มิรันดามาถึงมิลานได้สองวันแล้วแต่ยังไม่ได้ออกไปไหนเพราะมาร์คัสก็มีงานส่วนเธอนั้นปวดท้องและเจทแล็คผสมปนเปกันจนไม่อยากจะออกไปไหน หญิงสาวจึงใช้เวลาสองวันในการนอนพักและชาร์ตพลังอย่างเต็มที่ เช้าวันนี้มิรันดารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากเธอคิดว่าถ้ามาร์คัสไม่ว่างเธอก็จะออกไปเที่ยวเองเพราะไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป แต่ยังไม่ทันจะได้ถามมาร์คัสก็ถามขึ้นในขณะที่เธอกำลังทานอาหารเช้า “เป็นไงบ้างมิรัน เช้านี้คุณโอเคไหม พร้อมจะไปเที่ยวหรือยังครับ” มาร์คัสถามอย่างเอาใจ “วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ” “งานเสร็จแล้วครับ” “เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ” “วันนี้เที่ยวในตัวเมืองก่อนครับ ส่วนนอกเมืองเราค่อยวางแผนกันอีกที มิรันอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม” “รันอยากไปหอเอนปิซ่าจะได้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน มันไกลจากที่นี่ไหมคะ” “ก็จับรถประมาณสี่ชั่วโมงครับ ถ้านั่งเครื่องไปก็ไม่นาน” “เรานั่งรถไปดีไหม รันอยากชมวิวไปด้วย จะลำบากพี่มาร์คไปหรือเปล่าคะ “ไม่เลย พี่บอกแล้วว่าจะตามใจมิรันทุกอย่าง” “ข
มิรันดานอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เธอหยดน้ำมันหอมระเหยซึ่งแม่บ้านเตรียมไว้ลงไปในนั้นด้วย ทั้งกลิ่นและอุณหภูมิของน้ำทำให้หญิงสาวผ่อนคลายจนแทบจะเผลอหลับ “รอนานไหมครับ” “นิดหน่อยค่ะ” มิรันดาอายจนหน้าแดงเมื่อเขามองร่างเปลือยเปล่าของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “พี่มาร์ค อย่าจ้องแบบนั้นสิ” “ทำไม ก็มิรันสวยไปทั้งตัว” “พี่ชมผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ” “เปล่าครับ กับคนอื่นพี่ไม่เคยต้องเสียเวลาเลย” มาร์คัสพูดไปในขณะที่มือก็ถอดชุดของตัวเองออกทีละชิ้น ก่อนลงไปในอ่างน้ำแล้วเบียดกายเข้าหา มิรันดาถอยจนหลังกับขอบอ่าง“ถอยหลังหนีไปไหนล่ะ ไหนว่าจะอาบน้ำให้พี่”“ไม่ได้หนีสักหน่อยมิรันก็แค่ขยับให้พี่เท่านั้นเอง หันหลังมาสิคะ เดี๋ยวมิรันถูหลังให้”มาร์คัสยิ้มก่อนจะหันหลังให้เธออย่างว่าง่าย“พี่มาร์คเมื่อยไหม ขับรถตั้งหลายชั่วโมง รันนวดให้นะคะ”“ได้สิ”มือนุ่มที่บีบนวดไปตามไหล่หนาทำให้มาร์คัสรู้สึกผ่อนคลาย“พี่มาร์คคะ”“ครับ”“ถ้ารันกลับไปแล้วพี่จะคิดถึงรันไหม”“ไม่ครับ”มือบางที่นวดอยู่ชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบ แต่คนที่ถูกนวดอยู่ยิ้มแ
หลังจากมิรันดาหลับไปแล้วมาร์คัสก็เรียกลูกน้องมาประชุมด่วน เพราะขากลับจากทานอาหารค่ำกับมิรันดาและเขาบังเอิญเจอกับลูกน้องคนสนิทของเวเลนติโน่ “มันเห็นคุณมิรันดาไหมครับ” ฟาบิโอหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดถามด้วยความกังวล “ไม่เห็นหรอกเพราะเธอเข้าไปในรถแล้ว แต่ฉันก็ไม่ไว้ใจพวกมันอยู่ดี” “ผมว่าช่วงนี้นายต้องระวังตัวให้มากนะครับ ทางที่ดีก็อย่าออกไปไหนกับเธอแค่สองคน” “ฉันขอพรุ่งนี้อีกวันเท่านั้น” “มันจะเสี่ยงเกินไปไหม” “ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง และฉันก็ไม่อยากให้ทุกอย่างซ้ำรอยเดิม แต่ถ้าเราขนบอดี้การ์ดตามไปด
