Home / รักโบราณ / มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง / ตอนที่ 9 จินซูอันฝึกฝนหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่ง

Share

ตอนที่ 9 จินซูอันฝึกฝนหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่ง

last update Last Updated: 2025-03-10 01:34:01

ภายหลังที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซูอันจะได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับว่าที่หน่วยคุ้มกัน ซึ่งพวกเขาจะต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้ เพื่อรับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่นางกำหนดไว้

ซูอันหันมาทางบุรุษทั้งสิบคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างรู้มารยาท “เอาล่ะพี่ชายทั้งหลายถึงเวลาของพวกท่านแล้ว ตามข้าไปด้านหลังของจวน เนื่องจากสถานที่แห่งนั้นคือการเริ่มต้นเพื่อฝึกฝนร่างกาย ในการเป็นหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งของตระกูลจิน”

“ขอรับคุณหนูเล็ก”

ซูอันพาลูกน้องมือใหม่ไปยังด้านหลังจวน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจการทำหน้าที่ และค่าจ้างที่คนทั้งสิบจะได้รับ เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านหลังจวนสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทำเอากลุ่มของอวี้เหลียนต้องหยุดชะงัก อ้าปากค้างกับสิ่งที่เรียกว่าสนามฝึก

“อะ อะ อวี้เหลียนเจ้าว่าพวกเรากำลังฝันอยู่หรือไม่ นี่ใช่ลานฝึกต่อสู้ที่คุณหนูเล็กพูดถึงงั้นรึ!” หยิ่งเจาเคยทำงานเป็นคนส่งผักมาก่อน เขาเคยเห็นในจวนของบุตรหลานคหบดี มักจะมีลานฝึกวิชาต่อสู้มาบ้าง

อึก “ข้าเองก็ตอบเจ้าไม่ได้เช่นกันหยิ่งเจา บางอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ” อวี้เหลียนตอบสหายอย่างตรงไปตรงมา

คนอื่น ๆ ที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่เคยรู้จักด้วยซ้ำ ว่าการจะฝึกวิชาต่อสู้ต้องมีอุปกรณ์มากมายเช่นนี้ แม้มีคำถามและอยากรู้เพียงใด ย่อมต้องรอให้ซูอันเป็นคนอธิบายเท่านั้น

ขณะที่ทุกคนกำลังมองไปรอบ ๆ ลานฝึกฝน ซูอันหันมามองพวกเขาทั้งสิบคน เพื่อทำความเข้าใจก่อนลงชื่อในสัญญา “เอาล่ะ พวกท่านจงฟังที่ข้าจะพูดให้ดี หลายวันก่อนทุกคนรับรู้เพียงว่า ข้าต้องการรับสมัครหน่วยคุ้มกัน เพื่อทำหน้าที่ปกป้องผ้าไหมให้ปลอดภัย เมื่อต้องนำไปส่งให้กับคู่ค้ายังต่างเมืองในอนาคต แต่อย่าลืมว่างานคุ้มกันเป็นงานที่เสี่ยง หากพบเจอพวกโจรหรือคนชั่วในคราบพ่อค้า เท่ากับว่าชีวิตของพวกท่าน อาจรักษาไว้ได้หรือตายระหว่างทำหน้าที่ได้ทุกเวลา ข้าจะถามพวกท่านเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าขี้ขลาดจงหันหลังเดินกลับบ้านไปเสีย เพราะงานของข้าต้องการผู้กล้าที่จิตใจเข้มแข็ง มีเป้าหมายในการทำภารกิจให้สำเร็จเท่านั้น”

อวี้เหลียนและสหายที่มาด้วยกันวันนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่างานเช่นนี้ย่อมเสี่ยงอันตราย แต่แล้วอย่างไร หากพวกเขาทุกคน

สามารถฝึกฝนวิชาต่อสู้ให้เก่งกาจ และขยันฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอย่อมสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ

“คุณหนูเล็กข้าอวี้เหลียนยินดีทำงานเป็นหน่วยคุ้มกัน เป็นตายจะไม่มีวันทรยศหักหลัง ขอเพียงครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้นขอรับ”

หยิ่งเจาและคนที่ยืนรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน พวกเขาย่อมไม่อยากเป็นบุรุษขี้ขลาดเช่นกัน “พวกข้าทุกคนยินดีทำงานกับคุณหนูเล็ก เป็นตายจะไม่มีวันทรยศหักหลัง และจะทำภารกิจของคุณหนูให้สำเร็จขอรับ!!”

ซูอันได้ยินและได้เห็นท่าทางที่มุ่งมั่น ไม่เกรงกลัวความตายของลูกน้องกลุ่มแรก ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ดี! เช่นนั้นหลังจากพวกเจ้าลงชื่อในหนังสือสัญญาแล้ว ย่อมเป็นคนของตระกูลจินและต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้ของข้า เพื่อรับการฝึกฝนที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้

ในทุกวันพวกเจ้าต้องตื่นตั้งแต่ยามเหม่า เตรียมตัวให้พร้อมกับการฝึกที่หนักหน่วง อุปกรณ์ในลานฝึกแห่งนี้ คือสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น วิชาการต่อสู้ข้าจะทำเป็นตัวอย่างและร่วมฝึกฝนกับพวกเจ้าทุกวัน จนกว่าพวกเจ้าจะผ่านการประเมินจากข้า

ทั้งพวกเจ้าและข้ามีเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น เพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่ง เมื่อครบสามเดือนข้าจะเริ่มทำการค้าที่เมืองผู่เถียน หลังจากนั้นค่อยขยายไปยังเมืองใกล้ ๆ ข้ามีเพียงข้อแม้เดียวสำหรับพวกเจ้า นั่นก็คือต้องแข็งแกร่ง เด็ดขาด สำหรับศัตรูอย่าได้ใจอ่อน ต้องโหดเหี้ยมอำมหิตเท่านั้น เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่!”

“พวกข้าจะจดจำคำสอนของคุณหนูเล็กให้ขึ้นใจขอรับ!”

“เมื่อครบสามเดือนพวกข้าทุกคนจะแข็งแกร่งให้ได้ เพื่อสนับสนุนงานของคุณหนูเล็กขอรับ!”

