มาร์คัสมองร่างที่นอนหายใจหอบด้วยแววตาหื่นกระหาย เขาส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์มาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะไปยังจุดนั้นกับเธออย่างที่มันควรจะเป็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นมาทับทางลงไปบนตัวมิรันดา สองแขนดันพื้นที่นอนไว้ ปากกดจูบส่งปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นเกี่ยวกระหวัดพันอย่างซาบซ่าน“รัน คุณเป็นของผมคนเดียวนะที่รัก”เสียงทุ้มกระซิบหวานก่อนจะลากลิ้นร้อนไปตามลำคอระหง ขบเม้มสร้างรอยไปรักไปทั้งกายขาวเนียน ฝ่ามือร้อนนวดคลึงเต้างามปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้ขึ้นสูง มิรันดากำลังหลงอยู่กลางเพลิงแห่งตัณหาไม่ว่ามาร์คัสจะพาเธอไปจุดไหนเธอก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ สองขาเรียวถูกดันให้กางออก มาร์คัสมองกลีบกุหลาบที่ฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะกดแก่นกายแกร่งไปยังปากถ้ำ “อื้อ คุณมาร์ค” “ที่รัก นิดเดียวครับเชื่อผมนะ” มิรันดาเจ็บแต่ก็พยายามทนรับเอาความแข็งร้อนเข้ามาร่างกายทีละนิด หญิงสาวหยิกเล็บลงบนที่นอนเพื่อให้ช่วยระบายความเจ็บปวด “รัน มันแน่นมาก” มาร์คัสปวดหนึบไปทั้งท่อนเอ็นเมื่อเขาโดนความอ่อนนุ่มรัดส่วนปลายอย่างรุนแรง ชายหนุ่มก้มลงปรนเปรอเต้าคู่งามด้วย
มาเฟียหนุ่มมอบบทรักให้กับมิรันดาจนเธอสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหวานครางจนแห้งแหบ เช้านี้หญิงสาวเลยตื่นนอนสายกว่าหลายวันที่ผ่านมา“ไหวไหมครับมิรัน”“สบายมากค่ะ พี่ไม่ต้องเอายาอะไรมาให้กินแล้วนะคะ” ถึงแม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่มิรันดาก็ไม่อยากทานยาอะไรทั้งนั้น“พี่รู้ยาพวกนั้นมันไม่ดี แต่เมื่อคืนก็พี่ไม่ได้ป้องกันอีกแล้ว ในห้องพี่ไม่เคยมีถุงยางเก็บไว้เพราะไม่เคยคิดจะมาใครมานอนที่นี่”“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นระยะปลอดภัยของรัน”“พี่ว่าเราต้องปรึกษาหมอเรื่องนี้”“ไม่ต้องปรึกษาหรอกค่ะ เดี๋ยวรันไปถามเภสัชตามร้านขายยาเอาก็ได้”“มันจะดีเหรอ เกินถ้ากินแล้วมันอันตรายล่ะ”“ไม่หรอกค่ะ เพื่อนรันบางคนก็กิน เพราะมันมียาบางชนิดที่กินแล้วหน้าใสไม่ค่อยเป็นสิว”“พี่ไม่อยากให้มิรันกิน เอาเป็นว่าพี่จะเป็นคนป้องกันเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ รันว่ารันกินยาดีกว่ารันไม่ไว้ใจพี่หรอกค่ะ”“พี่ไม่ได้บังคับนะมิรัน เรื่องนี้เราต้องพูดกันตรงๆ”“รันรู้ค่ะ รันจะปรึกษาเภสัชว่าแบบไหนอันตรายน้อยที่สุดดีไหมคะ”วันนี้มาร์คัสอยู่กับมิรันดาทั้งวัน ไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรเขาก็คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ พอตกบ่ายก็พาเธอออกไปซื้อของเพิ่ม เพื่อเตรีย
“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด “สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคน
มาร์คัสกอดเอวบางของน้องสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของบิดามารดา พอท่านจากไปมาร์คัสก็เลยยกให้กับน้องสาวและน้องเขยส่วนตัวเขานั้นจะไปพักที่เพนเฮาส์ทุกครั้งที่กลับมากรุงเทพ “พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้น้องยังไงคะ” “ยังไม่รู้เลย อาจจะลองคุยกับเธอดูก่อนดีไหม” “น้องว่ามันจะเสียเวลาเปล่านะคะ ผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นจ้องแต่จะจับคุณต้น” “แต่ที่ผ่านมาเราก็จัดการเองได้นี่ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องเรียกพี่มาล่ะ” มาร์คัสถามน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาจัสมินจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับสามีได้อย่างดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างเคย “คนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นค่ะ คนนี้พี่ต้นจริงจังมาก แต่ก่อนถ้าน้องจับได้เขาก็จะขอโทษแล้วก็ยอมเลิก แต่กับคนนี้เขานิ่ง ไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม” “หรือมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นเขาเลยนิ่ง” “น้อยไปสิคะ ปกติพี่ต้นก็แค่ให้เงินใช้ ซื้อของแบบรนด์เนมให้แต่นี่มาขอเงิน 30 ล้าน น้องว่ามันเยอะไปไหม” “แล้วต้นเขาว่ายังไงบ้าง” “เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เด็ก
มาร์คัสมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน เขายอมรับว่าสนใจทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแต่มันติดตรงที่ว่าเธอคือเมียน้อยของเขมทัต“ขอโทษที่ให้รอนาน แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ ลูกน้องคนสนิทไปไหน”“แพทริคไปคุยโทรศัพท์ส่วนจอมทัพกลับไปแล้ว”“ครั้งนี้จะอยู่นานไหม” พูดพลางเทบรั่นดีราคาแพงส่งให้เพื่อน“ก็คงสักพัก ฉันไม่ได้มากวนเวลางานใช่ไหม” “ไม่หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไป” “เด็กที่เอาเหล้ามาให้เมื่อกี้ทำงานเป็นไงบ้าง” “ก็ดีนะ ขยันและมาทำงานตรงเวลา สนใจเหรอ” “ไม่หรอกก็แค่ถามดูเพราะเพิ่งเคยเจอ” “สนใจไปก็เท่านั้น น้องเขาไม่ทำงานเสริม” “เหรอ” มาร์คัสอยากจะหัวเราะที่เพื่อนบอกว่าเธอไม่รับงานเสริม “ไม่ใช่นายคนแรกที่สนใจหรอก” “คงเนื้อหอมน่าดูเลย” “ประมาณนั้นถ้าน้องมันสนใจป่านนี้คงรวยไปแล้ว ฉันว่านายอย่าไปสนใจเลย เสียเวลาเปล่า ฉันตามน้องพลอยให้แล้ว” “ขอบใจนะ กำลังเมื่อยพอดีเลย” “พอพูดถึงหญิงตาก็เป็นประกายเลยนะครับคุณมาร์คัส” “มันก
มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้ ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจ
มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง “คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน “นายผมขอคุณกับคุณหน่อย” “นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ” “เขารอคุณอยู่ในรถ” “อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ “ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า “ผมไปรอที่รถนะครับ” ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้า
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า “บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น “ไปเพนเฮาส์เลย” รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น “ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิด
มาเฟียหนุ่มมอบบทรักให้กับมิรันดาจนเธอสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหวานครางจนแห้งแหบ เช้านี้หญิงสาวเลยตื่นนอนสายกว่าหลายวันที่ผ่านมา“ไหวไหมครับมิรัน”“สบายมากค่ะ พี่ไม่ต้องเอายาอะไรมาให้กินแล้วนะคะ” ถึงแม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่มิรันดาก็ไม่อยากทานยาอะไรทั้งนั้น“พี่รู้ยาพวกนั้นมันไม่ดี แต่เมื่อคืนก็พี่ไม่ได้ป้องกันอีกแล้ว ในห้องพี่ไม่เคยมีถุงยางเก็บไว้เพราะไม่เคยคิดจะมาใครมานอนที่นี่”“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นระยะปลอดภัยของรัน”“พี่ว่าเราต้องปรึกษาหมอเรื่องนี้”“ไม่ต้องปรึกษาหรอกค่ะ เดี๋ยวรันไปถามเภสัชตามร้านขายยาเอาก็ได้”“มันจะดีเหรอ เกินถ้ากินแล้วมันอันตรายล่ะ”“ไม่หรอกค่ะ เพื่อนรันบางคนก็กิน เพราะมันมียาบางชนิดที่กินแล้วหน้าใสไม่ค่อยเป็นสิว”“พี่ไม่อยากให้มิรันกิน เอาเป็นว่าพี่จะเป็นคนป้องกันเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ รันว่ารันกินยาดีกว่ารันไม่ไว้ใจพี่หรอกค่ะ”“พี่ไม่ได้บังคับนะมิรัน เรื่องนี้เราต้องพูดกันตรงๆ”“รันรู้ค่ะ รันจะปรึกษาเภสัชว่าแบบไหนอันตรายน้อยที่สุดดีไหมคะ”วันนี้มาร์คัสอยู่กับมิรันดาทั้งวัน ไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรเขาก็คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ พอตกบ่ายก็พาเธอออกไปซื้อของเพิ่ม เพื่อเตรีย
มาร์คัสมองร่างที่นอนหายใจหอบด้วยแววตาหื่นกระหาย เขาส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์มาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะไปยังจุดนั้นกับเธออย่างที่มันควรจะเป็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นมาทับทางลงไปบนตัวมิรันดา สองแขนดันพื้นที่นอนไว้ ปากกดจูบส่งปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นเกี่ยวกระหวัดพันอย่างซาบซ่าน“รัน คุณเป็นของผมคนเดียวนะที่รัก”เสียงทุ้มกระซิบหวานก่อนจะลากลิ้นร้อนไปตามลำคอระหง ขบเม้มสร้างรอยไปรักไปทั้งกายขาวเนียน ฝ่ามือร้อนนวดคลึงเต้างามปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้ขึ้นสูง มิรันดากำลังหลงอยู่กลางเพลิงแห่งตัณหาไม่ว่ามาร์คัสจะพาเธอไปจุดไหนเธอก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ สองขาเรียวถูกดันให้กางออก มาร์คัสมองกลีบกุหลาบที่ฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะกดแก่นกายแกร่งไปยังปากถ้ำ “อื้อ คุณมาร์ค” “ที่รัก นิดเดียวครับเชื่อผมนะ” มิรันดาเจ็บแต่ก็พยายามทนรับเอาความแข็งร้อนเข้ามาร่างกายทีละนิด หญิงสาวหยิกเล็บลงบนที่นอนเพื่อให้ช่วยระบายความเจ็บปวด “รัน มันแน่นมาก” มาร์คัสปวดหนึบไปทั้งท่อนเอ็นเมื่อเขาโดนความอ่อนนุ่มรัดส่วนปลายอย่างรุนแรง ชายหนุ่มก้มลงปรนเปรอเต้าคู่งามด้วย
ตั้งแต่วันที่ไปซื้อเข็มกลัดและไปขอวีซ่ามิรันดาก็ยังไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ถึงตอนนี้ก็สี่วันแล้ว หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเตรียมข้อมูลสำหรับการไปเป็นนักศึกษาฝึกสอนซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้นส่วนมาร์คัสก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน เขามักหายออกไปกับแพทริคตั้งแต่เช้าและกลับมาอีกทีตอนบ่าย หลังทานอาหารเย็นก็มักจะออกไปข้างนอกกว่าจะกลับมาเธอก็เข้านอนไปแล้ววันนี้มิรันดาก็เตรียมชุดให้เขาอย่างเคยเพราะคิดว่าคืนนี้เขาก็คงจะออกไปเหมือนกับหลายคืนที่ผ่านมาหญิงสาวกลับมาห้องนอนของตนเองอีกครั้ง มองดูชุดนอนที่มาร์คัสเลือกซื้อให้ ผ่านมาหลายวันแล้วเธอก็ยังไม่กล้าใส่ ชุดเนื้อผ้าบางเบาใส่แล้วสบายผิวแต่มันเปิดเผยร่างกายมากกว่าชุดเดิมจนเธอไม่กล้าสวมมันบนเรือนร่าง ทั้งที่ราคาแสนแพงแต่กลับมีเนื้อผ้าเพียงนิดการเป็นผู้หญิงของใครสักเธอรู้ดีว่าหน้าที่หลักคือการให้ความสุขบนเตียงแต่มาร์คัสไม่ได้ทำแบบนั้น นอกจากคืนแรกที่เธอกับเขามีอะไรกันจนผ่านตอนนี้ก็ห้าคืนแล้วที่เขาออกไปข้างนอกและกลับดึกมิรันดาควรจะดีใจที่ไม่ต้องเปลืองตัวแต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกการได้อยู่กับมาร์คัส ได้พูดคุยก
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า