กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน
“สวัสดีค่ะพี่ต้น”
“รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา”
“ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ”
“คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม
“พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย”
“แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก”
“ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย”
“แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ”
“ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว”
“นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี
“คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับฉัน สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น”
“แต่สิ่งที่คุณทำมันไร้เหตุผลสิ้น คุณมันบ้าอำนาจ”“ใช้สิ ฉันจะใจดี อ่อนโยนอบอุ่นเหมือนพี่ต้นของเธอได้ยังไงล่ะคนบ้าอำนาจอย่างฉัน ทำอะไรได้มากกว่าที่เธอคิดนะมิรันดา”
พูดจบมาร์คัสก็กระชากมิรันดาเข้ามาหา มือทั้งสองประคองใบหน้าและบดขยี้ปากร้อนๆ แนบปากนุ่มอย่างรุนแรง
ร่างกายมิรันดาอ่อนปวกเปียก เพราะไม่เคยถูกจูบมาก่อนในชีวิต หญิงสาวอ่อนระทวยเอนกายเข้าหามาร์คัสอย่างไม่รู้ตัว กลีบปากนุ่มถูกแทรกด้วยปลายลิ้นสากที่สอดเข้าไปกวาดต้อนความหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าอย่างหิวกระหาย เมื่อจูบจนพอใจเขาถอนริมฝีปากออกด้วยความเสียดาย
“จำไว้นะมิรันดาว่าตอนนี้เธอคือคนของฉันเพราะฉะนั้นอย่าเอ่ยชื่อนั่นให้ฉันได้ยินอีก ถ้าร่านมากนักเดี๋ยวฉันจะจัดให้”
“เพี๊ยะ”
เสียงฝ่ามือสะบัดใส่แก้มสาก มาร์คัสหันกลับมามองคนที่กล้าตบหน้าเขาเป็นคนแรกด้วยดวงตาวาวโรจน์
“เธอกล้าตบฉันเป็นคนแรกนะมิรันดาเพราะฉะนั้นก็เตรียมตัวรับผลกรรมที่จะตามมาได้เลย”
ชายหนุ่มประกาศกร้าว เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนตบมาก่อนเลยสักครั้ง จากนี้เขาจะทำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นมันผิดและจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนมากแค่ไหน
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคุณมาร์คัส” มิรันดาถอยหลังจนเสียหลักล้มลงบนเตียงนอนอย่างพอดี
“หึ เธอกำลังพยายามทำให้ฉันคิดว่าเธอยังไม่เคยกับเรื่องอย่างว่า ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอเคยเป็นเมียน้อยมาก่อนฉันคงหลงเชื่อท่าทางใสซื่อของเธอไปนานแล้ว”
“ก็ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร”
“ยังจะปากแข็งอีกนะ ฉันว่าเธอเก็บแรงที่เถียงฉันไว้ครางจะดีกว่านะมิรันดา”
“คุณมัน หยาบอื้อ..”
