มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน
“คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน
“ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา
“คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม”
“ไม่เลยครับ”
“แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ”
“ไม่รู้สิครับ”
“ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ”
“มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ”
“คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”
มิรันดารู้สึกผิดที่ทำกับเขาแบบนั้นและเมื่อวานยังพูดประชดเขาไปอีกว่าสวมชุดดำไว้ทุกข์
“ไม่เป็นไร ผมว่าถึงเวลาแล้วที่ผมควรจะลืมเธอ”
“เราลืมคนที่เรารักไม่ได้หรอกนะคะ”
“ถ้าผมไม่ลืมเธอผมจะออกมาจากจุดนั้นได้ยังไง”
“ได้สิ เธอจะอยู่ในความทรงจำของคุณ ทุกครั้งที่คิดถึงเธอคุณก็คิดถึงแต่วันที่คุณกับเธอมีความสุข เราไม่จำเป็นต้องลืมใครคนหนึ่ง เมื่อมีใครคนหนึ่งเข้ามานี่คะ”
“คุณคิดแบบนั้นเหรอ ผมกลัวว่ามันจะไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่จะเขามาในชีวิตผม”
“สิ่งแรกคุณควรบอกเธอตรงๆ รักเธอเพราะเธอเป็นเธอ ไม่ใช่รักเธอเพราะเห็นว่าเธอเป็นตัวแทนของคนที่จากไปแล้ว เพราะไม่มีใครแทนที่ใครได้ ถ้าเธอพยายามเข้ามาแทนที่นั่นก็หมายความว่าเธอไม่เข้าใจคุณ”
“มิรันดาคุณอายุเท่าไหร่กันเชียวคุณพูดเหมือนผ่านประสบการณ์มามาก หรือเพราะคุณเคยมีความรักและต้องสูญเสียมาก่อน” มาร์คัสถามด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่หญิงสาวพูดนั้นมันถูกต้องทุกอย่างและคำพูดของเธอก็เหมือนปลดล็อกประตูหัวใจที่ปิดตายของเขาออกมาทีละนิด
“ฉันดูซีรีส์มานับไม่ถ้วน เรื่องราวพวกนี้มันวนเวียนอยู่ในหัว จับเรื่องนั้นมาผสมเรื่องนี้แค่นั้นเอง”
“ผมเพิ่งเห็นประโยชน์ของซีรีส์ก็วันนี้แหละ แล้ววันนี้จะดูต่อไหม เผื่อผมจะดูด้วย”
“ไม่ละค่ะ ฉันอยากออกไปข้างนอก ไปด้วยกันหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ อยากไปที่ไหน”
“ห้างเดิมนั่นแหละแต่วันนี้ฉันอยากไปแผนกเครื่องประดับ คุณซื้อให้ฉันได้ไหม”
“ได้สิ วันนี้ผมจ่ายไม่อั้นเลย”
“งั้นไปเปลี่ยนชุดกันค่ะ ไปร้านเครื่องประดับคงต้องแต่งตัวดูดีหน่อย มาค่ะ เดี๋ยวฉันเตรียมชุดให้” มิรันดาพาเขาเข้ามาให้ห้องแต่งตัว จากนั้นเลือกเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนใส่คู่กับสูตรสีกรมท่าให้กับชายหนุ่ม
“ผมต้องผูกไทสีอะไร”
“ไม่ต้องค่ะ แค่นี้คุณก็หล่อแล้ว ไม่ต้องใส่เต็มยศแบบนั้นหรอก มันจะทำให้คุณดูมีอายุ”
“คุณย้ำเรื่องนี้จัง”
“ก็ฉันอยากให้คุณดูดีไงล่ะ เชื่อใจฉันเถอะค่ะ”
