสินความผิดของข้า" ชัดกัดฟันพูดให้พ่อบ้านหยุนได้ยินแค่คนเดียว
"หนิงหลง!! เจ้าจะยืนโง่อยู่ทำไม เข้ามาช่วยข้าเร็วสิ ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาในนี้เร็ว" พ่อบ้านหยุนตะโกนสุดเสียง พร้อมกับพยายามที่จะลุกขึ้นให้ได้ แต่เขาก็ต้องล้มลงไปอีกรอบ เมื่อเขาโดนเข่อซิงดึงชายเสื้อของเขาให้ล้มลงไป ในขณะที่หนิงหลงยืนนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจ เขานึกไม่ถึงว่าเข่อซิงจะกล้าทำกับพ่อบ้านหยุนได้ขนาดนี้
"พ่อบ้านหยุนจะรีบไปไหนเล่า พ่อบ้านหยุนน่าจะมาลองโดนแส้อย่างที่ข้าโดนบ้าง จะได้รู้ ว่ามันรู้สึกเช่นไร" ชัดกัดฟันพูดกับพ่อบ้านหยุน ก่อนที่เขาจะปล่อยชายเสื้อของพ่อบ้านหยุนให้เป็นอิสระ เมื่อมีเสียงเปิดประตูเข้ามา
"พ่อบ้านหยุนขอรับ มีเรื่อง...พ่อบ้าน!! ทำไมท่านถึงได้..."
"เจียวหั่ว!! เจ้ามาดึงข้าขึ้นเร็วสิ เจ้าจะมัวแต่ยืนตกใจอย่างหนิงหลงอยู่ทำไมเล่า" พ่อบ้านหยุนตะคอกสั่งเจียวหั่วด้วยความโมโห เขากับเข่อซิงคงจะอยู่ในโลกเดียวกันไม่ได้แล้วล่ะ เขาจะต้องหาทางจัดการให้เข่อซิงตายอย่างหมาไร้ญาติ ที่ห้องใต้ดินแห่งนี้ ไม่ให้หนีไปไหนได้ ไม่งั้นเขาไม่หายจากแค้นครั้งนี้ไปได้หรอก
"ขอรับพ่อบ้านหยุน" เจียวหั่วรีบก้าวขาเข้าไปช่วยพยุงให้พ่อบ้านหยุนลุกขึ้นมายืนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พ่อบ้านหยุนจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
"เข่อซิง...เจ้ารู้จักข้าน้อยไป เดี๋ยวข้ามา" พ่อบ้านหยุนบอกกับเข่อซิงเสียงสั่น ก่อนที่เขาจะรีบเดินออกจากห้องใต้ดินไป
"ข้าไม่ได้รู้จักเจ้าน้อยไปหรอก แต่ข้าไม่ได้รู้จักเจ้าเลยตากหากเล่า พ่อบ้านหยุน" ชัดพึมพำตามหลังของพ่อบ้านหยุนไป
"เข่อซิง...เจ้าไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย" หนิงหลงพูดกับเข่อซิงด้วยนํ้าเสียงที่เป็นกังวล ก่อนที่เขาจะปล่อยให้ลู่จิวไปหาพ่อ แล้วเขาก็เดินตามพ่อบ้านหยุนออกไปจากห้อง ปล่อยให้พ่อลูกได้อยู่กันตามลำพัง
"คุณหนูขอรับ ชุดที่สั่งตัดจากเมืองไถเป่ยมาถึงแล้วขอรับ เจียวหั่ว...เจ้ายกหีบนั่นเอามาวางไว้ตรงนี้" พ่อบ้านหยุนชี้บอกกับเจียวหั่วว่าให้เอาไปวางไว้ตรงไหน อย่างรู้ใจคุณหนูอี้เฉินของเขามากที่สุด"เร็วทันใจข้าจริง พ่อบ้านหยุน ท่านให้ใครไปตามซีห่าวกับจางลี่ ให้มาช่วยข้าลองชุดทีสิ" อี้เฉินบอกกับพ่อบ้านหยุนอย่างอารมณ์ดี ที่ชุดมาทันใจของเธอ ชุดที่เธอสั่งตัดมาใส่ในวันที่ดูตัวของเธอ ซึ่งจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้ เธอสั่งตัดชุดจากเมืองไถเป่ย ที่อยู่ห่างจากเมืองหย่งอานที่เธออยู่ ห่างออกไปไกลกันมาก เดินทางด้วยม้าใช้เวลาถึงสองวัน แต่เธอก็สั่งตัดชุดจากเมืองนี้ เพราะว่าเมืองไถเป่ย มีชื่อเสียงในเรื่องของการตัดชุดให้กับสาวงาม แล้วก็ตัดชุดให้กับลูกสาวของผู้ที่มันอันจะกินทั้งหลาย และเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ตัดชุดจากเมืองนี้มาตลอดเช่นกัน"ขอรับคุณหนู" พ่อบ้านหยุนหันไปส่งสัญญาณให้กับเจียวหั่ว "ขอรับพ่อบ้านหยุน" เจียวหั่วก้มหน้ารับคำอย่างรู้งาน ก่อนที่เขาจะรีบไปทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้น ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เพราะว่าทุกคนต้องวุ่นวาย กับการเตรียมงานใหญ่ของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเจิ้ง ถึงจะเป็นแค่งานดูตัว แต