เมื่อเขาก้มลงปิดปากนุ่มอีกครั้ง ปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรงอุ่น เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับทำให้มาร์คัสหลงลืมไปเสียสนิทว่าเธอเคยเป็นอะไรกับเขมทัตมาก่อน เพียงแค่จูบเขาก็หลงใหลจนแทบไม่อยากจะหยุด ผู้ชายมากประสบการณ์อย่างเขาผ่านผู้หญิงมานักต่อนัก แต่ยังไม่มีผู้หญิง คนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อนเลย
ความรู้สึกต่อต้านของมิรันดาแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความซาบซ่านรัญจวน มิรันดาถูกเขามอมเมาด้วยรสจูบที่เพิ่งเคยได้สัมผัสจากเขาเป็นคนแรก เขียนเรียวยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงเอาไว้อย่างลืมตัว
“จูบหวานแบบนี้ไอ้ต้นมันถึงได้ติดใจ”
“ฉันคิดว่าคุณคงไม่หลงฉันอีกคนหรอกนะ”
มิรันดารีบพูดเพราะอยากให้เขาหยุดการกระทำที่จาบจ้วงนี้ก่อนที่จะเกินอะไรขึ้นไปมากกว่าการจูบ
“ฉันยังไม่ได้ลองเลยจะรู้ได้ยังไง”
“ไหนคุณเคยบอกว่าจะไม่ทำอะไรฉันเพราะฉันไม่ใช่สเปกของคุณ”
“ฉันจำไม่ได้ว่าเคยพูดไปตอนไหน เอาน่าฉันจ่ายไปตั้ง 40 ล้านนะ คิดว่าฉันจะจ่ายให้คุณมาด่าฉันเหรอ”
“ใจเย็นก่อน ฉันขอโทษ สัญญาเลยจากนี้จะไม่ติดต่อเขาอีก ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่าง” หญิงสาวพยายามต่อรองเพราะดูจากสถานการณ์แล้วเธอเสียเปรียบเขาอยู่มาก
“มันสายไปแล้วล่ะมิรันดาเพราะตอนนี้ร่างกายของฉันเรียกร้องให้เธอรับผิดชอบ”
มาร์คัสไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขามันปวดหนึบจนแทบจะระเบิด ชายหนุ่มทับทาบลงไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง กดจูบลงบนเรียวปากนุ่มอย่างเร่าร้อน ใช้ประสบการณ์ที่มีหลอกล่อจนเธอยอมเผยอปากให้เขาได้ดูดกินน้ำหวาน จากท่าทีต่อด้านก็เริ่มอ่อนระทวยอีกครั้ง
ชุดนอนถูกจับโยนไปยังมุมห้อง ปากร้อนกดจูบไปตามลำคอระหง สุดดมกลิ่นกายที่แสนหอมหวาน ฝ่ามือร้อนเกาะกุมทรวงอกขนาดพอดีมือราวกับ พระเจ้าสร้างร่างกายของเธอขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ มาร์คัสบีบเคล้นเบาๆ ก่อนจะถอดบราเซียร์ของเธอออกอย่างชำนาญ เมื่อสัมผัสกับเนื้อเนียนนุ่มที่แท้จริง เขาก็ครางในลำคออย่างพอใจ สองมือคลึงเคล้นเบาๆ สลับกับหนักหน่วงอย่างหลงใหล ความนุ่มหยุ่นเป็นธรรมชาติทำให้เขาสติแตกกระเจิง
มิรันดาเองก็สมองเบลอไปหมดเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวดูดกลืนยอดทรวงสีชมพูระเรื่อที่แข็งชูชันเข้าไปในโพรงปากอุ่นชื้น เขาทั้งดูดและขบเม้มจนมิรันดาแอ่นร่างเข้าหาอย่างลืมตัว
ไฟพิศวาสที่มาร์คัสจุดขึ้นแผดเผาจนเธอแทบมอดไหม้ ด้วยริมฝีปากที่คลุกเคล้าไปทั่วร่างงามอย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อนแนบไปกับทุกสัดส่วน จนหญิงสาวร้อนระอุไปทั่วทั้งร่างราวกับเป็นไข้
มาร์คัสผละจากร่างมิรันดาออกเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองออกจนหมด จากนั้นเขาก็ทับทาบกายแกร่งลงมาอีกครั้ง กดคลึงสัดส่วนความเป็นชายที่แข็งร้อนกับกลีบกุหลาบดอกงาม ก่อนจะกดเข้าไปช้าๆ
“อื้อ เจ็บ”
มิรันดากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายเธอปวดร้าวและรู้สึกเหมือนกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง เมื่อความใหญ่โตของมาร์คัสลุกล้ำเข้ามาเพียงนิด น้ำตา ไหลออกมาทางหางตาเป็นทางยาว
“มิรันดา ทำไม...”
มาร์คัสชะงักค้างด้วยความตกใจ ที่ผ่านมาเธอก็พยายามบอกเขามาตลอดว่าเธอไม่ใช้เมียน้อยของเขมทัตแต่เข้ากลับไม่ยอมฟังเธอเลยสักนิด
ชายหนุ่มรู้สึกผิดแต่มันก็สายไปเสียแล้วเพราะถ้าให้เขาถอยตอนนี้เขาคงได้ทรมานจนตายแน่ๆ
“คราวนี้เชื่อฉันหรือยังล่ะว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยของใคร”
“เชื่อแล้ว ผมเชื่อคุณแล้วชื่อย่างหมดใจเลย ไม่ร้องนะครับคนเก่ง” พอรู้ว่าเธอไม่เคยเป็นของใครมาก่อนสรรพนามก็เปลี่ยนไป อีกทั้งยังรู้สึกหวงแหนเธอขึ้นทันที
“ออกไปก่อนได้ไหม ฉันเจ็บ”
“ผมเข้ามาแล้วก็เท่ากับตอนนี้คุณเป็นของผมแล้วนะมิรันดา คุณได้ได้ยินไหมคุณเป็นของผมเป็นผู้หญิงของผมคนเดียว”
“คุณก็ไม่ต่างจากน้องเขยของคุณใช่ไหม หาเด็กสาวมาเป็นเมียน้อย”
“อย่าเข้าใจผิดผมยังไม่มีเมียเพราะฉะนั้นคุณไม่ใช่เมียน้อยของใครทั้งนั้น มิรันดาให้ผมเถอะนะอย่าทรมานกันแบบนี้เลย”
“แต่ฉันเจ็บ”
“เชื่อใจผมนะเดี๋ยวมันจะดีขึ้นนะ มิรันดาเชื่อผมนะ”
เพราะคำพูดที่ดูจริงใจทำให้มิรันดาเชื่อเขาอย่างง่ายดาย หญิงสาวพยักหน้าให้เขา มาร์คัสจูบซับน้ำตาจนแห้งจากนั้นก็มอบจูบหวานล้ำให้กับเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ
“อื้อ”
มิรันดาครางสะท้านเมื่อเขาดันสะโพกเข้าหาโพรงอ่อนนุ่มที่ละนิด จนในที่สุดเธอก็รับความใหญ่โตของเขาเข้าไปจนหมด ชายหนุ่มนิ่งอยู่ในโพรงอ่อนนุ่มชั่วครู่ก็เริ่มขยับสะโพกอย่างช้า เนิบนาบกดวนให้โพรงอ่อนนุ่มโอบรัดทุกทิศทาง
เพียงไม่นานมิรันดาก็หลงลืมความเจ็บปวดแล้วความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่เธอเสียวซ่านมากกว่าเจ็บปวด ร่างกายร้อนขึ้นทีละนิด ทุกจังหวะที่มาร์คัสกระแทกเข้ามันเสียวอย่างที่ไม่เคยมาก่อน ท้องน้อยหญิงสาวหดเกร็ง มิรันดารู้สึกว่าตัวเองกำลังลอยคว้างอยู่ในท้องฟ้ากว้าง
“มิรันดาแน่นไปหมดเลย มันดีมาก”
มาร์คัสครางแทบไม่เป็นภาษาเมื่อตัวตนของเขาถูดรัดลึงด้วยความอ่อนนุ่มจนแทบปริแตก
“คุณมาร์คัส ฉันไม่ไหว ช่วยด้วย มันเหมือนใจจะขาด”
หญิงสาวพูดกระท่อนกระแท่น ลมหายใจเริ่มขาดช่วง
“ปล่อยตัวตามสบายมิรันดา อย่าคิดอะไรมาก อีกนิดนะ ผมจะพาคุณเอง”
มิรันดากรีดร้องอย่างสุดเสียง เมื่อความสุขมาเยือนเป็นครั้งแรก ร่างสาวเกร็งกระตุกสมองจะขาวโพลนไปหมด มาร์คัสรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่มากว่าทุกครั้ง เขาโจนทะยานเข้าไปในช่องทางรักอย่างหนักหน่วงจากนั้นเสียงแหบพร่าก็ดังขึ้นพร้อมกับลาวาร้อนที่พวยพุ่งเขาไปในโพรงถ้ำอย่างมากมายจนมันแทบจะเอ่อล้นออกมาทางด้านนอก
“อ้าห์...”