“ส่วนค่าจ้างที่พวกเจ้าจะได้รับคือสิบตำลึงเงินทุกเดือน เรื่องชุดที่ต้องใส่ให้เหมือนกัน รวมถึงอาหารการกินของพวกเจ้า

ข้าจะเป็นคนรับผิดชอบให้เอง ระหว่างที่ข้ามองหาแม่ครัวและสาวใช้ พวกเจ้าช่วยจัดการไปก่อนข้าจะหาคนมาให้โดยเร็ว” ซูอันมัวแต่คิดเรื่องกำลังคนและการฝึกจึงลืมไปว่า นางซื้อจวนหลังขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ และยังไม่มีแม้แต่พ่อบ้านหรือสาวใช้ในเรือน

เหนียนจื่อยกมือตอบเรื่องนี้กับซูอัน “คุณหนูเล็กคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้เข้ามาทำงานเพิ่มเถิด ท่านไม่ต้องห่วงเรื่องทำอาหารเลยขอรับ พวกข้าทุกคนล้วนทำอาหารเป็นตั้งแต่เด็กแล้วขอรับ”

“อืม เช่นนั้นวันนี้พวกเจ้าทำความสะอาดเรือนพัก ซึ่งเป็นเรือนของบ่าวไพร่เพื่อเป็นที่พักของพวกเจ้า และส่งตัวแทนออกมาหนึ่งคนในการดูแลเรื่องเงินค่าอาหาร อย่าได้ประหยัดจนกินไม่อิ่ม แต่ก็อย่าใช้จนเกินเลยขอบเขตที่ควรจะเป็นก็พอ” ซูอันไม่พูดเปล่าแต่ทั้งน้ำเสียง และสายตาที่แข็งกร้าวของนางที่แสดงออกมา ทำให้กลุ่มคนตรงหน้ารู้สึกว่าน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย

หยิ่งเจาหันไปสะกิดอวี้เหลียน เพื่อให้เขาเป็นตัวแทนดูแลเรื่องนี้ พร้อมทั้งบอกกับซูอันเสร็จสรรพ “คุณหนูเล็กขอรับเรื่องเงินค่าอาหารของพวกข้า มอบให้อวี้เหลียนช่วยจัดการดูแลเถิด เพราะอวี้เหลียนละเอียดรอบคอบกว่าพวกข้ามากขอรับ”

“เช่นนั้นต่อจากนี้รบกวนเจ้าด้วยนะอวี้เหลียน หากขาดเหลือสิ่งใดให้ไปบอกข้าได้ทุกเมื่อ ในถุงเงินใบนี้มีอยู่สิบตำลึงเงิน พวกเจ้าแบ่งหน้าที่การทำอาหารให้เรียบร้อยด้วยล่ะ เมื่อพวกเจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าอธิบายทุกอย่างแล้ว ก็มาลงชื่อในสัญญาและแยกย้ายทำหน้าที่ของตนเถิด” ซูอันลอบสังเกตคนทั้งสิบ ไม่มีใครหลบสายตาของนางยามที่ต้องพูด หรือตอบสิ่งที่นางถาม ดังนั้นซูอันจึงวางใจในส่วนนี้ไปได้เปลาะหนึ่ง

“ขอบคุณคุณหนูเล็กที่ให้โอกาสพวกข้าขอรับ!!”

เมื่อทั้งสิบคนประทับลายนิ้วมือบนสัญญา นั่นถือว่าพวกเขาคือคนของตระกูลจิน แรงกายแรงใจต่อจากนี้ย่อมอุทิศให้ตระกูลจินเท่านั้น ซูอันอนุญาตให้พวกเขาได้พักผ่อนเสียก่อน พอถึงยามเหม่าของวันพรุ่งนี้ การฝึกฝนที่หนักหน่วงไม่ต่างกับทหาร จะเริ่มต้นขึ้นภายใต้การควบคุมดูแลของนาง และพวกเขาต่างทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ในยามเหม่าของวันต่อมาบริเวณลานฝึกซ้อมหลังจวน หน่วยคุ้มกันรุ่นแรกของซูอันยืนเรียงแถวอย่างมีระเบียบ เพื่อรับการฝึกฝนจากเจ้านายที่ยังไม่ปักปิ่นอย่างซูอัน

พอมาถึงลานฝึกฝน ซูอันพูดถึงความสำคัญของการฝึก “จำไว้ให้ดี! การปกป้องชีวิตข้า ปกป้องสินค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด

แต่การปกป้องชีวิตของตัวพวกเจ้าเองก็สำคัญไม่แพ้กัน พวกเจ้าไม่ใช่แค่โล่ที่ไม่มีชีวิต แต่พวกเจ้าคือดาบที่พร้อมฟาดฟันศัตรูกลับไปทุกเมื่อ”

“รับทราบขอรับคุณหนูเล็ก!!”

พอเห็นความพร้อมของคนทั้งสิบ ซูอันจึงเริ่มการฝึกฝนขึ้นทันที ขั้นแรกการฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง ช่วงเช้าตรู่จะเริ่มด้วยการฝึกความอดทนพื้นฐาน ทุกคนต้องวิ่งรอบลานฝึกนับสิบรอบ พร้อมแบกถุงทรายหนักบนหลัง เสียงลมหายใจถี่กระชั้นของพวกเขาเริ่มดังขึ้น ขณะเหงื่อเม็ดโตหยดลงบนพื้นอย่างต่อเนื่อง

ซูอันซึ่งสวมชุดสีดำเรียบง่ายก็ฝึกเช่นเดียวกัน เนื่องจากร่างกายนี้ยังไม่เคยรับการฝึกหนัก นางจำเป็นต้องเริ่มอย่างช้า ๆ แม้จะเหน็ดเหนื่อยก็ไม่ปริปากบ่น จนกระทั่งวิ่งรอบลานฝึกครบสิบรอบ ซูอันได้ใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ทุกคนดู

“หากพวกเจ้าไม่สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง จนผ่านการยกลูกเหล็กที่หนักที่สุดนี้ได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเจ้าก็ไม่สามารถปกป้องข้าได้” ซูอันชี้ให้ทุกคนได้เห็นถึงลูกเหล็กที่มีน้ำหนักหลายสิบจิน

“แน่นอนว่าพวกเจ้าอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ แต่อย่าล้มลงก่อนที่จะทำให้ข้าและสินค้า ที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนในครอบครัวให้ปลอดภัย”

“รับทราบขอรับคุณหนูเล็ก!”

ในช่วงสายหลังจากพักกินอาหารมื้อเช้า การฝึกเริ่มเปลี่ยนเป็นการฝึกต่อสู้ระยะประชิด ซูอันจัดให้ทุกคนจับคู่เพื่อฝึกการโจมตี และป้องกันตัวจากศัตรูด้วยมือเปล่า

“ทุกส่วนของร่างกายพวกเจ้า ล้วนเป็นอาวุธในการป้องกันตัวได้ สายตาต้องคอยจับจ้องศัตรูตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นหมัด เท้า เข่า ศอก ยามที่ปล่อยมันออกไปต้องถูกจุดสำคัญเท่านั้น เมื่อใดที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบจงคิดให้เร็วเพื่อกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ อวี้เหลียนลุกขึ้นมาข้าจะแสดงตัวอย่างให้พวกเจ้าได้ดู จากนั้นจับคู่กันและเริ่มฝึกทันที”

“ขอรับ”