แพทริคและยุทธนามองหน้ากันแล้วแอบยิ้มเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองสามชุดสีอื่น มันดูแปลกตาแต่พวกเขาก็แอบยกนิ้วโป้งให้มิรันดาเพราะตั้งแต่เธอเข้ามาในชีวิตเจ้านายไม่กี่วัน มาร์คัสก็เปลี่ยนตัวเองไปทีละนิด
“ผมนึกว่าเขาจะโวยวายไม่ยอมใส่”
“เขาไม่โวยวาย แต่นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกผิดมากเลยที่ให้เขาเปลี่ยนใส่สีอื่น”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ คนอย่างบอสถ้าเขาไม่อยากใส่จริง ก็ไม่มีทางยอมง่ายขนาดนี้หรอก”
“ฉันว่าฉันทำร้ายจิตใจเขามากเลยล่ะ เลยคิดว่าจะต้องหาอะไรเยียวยาเขาสักหน่อย”
“เหมือนเด็กน้อยเหรอครับ ทำดีก็ต้องได้รางวัล”
“เจ้านายคุณห่างจากคำว่าเด็กน้อยอยู่มากเลยนะคะ”
“คุณไม่รู้อะไรบางครั้งเขาก็เอาแต่ใจยิ่งกว่าเด็กอีก นั้นไงเขามองเราตาเขียวแล้วคุณรีบไปขึ้นรถเถอะ” แพทริคเห็นสีหน้าไม่พอใจของเจ้านายก็รีบบอกให้มิรันดาขึ้นรถ
รถเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถได้เพียงนิด มาร์คัสก็กดปุ่มเอาแผงกันระหว่างคนขับขึ้น
“คุยอะไรกับแพทริค ทำไมดูสนิทสนมกันแบบนั้น”
“คุยเรื่องทั่วไปค่ะไป ไม่มีอะไรหรอก”
“แน่นะ ไม่ใช่แอบนินทาผม”
“คุณก็ระแวงไปทั่ว เขาเป็นลูกน้องคุณนะคะ เขาจะนินทาเจ้านายได้ยังไง”
“ใครจะไปรู้ บางทีเขาก็อาจกำลังหัวเราะที่เห็นผมแต่งตัวแบบนี้”
“ไม่มีใครหัวเราะคุณหรอกค่ะ พวกเขาน่ะห่วงคุณมากก็เลยรู้สึกดีที่เห็นคุณเปลี่ยนแปลงบ้าง”
“อ้อ แล้วไป อย่าให้รู้นะครับว่าแบบนินทาผมกัน ผมจะตัดเงินเดือนให้หมดทุกคนเลย”
“คุณนี่มันจอมเผด็จการจริงๆ ไม่คิดเหรอคะว่าถ้าตัดเงินเดือนพวกเขาแล้วพวกเขาจะลำบากขึ้น หรืออาจจะเปลี่ยนใจย้ายไปทำงานกับศัตรูของคุณก็ได้”
“ก็ลองทำแบบนั้นดูสิ รับรองไม่ทันได้ใช้เงินแน่”
“คุณโหดเกินไปแล้วฉันไม่คุยด้วยดีกว่า ยิ่งคุยก็เหมือนจะทำให้ลูกน้องคุณโดนตัดเงินเดือน เกิดพวกเขาคิดว่าเพราะฉันเป็นต้นเหตุ แล้วอยากจะแก้แค้นขึ้นมาฉันคงแย่”
“มิรันดา ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมไม่เคยให้เงินคุณใช้เลย”
“จะให้ทำไมคะ คุณน่ะให้มาเยอะมากแล้ว ถ้าแม่ครูทำเรื่องทุกอย่างเสร็จฉันจะคืนเงินที่เหลือให้นะคะ”
“ผมให้แล้วให้เลยครับไม่เอาคืน คุณจะเอาไปทำอะไรก็ได้”
“เงินมันเยอะนะคะ เหลือตั้งเกือบสิบล้าน”
“มันก็แค่สิบล้าน อย่าคิดมาก”
“ถ้าอย่างนั้นฉันเอาให้เป็นทุนการศึกษาเด็กๆ นะคะ คุณอยากให้ฉันตั้งเป็นกองทุนเลยไหม เท่ดีนะคะ กองทุนมาร์คัสเพื่อเด็กกำพร้า”
“อย่าแม้แต่จะคิดเอาชื่อผมไปตั้งเป็นกองทุนเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะคะ”
“อะไรที่เกี่ยวกับตัวผมมันอันตราย ผมไม่อยากให้เขาเอาเด็กๆ มาเป็นข้อต่อรอง”
“มันขนาดนั้นเลยเหรอคะ งั้นฉันไม่ใส่ชื่อคุณก็ได้”
“คุณก็ใส่ชื่อคุณไปสิ”
“ไม่ดีกว่าฉันไม่ชอบชุบมือเปิบ เราไม่ต้องใส่ชื่อใครก็ได้นี่คะ”