มิรันดาเดินออกมาจากบ้านโดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปทางไหน เธอไม่เคยออกมาจากบ้านของเขาคนเดียวเลย เพราะทุกครั้งจะมีมาร์คัสออกมาด้วยตลอด แต่ในเมื่อตัดสินใจจะก้าวออกมาจากชีวิตเขาแล้วเธอก็ไม่คิดจะกลับไปขอความช่วยเหลือใดๆ จากเขา หญิงสาวเดินมาตามถนนเท่าที่จำได้คร่าวๆ ว่าสุดทางเดินจะเป็นถนนใหญ่ และจากนั้นเธอค่อยหาทางไปสนามบินตอนนี้เธอมีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ในกระเป๋าคงพอสำหรับการนั่งรถไปสนามบิน แต่คงไม่พอกับค่าเครื่องบิน มิรันดาหยุดเดินแล้วเปิดกระเป๋าเพื่อจะตรวจดูว่าบัตรเครดิตที่มาร์คัสเคยให้ยังอยู่ในนั้นไหม พอเห็นก็โล่งใจเพราะอย่างน้อยมันก็คงพอที่จะรูดซื้อตั๋วเครื่องบินได้ แต่ยังเดินไปไม่ถึงไหนแพทริคก็ขับรถมาขวางไว้เสียก่อน “คุณคงไม่คิดจะเดินออกไปโดยไม่มีจุดหมายใช่ไหมค
มิรันดานั่งแท็กซี่กลับมายังบ้านเช่าในเวลาเย็น พอเดินเข้ามาในบ้านก็เจอกับชนิศาที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว “รัน” ชนิศาตกใจที่เห็นสภาพอิดโรยและดวงตาบวมช้ำของเพื่อนที่บอกว่าจะไปเที่ยวอิตาลี “นิ” มิรันดาโผเข้ากอดเพื่อนรักและร้องไห้อย่างหนักอีกครั้ง ชนิศาไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรจึงได้แค่กอดปลอบใจและรอให้มิรันดาร้องจนพอใจก่อนจะถามขึ้น “รันเป็นอะไร เล่าให้นิฟังได้ไหม” มิรันดาระบายทุกอย่างให้ชนิศาฟังตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไม่มีปิดบังเพราะถ้าเก็บเอาไว้คนเดียวเธอคงได้อกแตกตายก่อนแน่ๆ “โธ่ ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ไม่เป็นไรนะรัน” “นิว่าเราควรจะหาเงินมาคืนเข้าไหม” “เงินมากขนาดนั้นเราจะหามาจากไหนล่ะ นิไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่ในเมื่อเขาทำกับรันอย่างนี้ รันก็ไม่ควรจะคืนเงินเข้า” “เขาจะหาว่าเราเอาตัวเข้าแลกเพื่อเงิน มันไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวเลยนะนิ” “นิเข้าใจความรู้สึกของรันนะ แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เราไม่ได้หลอกเขา แต่เป็นเขาเองที่เข้าใจผิด แล้ว
หลังจากทานจนอิ่มโยษิตาก็ขอตัวกลับก่อนส่วนมิรันดาและชนิศาก็มาเดินซื้อของกันต่อ“อีกไม่กี่วันก็จะต้องไปฝึกสอนแล้วตื่นเต้นไหมรัน”“มากเลยล่ะนิ เรากลัวเด็กไม่เชื่อฟังเรา”“รันสอนชั้นไหน”“ป.2 จ้ะ วัยนี้กำลังซนเลย”แม้จะคุ้นเคยกับเด็กๆ เพราะเคยไปสอนการบ้านน้องๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าบ่อยๆ แต่มันก็ต่างกันอยู่มาก ทั้งจำนวนเด็ก สถานที่และการเติบโตมาในแบบที่ต่างกัน“สงสัยว่าเปิดเทอมรันจะหมดแรงกลับบ้านทุกวันแน่ๆเลย”“นั่นสิ รันว่าก่อนเปิดเทอมจะต้องออกกำลังกายสักหน่อย แล้วก็ฝึกยืนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง”“สอนทั้งวันเลยเหรอ”“ไม่ได้สอนทั้งวัน สลับกับเพื่อนคนอื่น แต่ช่วงที่เพื่อนสอนเราก็ต้องคอยยืนดูไง”“เป็นครูก็ลำบากเหมือนกันนะ ดีแล้วที่นิเรียนแค่ปวส.”“รันว่าลำบากทุกอาชีพแหละ”“นั้นสินะ ว่าแต่วันนี้เราจะซื้ออะไรกันบ้างล่ะ”“รันอยากไปซื้อพวกสติ๊กเกอร์แล้วก็ตุ๊กตาตัวเล็ก เผื่อเอาไว้ให้เด็กเวลาจัดกิจกรรมหน้าห้องร้านนั้นไง”“งั้นรันไปซื้อร้านนั้นนะ ส่วนนิจะไปดูเสื้อใส่ทำงานสักหน่อย ถ้าใครเสร็จก่อนก็เดินมาหา โอเคไหม”“อือ”มิรันเดินแยกมาเดินซื้อของเล่นชิ้นเล็กๆ ตุ๊กตาและสติ๊กเกอร์สำหรับแจกเด็กนักเรียนพอได้ข