เมื่ออวี้เหลียนหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ซูอันจึงสั่งให้เขาโจมตีนางได้เต็มที่ คราแรกอวี้เหลียนเกิดความลังเล แต่เป็นซูอันที่ออกคำสั่งเสียงเข้มงวดอวี้เหลียนจึงต้องทำตาม เขาพุ่งเข้าไปหานางใช้ท่าทางการต่อสู้เท่าที่รู้ และใช้เป็นประจำในการเป็นฝ่ายรุกด้วยกำลังที่มี

แต่เป็นซูอันที่สามารถปัดป้องได้ทุกกระบวนท่า โจมตีกลับด้วยท่าการป้องกันตัวแบบยุคปัจจุบัน และการต่อสู้แบบโบราณอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าของนางพลิ้วไหวดุจสายลม การโจมตีกลับของซูอันล้วนตรงไปที่จุดสำคัญของอีกฝ่ายทุกครั้ง เพียงแต่นางหลีกเลี่ยงด้วยการผ่อนแรง เพื่อไม่ให้อวี้เหลียนต้องบาดเจ็บ

ท่ามกลางสายตาของคนทั้งเก้า ที่ตั้งใจจดจำท่าทางการต่อสู้ของซูอันอยู่ตลอดเวลา พวกเขาไม่คิดว่าคุณหนูที่เป็นเจ้านายคนนี้ แม้จะมีรูปร่างบอบบางเช่นสตรีในห้องหอ แต่นางกลับมีฝีมือต่อสู้อันแข็งแกร่ง และยังสามารถล้มบุรุษด้วยมือเปล่าได้อีกด้วย

ซูอันตามติดอวี้เหลียนแม้เขาจะล้มลงไปแล้ว แต่นางกลับเดินเข้าไปจับแขนเขาไว้แน่น แล้วผลักเขาไปข้างหน้า “อย่ากลัวที่จะตอบโต้! ศัตรูของพวกเจ้าไม่มีความเมตตา หากเจ้าอ่อนแอนั่นคือเจ้าจะต้องตาย และข้ากับคนในครอบครัวก็จะตายด้วยเช่นกัน”

เว่ยโฉวแทบทนรอไม่ไหวที่จะได้ฝึกการต่อสู้นี้ เขากำลังคิดว่าถ้ามีอาวุธเช่นมีดสั้น หรืออาวุธลับติดตัวคงสังหารศัตรูได้อย่างแน่นอน เขาเป็นคนหนึ่งที่มีความฝันว่าอยากเข้ากองทัพ เผื่อสักวันหนึ่งจะได้เป็นทหารที่แข็งแกร่ง เพียงแต่ความฝันนี้ไม่อาจเป็นไปได้ เพราะหากเขาจากไปครอบครัวของเขา ก็จะไม่มีใครคอยปกป้อง

ซูอันปล่อยมือจากแขนของอวี้เหลียน ก่อนจะหันมาสั่งให้ทุกคนจับคู่และเริ่มฝึกการต่อสู้นี้ “เอาล่ะ พวกเจ้าเลือกจับคู่และฝึกตาม ข้าจะคอยบอกหากการออกท่าทางนั้นไม่ถูกต้อง ส่วนการต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธ ข้าจะสอนพวกเจ้าหลังยามเว่ย เริ่มได้!”

สิ้นเสียงของซูอันทั้งสิบคนจึงจับคู่กัน และเริ่มทำตามตัวอย่างที่ซูอันทำให้ดู พวกเขาออกท่าทางด้วยกำลังที่มี ไม่มีการยั้งแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ฝึก โดยมีเจ้านายผู้มีใบหน้างดงามแต่ดวงตากลับคมกริบประหนึ่งนักฆ่า คอยจับตาดูและช่วยแก้ไขท่วงท่าให้ถูกต้อง พวกเขาคิดว่าการต่อสู้เช่นนี้จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น ตราบใดที่ยังอ่อนแอท่วงท่าต่อสู้ย่อมไม่สามารถกำจัดศัตรูได้

หลังจากได้พักในยามอู่เข้าสู่กลางยามเว่ย ก็มาถึงขั้นตอนการฝึกฝนสุดท้ายนั่นคือการใช้อาวุธ นอกจากนี้ซูอันยังให้ทั้งสิบคน ได้ตัดสินใจเลือกอาวุธที่คิดว่าเหมาะกับแต่ละคน พวกเขาเลือกทั้งดาบ กระบี่ ทวน ดาบสั้นและมีดบิน ซูอันให้ความสำคัญกับการสอนวิธีการป้องกันตัวในสถานการณ์คับขัน คนของนางต้องพลิกแพลงกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจัดการศัตรูด้วยอาวุธที่อยู่ในมือแทน

“หากพวกเจ้าไม่มีทางหนีและเหลือแค่มีดในมืออยู่เล่มเดียว พวกเจ้าจะหาทางรอดให้กับตนเองอย่างไร?” ซูอันถามพลางโยนมีดเล่มหนึ่งไปทางเว่ยโฉว ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในสิบคนที่เลือกใช้มีดสั้น

เว่ยโฉวรับมีดจากซูอันมาถือไว้ในมือ และเข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อกับเขา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาซูอันอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับหลบหลีกด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลและรวดเร็วกว่า จากนั้นได้สวนกลับด้วยการหยิบมีดอีกเล่มจากข้างเอว แล้วจ่อมันไปที่คอของเว่ยโฉวทันที

“จงอย่าลืมว่าการมีชีวิตรอดไม่ได้ขึ้นอยู่กับพละกำลังเท่านั้น แต่มันขึ้นอยู่กับไหวพริบขณะต่อสู้ของพวกเจ้าด้วย”

ทุกคนแทบขยี้ตากับการต่อสู้ทุกอย่าง ที่ซูอันได้สอนแก่พวกเขาทุกคน ซึ่งยามนี้ทั้งสิบคนได้ยกย่องนางให้เป็นตัวอย่าง

ในการพยายามฝึกฝน “คุณหนูเล็กโปรดวางใจ พวกข้าจะพยายามฝึกฝนให้หนัก และจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ!”

