คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว
“คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม”
“ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ”
“คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย”
“บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้”
“แล้วคุณจะใส่แบบไหน”
“แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ”
“เลือกแล้วต้องใส่นะ”
“อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ”
มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว
“คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว”
“คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย”
“อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว”
มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้นจากนั้นก็ไปเลือกสูทซึ่งมีทั้งแบบและสีที่ต่างกันรวมแล้วก็ 20 ชุด
ระหว่างที่มาร์คัสกำลังเดินดุอย่างอื่นอยู่เธอก็โทรไปขอเบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านจากแพทริค จากนั้นก็โทรศัพท์ไปบอกแม่บ้านเพื่อให้ช่วยทำงานบางอย่างให้
“ผมว่ามันเยอะไปแล้วนะครับ” มาร์คัสมองถุงเสื้อผ้าที่พนักงานนำมาวางให้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้
“ทีใครทีมันค่ะ ทีคุณซื้อให้ฉันก็เยอะแบบนี้ ฉันยังไม่ว่าอะไรคุณเลยนี่ค่ะ”
“ผมว่าเรากลับกันเถอะ แค่นี้ก็ถือไม่ไหวแล้วนะครับ”
“ฉันบอกคุณแพทริคแล้วว่าให้ตามมาเอาชุดที่ร้าน”
“แล้วจะไปไหนแต่อีกไม่กี่นาทีห้างก็จะปิดแล้ว”
“ก็แค่จะปิดนี่คะ ยังไม่ปิดสักหน่อย มาทางนี้คะ” มิรันดาใช่เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด เวลาไม่กี่นาทีเธอก็ได้ชุดลำลองและชุดนอนให้เขาอีกอย่างละ 5 ชุด
“ผมว่ายังขาดอีกอย่าง” ไหนๆ เธอก็เลือกชุดมาตั้งเยอะเขาเลยอยากให้มิรันดาช่วยเลือกอีกสักอย่าง
“คุณคงหมายถึงรองเท้า ฉันว่าที่ใส่อยู่มันก็โอเคอยู่แล้วล่ะคะ”
“ผมหมายถึงชั้นใน”
“โอ๊ยคุณ นั่นมันอยู่ข้างในจะใส่แบบไหนก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ”
“ที่ผมยังช่วยคุณเลือกเลย”
“เว้นไว้สักอย่างก็ได้ของแบบนั้นคุณคงซื้อเองได้มั้งคะ”
“ผมไม่เคยซื้อเอง”
“อย่าบอกนะคะว่าเลขาซื้อ”
“ครับ เขาจัดการให้ทุกอย่าง”
“ห้างจะปิดแล้วค่อยมาวันหลังเถอะค่ะ”
“คุณไม่อยากช่วยเลือกเหรอ อายเหรอ”
“ใครจะอายกัน แต่ของพวกนั้นมันต้องใช้เวลาเลือก ถ้าซื้อไปแล้วมันใส่สบายขึ้นมาคุณก็จะโทษว่าเป็นความผิดของฉันอีก”
“งั้นพรุ่งนี้ค่อยมาอีกรอบก็ได้”
“คุณดูว่างงานมากนะคะ แต่พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง”
“ไหนว่ายังไม่เปิดเทอม”
“ฉันจะดูซีรีส์ค่ะ”
“งั้นผมดูด้วย”
“มีผู้ชายที่ไหนเขาดูกัน”
“ก็ผมนี่ไง”
กลับมาถึงเพนเฮาส์ได้ไม่ถึงชั่วโมงมาร์คัสก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก คืนนี้เขาจะไปตรวจผับอีกแห่งหนึ่งซึ่งที่นั่นเป็นผับที่น้องเขยของเขามักจะไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ เผื่อว่าโชคดีมาร์คัสอาจจะเจอเขมทัต
ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็เดินไปบอกมิรันดาที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงกว้างภายในห้องนอนของเขา
“ผมจะไปข้างนอกนะ”
