มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา
มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมง
แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว
“จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน
“ไปซื้อของค่ะ”
“ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน”
“ฉันไม่ใช้นักโทษนะ”
“แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย”
“นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
“ก็ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงของผม”
“ฉันยังไม่ตกลงเลย”
“ถ้าไม่ตกลงก็เอาเงินคืนมาสิ”
“อ้าว คุณ เมื่อคืนยังบอกอยู่เลยว่าไม่เอาคืน แล้วนี่อะไรอีก จะมาเอาคืนได้ยังไง พูดจากลับไปกลับมาแบบนี้มันน่ารักเลยนะ”
“นี่ ผมถามหน่อยเถอะทำไมถึงไม่อยากเป็นผู้หญิงของผมล่ะ ผมทั้งรวยทั้งหล่อ”
“คุณก็หลงตัวเองเหมือนกันนะ เอาล่ะ ถ้ากล้าก็กล้าตอบ ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงของใครทั้งนั้นแหละ ต่อให้หล่อหรือรวยมากแค่ไหน ฉันอยากเป็นตัวของฉันเอง อยากเรียนให้จบและรีบทำงาน การเป็นผู้หญิงของใครสักคนถ้ามันแลกมาด้วยการขาดอิสรภาพทั้งร่างกายละความคิด มันไม่โอเคสำหรับฉัน”
“แต่ผมให้อิสระคุณเต็มที่เลยนะ”
“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดเองว่าจะไปไหนให้บอกคุณแพทริคกับคุณทุกครั้ง”
“ก็ผมกลัวจะเกิดอันตรายกับคุณไงล่ะ”
“ไม่มีใครทำอันตรายอะไรฉันหรอกค่ะ ที่ผ่านมาก็มีคุณนี่แหละที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับฉัน”
“ก็แค่บอกว่าจะไปไหนก็พอ เผื่อเกิดอะไรขึ้น ผมจะได้รู้ว่าคุณอยู่ไหน”
“เฮ้อ ดูท่าแล้วคุณจะไม่ยอมให้ฉันออกไปไหนคนเดียวจริงๆ ใช่ไหม”
“ครับ เริ่มจากวันนี้เลยคุณจะออกไปไหน”
“ฉันจะไปร้านขายยา”
“กินยาไปแล้วยังไม่ดีขึ้นเหรอ” เขาถามอย่างเป็นห่วงพลางเอาหลังมอมาแตะลงบนหน้าผาก มิรันดายืนตัวแข็งทื่อเพราะเขาเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่เธอเลือกเมื่อวาน
“ดีขึ้นแล้วค่ะ” หญิงสาวถอยหลังจนหลังชนกับกำแพง
“แล้วจะไปร้านขายยาทำไม”
“ก็ไปซื้อยาบางอย่าง”
“ยาอะไรบอกมา เดี๋ยวสั่งคนไปซื้อให้”
“ไม่เอาจะไปซื้อเอง”
“คุณท่าทางมีพิรุธนะมิรันดาคุณไปซื้อยาจริงๆ หรือจะแอบหนีผมไปกันแน่”
“คิดมากเกินไปไหมค่ะคุณมาร์คัส ก็เห็นอยู่ว่าฉันถือแต่กระเป๋าตังมาอย่างเดียวถ้าฉันจะหนีคุณฉันก็ต้องเอาของใช้อื่นกลับไปด้วย”
“ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าแต่ยาอะไรบอกผมมาเถอะน่า”
“ยาคุมฉุกเฉินไง”
“อ้อ”
“ให้ฉันไปได้แล้วใช่ไหม”
“คุณกลัวท้องเหรอ”
“ใช่สิ ฉันยังไม่อยากทิ้งโย้ไปเรียน”
“ไม่ต้องไปซื้อหรอกยังไงคุณก็ไม่ท้อง”
“คุณไม่สวมถุงยางสักครั้งฉันกลัวพลาด หรือว่าคุณเป็นหมัน”
มาร์คัสว่าจะเก็บเรื่องยาที่ให้เธอทานไปตอนเช้าเป็นความลับแต่เมื่อเธอจะลงไปซื้อเขาก็เลยต้องบอกว่าเมื่อเช้านอกจากนาลดไข้ ยาแก้อักเสบแล้วยังมียาคุมฉุกเฉินด้วยอีกหนึ่งเม็ด