หลังจากการฝึกฝนสิ้นสุดลงในยามเย็น ลูกน้องทั้งสิบคนของซูอันต่างหมดแรงไปตาม ๆ กัน แต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น พวกเขาตระหนักในใจดีว่า การเป็นหน่วยคุ้มกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

นอกจากต้องแข็งแกร่งรวมถึงฝีมือการต่อสู้แล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือต้องมีไหวพริบ รอบรู้เรื่องราวข่าวสารทุกอย่าง

เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจเมื่อเริ่มทำงาน และนี่เป็นเส้นทางที่พวกเขาเลือกแล้ว และพร้อมที่จะทำเพื่อปกป้องตระกูลจิน ที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ ทำให้ครอบครัวและคนในหมู่บ้านซานอี๋ ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนี้

Related chapters

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 10 เปิดกิจการ “ร้านหงส์ทอเมฆา”

    ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนการต่อสู้จากการสั่งสอนของซูอัน หน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งทั้งสิบคนล้วนมีความมุ่งมั่น เพื่อให้ตนเองกลายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลจิน ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านร่างกาย รวมไปถึงการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าหรือใช้อาวุธ และทุกเช้ามักจะมีซูอันมาร่วมฝึกด้วยเสมอหลังจากการฝึกร่างกายของตน ซูอันจะกลับมาพูดคุยกับบิดามารดาและพี่สาว เกี่ยวกับลายปักที่ครอบครัวของนาง ได้เริ่มลงมือปักลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าไหมแต่ละผืน แต่ยังคงเป็นซูอันที่มีตัวอย่างของลายปัก ซึ่งมีความแตกต่างมาให้ครอบครัวได้ทำ ทั้งพัดที่สตรีชอบถือติดตัวหรือจะเป็นผ้าเช็ดหน้า ถุงใส่เครื่องหอม ฉากกั้นขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ไม่เพียงแค่คนในครอบครัวของซูอันที่ทำงานปักผ้า ลูกจ้างของนางจากหมู่บ้านซานอี๋ทั้งสี่คน ก็ได้มาเรียนรู้และปักตามลายที่ซูอันกำหนด ด้านผ้าไหมที่นางสั่งกับชาวบ้านไว้ จะมีหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง นำใส่หีบอย่างดีมาส่งให้นางถึงจวนเมื่อครบหนึ่งเดือนยิ่งใกล้ถึงวันเปิดร้านผ้าของครอบครัว งานปักผ้าและตัดเย็บเป็นชิ้น ๆ ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ซูอันสังเกตเห็นว่าชุดที่นางกับทุกคนใส่ประจำนั้น สีของม

    Last Updated : 2025-03-10
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 11 ตอนที่ 11 สองสหายต้องใจสตรี

    ภายในห้องรับรองด้านบนร้านค้าผ้าไหม ยามนี้ซูอันและแขกผู้เป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายผ้าไหม รวมถึงผ้าปักลวดลายต่าง ๆ ที่ร้านตระกูลจินได้ทำออกมาวางขายวั่นจิ่นต้านร้อนใจเกรงว่าตนจะไม่ได้สินค้าที่อยากได้“เอ่อ คุณหนูเล็กท่านมีข้อเสนออันใด เกี่ยวกับผ้าที่วางขายในร้านของท่านบ้าง ช่วยบอกให้ข้าทราบได้หรือไม่”ซูอันเห็นอาการกระตือรือร้นของลูกค้าตรงหน้า จึงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไปด้วยเหตุผลประกอบการซื้อขาย “ข้อเสนอของข้ามิได้ซับซ้อนแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านลุงมีความจริงใจที่จะทำการค้าร่วมกัน เรื่องอื่นย่อมพูดคุยกันได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”“ไอหยา คุณหนูเล็กท่านอย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพ่อค้าคนอื่นเลยนะ ตระกูลวั่นของข้าทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ หากข้าเป็นคนคดโกงเห็นแก่ตัวแล้วละก็ คงทำการค้าในเมืองหลวงมายาวนานมิได้แน่” วั่นจิ่นต้านพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง เพราะตระกูลของเขานั้นยึดถือคำสอนของบรรพบุรุษ ที่ให้ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมา“ขอบคุณท่านลุงที่แสดงความจริงใจเจ้าค่ะ เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านลุงต้องการผ้าไหมจำนวนเท่าใดหรือเจ้าคะ พวกเราจะได้ทำใบสั่งซื้อสินค้า และลงชื่อไว้เป็นหลักฐา

    Last Updated : 2025-03-10
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 1 แค่เก่งเกินผู้ชายถึงกับถูกสั่งเก็บ

    เสียงฝนกระหน่ำลงมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ท่ามกลางถนนที่มืดมิดและเปียกชื้น รถคันหรูแล่นไปด้วยความเร็ว ภายใต้แสงไฟจากไฟฟ้าริมสองข้างถนน เสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ ไม่ได้รบกวนสมาธิของหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านคนขับ แม้แต่เสียงฝนที่กระทบกระจก ก็ยังไม่สามารถกลบเสียงของรถยนต์หลายคัน ที่กำลังพยายามเร่งความเร็วเพื่อกำจัดเธอในครั้งนี้หลิวเสวี่ยหงจับพวงมาลัยแน่น ดวงตาคู่เรียวทั้งมองถนนและมองรถที่ติดตามมา ตอนนี้จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความเครียด จากการถูกศัตรูคู่แข่งในวงการมาเฟียไล่ล่า แม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าการไล่ล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มิใช่ว่าเธอไม่เคยเจอแต่ครั้งนี้เป็นเพราะลูกน้องของเธอ ถูกศัตรูขวางทางเอาไว้จนตามมาไม่ทันเธอเห็นแสงไฟจากรถยนต์ของศัตรู ที่ตามมาในกระจกมองหลัง รถที่มาพร้อมกับความเร็วสูง ไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีไปได้แม้แต่วินาทีเดียว“แค่ฉันมีความสามารถมากกว่าพวกแกถึงกับรับไม่ได้ อดทนอดกลั้นมาได้นานขนาดนี้คงวางแผนกับเครือข่ายอื่นล่ะสิ แต่คนอย่างหลิวเสวี่ยหงจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน มาทำลายทุกสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นด้วยสองมือของฉันแน่!”เสียงพูดลอดไรฟันของหลิวเสวี่ยหงดังอยู่ในรถ และมีแค่เธอที่

    Last Updated : 2025-03-07
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 2 จี้หยกพูดได้!

    เมื่อครอบครัวเล็ก ๆ ได้บุตรสาวกลับคืน ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าในร่างนี้มิใช่บุตรสาวที่ตนรู้จัก แต่ด้วยอุปนิสัยไม่ยอมคนของหลิวซูอัน ผู้มาครอบครองร่างทีหลังย่อมสวมรอยได้ไม่ยากเพราะยังมีงานที่ต้องทำค้างอยู่ ทั้งสามคนจึงให้หลิวซูอันพักผ่อน โดยงานในส่วนของนางผู้เป็นพี่สาวจะรับผิดชอบทำแทนให้เองจือเหมยเอ่ยบอกกับซูอันอย่างห่วงใย “อันเอ๋อร์เจ้านอนพักต่ออีกหน่อยเถิดนะ หากแม่กับพ่อและพี่สาวของเจ้าทำงานที่ค้างไว้เสร็จ จะรีบทำโจ๊กมาให้กินส่วนเรื่องยา ค่อยให้พ่อของเจ้าแอบไปซื้อมาต้มให้ดื่มทีหลังนะ”ซูอันที่รับรู้เรื่องการเงินจากร่างเดิมแล้ว ก็รีบเอ่ยปรามเอาไว้เสียก่อน “ท่านแม่เรื่องยาสมุนไพรอย่าได้เปลืองเงินเลยเจ้าค่ะ ยามนี้ข้าไม่รู้สึกเจ็บเหมือนตอนถูกตีแล้ว ขอแค่โจ๊กฝีมือท่านแม่และได้นอนพัก อีกไม่กี่วันก็มีแรงช่วยพวกท่านทำงานแล้วเจ้าค่ะ”ซูอันพูดภาษาในโลกนี้ได้คล่องแคล่ว อย่างน้อยตอนที่นางเรียนหนังสือยังมีวิชาประวัติศาสตร์ รวมถึงภาษาของแต่ละพื้นที่ทำให้นางเอามาปรับใช้ได้ไม่ยากเย็นนัก“จะเป็นไปได้อย่างไรกันเจ้าถูกไม้ตีรุนแรงมากนะอันเอ๋อร์ แค่นอนไม่ถึงครึ่งชั่วยามเจ้ากลับบอกว่าไม่เจ็บแล้ว” เยี่ยนหลิงไม่