"ท่างป้อ ท่างป้อตึ่ง ท่างป้อตึ่งเย็วๆ" ลู่จิวปลุกพ่อให้ตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ ที่อากาศไม่หนาวมากนัก แล้วร่างกายของเขาก็มีเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เมื่อวานท้องอิ่ม แล้วก็ได้กินยาแก้ไข้ไปแล้ว"อื้อ...หืออ ลู่จิว เจ้าปลุกพ่อทำไม" ชัดลืมตาขึ้นมาด้วยความงง แต่เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น หลังจากที่เขาแบ่งซาลาเปาที่เหลือคนละครึ่งลูกกินกับลู่จิว แล้วเขาก็กินยาคล้ายกับยาลูกกลอนนั้นไปอีกสองเม็ดก่อนนอน เมื่อวานไม่มีใครมาหาเขาเลยนอกจากหนิงหลง ซึ่งเขาก็คิดว่าเป็นการดี ที่เขาจะได้มีเวลาฟื้นฟูสภาพของร่างกายให้แข็งแรงขึ้นกว่านี้"ท่างป้อ ข้าหิว ข้ากิงก้าว ท่างป้อข้ากิงก้าวแย้ว ข้ากิงอีก" ลู่จิวบอกกับพ่อด้วยนํ้าเสียงที่สดใส เพราะเขาคิดว่าเขาจะได้กินของอร่อยอย่างเมื่อวานนี้อีก"ลู่จิว รออีกสักครู่นะลูก เจ้ามานอนต่ออีกสักหน่อยไหม ถึงตื่นขึ้นมาเราก็ไม่มีอะไรทำ" ชัดบอกกับเด็กน้อย อย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง เขาคิดว่าการนอน กับการเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด จะช่วยทำให้ลดความหิวได้"ม่ายนองนะ ข้าม่ายนอง ท่างป้อ ข้ากิงก้าว ท่างป้อ ข้ากิงก้าวแย้ว ข้าม่าย
"พ่อบ้านหยุน...ท่านมองตาข้าสิ ท่านเห็นอะไรในแววตาของข้าบ้าง แววตามันโกหกไม่ได้หรอก" ชัดกัดฟันบอกกับพ่อบ้านหยุนเสียงกระซิบ หลังจากที่เขาเดินเข้าไปใกล้กับพ่อบ้านหยุน แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนใบหน้าเกือบติดกับใบหน้าของพ่อบ้านหยุน พ่อบ้านหยุนผงะไปทางด้านหลังด้วยความตกใจ"เข่อซิงเจ้า!!...""พ่อบ้านหยุนต้องการอะไรจากข้าเช่นนั้นรึ ข้าก็พร้อมที่จะไปหาท่าน ตามคำสั่งแล้วนี่ไงเล่า" ชัดเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ในขณะที่พ่อบ้านหยุนยืนอ้าปากค้าอย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะว่าเข่อซิงคุกคามเขา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขามาก่อน โดยเฉพาะเข่อซิงที่ไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"พ่อบ้านหยุนขอรับ คุณหนูอี้เฉินให้มาตามขอรับ" ฮุ่ยซิวเดินเข้าไปบอกกับพ่อบ้านหยุน ด้วยท่าทางที่สุภาพ"ข้าก็ต้องไปด้วยใช่หรือไม่" ชัดถามคนที่มาใหม่ เมื่อเขาเห็นว่าพ่อบ้านหยุนยังโมโหจนพูดอะไรไม่ออกอยู่"เข่อซิง...เจ้าตามข้ามา" พ่อบ้านหยุนกัดฟันบอกกับเข่อซิงเสียงกระซิบ เพราะว่าเขาเค้นเสียงออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ก่อนที่เขาจะเดินนำเข่อซิงไป โดยที่เขาไม่มองหน้าของใครทั้งนั้น"เอาล่ะ มีเรื่องอะไรกัน เริ่มจากเข่อซิงก่อน เดี๋ยวจะหาว่าข้ารังแ