มิรันดาฟังแล้วก็อึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะรอบคอบขนาดนั้น
“คุณคงมียาพวกนั้นพกติดตัวตลอดใช่ไหมล่ะ” พอไม่ต้องไปซื้อยามิรันดาก็เดินกลับมานั่งบนโซฟา
“ใครจะพกยาแบบนั้นกัน ปกติผมก็ป้องกันตลอด แต่ผมพาคุณมาที่นี่โดยไม่คิดจะทำอะไรคุณ ก็เลยไม่ได้เตรียมถุงยางไว้ คุณโกรธไหม”
“ไม่ค่ะ แค่ตกใจมากกว่า แต่ก็ดีแล้วฉันเองก็ยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครหรอก”
“คุณไม่อยากมีลูกเหรอ”
“อยากสิ แต่นั่นต้องเป็นลูกที่เกิดจากความรัก ฉันไม่อยากมีลูกโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วปล่อยให้เด็กออกมาเป็นภาระสังคม เป็นเด็กกำพร้าเหมือนฉัน”
มิรันดาถูกเอามาทิ้งที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไม่รู้เลยว่าพ่อและแม่ของตนเองเป็นใคร
“คุณหมายถึงถ้าคุณพร้อมก็จะมีลูกเหรอ”
“ค่ะ ถ้าฉันเจอคนที่ฉันรักและเขารักฉัน และเมื่อเราพร้อมฉันก็อยากมีลูกสักคน แล้วคุณล่ะ”
“ผมนึกภาพตัวเองเป็นพ่อไม่ออกเลย”
“นั่นก็เพราะคุณยังไม่พร้อม ถ้าคุณพร้อม หรือมีคนที่คุณอยากใช้ชีวิตด้วยภาพเหล่านั้นจะตามมาเอง” มิรันดาเอาคำพูดที่แม่ครูเคยสอนมาบอกกับเขา
“ผมถามหน่อยสิ ภาพที่คุณนึกถึงมีผมอยู่ในนั้นไหม”
“ฉันก็เพิ่งบอกไปว่ายังนึกภาพไม่ออก เอาล่ะ ไม่อยากเสียเวลาคุยกับคุณแล้วขอตัวก่อนนะคะ”
“จะไปไหน คุณยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนะ ออกไปหาอะไรกินข้างนอกไหม”
พอพูดถึงของกินมิรันดาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“ไปค่ะ ฉันต้องเปลี่ยนชุดไหม” มิรันดาลุกยืนแล้วหมุนตัวให้เขาดู ชุดที่เธอสวมวันนี้กางเกงขาสั้นสีดำเอวสูงอวดเรียวขาสวยกับเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายตรงหน้าอก
“ไม่ต้องหรอกแบบนี้ก็น่ารักดี”
“คุณจะให้ฉันเดินด้วยจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“ทำไม่คิดว่าไม่ให้เดินด้วยล่ะ”
“ก็ดูคุณสิ เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงก็สีดำ ไม่เบื่อเหรอคะ ฉันเจอทีไรคุณก็แต่งตัวแบบนี้ อยากกับไว้ทุกข์”
“ใช่ ผมกำลังไว้ทุกข์”
“ฉันขอโทษ” มิรันดาเสียงอ่อนลงอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
มาร์คัสมาหญิงสาวมายังร้านอาหารที่เขามักจะมาทานเป็นประจำ ทางร้านจัดโต๊ะให้พวกเขานั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว
“คุณไม่ชอบคนเยอะใช่ไหมคะ”
“อือ”
“ถ้าคุณไม่ชอบจะชวนฉันออกมากินข้าวข้างนอกทำไมล่ะ”
“ผมไม่อยากให้คุณอุดอู่อยู่แต่ในห้องไง ผมกลัวคุณเบื่อ”
“ไม่เบื่อเลยค่ะ ห้องคุณทีวีก็จอใหญ่ฉันนอนดูซีรีส์ได้ทั้งวันเลยค่ะ”
“ดูเหมือนคุณจะติดซีรีส์มากนะ”
“แน่นอนค่ะ การได้ดูอะไรแบบนั้นมันเหมือนกับฉันหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก ทั้งผู้คนและสถานที่”
เมื่อบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟทั้งสองก็หยุดคุยชั่วคราว มิรันดาชอบอาหารอิตาลีอยู่แล้ว จึงทานอย่างเอร็ดอร่อยจากของขาวแล้วก็ตบท้ายด้วยของหวานอย่างทิรามิสุปิดท้าย