“ผมตามใจคุณ แล้วถ้าคุณเอาเงินไปให้เด็กๆ หมดคุณจะเอาที่ไหนใช้”“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ค่าเรียนฉันได้ทุน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ฉันทำงานพิเศษเอาก็ได้”
“ไม่มีผู้หญิงของผมคนไหนต้องทำงานพิเศษ เอาเป็นว่าผมจะให้เงินเดือนคุณใช่ดีไหม เอาเท่าที่คุณคิดว่าพอกับค่าใช้จ่าย เรียกมาได้เลย”
“ฉันเกรงใจค่ะ เอาเป็นว่าช่วงที่ฉันมาอยู่กับคุณ ฉันจะรับเงินเดือนตามที่ฉันเคยได้จากการทำงานนะคะ เดือนหนึ่งที่เคยได้ก็ไม่เกินหมื่นห้าค่ะ”
“หมื่นห้า”
“เยอะไปเหรอคะ งั้นหมื่นเดียวก็ได้เพราะฉันไม่ต้องเสียเงินค่าอาหารและค่าเดินทางเลย”
“เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวผมโดยให้”
“นี่คะ” มิรันดาส่งคิวอาร์โค้ดให้เขาสแกน แล้วหญิงสาวก็ตาโตเมื่อเห็นยอดเงินที่เข้ามาในบัญชี
“พอไหม”
“คุณลืมกดจุดทศนิยมหรือเปล่าหรือตกคณิตศาสตร์เหรอคะ เลขศูนย์มันเกินมาตั้งสองตัวนะคะ”
“มิรันดาถ้ายังว่าผมแบบนี้ผมโอนเพิ่มนะ”
“โอ๊ะ อย่านะคะ แค่นี้ฉันก็ใช้ได้หลายปีเลย ขอบคุณนะคะ หล่อสปอร์ตใจดีแบบนี้น่ารักที่สุด”
“ผมไม่คุ้นกับคำว่าน่ารักเลย ผมว่าผมห่างจากคำนั้นเยอะ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงหน้าตาน่ารักแต่ฉันหมายถึงภาพรวมไงคะ”
“อ้อ” มาร์คัสพยักหน้า เขาคงต้องพยายามเข้าใจวัยรุ่นให้มากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย ถ้ายังอยากเป็นคนน่ารักในสายตาของมิรันดา
“คุณจะซื้ออะไรเหรอ” เขาถามหลังจากที่ลงมาจากรถที่หน้าห้าง
หลายวันมานี้มาร์คัสออกมาข้างนอกโดยให้บอดี้การ์ดสวมชุดธรรมดาคอยดูอยู่ใกล้ๆ เพราะกลัวว่ามิรันดาจะตกใจ
“ตามมาค่ะ เดี๋ยวก็รู้”
มิรันดาพาเขามายังร้านจำหน่ายเครื่องประดับ มาร์คัสจึงเข้าใจว่าเธอคงอยากให้เขาซื้อให้ สำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้ว ผู้หญิงที่ผ่านมาต่างเรียกร้องทั้งเครื่องประดับและของแบรนด์เนมจากเขาแทบทุกคน
“คุณอยากได้ชิ้นไหน แบบไหนเลือกเลย เอาแบบเป็นชุดก็ดีนะ เวลาใส่จะเข้ากัน”
“ฉันบอกหรือยังคะว่าอยากได้”
“ไม่อยากได้แล้วมาทำไม”
“ฉันมาหาซื้อเข็มกลัดให้คุณ”
“เข็มกลัด”
“ใช่ ฉันอยากไถ่โทษเรื่องชุดของคุณก็เลยอยากซื้อเข็มกลัดติดเสื้อให้คุณไงคะ ฉันอยากให้คุณใส่เข็มกลัดสีดำ คุณไลร่าคงดีใจที่คุณก้าวไปข้างหน้าได้ ในขณะเดียวกันก็คุณก็ไม่เคยลืมเธอเลย นั่นไงแบบมาให้เลือกแล้วคุณชอบอันไหน เลือกเลยเพราะยังไงคุณก็เป็นคนจ่ายเงิน” มิรันดายิ้มอย่างประจบ
“อ้อ คุณช่วยผมเลือกสิ”
“ฉันชอบอันนี้ มันมีทั้งสีขาวและสีดำคุณดูสิ” มิรันดาชี้ให้เขาดูเข็มกลัดสีดำรูปพระจันทร์เสี้ยวสองดวงที่ทับกันอยู่ อันหนึ่งสีขาวอันหนึ่งสีดำ
“งั้นผมเอาอันนี้”
“คุณเลือกเองสิ ฉันแค่เสนอ”