    Last Updated : 2025-03-07
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 3 อาละวาดและตัดขาดเสียให้สิ้น

    หลังจากสำรวจทุกอย่างจนครบ ซูอันจึงกลับออกมานอนพักด้านนอก เนื่องจากนางกลัวว่าคนในครอบครัวกลับมาแล้ว ไม่เจอนางจะเกิดความวุ่นวายอีก แล้วคนที่เรือนใหญ่จะหาเรื่องครอบครัวของนางได้จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น บิดามารดาพร้อมพี่สาวของซูอัน ก็ช่วยกันยกถาดอาหารเข้ามาในห้อง ซึ่งซูอันตื่นมานั่งรอพวกเขาได้เกือบหนึ่งเค่อแล้ว แต่สีหน้าของคนทั้งสามผิดแปลกไป คล้ายกับพบเจอเรื่องราวที่ทำให้ลำบากใจอย่างไรอย่างนั้นจือเหมยวางถาดถ้วยโจ๊กอย่างเบามือ และรีบเดินเข้าไปดูอาการของซูอันทันที “อันเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงจุดไหนหรือไม่ลูก หากเจ็บที่ใดจงรีบบอกแม่เข้าใจไหม”ซูอันรู้สึกซาบซึ้งกับความห่วงใยนี้ไม่น้อย เพราะบิดามารดาของนางในโลกนั้น จากไปเร็วในยามที่นางเพิ่งหัดเดินเท่านั้น “ท่านแม่ท่านอย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ข้าสบายดีกว่าเดิมหลายเท่าแล้ว พวกท่านทำงานมาเหนื่อย ๆ ข้าว่าควรรีบกินอาหารหลังจากนั้นพวกท่านสามคนจะได้พักผ่อนให้เร็วขึ้นนะเจ้าคะ”มู่ถงยิ้มบางให้กับบุตรสาวคนเล็ก ไม่คิดว่าซูอันอยากให้พวกเขาพักผ่อน มากกว่ากลับไปทำงานเช่นแต่ก่อน “ฮูหยินมากินข้าวเถิดประเดี๋ยวโจ๊กหายร้อนแล้วจะไม่อร่อยเอา

    Last Updated : 2025-03-07
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 4 ครอบครัวเล็ก ๆ เป็นอิสระ

    หลังจากครอบครัวของซูอันได้รับหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิว ก็พาครอบครัวออกจากจวนทันที แต่ก่อนที่นางจะก้าวเท้าพ้นประตู ยังมิวายหันไปข่มขู่คนด้านหลังที่นั่งกองอยู่กับพื้นเช่นเดิม“หึ ข้าขอเตือนพวกท่านทุกคนเอาไว้ หลังจากนี้หากคิดส่งคนตามไปทำร้ายครอบครัวข้าละก็ ข้าจะกลับมาฆ่าล้างคนในตระกูลทุกคน ตระกูลหลิวที่น่าภาคภูมิใจของพวกท่าน จะหายไปจากเมืองถู่หลานตลอดไป ฮ่า ๆ ๆ”ทันทีที่ไร้ร่างของซูอัน หลิวฉางฮุ่ยรีบพาตนเองคลานเข้ามาหาบิดา คล้ายต้องการกดดันให้จัดการมู่ถงกับครอบครัว เนื่องจากยังมีใบสั่งซื้อของลูกค้าค้างอยู่หลายคน “ท่านพ่อขอรับ ท่านจะปล่อยพวกมันไปเช่นนี้ไม่ได้นะ หากไม่มีพวกมัน แล้วใบสั่งซื้อผ้าปักที่ได้รับมามากมาย ใครจะรับผิดชอบเล่าขอรับ หลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็นครอบครัวของมู่ถง คอยทำงานตามคำสั่งพวกเราทั้งนั้นนะขอรับท่านพ่อ”หลิวเฟยที่นั่งเงียบอยู่นาน จึงเงยหน้าตะคอกกลับบุตรชายคนโต ด้วยต้องการระบายความโกรธเช่นกัน “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางหลานตัวดีนั่นทำอะไรกับพวกเรา ฮะ! ข้าถูกทำร้ายแต่ไม่มีใครเข้ามาปกป้องสักคน ถ้าเจ้าอยากจัดการพวกมันก็ลงมือเอง แต่อย่าพาข้ากับคนอื่นต

    Last Updated : 2025-03-08
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 5 ลงหลักปักฐาน

    แค่ทองคำแท้หนึ่งแท่งขนาดเล็กที่ซูอันนำไปขาย ก็ทำเงินให้นางมากถึงสิบตำลึงทอง แต่นางไม่ลืมแลกเป็นตำลึงเงินกับเหรียญอีแปะเผื่อเอาไว้ ยามหยิบใช้จะได้สะดวก ก่อนออกเดินทางไปยังเมืองผู่เถียน เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการทอผ้าและผ้าปักอันงดงาม ซูอันไม่ลืมพาครอบครัวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่ราคาไม่แพงเกินไปมาสวมใส่ชั่วคราวระหว่างการเดินทางซูอันตระหนักได้ว่า เมื่อนางมาอยู่ในยุคโบราณเช่นนี้ เงินทองที่ใช้จ่ายย่อมมิใช่ที่ใช้ในยุคที่จากมา จึงให้จีจี้เปลี่ยนทองคำแท่งทั้งหมด ให้กลายเป็นตำลึงทอง ตำลึงเงินและเหรียญอีแปะไว้ ทำให้ง่ายต่อการหยิบมาใช้สอยได้ทุกเวลาครอบครัวตระกูลจินจ้างรถม้ารับจ้าง ให้ไปส่งพวกเขาที่เมืองผู่เถียน ระหว่างเดินทางซูอันกับเยี่ยนหลิงนั่งมองทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถม้า การเดินทางไม่พบเจอปัญหาอันใดทุกอย่างราบรื่น จนผ่านมาสิบห้าวันในที่สุดซูอันกับครอบครัวก็มาถึงเมืองผู่เถียนเสียทีเมื่อผ่านประตูเข้าสู่เมืองความคึกคักของตลาดขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองก็ปรากฏแก่สายตา เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากร้านแผงลอย และสีสันของผืนผ้าที่วางเรียงรายอยู่ในร้านค้าต่าง ๆ ทำให้