“สั่งเพิ่มไหม” เขาเห็นว่ามิรันดาทานทิรามิสุจนแทบไม่เหลือสักนิดก็ถามขึ้น
“ไม่ล่ะคะ”
“คุณชอบอาหารอิตาเลี่ยนเหรอครับ”
“ฉันก็ชอบอาหารทุกอย่างนั่นแหละค่ะ ยิ่งกินฟรีก็ยิ่งชอบ”
“อ้อ ผมเห็นบางคนบ่นว่าอาหารอิตาเลี่ยนมันเลี่ยนเหมือนกับชื่อ”
“ไม่นะ ฉันว่าอร่อยดีออก”
“แล้วที่กินมาทั้งหมดชอบอะไรมากที่สุด”
“ชอบทิรามิสุค่ะมันอร่อยลงตัวมาก”
“ถ้าชอบจะพามากินบ่อย”
“อย่าเลยค่ะ ฉันกินข้าวแกงก็ได้ อาหารพวกนี้กินบ่อยไม่ดีเท่าไหร่”
“ทำไมบอกว่าไม่ดีล่ะ วัตถุดิบเขานำเข้ามาเลยนะ” เพราะรู้จักกับเจ้าของร้านมาร์คัสเลยรู้ดีว่าที่นี่ใช้แต่ของมีคุณภาพ
“ก็มันแพงไงคะ ถ้าคุณกลับประเทศของคุณไปแล้ว ฉันคงไม่มีปัญญามากินแน่”
“ผมบอกจะกลับตอนไหน”
“คุณนี่ยังไม่แก่เลยความจำเสื่อมแล้ว คุณบอกฉันว่าจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน”
“ผมก็พูดไปอย่างนั้นแหละ บางทีผมก็อาจจะอยู่ยาว”
“จริงเหรอคะ” มิรันดาดีใจที่เขาจะอยู่ต่อ
“ก็คิดว่าอย่างนั้นนะ” มาร์คัสแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเธอดีใจที่เขาบอกจะอยู่ต่อ แม้ว่ามิรันดาจะไม่ให้คำตอบเขาตรงๆ ว่าเธอยอมเป็นผู้หญิงของเขา แต่จากการแสดงออกของเธอเขาก็พอเดาได้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีก แต่จะใช้ชีวิตไปแบบนี้เรื่อยๆ มีความสุขกับปัจจุบันโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
ออกจากร้านอาหารเขาก็บอกแพทริคไปส่งที่ห้างสรรพสินค้าเพราะเขามีบางอย่างจะต้องไปซื้อ
“คุณมาร์คัสคะ ฉันไม่ซื้ออะไรเพิ่มอีกแล้วนะคะ”
“ทำไมต้องให้เตือนว่าให้เรียกผมว่ายังไง”
“คุณก็เรื่องมากเหมือนกันนะคะคุณมาร์ค”
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
ตั้งแต่วันที่ไปซื้อเข็มกลัดและไปขอวีซ่ามิรันดาก็ยังไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ถึงตอนนี้ก็สี่วันแล้ว หญิงสาวใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือและเตรียมข้อมูลสำหรับการไปเป็นนักศึกษาฝึกสอนซึ่งเหลือเวลาอีกแค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้นส่วนมาร์คัสก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน เขามักหายออกไปกับแพทริคตั้งแต่เช้าและกลับมาอีกทีตอนบ่าย หลังทานอาหารเย็นก็มักจะออกไปข้างนอกกว่าจะกลับมาเธอก็เข้านอนไปแล้ววันนี้มิรันดาก็เตรียมชุดให้เขาอย่างเคยเพราะคิดว่าคืนนี้เขาก็คงจะออกไปเหมือนกับหลายคืนที่ผ่านมาหญิงสาวกลับมาห้องนอนของตนเองอีกครั้ง มองดูชุดนอนที่มาร์คัสเลือกซื้อให้ ผ่านมาหลายวันแล้วเธอก็ยังไม่กล้าใส่ ชุดเนื้อผ้าบางเบาใส่แล้วสบายผิวแต่มันเปิดเผยร่างกายมากกว่าชุดเดิมจนเธอไม่กล้าสวมมันบนเรือนร่าง ทั้งที่ราคาแสนแพงแต่กลับมีเนื้อผ้าเพียงนิดการเป็นผู้หญิงของใครสักเธอรู้ดีว่าหน้าที่หลักคือการให้ความสุขบนเตียงแต่มาร์คัสไม่ได้ทำแบบนั้น นอกจากคืนแรกที่เธอกับเขามีอะไรกันจนผ่านตอนนี้ก็ห้าคืนแล้วที่เขาออกไปข้างนอกและกลับดึกมิรันดาควรจะดีใจที่ไม่ต้องเปลืองตัวแต่ในใจกลับรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกการได้อยู่กับมาร์คัส ได้พูดคุยก