"ลู่จิว ลู่จิว เจ้าตื่นได้แล้ว เจ้าจะมาหลับอะไรตอนนี้เนี่ย" ชัดพึมพำเบาๆอยู่คนเดียวอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี หลังจากที่พวกเขาออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของตระกูลเจิ้งได้ เขาก็พาลู่จิวมาหลบทางด้านหลังของบ้าน แล้วปลดผ้าห่มผืนเก่าออก เพราะว่าเขาจะปลุกลู่จิวให้ตื่น เพื่อที่เขาจะได้ถามลู่จิวว่า ห้องพักที่ลู่จิวกับพ่อเคยพักอยู่ที่ไหน แต่ลู่จิวเหมือนจะกินเยอะไปหน่อย ก็เลยนอนหลับลึก"อื้อ...ท่างป้อ ข้า...ข้านองนะ" ลู่จิวบอกกับพ่อเสียงอู่อี้ ในขณะที่พ่อจับเขาให้ยืนอยู่ เพื่อปลุกเขาให้ตื่น เขาตัวโอนเอนไปมา เหมือนคนที่ยืนหลับอยู่อย่างนั้นแหละ"เรากลับไปนอนที่ห้องพักของเรานะ ลู่จิว...ห้องพักของเราอยู่ที่ไหน" ชัดกระซิบถามลู่จิวเสียงเบา เพราะเขากลัวว่าคนอื่นจะได้ยินที่เขาถามลู่จิว"นอง ท่างป้อ ข้านอง...""ตื่นก่อน แล้วค่อยไปนอนที่ห้องพัก" ชัดพูดพร้อมกับเขย่าตัวของลู่จิวเบาๆ เพื่อปลุกให้ลู่จิวตื่น"เข่อซิง เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ข้าได้ยินพวกคนงานเขาคุยกัน ว่าคุณหนูอี้เฉินให้เจ้ากลับไปพัก ที่ห้องของเจ้าได้แล้วไม่ใช่รึ แล้วพรุ่งนี้ คุณหนูก็ห้ามให้เจ้ากับลู่จิวออกมาจากห้องด้วย" หนิงหลงลงไปนั่งยองๆข้างเข่อซิง
"ลู่จิว เจ้านั่งเล่นอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะเข้าไปต้มนํ้าให้เจ้าอาบ" ชัดตะโกนบอกกับลู่จิวเสียงดัง ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย เพราะว่าไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก ก่อนที่เขาจะหิ้วถังนํ้ารีบเดินเข้าไปในห้องพัก พอเขาเข้ามาในห้องพักได้ เขาวางถังนํ้าเอาไว้ในห้องนํ้า แล้วเขาก็รีบเดินออกไปทางหน้าบ้านพัก เขาเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ของบ้านพักอีกหลังที่อยู่ติดกัน แล้ววิ่งเลาะริมลำธารไปใกล้ๆ กับคนที่กำลังแอบซุ่มดูเขาอยู่ เขาอยากรู้ว่าใครที่มาแอบซุ่มดูเขาอีกฝั่งหนึ่งของลำธาร เรื่องที่แอบซุ่มดูแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลย เพราะว่าที่เขาเป็นมือปืนได้ เขาไม่ได้จับฉลากมาหรือโชคช่วยแต่อย่างใด ทีแรกก่อนที่เขาจะมาเป็นมือปืน เขาก็เป็นเดนคนมาก่อน และก่อนที่เขาจะได้มาเป็นมือปืนอันดับหนึ่งของนาย เขาเคยเป็นขโมยและเป็นโจรมาก่อน จนนายให้เขามาทำงานด้วย และฝึกให้เขายิงปืน จนเขากลายมาเป็นมือขวาของนาย และการที่จะฆ่าใครสักคน ไม่ใช่ไปแล้วยิงเป้าหมายเลย เขาต้องไปซุ่มดู ไปเรียนรู้พฤติกรรมของเป้าหมาย และจนแน่ใจแล้วว่าใช่คนที่นายสั่ง เขาถึงลงมือ และเขาจะลงมือยิงเป้าหมาย โดยที่เขาจะต้องหาทางหนีทีไล่ไม่ให้ถูกจับได้ด้วย เรีย
"ท่างป้อ ข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้า...""