    Last Updated : 2025-03-08
  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 6 ช่วยหมู่บ้านซานอี๋

    วันรุ่งขึ้นซูอันและเยี่ยนหลิงจ้างรถม้า ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เมืองผู่เถียน ซึ่งใช้เวลานั่งรถม้าไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้น การไปหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพราะซูอันต้องการหาคนงาน ที่มีฝีมือในการเลี้ยงไหม ย้อมสี และลูกจ้างที่มีฝีมือการตัดเย็บไปทำงานกับร้านค้าของครอบครัวของนางครั้นซูอันกับเยี่ยนหลิงมาถึงหมู่บ้านซานอี๋ ทั้งคู่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศของหมู่บ้านดูเงียบงันผิดปกติ ชาวบ้านบางส่วนที่เป็นเด็กและสตรี ต่างพากันหลบอยู่ในบ้านของตน“อันเอ๋อร์ดูเหมือนว่าหมู่บ้านซานอี๋มีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาดูหวาดกลัวอะไรบางอย่างจนไม่กล้าออกจากบ้านเช่นนี้” เยี่ยนหลิงเอ่ยขึ้นพร้อมขมวดคิ้วซูอันพยักหน้าและคิดเช่นเดียวกับพี่สาว ก่อนจะเร่งให้รถม้าไปยังลานกว้างกลางหมู่บ้าน ที่นั่นพวกนางพบกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคน กำลังยืนล้อมกลุ่มชาวบ้านที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัว และกำลังร้องขอความเมตตาจากชายฉกรรจ์กลุ่มนี้“คุณชายกู้ได้โปรดเถิดขอรับ อย่าทำกับผ้าไหมของพวกเราเช่นนี้ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนทอผ้าสุดฝีมือ ทุกขั้นตอนล้วนทำด้วยตนเองทั้งสิ้น มันจะกลายเป็นผ้าไหมเก่า ๆ ที่ท่านนำมาได้อย่างไรกัน”“น

    Last Updated : 2025-03-08

Latest chapter

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 11 ตอนที่ 11 สองสหายต้องใจสตรี

    ภายในห้องรับรองด้านบนร้านค้าผ้าไหม ยามนี้ซูอันและแขกผู้เป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายผ้าไหม รวมถึงผ้าปักลวดลายต่าง ๆ ที่ร้านตระกูลจินได้ทำออกมาวางขายวั่นจิ่นต้านร้อนใจเกรงว่าตนจะไม่ได้สินค้าที่อยากได้“เอ่อ คุณหนูเล็กท่านมีข้อเสนออันใด เกี่ยวกับผ้าที่วางขายในร้านของท่านบ้าง ช่วยบอกให้ข้าทราบได้หรือไม่”ซูอันเห็นอาการกระตือรือร้นของลูกค้าตรงหน้า จึงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไปด้วยเหตุผลประกอบการซื้อขาย “ข้อเสนอของข้ามิได้ซับซ้อนแต่อย่างใดเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านลุงมีความจริงใจที่จะทำการค้าร่วมกัน เรื่องอื่นย่อมพูดคุยกันได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”“ไอหยา คุณหนูเล็กท่านอย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพ่อค้าคนอื่นเลยนะ ตระกูลวั่นของข้าทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์ หากข้าเป็นคนคดโกงเห็นแก่ตัวแล้วละก็ คงทำการค้าในเมืองหลวงมายาวนานมิได้แน่” วั่นจิ่นต้านพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจัง เพราะตระกูลของเขานั้นยึดถือคำสอนของบรรพบุรุษ ที่ให้ทำการค้าอย่างตรงไปตรงมา“ขอบคุณท่านลุงที่แสดงความจริงใจเจ้าค่ะ เช่นนั้นไม่ทราบว่าท่านลุงต้องการผ้าไหมจำนวนเท่าใดหรือเจ้าคะ พวกเราจะได้ทำใบสั่งซื้อสินค้า และลงชื่อไว้เป็นหลักฐา

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 10 เปิดกิจการ “ร้านหงส์ทอเมฆา”

    ตั้งแต่เริ่มฝึกฝนการต่อสู้จากการสั่งสอนของซูอัน หน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งทั้งสิบคนล้วนมีความมุ่งมั่น เพื่อให้ตนเองกลายเป็นผู้พิทักษ์ของตระกูลจิน ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านร่างกาย รวมไปถึงการต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าหรือใช้อาวุธ และทุกเช้ามักจะมีซูอันมาร่วมฝึกด้วยเสมอหลังจากการฝึกร่างกายของตน ซูอันจะกลับมาพูดคุยกับบิดามารดาและพี่สาว เกี่ยวกับลายปักที่ครอบครัวของนาง ได้เริ่มลงมือปักลวดลายดอกไม้ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับผ้าไหมแต่ละผืน แต่ยังคงเป็นซูอันที่มีตัวอย่างของลายปัก ซึ่งมีความแตกต่างมาให้ครอบครัวได้ทำ ทั้งพัดที่สตรีชอบถือติดตัวหรือจะเป็นผ้าเช็ดหน้า ถุงใส่เครื่องหอม ฉากกั้นขนาดกลางไปถึงขนาดใหญ่ไม่เพียงแค่คนในครอบครัวของซูอันที่ทำงานปักผ้า ลูกจ้างของนางจากหมู่บ้านซานอี๋ทั้งสี่คน ก็ได้มาเรียนรู้และปักตามลายที่ซูอันกำหนด ด้านผ้าไหมที่นางสั่งกับชาวบ้านไว้ จะมีหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง นำใส่หีบอย่างดีมาส่งให้นางถึงจวนเมื่อครบหนึ่งเดือนยิ่งใกล้ถึงวันเปิดร้านผ้าของครอบครัว งานปักผ้าและตัดเย็บเป็นชิ้น ๆ ยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก ซูอันสังเกตเห็นว่าชุดที่นางกับทุกคนใส่ประจำนั้น สีของม

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 9 จินซูอันฝึกฝนหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่ง