มาร์คัสมองร่างที่นอนหายใจหอบด้วยแววตาหื่นกระหาย เขาส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์มาแล้ว มันก็ถึงเวลาที่เขาจะไปยังจุดนั้นกับเธออย่างที่มันควรจะเป็นชายหนุ่มยืดตัวขึ้นมาทับทางลงไปบนตัวมิรันดา สองแขนดันพื้นที่นอนไว้ ปากกดจูบส่งปลายลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นเกี่ยวกระหวัดพันอย่างซาบซ่าน“รัน คุณเป็นของผมคนเดียวนะที่รัก”เสียงทุ้มกระซิบหวานก่อนจะลากลิ้นร้อนไปตามลำคอระหง ขบเม้มสร้างรอยไปรักไปทั้งกายขาวเนียน ฝ่ามือร้อนนวดคลึงเต้างามปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้ขึ้นสูง มิรันดากำลังหลงอยู่กลางเพลิงแห่งตัณหาไม่ว่ามาร์คัสจะพาเธอไปจุดไหนเธอก็พร้อมจะตามเขาไปทุกที่ สองขาเรียวถูกดันให้กางออก มาร์คัสมองกลีบกุหลาบที่ฉ่ำเยิ้ม ก่อนจะกดแก่นกายแกร่งไปยังปากถ้ำ “อื้อ คุณมาร์ค” “ที่รัก นิดเดียวครับเชื่อผมนะ” มิรันดาเจ็บแต่ก็พยายามทนรับเอาความแข็งร้อนเข้ามาร่างกายทีละนิด หญิงสาวหยิกเล็บลงบนที่นอนเพื่อให้ช่วยระบายความเจ็บปวด “รัน มันแน่นมาก” มาร์คัสปวดหนึบไปทั้งท่อนเอ็นเมื่อเขาโดนความอ่อนนุ่มรัดส่วนปลายอย่างรุนแรง ชายหนุ่มก้มลงปรนเปรอเต้าคู่งามด้วยป
มาเฟียหนุ่มมอบบทรักให้กับมิรันดาจนเธอสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงหวานครางจนแห้งแหบ เช้านี้หญิงสาวเลยตื่นนอนสายกว่าหลายวันที่ผ่านมา“ไหวไหมครับมิรัน”“สบายมากค่ะ พี่ไม่ต้องเอายาอะไรมาให้กินแล้วนะคะ” ถึงแม้จะปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่มิรันดาก็ไม่อยากทานยาอะไรทั้งนั้น“พี่รู้ยาพวกนั้นมันไม่ดี แต่เมื่อคืนก็พี่ไม่ได้ป้องกันอีกแล้ว ในห้องพี่ไม่เคยมีถุงยางเก็บไว้เพราะไม่เคยคิดจะมาใครมานอนที่นี่”“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นระยะปลอดภัยของรัน”“พี่ว่าเราต้องปรึกษาหมอเรื่องนี้”“ไม่ต้องปรึกษาหรอกค่ะ เดี๋ยวรันไปถามเภสัชตามร้านขายยาเอาก็ได้”“มันจะดีเหรอ เกินถ้ากินแล้วมันอันตรายล่ะ”“ไม่หรอกค่ะ เพื่อนรันบางคนก็กิน เพราะมันมียาบางชนิดที่กินแล้วหน้าใสไม่ค่อยเป็นสิว”“พี่ไม่อยากให้มิรันกิน เอาเป็นว่าพี่จะเป็นคนป้องกันเอง”“ไม่เป็นไรค่ะ รันว่ารันกินยาดีกว่ารันไม่ไว้ใจพี่หรอกค่ะ”“พี่ไม่ได้บังคับนะมิรัน เรื่องนี้เราต้องพูดกันตรงๆ”“รันรู้ค่ะ รันจะปรึกษาเภสัชว่าแบบไหนอันตรายน้อยที่สุดดีไหมคะ”วันนี้มาร์คัสอยู่กับมิรันดาทั้งวัน ไม่ว่าหญิงสาวจะทำอะไรเขาก็คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ พอตกบ่ายก็พาเธอออกไปซื้อของเพิ่ม เพื่อเตรียม