ลู่จิว เจ้าฟังพ่อนะ ถ้าพ่อบอกให้เจ้าเงียบ เจ้าต้องเงียบ เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดหรือไม่ลู่จิว" ชัดถามพร้อมกับพยายามใส่เสื้อผ้าให้ลู่จิวรัดกุมมากที่สุด หลังจากที่เขาใส่ให้กับตัวเองด้วยชุดที่รัดกุมสีเทาดำเรียบร้อยแล้ว เขากับลู่จิวกินข้าวกลางวันกันอิ่มแล้ว เขาให้ลู่จิวกินข้าวอิ่มให้เต็มที่ ลู่จิวจะได้หลับเร็วๆ ในขณะที่เขากินข้าวอิ่มไปเพียงแค่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าเขาต้องการความคล่องตัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้"ท่างป้อข้าใฉ่เอง ท่างป้อข้าใฉ่" ลู่จิวสบตากับพ่อ พร้อมกับพยายามที่จะใส่เสื้อผ้าเองไปด้วย"เจ้าให้พ่อใส่ให้นะลู่จิว เดี๋ยวคราวหน้าพ่อจะให้เจ้าใส่เองอย่างเมื่อคืนไงเล่า" ชัดพูดกับลูกชายตัวน้อยด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนโยน ตอนนี้เขายอมรับได้แล้วว่าเขามีลูก เพราะว่าทำยังไง เขาก็ไม่ตื่นจากความฝันนี้สะที หรือถ้าให้เขาเลือกได้ เขาก็คงยังไม่เลือกที่จะตื่น จนกว่าเขาจะได้ช่วยเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้สะก่อน และอยู่ด้วยกันมา เขาเริ่มผูกพันกับเด็กน้อยที่ยังบริสุทธิ์คนนี้ ที่ทุกอย่างยังเป็นสีขาวสำหรับเด็กน้อยอยู่"ท่างป้อใฉ่..."แกร๊บ แกร๊บ"ลู่จิว เจ้านอนก่อ
"จางหมิ่น!! เจ้าปามีดใส่มันสิ เราต้องฆ่ามันก่อน ก่อนที่มันจะวิ่งไปถึงขบวนม้าของตระกูลหลี่" ซูเหวินบอกกับจางหมิ่น เมื่อเขานึกขึ้นได้ว่า ถ้าเข่อซิงวิ่งไปถึงขบวนม้าของตระกูลหลี่ เรื่องวุ่นวายคงจะเกิดขึ้นเป็นแน่ฟิ้ว!!ปั๊ก!!"โอ้ย...ช่วยข้าด้วย" ชัดร้องออกมาเสียงดังเกินกว่าความเจ็บปวดจริงๆ เขาต้องร้องเสียงดังเอาไว้ก่อน เพื่อแข่งกับเสียงของพายุหิมะ และเพื่อให้ขบวนรถม้าได้ยินเสียงของเขา เมื่อเขาโดนมีดปักเข้าที่ไหล่ หลังจากที่เขาหันกลับไปมองทางด้านหลัง เขาเห็นว่าจางหมิ่นปามีดมา เขาจะหลบ แต่เขาก็หลบไม่ทัน และเขากลัวว่ามีดจะโดนลู่จิว ทำให้เขาตั้งท่าจะปัดมีดออก แต่มันก็ไม่ทันแล้ว "ไปลากตัวมันมา" จางหมิ่นตะโกนบอกกับซูเหวิน"มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดน่ะสิ มันวิ่งหนีทั้งที่มันบาดเจ็บอยู่" ซูเหวินตะโกนบอกกับจางหมิ่น"ช่วยข้าด้วย" ชัดตะโกนขอความช่วยเหลือไปสุดเสียง ขาก็พยายามวิ่งฝ่าพายุหิมะไปด้วยความยากลำบาก"จางหมิ่น ข้าว่าพวกเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ก่อนที่เราจะหนีไม่ได้" ซูเหวินตะโกนบอกกับจางหมิ่น ก่อนที่เขาจะพาจางหมิ่นเดินย้อนกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว"หยุดม้าก่อน เลี่ยงเฟิ่งเจ้าไปดูชาย
"คุณชายขอรับ...""อู๋ห่าง...เจ้าคิดว่าเข่อซิงเป็นคนของใคร" หลี่หยางหันไปสบตากับอู๋ห่างแล้วนิ่ง อย่างคนที่กำลังใช้ความคิดอยู่"ข้าให้คนของเรา ตามไปจับสองคนที่ทำร้ายเข่อซิงมาแล้ว อีกไม่นานเราก็จะรู้ความจริงขอรับ คุณชายขอรับ คุณชายไม่คิดว่าเข่อซิงจะพูดเรื่องจริงรึขอรับ""เข่อซิงพูดจาฉะฉาน แล้วยังกล้าสบตากับข้าอีก สายตาของเข่อซิงมีความมั่นใจในตัวเอง สายตาเช่นนี้ ไม่ใช่สายตาของคนที่ทำงานรับใช้ในบ้านของใครแน่""แต่แววตาของเข่อซิงดูจริงจัง ไม่ล๊อกแล๊กและไม่ได้โกหก เข่อซิงสบตากับข้าเวลาที่เขาพูด ข้ามั่นใจว่าเข่อซิงพูดจริง""ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าให้คนของเราเข้าไปสืบที่บ้านของตระกูลเจิ้ง ให้ได้เรื่องก่อนพรุ่งนี้เช้า ก่อนที่ข้าจะเข้าไป แล้วนี่เจ้าให้สองพ่อลูกนั่นพักอยู่ที่ไหน" หลี่หยางถามเสียงเรียบ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาในสีหน้า"ให้อยู่ในกระโจมด้านหลังสุด ให้คนของเราเฝ้าเอาไว้อยู่ขอรับ""เอาข้าวเอานํ้าให้พวกเขากินด้วย""ขอรับ" "เจ้าไปได้แล้ว ข้าอยากอยู่คนเดียว" หลี่หยางยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้อู๋ห่างออกไปจากกระโจม"ขอรับ" อู๋ห่างก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากกระโจม..."เจ้าทั้งส