    ภายหลังที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซูอันจะได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับว่าที่หน่วยคุ้มกัน ซึ่งพวกเขาจะต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้ เพื่อรับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่นางกำหนดไว้ซูอันหันมาทางบุรุษทั้งสิบคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างรู้มารยาท “เอาล่ะพี่ชายทั้งหลายถึงเวลาของพวกท่านแล้ว ตามข้าไปด้านหลังของจวน เนื่องจากสถานที่แห่งนั้นคือการเริ่มต้นเพื่อฝึกฝนร่างกาย ในการเป็นหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งของตระกูลจิน”“ขอรับคุณหนูเล็ก”ซูอันพาลูกน้องมือใหม่ไปยังด้านหลังจวน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจการทำหน้าที่ และค่าจ้างที่คนทั้งสิบจะได้รับ เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านหลังจวนสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทำเอากลุ่มของอวี้เหลียนต้องหยุดชะงัก อ้าปากค้างกับสิ่งที่เรียกว่าสนามฝึก“อะ อะ อวี้เหลียนเจ้าว่าพวกเรากำลังฝันอยู่หรือไม่ นี่ใช่ลานฝึกต่อสู้ที่คุณหนูเล็กพูดถึงงั้นรึ!” หยิ่งเจาเคยทำงานเป็นคนส่งผักมาก่อน เขาเคยเห็นในจวนของบุตรหลานคหบดี มักจะมีลานฝึกวิชาต่อสู้มาบ้างอึก “ข้าเองก็ตอบเจ้าไม่ได้เช่นกันหยิ่งเจา บางอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ” อวี้เหลียนตอบสหายอย่างตรงไปตรงมาคนอื่น ๆ

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 9 จินซูอันฝึกฝนหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่ง

    ภายหลังที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่ซูอันจะได้พูดคุยและทำความเข้าใจกับว่าที่หน่วยคุ้มกัน ซึ่งพวกเขาจะต้องพักอยู่ที่จวนแห่งนี้เพื่อรับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะผ่านหลักสูตรการฝึกที่นางกำหนดไว้ซูอันหันมาทางบุรุษทั้งสิบคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างรู้มารยาท “เอาล่ะพี่ชายทั้งหลายถึงเวลาของพวกท่านแล้ว ตามข้าไปด้านหลังของจวน เนื่องจากสถานที่แห่งนั้นคือการเริ่มต้น เพื่อฝึกฝนร่างกายในการเป็นหน่วยคุ้มกันรุ่นที่หนึ่งของตระกูลจิน”“ขอรับคุณหนูเล็ก”ซูอันพาลูกน้องมือใหม่ไปยังด้านหลังจวน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจการทำหน้าที่ และค่าจ้างที่คนทั้งสิบจะได้รับ เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านหลังจวนสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ทำเอากลุ่มของอวี้เหลียนต้องหยุดชะงัก อ้าปากค้างกับสิ่งที่เรียกว่าสนามฝึก“อะ อะ อวี้เหลียนเจ้าว่าพวกเรากำลังฝันอยู่หรือไม่ นี่ใช่ลานฝึกต่อสู้ที่คุณหนูเล็กพูดถึงงั้นรึ!” หยิ่งเจาเคยทำงานเป็นคนส่งผักมาก่อน เขาเคยเห็นในจวนของบุตรหลานคหบดี มักจะมีลานฝึกวิชาต่อสู้มาบ้างอึก “ข้าเองก็ตอบเจ้าไม่ได้เช่นกันหยิ่งเจา บางอย่างข้าไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ” อวี้เหลียนตอบสหายอย่างตรงไปตรงมาคนอื่น ๆ ท

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 8 ลานฝึกที่ยอดเยี่ยมและคนจากหมู่บ้านซานอี๋

    ทางด้านมู่ถงที่ออกจากจวนตามหลังบุตรสาว ก็ได้ติดต่อนายช่างโจวซุ่นที่ชาวบ้านแนะนำกับเขา และพาไปดูร้านค้าพร้อมบอกรายละเอียด ที่ตนกับบุตรสาวต้องการให้นายช่างโจวปรับปรุง หรือเพิ่มเติมในส่วนที่ได้หารือกันเอาไว้ ซึ่งนายช่างโจวพอจะเห็นภาพตามที่มู่ถงได้บอกเล่าให้ฟัง เนื่องจากนายช่างโจวเองก็มีประสบการณ์สร้างร้านค้าผ้ามาไม่น้อยเมื่อพูดคุยและทำสัญญาการปรับปรุงร้าน นายช่างโจวขอเวลาสิบห้าวันเท่านั้น ที่เขาใช้เวลาไม่นานเป็นเพราะมีลูกน้องจำนวนมาก แต่ละคนยังมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่ากันซูอันกับเยี่ยนหลิงกลับมาถึงจวน ก็ไม่ลืมบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านซานอี๋ให้บิดามารดาได้รับรู้ และยังบอกอีกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ คือลูกจ้างที่ตกลงทำสัญญาทำงานกับพวกตน“ลูกสาวของพ่อทั้งสองคนช่างจำนรรจาเกลี้ยกล่อมผู้คนเสียจริง แต่เป็นเรื่องที่ดีถ้ามีคนงานที่ชำนาญด้านต่าง ๆ หลายคน อย่างน้อยสินค้าที่ต้องนำไปวางขาย ย่อมไม่เกิดปัญหาขาดแคลนจนถูกลูกค้าตำหนิได้”“ท่านพ่อวางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้ากับอันเอ๋อร์ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนั้นแน่ เพราะคนในหมู่บ้านซานอี๋ทำงานเกี่ยวกับผ้าไหมได้งดงาม หรืออาจเทียบเท่ากับพวกเรายามที่อยู่เมือง

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 7 ได้ทั้งลูกจ้างและลูกน้อง

    ในที่สุดชาวบ้านต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แน่นอนว่าหัวหน้าหมู่บ้านอย่างเลี่ยงหยาง ย่อมเป็นตัวแทนของทุกคน ลุกขึ้นยืน โค้งคำนับให้ซูอันและกล่าวขอบคุณนาง“ขอบคุณคุณหนูที่ช่วยเหลือขอรับ หากไม่ได้ท่านช่วยไว้ วันนี้คงมีชาวบ้านที่ต้องเจ็บตัวจากตระกูลกู้อีกเป็นแน่ แต่ว่าท่านควรระวังคนตระกูลนี้เอาไว้นะขอรับ”ซูอันก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับน้ำใจ “พวกท่านเองก็อย่าถือเป็นบุญคุณเลยนะ การยอมก้มหัวให้คนเช่นนั้นมิใช่ทางออกที่ดีเสมอไป หากยอมให้พวกเขากดขี่ข่มเหง เหตุการณ์ก็จะเป็นอย่างวันนี้ที่พวกท่านต้องพบเจอตลอดไป ถ้าครั้งหน้ายังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ให้คนไปบอกกับข้าที่จวนตระกูลจินในเมืองผู่เถียนได้”เยี่ยนหลิงเองก็มีคำพูดบอกกับชาวบ้านบ้าง “ข้ากับน้องสาวเชื่อว่า หากท่านลุงท่านป้าไปตีกลองร้องทุกข์กับท่านเจ้าเมือง ย่อมได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน”“พวกข้าจะจำไว้ขอรับ ว่าแต่พวกท่านมาที่หมู่บ้านของพวกเรา มีกิจธุระอันใดหรือไม่ขอรับ” เลี่ยงหยางถามสตรีสองคนที่เป็นพี่น้องกัน เพราะเขารู้สึกว่านี่มิใช่เรื่องบังเอิญเป็นซูอันที่ตอบไปสั้น ๆ “ใช่แล้ว พวกข้าสองคนมีธุระจริง ๆ”ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันนิ่งเงียบ เพื่อร