“ค่ะ”
“ไม่ถามเหรอว่าไปไหน”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ”
“แล้วถ้าผมออกไปนอนกับคนอื่นคุณจะโอเคไหม”
“นั้นก็เรื่องของคุณ”
“ไม่หึงเหรอ”
“จะหึงทำไม คนอย่างคุณก็คงนอนกับผู้หญิงไปทั่วนั่นแหละ”
“ผมก็แค่ล้อเล่นหรอกน่า ผมมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย ถ้าง่วงก็นอนก่อนเลยนะ”
“ค่ะ”
มาร์คัสเดินเข้ามายื่นหน้าให้เธอแล้วชี้ไปที่แก้มตัวเองทั้งสองข้าง มิรันดาส่ายหน้าก่อนจะหอมแก้มสากของเขาทั้งซ้ายขวา
“ออกไปด้วยกันไหม” จู่ๆ เขาก็ไม่อยากทิ้งให้เธอเหงาอยู่คนเดียว
“ไม่หรอกค่ะ คุณไปทำงาน ฉันไม่อยากเกะกะ”
“ถ้างั้นผมจะรีบกลับมากอดคุณนะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้มั้งคะ”
“ทำไมกลัวเหรอ”
“มีอะไรต้องกลัวกันละ”
“โอเค ผมไปล่ะ ถ้าคิดถึงก็โทรหาผมนะ หรือถ้าอยากได้อะไรก็โทรไปบอกคนของผม”
“เขาไม่ไปกับคุณเหรอคะ”
“ไปสามคนครับ เหลืออยู่กับคุณอีก 2 คน”
“ฉันอยากรู้จักว่าคุณเป็นใครกันแน่ทำไมถึงต้องมีลูกน้องเยอะขนาดนี้”
“ถ้าอยากรู้ก็อย่าเพิ่งรีบนอนเดี๋ยวผมจะกลับมาเล่าให้คุณฟังทุกเรื่อง”
“ฉันก็อยากรู้นะคะว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันว่าเอาไว้พรุ่งนี้เช้าดีกว่าเพราะคุณยังไม่ออกจากห้องฉันก็ง่วงแล้ว”
“ง่วงก็นอนครับ ฝันดีนะมิรันดาผมไปล่ะ
“โชคดีนะคะ”“ขอบคุณครับ” เขาก้มลงหอมไปบนหน้าผากของเธออีกครั้งก่อนจะออกจากห้อง
มิรันดาตื่นตอนมาในเวลาหกโมงเช้า เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสกลับมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีเธอก็ตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว
หญิงสาวย่องออกมาจากห้องของเขาอย่างเบาที่สุด เธอกลับมาที่ห้องของตัวเองอาบน้ำและเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกก่อนที่เขาจะตื่น วันนี้เธอมีนัดไปสัมภาษณ์งานที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
เธอลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างก็เจอกับแพทริคที่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“คุณจะไหนครับคุณมิรันดา”
“ไม่ต้องเรียกชื่อเต็มขนาดนั้นก็ได้ค่ะคุณแพทริค”
“ครับ คุณรัน คุณจะออกไปไหนครับ บอสรู้หรือเปล่าว่าคุณจะออกไปข้างนอก”
“ฉันไม่ได้บอกเขา ก็แค่อยากออกไปร้านกาแฟตรงหัวมุม”
“คุณอยากดื่มกาแฟเหรอครับเดี๋ยวผมไปสั่งให้คุณขึ้นไปรอข้างบนเลย”
“ฉันอยากไปเอง”
“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวผมเรียกคนเดินไปเป็นเพื่อน”
“มันใกล้แค่นี้เองนะคะ อย่ารบกวนคนอื่นเลยค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอกครับ แต่ถ้าคุณไปคนเดียวแล้วบอสรู้คนอื่นที่คุณพูดถึงจะเดือดร้อน”
“คุณแพทริคคะ ทำไมเจ้านายคุณจะต้องมีลูกน้องเยอะแยะด้วยล่ะคะ”
“เรื่องนี้คุณไปถามเขาเองดีกว่า”
“ใครจะกล้าถามกันล่ะ ฉันกลัวเขาโกรธที่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา”
“ลองถามเถอะครับ ผมว่าเขาไม่โกรธคุณหรอก”
“คุณแน่ใจได้ยังไง ว่าเขาจะไม่โกรธ”
“ผมแน่ใจก็แล้วกันครับ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันว่าฉันกลับขึ้นไปบนห้องดีกว่า ในห้องก็มีเครื่องชงกาแฟเดี๋ยวฉันทำเองก็ได้”