"เข่อซิง ข้ากับเจ้าทำงานกันมานานแล้ว เจ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือไม่ ข้ากับเจ้าควรจะหาที่พักผ่อนอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เจ้าว่าดีหรือไม่เล่า" หลี่หยางถามเข่อซิงเสียงนุ่ม ในขณะที่เข่อซิงกำลังนั่งทำซาลาเปาอยู่อย่างตั้งใจ หลังจากที่พวกเขากลับมาจากไปเที่ยวที่บนหุบเขา เวลาก็ล่วงเลยมานานหลายเดือน จนจะเข้าสู่ฤดูหนาวอีกแล้ว พวกเขากลับมาอยู่ที่ร้านขายผ้า ที่หัวเมืองเหอเป่ย์ตามเดิม เข่อซิงก็กลับมานั่งหัดทำซาลาเปาจนเก่ง แล้วตอนนี้เข่อซิงก็เปิดร้านขายเครื่องดื่มคู่กับซาลาเปา เป็นร้านแรกที่ทำร้านหรูหราใหญ่โต และมีภาชนะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้กับคนเมืองเหอเป่ย์เป็นอย่างมาก เพราะว่าหลี่หยางทำภาชนะใส่เครื่องดื่มกับจานชาม จากสแตนเลสสตีลมาใช้ในร้านของเข่อซิงเป็นที่แรก พร้อมกับวางขายในร้านที่เปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง และตอนนี้หลี่หยางก็มีร้านขายพวกแก้วกับจานชามเพิ่มที่หัวเมืองเหอเป่ย์ รวมกับพวกร้านขายผ้ากับร้านขายไม้ แล้วก็เครื่องประดับสี่ร้านด้วยกัน ไม่รวมกับร้านอาหารของเข่อซิง ส่วนลู่จิวได้ไปอยู่ที่บ้านเกิดของหลี่หยาง เพื่อไปเรียนแล้วก็อยู่กับปู่กับย่า ก่อนที่ลู่จิวจะถูกส่งไปเรียนตามหัวเมือ
"หือ...คุณชาย!!หนาวหรือขอรับ เหตุใดท่านถึงได้มานอนเบียดข้าเช่นนี้" ชัดถามด้วยนํ้าเสียงที่งัวเงีย เมื่อเขาโดนเบียดแปลกๆ ที่ว่าแปลกๆ เพราะว่าคนที่เบียดเขาตัวอุ่นๆเหมือนกับอุ่นเนื้อ เหมือนกับถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วอย่างนั้นแหละ และน่าจะใช่อย่างที่เขาคิด เพราะว่าคนที่นอนเบียดเขา มือไม้เริ่มไม่อยู่นิ่งแล้ว ในขณะที่ตอนนี้เขากับคุณชายหลี่นอนอยู่ในกระโจม ที่อยู่ในหุบเขา ซึ่งบนเขาอากาศหนาวมาก ถึงใกล้จะเข้าฤดูร้อนแล้วก็เถอะ"เข่อซิง...ข้ากับเจ้า เราเป็นคนรักกันมานานโขแล้ว และข้าก็รอให้แผลที่ท้องของเจ้าหายมานานแล้วเช่นกัน ข้ายังต้องรอสิ่งใดอีกเช่นนั้นหรือ" หลี่หยางไม่ถามเปล่า เขาถอดเสื้อผ้าออกให้กับเข่อซิงไปด้วย"คุณชาย...คุณชายเออ... เคยนอนกับ นอนกับผู้ชาย...""เจ้าจะถามข้า ว่าข้าเคยนอนกับชายด้วยกันไหม ใช่หรือไม่" หลี่หยางกระซิบถามข้างหูของเข่อซิงเสียงกระเส่า มือก็ลูบไล้ไปที่หน้าท้องแบนราบ ของคนที่นอนนิ่งให้เขากอดได้อย่างตามใจ เขาลูบไล้เลยไปที่ท่อนเอ็น ที่เริ่มแข็งชี้โด่ขึ้น ตั้งแต่ถูกถอดเสื้อผ้าออกในยามที่ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้"ซี๊ส...คุณชายขอรับ อ่า...ข้าไม่สงสัยแล้วขอรับ อื้ออออ" ชัดครางเสียงแ