“ก็ผมชอบอันเดียวกับคุณไง”
พอได้เข็มกลัดแล้วมาร์คัสก็มิรันดาเลือกเครื่องประดับของตนเองหนึ่งชิ้น
“ไม่มีอะไรที่อยากเลยค่ะ เรากลับกันเถอะนะคะ”
“ยังไม่ได้เดินดูเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่มีอะไรอยากได้”
“ฉันไม่เหมาะกับเครื่องประดับพวกนี้หรอกค่ะ”
“ใครบอกกันของสวยงามแบบนี้ก็ต้องคู่กับผู้หญิงสวยๆ ถ้าไม่ยอมเลือกผมเลือกให้เองนะครับ จะเอาแบบที่แพงที่สุดในร้านเลย”
“อย่านะคะ คุณห้ามซื้อของอะไรให้ฉันอีกนะคะ”
“ทำไม”
“เพราะฉันไม่อยากได้ไงคะ ถ้าคุณอยากขอบคุณฉันเรื่องเข็มกลัดวันนี้คุณพาฉันไปกินของอร่อยๆ ได้ไหม”
“ได้สิ” มาร์คัสไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่เลือกของกินมากกว่าเลือกเครื่องประดับราคาแพงเลยสักคน ยิ่งอยู่ใกล้เข้าก็รู้สึกประทับใจมิรันดามากขึ้น
“คุณมาร์คคะ ฉันอยากกินร้านนั้น” มิรันดาทำเสียงอ้อนแล้วชี้ไปยังร้านชาบูที่อยู่สูงขึ้นไปอีกชั้น
“ผมไม่เคยกิน”
“ไม่เคยก็ต้องลองค่ะ นะคะฉันรู้ว่าคุณน่ะใจดี” มิรันดาเกาะแขนพร้อมเอาใบหน้ามาถูไปมาอย่างออดอ้อน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาทำตาปริบๆ และมันได้ผลเมื่อมาร์คัสยอมเดินตามเธอไปในร้าน
เหล่าบอดี้การ์ดมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยเห็นเจ้านายเข้าร้านอาหารแบบนั้นเลย
ตั้งแต่วันที่ไปซื้อเข็มกลัดและไปขอวีซ่ามิรันดาก็ยังไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ถึงตอนนี้ก็สี่วันแล้ว หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเตรียมข้อมูลสำหรับการไปเป็นนักศึกษาฝึกสอนซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้นส่วนมาร์คัสก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน เขามักหายออกไปกับแพทริคตั้งแต่เช้าและกลับมาอีกทีตอนบ่าย หลังทานอาหารเย็นก็มักจะออกไปข้างนอกกว่าจะกลับมาเธอก็เข้านอนไปแล้ววันนี้มิรันดาก็เตรียมชุดให้เขาอย่างเคยเพราะคิดว่าคืนนี้เขาก็คงจะออกไปเหมือนกับหลายคืนที่ผ่านมาหญิงสาวกลับมาห้องนอนของตนเองอีกครั้ง มองดูชุดนอนที่มาร์คัสเลือกซื้อให้ ผ่านมาหลายวันแล้วเธอก็ยังไม่กล้าใส่ ชุดเนื้อผ้าบางเบาใส่แล้วสบายผิวแต่มันเปิดเผยร่างกายมากกว่าชุดเดิมจนเธอไม่กล้าสวมมันบนเรือนร่าง ทั้งที่ราคาแสนแพงแต่กลับมีเนื้อผ้าเพียงนิดการเป็นผู้หญิงของใครสักเธอรู้ดีว่าหน้าที่หลักคือการให้ความสุขบนเตียงแต่มาร์คัสไม่ได้ทำแบบนั้น นอกจากคืนแรกที่เธอกับเขามีอะไรกันจนผ่านตอนนี้ก็ห้าคืนแล้วที่เขาออกไปข้างนอกและกลับดึกมิรันดาควรจะดีใจที่ไม่ต้องเปลืองตัวแต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกการได้อยู่กับมาร์คัส ได้พูดคุยก