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 6 ช่วยหมู่บ้านซานอี๋

    วันรุ่งขึ้นซูอันและเยี่ยนหลิงจ้างรถม้า ออกเดินทางไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้เมืองผู่เถียน ซึ่งใช้เวลานั่งรถม้าไม่ถึงหนึ่งเค่อเท่านั้น การไปหมู่บ้านแห่งนี้เป็นเพราะซูอันต้องการหาคนงาน ที่มีฝีมือในการเลี้ยงไหม ย้อมสี และลูกจ้างที่มีฝีมือการตัดเย็บไปทำงานกับร้านค้าของครอบครัวของนางครั้นซูอันกับเยี่ยนหลิงมาถึงหมู่บ้านซานอี๋ ทั้งคู่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศของหมู่บ้านดูเงียบงันผิดปกติ ชาวบ้านบางส่วนที่เป็นเด็กและสตรี ต่างพากันหลบอยู่ในบ้านของตน“อันเอ๋อร์ดูเหมือนว่าหมู่บ้านซานอี๋มีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาดูหวาดกลัวอะไรบางอย่างจนไม่กล้าออกจากบ้านเช่นนี้” เยี่ยนหลิงเอ่ยขึ้นพร้อมขมวดคิ้วซูอันพยักหน้าและคิดเช่นเดียวกับพี่สาว ก่อนจะเร่งให้รถม้าไปยังลานกว้างกลางหมู่บ้าน ที่นั่นพวกนางพบกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคน กำลังยืนล้อมกลุ่มชาวบ้านที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัว และกำลังร้องขอความเมตตาจากชายฉกรรจ์กลุ่มนี้“คุณชายกู้ได้โปรดเถิดขอรับ อย่าทำกับผ้าไหมของพวกเราเช่นนี้ ทุกคนในหมู่บ้านล้วนทอผ้าสุดฝีมือ ทุกขั้นตอนล้วนทำด้วยตนเองทั้งสิ้น มันจะกลายเป็นผ้าไหมเก่า ๆ ที่ท่านนำมาได้อย่างไรกัน”“น

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 5 ลงหลักปักฐาน

    แค่ทองคำแท้หนึ่งแท่งขนาดเล็กที่ซูอันนำไปขาย ก็ทำเงินให้นางมากถึงสิบตำลึงทอง แต่นางไม่ลืมแลกเป็นตำลึงเงินกับเหรียญอีแปะเผื่อเอาไว้ ยามหยิบใช้จะได้สะดวก ก่อนออกเดินทางไปยังเมืองผู่เถียน เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการทอผ้าและผ้าปักอันงดงาม ซูอันไม่ลืมพาครอบครัวไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่ราคาไม่แพงเกินไปมาสวมใส่ชั่วคราวระหว่างการเดินทางซูอันตระหนักได้ว่า เมื่อนางมาอยู่ในยุคโบราณเช่นนี้ เงินทองที่ใช้จ่ายย่อมมิใช่ที่ใช้ในยุคที่จากมา จึงให้จีจี้เปลี่ยนทองคำแท่งทั้งหมด ให้กลายเป็นตำลึงทอง ตำลึงเงินและเหรียญอีแปะไว้ ทำให้ง่ายต่อการหยิบมาใช้สอยได้ทุกเวลาครอบครัวตระกูลจินจ้างรถม้ารับจ้าง ให้ไปส่งพวกเขาที่เมืองผู่เถียน ระหว่างเดินทางซูอันกับเยี่ยนหลิงนั่งมองทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถม้า การเดินทางไม่พบเจอปัญหาอันใดทุกอย่างราบรื่น จนผ่านมาสิบห้าวันในที่สุดซูอันกับครอบครัวก็มาถึงเมืองผู่เถียนเสียทีเมื่อผ่านประตูเข้าสู่เมืองความคึกคักของตลาดขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางเมืองก็ปรากฏแก่สายตา เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้า กลิ่นอาหารหอมกรุ่นจากร้านแผงลอย และสีสันของผืนผ้าที่วางเรียงรายอยู่ในร้านค้าต่าง ๆ ทำให้

  • มาเฟียสาวทะลุมิติมาเป็นเจ้าของร้านผ้าไหมอันดับหนึ่ง   ตอนที่ 4 ครอบครัวเล็ก ๆ เป็นอิสระ

    หลังจากครอบครัวของซูอันได้รับหนังสือตัดขาดจากตระกูลหลิว ก็พาครอบครัวออกจากจวนทันที แต่ก่อนที่นางจะก้าวเท้าพ้นประตู ยังมิวายหันไปข่มขู่คนด้านหลังที่นั่งกองอยู่กับพื้นเช่นเดิม“หึ ข้าขอเตือนพวกท่านทุกคนเอาไว้ หลังจากนี้หากคิดส่งคนตามไปทำร้ายครอบครัวข้าละก็ ข้าจะกลับมาฆ่าล้างคนในตระกูลทุกคน ตระกูลหลิวที่น่าภาคภูมิใจของพวกท่าน จะหายไปจากเมืองถู่หลานตลอดไป ฮ่า ๆ ๆ”ทันทีที่ไร้ร่างของซูอัน หลิวฉางฮุ่ยรีบพาตนเองคลานเข้ามาหาบิดา คล้ายต้องการกดดันให้จัดการมู่ถงกับครอบครัว เนื่องจากยังมีใบสั่งซื้อของลูกค้าค้างอยู่หลายคน “ท่านพ่อขอรับ ท่านจะปล่อยพวกมันไปเช่นนี้ไม่ได้นะ หากไม่มีพวกมัน แล้วใบสั่งซื้อผ้าปักที่ได้รับมามากมาย ใครจะรับผิดชอบเล่าขอรับ หลายปีที่ผ่านมาล้วนเป็นครอบครัวของมู่ถง คอยทำงานตามคำสั่งพวกเราทั้งนั้นนะขอรับท่านพ่อ”หลิวเฟยที่นั่งเงียบอยู่นาน จึงเงยหน้าตะคอกกลับบุตรชายคนโต ด้วยต้องการระบายความโกรธเช่นกัน “แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเยี่ยงไร! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางหลานตัวดีนั่นทำอะไรกับพวกเรา ฮะ! ข้าถูกทำร้ายแต่ไม่มีใครเข้ามาปกป้องสักคน ถ้าเจ้าอยากจัดการพวกมันก็ลงมือเอง แต่อย่าพาข้ากับคนอื่นต

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status