"เข่อซิง...เหตุใดเจ้าถึงได้เงียบเช่นนี้เล่า เจ้าไม่ดีใจเช่นนั้นหรือ ที่ข้าคิดเช่นเดียวกับเจ้า หรือว่าเจ้าพูดว่ารักข้า เจ้าแค่หยอกล้อข้าเล่นเท่านั้น" หลี่หยางถามเข่อซิงที่นั่งเงียบมาตลอด ตั้งแต่เขาบอกว่า เขาคิดแบบเดียวกันกับเจ้าตัวแล้ว ในขณะที่ตอนนี้พวกเขา เข้ามาอยู่ในห้องพักกันเพียงลำพังสองคนแล้ว เข่อซิงนั่งพิงหัวเตียงอยู่ เพราะว่าเขาต้องนอนพักหลังมื้ออาหารเช้า และยาต้มสมุนไพรที่เขาได้ดื่มไปแล้ว"หาเป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ข้าดีใจจนข้าพูดสิ่งใดไม่ออกต่างหากเล่า ข้าไม่คิดว่าทาสอย่างข้า จะมีชายที่สูงศักดิ์อย่างคุณชายหลี่มารักข้าได้ แล้ว...เออ...ท่านพ่อกับท่านแม่ของคุณชายเล่า พวกท่านจะยอมรับได้หรือไม่ขอรับ" ชัดถามเสียงเศร้า เพราะว่าถึงเขาจะดีใจ ที่คุณชายหลี่มีความรู้สึกอย่างเดียวกันกับเขา แต่ความรักของชายที่รักกับชาย ก็ใช่ว่าจะราบรื่น ยิ่งเป็นสมัยเก่าอย่างนี้ด้วย อย่าว่าแต่สังคมไม่ยอมรับเลย สังคมยังไม่รู้จักด้วยซํ้ามั้ง และนี่คือเหตุผลที่เขานั่งเงียบ เพราะว่านอกจากที่เขากับคุณชายจะใจตรงกันแล้ว แล้วต่อไปจะใช้ชีวิตกันยังไง เขายังคิดไม่ออกเลย เขามัวแต่คิดว่าชีวิตไม่ได้ยืนยาว อยากทำอะไรก็ให้รีบท
"คุณชายขอรับ ข้าอยากเดินออกไปที่หน้าร้านขายผ้า ข้าอยากเห็นร้านซาลาเปา ว่ายามเช้าเช่นนี้มีลูกค้าหรือไม่ ข้าขอเดินออกไปได้หรือไม่ขอรับ" ชัดขอคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่แหบเบา เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าของวันต่อมา เขามองไปรอบๆแล้ว เขาจำได้ว่าเขานอนอยู่ที่ไหน เพราะว่าเมื่อวาน หลังจากที่เขากินซุปข้าวโพดอิ่มแล้ว เลี่ยงเฟิ่งก็ให้เขาดื่มยาต้มสมุนไพรไปถ้วยหนึ่ง เขาก็หลับยาวจนมาถึงเช้าเลย ระหว่างทางเจออะไรบ้าง เขาเข้ามานอนในห้องพักตรงนี้ได้ยังไง เขายังไม่รู้สึกตัวเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดูมีเรี่ยวแรงขึ้น จนเขาอยากจะลองเดินออกไปดูที่หน้าร้านขายผ้า ว่าที่หน้าร้านขายผ้า รถเข็นไม้ที่เขาใช้ขายซาลาเปา ยังอยู่เหมือนเดิมไหม และยังมีลูกค้าอยู่หรือเปล่า"เจ้าจะออกไปได้เช่นไร เจ้ายังบาดเจ็บอยู่ ข้า...""คุณชายหลี่พาข้าออกไปได้หรือไม่เล่า ข้ารู้สึกว่าอยากออกไปข้างนอก นอนอยู่เช่นนี้ ข้าปวดเมื่อยไปทั่วทั้งตัวแล้วขอรับ" ชัดขอร้องคุณชายหลี่ด้วยนํ้าเสียงที่ออดอ้อน เอาสิ เขาอ้อนขนาดนี้ ถ้าคุณชายหลี่ยอมใจอ่อนพาเขาไป ก็แสดงว่าคุณชายหลี่ต้องมีใจให้กับเขาบ้างแหละวะ ที่เขากล้าอ้อนคุณชายหลี่เช่นนี้ เพราะว่าเม
"คุณชายหลี่ขอรับ รถม้าพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางขอรับ" อู๋ห่างบอกกับคุณชายหลี่ หลังจากที่เขาดูคนของเขา ขนของขึ้นไปบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว มีรถม้าสองคัน โดยที่รถม้าคันหนึ่ง ขนเสบียงกับพวกข้าวของเครื่องใช้ ที่จำเป็นในการรักษาเข่อซิง และอีกคันหนึ่ง ให้ลู่จิวกับอันฉีแล้วก็เข่อซิงนอน และมีเลี่ยงเฟิ่งนั่งไปด้วย เพื่อดูแลเข่อซิงในระหว่างทาง ส่วนเขากับซิงเยียน แล้วก็คุณชายหลี่กับคนของเขาขี่ม้าไป ไปครั้งนี้เขาพาคนของเขาไปเยอะกว่าทุกครั้ง เพื่อป้องกันภัยจากพวกโจรระหว่างทาง "หลี่หยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ พ่อหาได้เห็นด้วยกับเจ้าไม่ แต่พ่อก็บังคับเจ้าไม่ได้ เพราะว่าเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว" พ่อพูดกับลูกชายเสียงเครียด "ท่านพ่อขอรับ ท่านแม่ขอรับ ข้าต้องขออภัย ที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ท่านพ่อกับท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลกับข้า สิ่งใดที่ข้าได้ตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเป็นอันขาด ถึงแม้ว่าข้าจะตัดสินใจผิดพลาด แต่ข้าก็เป็นคนตัดสินใจเอง ข้าขอให้ท่านทั้งสองรับรู้เอาไว้ ข้าจะทำปัจจุบันของข้าให้ดีที่สุด เพราะว่าปัจจุบันจะบ่งบอก ว่าอดีตกับอนาคตของข้าจะไปในทิศทางไหน ทุกอย่างข้าเลือกเอง ข้าก็พร้อมที่จะรั
"เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางเดินเข้ามาในห้องรักษา ในช่วงคํ่าของวัน หลังจากที่เขาได้นอนพักเต็มอิ่มแล้ว"อาการของเข่อซิงยังคงที่ขอรับ โชคดีที่ไม่มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ข้าคอยเช็ดตัวแล้วก็คอยหยดยาต้มสมุนไพร ให้เข่อซิงกินทีละหยดขอรับ อย่างน้อยก็เป็นยาช่วยสมานแผล ในยามที่เข่อซิงไม่ได้สติอยู่เช่นนี้ และยาสมุนไพรตัวนี้ แก้ไข้ได้ด้วยขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งตอบคำถาม พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตามตัวให้กับเข่อซิงไปด้วย"เลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคิดว่า เออ...เข่อซิงจะรอดพ้นคืนนี้ได้หรือไม่" หลี่หยางถามเสียงเบา เมื่อเขาเห็นสภาพเข่อซิงนอนตัวขาวซีด กว่าตอนก่อนที่เขาจะขึ้นไปนอนพักเสียอีก สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกหน่วงที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก คำพูดที่เข่อซิงชอบบอกกับเขา มันเข้ามาในความรู้สึกของเขาตอนนี้ ว่าชีวิตของคนเรามันไม่ได้ยืนยาว แต่มันก็ไม่ควรที่จะสั้นขนาดนี้ไม่ใช่หรือ"ข้าตอบไม่ได้ขอรับ แต่ก็มีเรื่องดีอยู่นะขอรับ ที่เข่อซิงไม่มีอาการไข้ตัวร้อน นั่นหมายความว่า แผลที่ท้องของเข่อซิงไม่เกิดการติดเชื้อด้านในขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดปลอบใจคนถาม เพราะว่าตอนนี้ใบหน้าของคุณชายหลี่ดูเป็นกังวล จนเ
"คุณชายหลี่...""เลี่ยงเฟิ่ง อาการของเข่อซิงเป็นเช่นไรบ้าง" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่ร้อนใจ เมื่อเลี่ยงเฟิ่งเปิดม่านประตูออกมาจากห้องรักษา ในขณะที่เขาเดินวนไปมาที่หน้าห้อง เพื่อรอฟังอาการของเข่อซิง เขามาถึงนานแล้ว แต่เขาไม่กล้าเปิดม่านเข้าไป เพราะเขากลัวว่าจะรบกวนเลี่ยงเฟิ่งในขณะที่กำลังรักษาเข่อซิงอยู่"เข่อซิงเสียเลือดมากขอรับ ถ้าผ่านวันนี้ไปได้อาจจะมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่พ้นวันนี้...""เจ้าต้องการสิ่งใด ต้องการยาชนิดไหนเลี่ยงเฟิ่ง ข้าจะให้คนไปตามหามาให้เจ้า แต่เจ้าต้องช่วยชีวิตของเข่อซิงให้กลับมา...""ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว คุณชายขอรับ...