มิรันดามาถึงบ้านของจัสมินในเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า ก่อนเวลานัดถึงหนึ่งชั่วโมงจึงไม่เจอเจ้าของบ้านเพราะเธอออกไปทำบุญกับจอมทัพตั้งแต่เช้า “คุณจัสมินบอกว่ากำลังกลับมาค่ะ ถ้าคุณรันเบื่อจะไปนั่งอ่านหนังสือรอที่ห้องหนังสือก็ได้นะคะ คุณจัสมินเธอบอกว่าให้คุณเข้าไปใช้ได้ตามสบายเลยค่ะ” ป้ามาลัยรีบเข้ามาต้อนรับหญิงสาวตามที่จัสมินบอก “รันเพิ่งรู้นะคะว่ามีห้องหนังสือด้วย” “มีค่ะ อยู่ด้านหลังค่ะ คุณรันสนใจไหมคะ จะไปนั่งรอที่นั่นไหมคะ” “ค่ะ รันกำลังเบื่ออยู่เลย หาหนังสืออ่านสักเล่มก็คงดีค่ะ” ป้ามาลัยพามิรันดามายังบ้านน็อคดาวน์หลังเล็กที่อยู่แยกออกมาจากตึกใหญ่ แต่ก็ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน “เชิญคุณรันตามสบายเลยนะคะ ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มค่ะ เดี๋ยวป้าไปเอาขนมมาเพิ่มให้” “ไม่ต้องหรอกค่ะป้า รันเกรงใจ” “ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เดี๋ยวป้ามานะคะ” พอป้ามาลัยเดินออกไปแล้วมิรันดาก็เลือกหนังสือมาหนึ่งเล่ม ก่อนจะนั่งลงบนบีนแบ็กสีเทาตัวนุ่มหันหน้าออกไปทางหน้าต่างด้านนอกที่เป็นเรือนเพาะชำต้นกระบองเพชรหลากชนิด เธอมา
“พี่จอมคะ จัสมินว่าเราควรแจ้งความ” จัสมินพูดขึ้นระหว่างที่ทั้งสองนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ“เรื่องนี้ต้องให้คุณมิรันดาเป็นคนแจ้งเอง” จอมทัพก็อยากทำแบบนั้นแต่เรื่องนี้ต้องให้เจ้าทุกข์เป็นคนแจ้งความเอง เขาคงทำได้แค่คอยอำนวยความสะดวก“กว่าน้องรันจะฟื้นก็ไม่รู้ตอนไหน พี่ต้นอาจจะหนีไปแล้วก็ได้นะคะ ระหว่างนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง”“เมื่อกี้พี่บอกหมอกับพยาบาลให้เก็บหลักฐานไว้แล้ว เดี๋ยวพี่จะให้เพื่อนที่เป็นตำรวจเข้าไปเก็บหลักฐานที่บ้านเพิ่ม ถ้าน้องรันตื่น ค่อยให้เธอแจ้งความ แต่จัสมินแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้” จอมทัพถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเพราะตอนนี้เขมทัตก็ยังถือว่าเป็นสามีของจัสมินอยู่ เขาไม่อยากให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วย“แน่ใจสิคะ ยิ่งเขาทำแบบนี้จัสมินยิ่งแน่ใจมากขึ้น และดีใจที่ตัวเองตัดใจจากเขาได้ พี่จอมว่าถ้ามีหลักฐานว่าเขานอกใจจัสมินในบ้านเขาจะยังกล้าเรียกเงินค่าหย่าไหมคะ”“พี่ตอบแทนเข้าไม่ได้ครับ เพราะตอนนี้ธุรกิจส่งออกของเขากำลังแย่ เขาก็คงอยากได้เงินไปพยุงธุรกิจ”“จัสมินไม่อยากให้เขาได้อะไรจากจัสมินแม้แต่บาทเดียว และจะฟ้องหย่าเอาให้เขาล้มละลายเลยคอยดูสิ”“ทำไมเดี๋ยวนี้จัสมินน่ากลัวจัง”“จัสมิ
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