มาร์คัสมองร่างที่นอนหายใจหอบด้วยแววตาหื่นกระหาย เขาส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์มาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะไปยังจุดนั้นกับเธออย่างที่มันควรจะเป็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นมาทับทางลงไปบนตัวมิรันดา สองแขนดันพื้นที่นอนไว้ ปากกดจูบส่งปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นเกี่ยวกระหวัดพันอย่างซาบซ่าน“รัน คุณเป็นของผมคนเดียวนะที่รัก”เสียงทุ้มกระซิบหวานก่อนจะลากลิ้นร้อนไปตามลำคอระหง ขบเม้มสร้างรอยไปรักไปทั้งกายขาวเนียน ฝ่ามือร้อนนวดคลึงเต้างามปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้ขึ้นสูง มิรันดากำลังหลงอยู่กลางเพลิงแห่งตัณหาไม่ว่ามาร์คัสจะพาเธอไปจุดไหนเธอก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ สองขาเรียวถูกดันให้กางออก มาร์คัสมองกลีบกุหลาบที่ฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะกดแก่นกายแกร่งไปยังปากถ้ำ “อื้อ คุณมาร์ค” “ที่รัก นิดเดียวครับเชื่อผมนะ” มิรันดาเจ็บแต่ก็พยายามทนรับเอาความแข็งร้อนเข้ามาร่างกายทีละนิด หญิงสาวหยิกเล็บลงบนที่นอนเพื่อให้ช่วยระบายความเจ็บปวด “รัน มันแน่นมาก” มาร์คัสปวดหนึบไปทั้งท่อนเอ็นเมื่อเขาโดนความอ่อนนุ่มรัดส่วนปลายอย่างรุนแรง ชายหนุ่มก้มลงปรนเปรอเต้าคู่งามด้วยป
มาเฟียหนุ่มมอบบทรักให้กับมิรันดาจนเธอสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหวานครางจนแห้งแหบ เช้านี้หญิงสาวเลยตื่นนอนสายกว่าหลายวันที่ผ่านมา“ไหวไหมครับมิรัน”“สบายมากค่ะ พี่ไม่ต้องเอายาอะไรมาให้กินแล้วนะคะ” ถึงแม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่มิรันดาก็ไม่อยากทานยาอะไรทั้งนั้น“พี่รู้ยาพวกนั้นมันไม่ดี แต่เมื่อคืนก็พี่ไม่ได้ป้องกันอีกแล้ว ในห้องพี่ไม่เคยมีถุงยางเก็บไว้เพราะไม่เคยคิดจะมาใครมานอนที่นี่”“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นระยะปลอดภัยของรัน”“พี่ว่าเราต้องปรึกษาหมอเรื่องนี้”“ไม่ต้องปรึกษาหรอกค่ะ เดี๋ยวรันไปถามเภสัชตามร้านขายยาเอาก็ได้”“มันจะดีเหรอ เกินถ้ากินแล้วมันอันตรายล่ะ”“ไม่หรอกค่ะ เพื่อนรันบางคนก็กิน เพราะมันมียาบางชนิดที่กินแล้วหน้าใสไม่ค่อยเป็นสิว”“พี่ไม่อยากให้มิรันกิน เอาเป็นว่าพี่จะเป็นคนป้องกันเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ รันว่ารันกินยาดีกว่ารันไม่ไว้ใจพี่หรอกค่ะ”“พี่ไม่ได้บังคับนะมิรัน เรื่องนี้เราต้องพูดกันตรงๆ”“รันรู้ค่ะ รันจะปรึกษาเภสัชว่าแบบไหนอันตรายน้อยที่สุดดีไหมคะ”วันนี้มาร์คัสอยู่กับมิรันดาทั้งวัน ไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรเขาก็คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ พอตกบ่ายก็พาเธอออกไปซื้อของเพิ่ม เพื่อเตรียม
มิรันดามาถึงมิลานได้สองวันแล้วแต่ยังไม่ได้ออกไปไหนเพราะมาร์คัสก็มีงานส่วนเธอนั้นปวดท้องและเจทแล็คผสมปนเปกันจนไม่อยากจะออกไปไหน หญิงสาวจึงใช้เวลาสองวันในการนอนพักและชาร์ตพลังอย่างเต็มที่ เช้าวันนี้มิรันดารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากเธอคิดว่าถ้ามาร์คัสไม่ว่างเธอก็จะออกไปเที่ยวเองเพราะไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป แต่ยังไม่ทันจะได้ถามมาร์คัสก็ถามขึ้นในขณะที่เธอกำลังทานอาหารเช้า “เป็นไงบ้างมิรัน เช้านี้คุณโอเคไหม พร้อมจะไปเที่ยวหรือยังครับ” มาร์คัสถามอย่างเอาใจ “วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ” “งานเสร็จแล้วครับ” “เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ” “วันนี้เที่ยวในตัวเมืองก่อนครับ ส่วนนอกเมืองเราค่อยวางแผนกันอีกที มิรันอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม” “รันอยากไปหอเอนปิซ่าจะได้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน มันไกลจากที่นี่ไหมคะ” “ก็จับรถประมาณสี่ชั่วโมงครับ ถ้านั่งเครื่องไปก็ไม่นาน” “เรานั่งรถไปดีไหม รันอยากชมวิวไปด้วย จะลำบากพี่มาร์คไปหรือเปล่าคะ “ไม่เลย พี่บอกแล้วว่าจะตามใจมิรันทุกอย่าง” “ข
มิรันดานอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เธอหยดน้ำมันหอมระเหยซึ่งแม่บ้านเตรียมไว้ลงไปในนั้นด้วย ทั้งกลิ่นและอุณหภูมิของน้ำทำให้หญิงสาวผ่อนคลายจนแทบจะเผลอหลับ “รอนานไหมครับ” “นิดหน่อยค่ะ” มิรันดาอายจนหน้าแดงเมื่อเขามองร่างเปลือยเปล่าของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “พี่มาร์ค อย่าจ้องแบบนั้นสิ” “ทำไม ก็มิรันสวยไปทั้งตัว” “พี่ชมผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ” “เปล่าครับ กับคนอื่นพี่ไม่เคยต้องเสียเวลาเลย” มาร์คัสพูดไปในขณะที่มือก็ถอดชุดของตัวเองออกทีละชิ้น ก่อนลงไปในอ่างน้ำแล้วเบียดกายเข้าหา มิรันดาถอยจนหลังกับขอบอ่าง“ถอยหลังหนีไปไหนล่ะ ไหนว่าจะอาบน้ำให้พี่”“ไม่ได้หนีสักหน่อยมิรันก็แค่ขยับให้พี่เท่านั้นเอง หันหลังมาสิคะ เดี๋ยวมิรันถูหลังให้”มาร์คัสยิ้มก่อนจะหันหลังให้เธออย่างว่าง่าย“พี่มาร์คเมื่อยไหม ขับรถตั้งหลายชั่วโมง รันนวดให้นะคะ”“ได้สิ”มือนุ่มที่บีบนวดไปตามไหล่หนาทำให้มาร์คัสรู้สึกผ่อนคลาย“พี่มาร์คคะ”“ครับ”“ถ้ารันกลับไปแล้วพี่จะคิดถึงรันไหม”“ไม่ครับ”มือบางที่นวดอยู่ชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบ แต่คนที่ถูกนวดอยู่ยิ้มแ