ท้องของเข่อซิง ถูกแทงเข้าไปโดนจุดสำคัญหลายจุด ทำให้เสียเลือดมาก คุณชายเข้าไปดูเข่อซิงสิขอรับ เข่อซิงตัวซีดขาวเพราะว่าเสียเลือดมาก ข้าเย็บแผลใส่ยาและห้ามเลือดให้แล้ว ที่เหลือแค่เพียงรอ เออ...รอให้เข่อซิงฟื้นขึ้นมาเท่านั้นขอรับ เรื่องยารักษาข้ามีเพียงพอแล้วขอรับ" เลี่ยงเฟิ่งพูดทั้งที่คุณชายหลี่ นั่งลงไปบนเก้าอี้หน้าห้องอย่างคนที่หมดแรงแล้ว"คุณชายขอรับ คุณชายขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเถิดขอรับ นี่มันก็สายมากแล้ว ลู่จิวกับนายท่านทั้งสอง ลงมาจากบนบ้านใหญ่แล้ว
"หมดแรงแล้วใช่หรือไม่ไอ้เด็กน้อย เจ้าเตรียมตัวตายตามท่านอี้เจ๋อกับท่านไฉ่หงสะเถิด" หนึ่งในกองโจรที่ปิดหน้าอยู่ เดินเข้าไปหาชายตัวเล็กที่เริ่มหมดแรง ที่จะเก็บก้อนหินปาใส่พวกเขาแล้ว หลังจากที่สหายของเขาหัวแตกกันแทบจะทุกคนแล้ว ในขณะที่สหายของชายตัวเล็กผู้นี้ กำลังต่อสู้กับสหายของพวกเขาอยู่อีกด้าน"เข้ามาเลย ข้ารอพวกเจ้าอยู่" ชัดกวักมือเรียกพวกโจรยิกๆ ทั้งที่เขาเหนื่อยจนใจแทบจะขาดแล้ว โดยที่มืออีกข้างหนึ่งเขากำก้อนหินเอาไว้แน่น เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวครั้งสุดท้าย เพราะว่าเขาไม่มีโอกาสได้ก้มลงไปเก็บก้อนหินอีก พวกโจรมันล้อมเขาเอาไว้ในระยะประชิดตัวแล้ว แต่เขาก็ทำหน้าว่ามีไพ่ที่เหนือกว่า จนพวกโจรมันลังเลไม่มั่นใจ ว่าทำไมเขาตัวเปล่า ถึงไม่ท่าทีว่ากลัวพวกมันเลย"เข่อซิง!!" หลี่หยางมองไปที่เข่อซิงด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าเข่อซิงไม่มีอาวุธอะไรในมือเลย แต่เขายังไปช่วยไม่ได้ เพราะพวกโจรก็รุมเขาอยู่ไม่ต่างจากซิงเยียนและเข่อซิงเลย "ฆ่ามันสิ พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่เล่า!!" หนึ่งในกองโจรที่ล้อมคนตัวเล็กเอาไว้อยู่สั่งขึ้น เมื่อไม่มีใครเข้าไปฆ่าผู้ชายตัวเล็กที่กวักมือเรียกพวกเขาอยู่สักที"ไม่เปิดกันใช่ไหม งั้น
"คุณชายหลี่ พวกโจรมันตามมาขอรับ" ซิงเยียนหันไปตะโกนบอกกับคุณชายหลี่ พร้อมกับควบม้าไปด้วยไม่หยุด พวกเขาช้าไม่ได้ เพราะว่าพวกโจรตามมาเร็วมาก"ท่านซิงเยียน ข้าขอมีดสั้นของท่านได้หรือไม่" ชัดตะโกนไปสุดเสียง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในขณะที่คุณชายหลี่กับซิงเยียน จะต้องควบม้าหนีพวกโจร ที่เขาหันไปดูแล้วตามมาเป็นสิบเลย ทั้งคนทั้งม้า"เข่อซิง...เจ้าคิดจะทำสิ่งใด" หลี่หยางถามเข่อซิง ก่อนที่เขาจะหันไปมองทางด้านหลัง ที่ตอนนี้ม้าของพวกโจรวิ่งใกล้เข้ามาแล้ว เขาคิดว่าซิงเยียนจะเอามีดสั้นมาให้เข่อซิงได้ยังไง ไหนเมื่อพวกเขาต้องรีบหนี ไม่สามารถหยุดม้าได้"ข้าจะต้องหยุดพวกมัน ไม่ให้ตามพวกเรามาได้ ถ้ามีดสั้นไม่มี ข้าขอใช้ดาบของท่านได้หรือไม่" ชัดหันไปถามคุณชายหลี่ แต่มือของเขาก็ดึงดาบของคุณชายหลี่ออกมาจากฝักแล้ว ถึงเขาจะใช้ดาบไม่เป็น แต่ก็ดีกว่าไม่มีอาวุธอะไรเลย เพราะว่าซิงเยียนเองก็ต้องควบม้าหนี คงจะเอามีดสั้นมาให้เขาไม่ได้"เจ้าใช้ดาบเป็นเช่นนั้นรึ" หลี่หยางถามด้วยนํ้าเสียงที่เป็นห่วง สายตาของเขาก็มองไปข้างหน้า เพื่อที่จะหนีพวกโจรให้ได้"พวกเจ้าตามมา อยากได้ของมีค่าใช่หรือไม่" ชัดเอี้ยวหน้าไปถามพวกโจร โดย