มิรันดามาถึงมิลานได้สองวันแล้วแต่ยังไม่ได้ออกไปไหนเพราะมาร์คัสก็มีงานส่วนเธอนั้นปวดท้องและเจทแล็คผสมปนเปกันจนไม่อยากจะออกไปไหน หญิงสาวจึงใช้เวลาสองวันในการนอนพักและชาร์ตพลังอย่างเต็มที่ เช้าวันนี้มิรันดารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากเธอคิดว่าถ้ามาร์คัสไม่ว่างเธอก็จะออกไปเที่ยวเองเพราะไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป แต่ยังไม่ทันจะได้ถามมาร์คัสก็ถามขึ้นในขณะที่เธอกำลังทานอาหารเช้า “เป็นไงบ้างมิรัน เช้านี้คุณโอเคไหม พร้อมจะไปเที่ยวหรือยังครับ” มาร์คัสถามอย่างเอาใจ “วันนี้ไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ” “งานเสร็จแล้วครับ” “เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ” “วันนี้เที่ยวในตัวเมืองก่อนครับ ส่วนนอกเมืองเราค่อยวางแผนกันอีกที มิรันอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม” “รันอยากไปหอเอนปิซ่าจะได้ถ่ายรูปไปอวดเพื่อน มันไกลจากที่นี่ไหมคะ” “ก็จับรถประมาณสี่ชั่วโมงครับ ถ้านั่งเครื่องไปก็ไม่นาน” “เรานั่งรถไปดีไหม รันอยากชมวิวไปด้วย จะลำบากพี่มาร์คไปหรือเปล่าคะ “ไม่เลย พี่บอกแล้วว่าจะตามใจมิรันทุกอย่าง” “ข
มิรันดานอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เธอหยดน้ำมันหอมระเหยซึ่งแม่บ้านเตรียมไว้ลงไปในนั้นด้วย ทั้งกลิ่นและอุณหภูมิของน้ำทำให้หญิงสาวผ่อนคลายจนแทบจะเผลอหลับ “รอนานไหมครับ” “นิดหน่อยค่ะ” มิรันดาอายจนหน้าแดงเมื่อเขามองร่างเปลือยเปล่าของเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “พี่มาร์ค อย่าจ้องแบบนั้นสิ” “ทำไม ก็มิรันสวยไปทั้งตัว” “พี่ชมผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ” “เปล่าครับ กับคนอื่นพี่ไม่เคยต้องเสียเวลาเลย” มาร์คัสพูดไปในขณะที่มือก็ถอดชุดของตัวเองออกทีละชิ้น ก่อนลงไปในอ่างน้ำแล้วเบียดกายเข้าหา มิรันดาถอยจนหลังกับขอบอ่าง“ถอยหลังหนีไปไหนล่ะ ไหนว่าจะอาบน้ำให้พี่”“ไม่ได้หนีสักหน่อยมิรันก็แค่ขยับให้พี่เท่านั้นเอง หันหลังมาสิคะ เดี๋ยวมิรันถูหลังให้”มาร์คัสยิ้มก่อนจะหันหลังให้เธออย่างว่าง่าย“พี่มาร์คเมื่อยไหม ขับรถตั้งหลายชั่วโมง รันนวดให้นะคะ”“ได้สิ”มือนุ่มที่บีบนวดไปตามไหล่หนาทำให้มาร์คัสรู้สึกผ่อนคลาย“พี่มาร์คคะ”“ครับ”“ถ้ารันกลับไปแล้วพี่จะคิดถึงรันไหม”“ไม่ครับ”มือบางที่นวดอยู่ชะงักเมื่อได้ฟังคำตอบ แต่คนที่ถูกนวดอยู่ยิ้มแ
หลังจากมิรันดาหลับไปแล้วมาร์คัสก็เรียกลูกน้องมาประชุมด่วน เพราะขากลับจากทานอาหารค่ำกับมิรันดาและเขาบังเอิญเจอกับลูกน้องคนสนิทของเวเลนติโน่ “มันเห็นคุณมิรันดาไหมครับ” ฟาบิโอหัวหน้าทีมบอดี้การ์ดถามด้วยความกังวล “ไม่เห็นหรอกเพราะเธอเข้าไปในรถแล้ว แต่ฉันก็ไม่ไว้ใจพวกมันอยู่ดี” “ผมว่าช่วงนี้นายต้องระวังตัวให้มากนะครับ ทางที่ดีก็อย่าออกไปไหนกับเธอแค่สองคน” “ฉันขอพรุ่งนี้อีกวันเท่านั้น” “มันจะเสี่ยงเกินไปไหม” “ฉันรู้ว่ามันเสี่ยง และฉันก็ไม่อยากให้ทุกอย่างซ้ำรอยเดิม แต่ถ้าเราขนบอดี้การ์ดตามไปด
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