หลังจากมิรันดาหลับไปแล้วมาร์คัสก็เรียกลูกน้องมาประชุมด่วน เพราะขากลับจากทานอาหารค่ำกับมิรันดาและเขาบังเอิญเจอกับลูกน้องคนสนิทของเวเลนติโน่ “มันเห็นคุณมิรันดาไหมครับ” ฟาบิโอหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดถามด้วยความกังวล “ไม่เห็นหรอกเพราะเธอเข้าไปในรถแล้ว แต่ฉันก็ไม่ไว้ใจพวกมันอยู่ดี” “ผมว่าช่วงนี้นายต้องระวังตัวให้มากนะครับ ทางที่ดีก็อย่าออกไปไหนกับเธอแค่สองคน” “ฉันขอพรุ่งนี้อีกวันเท่านั้น” “มันจะเสี่ยงเกินไปไหม” “ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง และฉันก็ไม่อยากให้ทุกอย่างซ้ำรอยเดิม แต่ถ้าเราขนบอดี้การ์ดตามไปด
มิรันดาเดินออกมาจากบ้านโดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน เธอไม่เคยออกมาจากบ้านของเขาคนเดียวเลย เพราะทุกครั้งจะมีมาร์คัสออกมาด้วยตลอด แต่ในเมื่อตัดสินใจจะก้าวออกมาจากชีวิตเขาแล้วเธอก็ไม่คิดจะกลับไปขอความช่วยเหลือใดๆ จากเขา หญิงสาวเดินมาตามถนนเท่าที่จำได้คร่าวๆ ว่าสุดทางเดินจะเป็นถนนใหญ่ และจากนั้นเธอค่อยหาทางไปสนามบินตอนนี้เธอมีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในกระเป๋าคงพอสำหรับการนั่งรถไปสนามบิน แต่คงไม่พอกับค่าเครื่องบิน มิรันดาหยุดเดินแล้วเปิดกระเป๋าเพื่อจะตรวจดูว่าบัตรเครดิตที่มาร์คัสเคยให้ยังอยู่ในนั้นไหม พอเห็นก็โล่งใจเพราะอย่างน้อยมันก็คงพอที่จะรูดซื้อตั๋วเครื่องบินได้ แต่ยังเดินไปไม่ถึงไหนแพทริคก็ขับรถมาขวางไว้เสียก่อน “คุณคงไม่คิดจะเดินออกไปโดยไม่มีจุดหมายใช่ไหมค
มิรันดานั่งแท็กซี่กลับมายังบ้านเช่าในเวลาเย็น พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับชนิศาที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว “รัน” ชนิศาตกใจที่เห็นสภาพอิดโรยและดวงตาบวมช้ำของเพื่อนที่บอกว่าจะไปเที่ยวอิตาลี “นิ” มิรันดาโผเข้ากอดเพื่อนรักและร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง ชนิศาไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรจึงได้แค่กอดปลอบใจและรอให้มิรันดาร้องจนพอใจก่อนจะถามขึ้น “รันเป็นอะไร เล่าให้นิฟังได้ไหม” มิรันดาระบายทุกอย่างให้ชนิศาฟังตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไม่มีปิดบังเพราะถ้าเก็บเอาไว้คนเดียวเธอคงได้อกแตกตายก่อนแน่ๆ “โธ่ ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่เป็นไรนะรัน” “นิว่าเราควรจะหาเงินมาคืนเข้าไหม” “เงินมากขนาดนั้นเราจะหามาจากไหนล่ะ นิไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่ในเมื่อเขาทำกับรันอย่างนี้ รันก็ไม่ควรจะคืนเงินเข้า” “เขาจะหาว่าเราเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงิน มันไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวเลยนะนิ” “นิเข้าใจความรู้สึกของรันนะ แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เราไม่ได้หลอกเขา แต่เป็นเขาเองที่เข้าใจผิด แล้ว
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