ร่างกายของมาร์คัสกระตุกอย่างสุขสมและยาวนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มิรันดา คุณวิเศษมาก ขอบคุณที่มอบสิ่งที่พิเศษสุดให้กับผม นานแล้วที่ผมไม่มีความสุขแบบนี้ นานแล้วที่ไม่เคยมีใครทำให้ผมอิ่มใจอย่างนี้มาก่อน”
เขาถอนตัวตนออกด้วยความเสียดาย จากนั้นรั้งให้เธอมานอนแนบอกอย่างอ่อนโยน
มิรันดาร้องไห้ขณะที่อีกคนกำลังมีความสุข เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าความบริสุทธิ์ที่ตนเองหวงแหนจะมาจบลงกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาคือผู้มีพระคุณ แต่เขากลับทำเหมือนเธอเป็นแค่หญิงขายบริการหรือเป็นแค่สิ่งของสักชิ้นเท่านั้น
“ผู้ชายทุกคนก็คงพูดอย่างนี้เวลาที่ได้เป็นคนแรกของใครสักคน” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น
สิ่งที่หวงแหนมาตลอดเสียไปแล้ว เธอเสียใจที่ไม่อาจรักษาสิ่งมีค่าไว้กับตัวได้ มิรันดาไม่รู้ว่าครบสัญญาสามเดือนแล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เคยอยู่ในแผนของการใช้ชีวิตมาก่อน
“ทำไมต้องร้องไห้ ผมเป็นผู้ชายคนแรกมันน่าเสียใจขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“แล้วคุณคิดว่าฉันควรจะดีใจหรือไง”
“แน่นอนใครก็อยากเป็นผู้หญิงของผมทั้งนั้นแหละ”
“แต่หนึ่งในนั้นคงไม่ใช่ฉัน คุณมันก็แค่ผู้ชายเฮงซวย ผู้ชายเห็นแก่ตัว ผู้ชายฉวยโอกาส”
มาร์คัสไม่ชอบเลยที่เธอต่อว่าเขาแบบนี้ เพราะมีผู้หญิงอีกมากมายที่อยากจะเป็นผู้หญิงของเขา แต่เธอกลับปฏิเสธ ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกหยามจากผู้หญิงที่เขาซื้อมาด้วยเงิน
“งั้นฉันจะแสดงให้เธอดูว่าคนเฮงซวยจริงๆ นะเขาทำยังไงกับผู้หญิงที่ซื้อมาด้วยเงิน”
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด “สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคน
มาร์คัสกอดเอวบางของน้องสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของบิดามารดา พอท่านจากไปมาร์คัสก็เลยยกให้กับน้องสาวและน้องเขยส่วนตัวเขานั้นจะไปพักที่เพนเฮาส์ทุกครั้งที่กลับมากรุงเทพ “พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้น้องยังไงคะ” “ยังไม่รู้เลย อาจจะลองคุยกับเธอดูก่อนดีไหม” “น้องว่ามันจะเสียเวลาเปล่านะคะ ผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นจ้องแต่จะจับคุณต้น” “แต่ที่ผ่านมาเราก็จัดการเองได้นี่ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องเรียกพี่มาล่ะ” มาร์คัสถามน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาจัสมินจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับสามีได้อย่างดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างเคย “คนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นค่ะ คนนี้พี่ต้นจริงจังมาก แต่ก่อนถ้าน้องจับได้เขาก็จะขอโทษแล้วก็ยอมเลิก แต่กับคนนี้เขานิ่ง ไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม” “หรือมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นเขาเลยนิ่ง” “น้อยไปสิคะ ปกติพี่ต้นก็แค่ให้เงินใช้ ซื้อของแบบรนด์เนมให้แต่นี่มาขอเงิน 30 ล้าน น้องว่ามันเยอะไปไหม” “แล้วต้นเขาว่ายังไงบ้าง” “เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เด็ก
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์