“ครับ ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรลงมานะครับ พวกนั้นน่ะเอาแต่นอนสบายๆ อยู่ห้องมาหลายวันแล้ว คุณไม่เรียกใช้งานสักที”
“ไม่ดีเหรอคะ พวกคุณจะได้สบายไง”
“ดีครับ” แพทริคหัวเราะ ตั้งแต่เห็นผู้หญิงของบอสมาก็ไม่เคยมีใครเรียบง่ายเป็นกันเองเหมือนกับมิรันดาสักคน
มิรันดากลับขึ้นมายังชั้นบนสุดอีกครั้ง เธอโทรศัพท์ไปขอโทษเจ้าของร้านกาแฟพร้อมกับบอกว่าเธอคงไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วเนื่องจากมีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อย
กลับเขามาบนห้องก็เห็นว่ามาร์คัสนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้าทีวี
“เป็นอะไรคะ ทำไมหน้าบูดแต่เช้าเลย”
“ผมตื่นมาไม่เจอคุณ”
“ฉันลงไปข้างล่างกะว่าจะไปซื้อกาแฟ สักหน่อย แต่นึกขึ้นได้ว่าข้างบนก็มีเครื่องทำกาแฟ คุณจะเอาไหมฉันจะทำให้”
“ก่อนจะชงกาแฟคุณมาช่วยผมเลือกเสื้อผ้าก่อนดีไหม” “ปกติก็เห็นคุณเลือกเอง”
“ก็แต่ก่อนผมไม่ต้องเลือกครับ เพราะมันมีแต่สีดำและก็แบบเดิมๆ แต่ที่คุณซื้อมาเมื่อวานนอกจากจะไม่มีสีดำแล้ว แต่ละตัวยังแบบไม่ซ้ำกันอีกแล้วผมจะรู้ไหมว่าตัวไหนใส่คู่ตัวไหน”
“อย่ามาโบ้ยว่าเป็นความผิดของฉันนะ คุณบอกให้ฉันเลือก ฉันเลือกให้เองนะ ทีเมื่อวานไม่เห็นคุณจะท้วงตอนจ่ายเงิน”
“งั้นคุณช่วยเลือกให้ผมหน่อยได้ไหม นะครับ ผมเลือกไม่ถูกจริงๆ นะ” เขาทำหน้าอ้อนพลางเดินเข้ามากอดอย่างประจบ
“ปล่อยฉันก่อนค่ะ ถ้ากอดอย่างนี้จะเลือกได้ยังไง”
มาร์คัสยอมปล่อยจากนั้นเขาก็เดินตามเธอเข้ามาที่ห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ
“วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นก็ใส่ชุดสบายๆ แล้วกันนะคะ ชุดนี้เป็นไง” เธอหยิบเสื้อโปโลแบรนด์หรูสีขาวแต่งลายตรงปลายแขนเล็กน้อยกับกางเกงผ้าเนื้อดีสีน้ำตาลสั้นแค่เข่า
“ครับ” มาร์คัสรับมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ห้าปีแล้วที่เขาไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีดำ
“ไม่ได้บังคับนะคะ ถ้าไม่ใส่ก็แล้วแต่” มิรันดาเห็นสีหน้าค่อนข้างลำบากใจของเขาแล้วก็ไม่อยากบังคับ
“ถึงผมไม่ยากใส่ก็คงต้องใส่ เพราะคุณเอาชุดสีดำผมไปทิ้งหมดแล้ว”
“ไม่ได้ทิ้งค่ะ แค่เก็บเอาไว้อย่างดี ในเมื่อคุณอยากเปลี่ยนฉันก็จะช่วยคุณเปลี่ยน แต่ถ้ามันฝืนจนเกินไป คุณจะกลับมาใส่แบบเดิมฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แค่อยากให้ลองเปลี่ยน อยากให้ลงออกมาจากเซฟโซนบ้าง เมื่อคืนคุณบอกว่าจะเล่าให้ฉันฟังว่าคุณเป็นใครมาจากไหนแล้วทำไมถึงชอบใส่แต่สีดำ”
“ถ้าวันนี้คุณว่างจากการดูซีรีส์ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง”
“ฉันคิดว่าไม่ดูซีรีส์วันหนึ่งก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ”
“งั้นตกลงครับ กินข้าวเสร็จแล้วผมจะเล่าให้ฟังว่าผมเป็นใคร มาจากไหนละทำไมต้องใส่ชุดสีดำ”
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด “สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคน
มาร์คัสกอดเอวบางของน้องสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของบิดามารดา พอท่านจากไปมาร์คัสก็เลยยกให้กับน้องสาวและน้องเขยส่วนตัวเขานั้นจะไปพักที่เพนเฮาส์ทุกครั้งที่กลับมากรุงเทพ “พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้น้องยังไงคะ” “ยังไม่รู้เลย อาจจะลองคุยกับเธอดูก่อนดีไหม” “น้องว่ามันจะเสียเวลาเปล่านะคะ ผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นจ้องแต่จะจับคุณต้น” “แต่ที่ผ่านมาเราก็จัดการเองได้นี่ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องเรียกพี่มาล่ะ” มาร์คัสถามน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาจัสมินจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับสามีได้อย่างดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างเคย “คนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นค่ะ คนนี้พี่ต้นจริงจังมาก แต่ก่อนถ้าน้องจับได้เขาก็จะขอโทษแล้วก็ยอมเลิก แต่กับคนนี้เขานิ่ง ไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม” “หรือมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นเขาเลยนิ่ง” “น้อยไปสิคะ ปกติพี่ต้นก็แค่ให้เงินใช้ ซื้อของแบบรนด์เนมให้แต่นี่มาขอเงิน 30 ล้าน น้องว่ามันเยอะไปไหม” “แล้วต้นเขาว่ายังไงบ้าง” “เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เด็ก
มาร์คัสมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน เขายอมรับว่าสนใจทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแต่มันติดตรงที่ว่าเธอคือเมียน้อยของเขมทัต“ขอโทษที่ให้รอนาน แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ ลูกน้องคนสนิทไปไหน”“แพทริคไปคุยโทรศัพท์ส่วนจอมทัพกลับไปแล้ว”“ครั้งนี้จะอยู่นานไหม” พูดพลางเทบรั่นดีราคาแพงส่งให้เพื่อน“ก็คงสักพัก ฉันไม่ได้มากวนเวลางานใช่ไหม” “ไม่หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไป” “เด็กที่เอาเหล้ามาให้เมื่อกี้ทำงานเป็นไงบ้าง” “ก็ดีนะ ขยันและมาทำงานตรงเวลา สนใจเหรอ” “ไม่หรอกก็แค่ถามดูเพราะเพิ่งเคยเจอ” “สนใจไปก็เท่านั้น น้องเขาไม่ทำงานเสริม” “เหรอ” มาร์คัสอยากจะหัวเราะที่เพื่อนบอกว่าเธอไม่รับงานเสริม “ไม่ใช่นายคนแรกที่สนใจหรอก” “คงเนื้อหอมน่าดูเลย” “ประมาณนั้นถ้าน้องมันสนใจป่านนี้คงรวยไปแล้ว ฉันว่านายอย่าไปสนใจเลย เสียเวลาเปล่า ฉันตามน้องพลอยให้แล้ว” “ขอบใจนะ กำลังเมื่อยพอดีเลย” “พอพูดถึงหญิงตาก็เป็นประกายเลยนะครับคุณมาร์คัส” “มันก
มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้ ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจ
มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง “คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน “นายผมขอคุณกับคุณหน่อย” “นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ” “เขารอคุณอยู่ในรถ” “อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ “ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า “ผมไปรอที่รถนะครับ” ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้า
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า “บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น “ไปเพนเฮาส์เลย” รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น “ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิด
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์