ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ
“เรียบร้อยไหมคะพี่”
“ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง”
“มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ”
“แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ”
“ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด”
“แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ”
“ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ”
“อ้อ แล้วมาบ่อยไหม”
“วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา”
“ก็พี่เป็นห่วงน้อง”
อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่
เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษ
พอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด
จะมีก็เพียงแค่จัสมินเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าจอมทัพรู้สึกยังไงกับตนเอง
“บอส มาแล้วเหรอครับจะเอาน้ำอะไรไหมเดี๋ยวผมไปทำให้”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบกิน”
“บอสมีเรื่องอะไรจะถามผมครับ”
“เรื่องเมียน้อยนายต้น” มาร์คัสพูดต่อหน้าน้องสาว เขาอยากให้จัสมินทำใจกับผู้ชายเจ้าชู้ได้สักที
“เอารูปวันนั้นมาดูหน่อย”
“ครับ”
จอมทัพส่งไอแพดให้เจ้านายดูอีกครั้ง
“ลองชี้สิคนไหน”
“คนนี้ครับ”หนุ่มชี้มือไปที่รูปผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่คนอีกฝั่งของเขมทัต
“วันนั้นนายบอกว่าซ้ายมือนะจอม”
“ครับ คนซ้ายมือคุณต้นไงครับ”
“ให้มันได้อย่างนี้สิ คราวหลังบอกให้ละเอียดกว่านี้หน่อยนะ”
“เกิดอะไรขึ้นครับหรือว่าบอสแก้แค้นผิดคน”“เอ่อสิวะ”
“ตายแล้ว ไหนขอดูหน่อยค่ะ รูปไหนคะ”
“นี่ครับคุณจัสมิน คนนี้ครับ”
“นี่น้องรันนี่ค่ะ อย่าบอกนะคะว่าพี่คิดว่าน้องรันคือเมียน้อยพี่ต้น”
“ก็ไอจอมมันบอกพี่ว่าคนซ้ายมือ พี่ก็นึกว่าซ้ายมือพี่” มาร์คัสตอบเสียงเบา
“พอกันทั้งคู่เลยทั้งพี่มาร์คและพี่จอม แล้วพี่ทำอะไรน้องรันไปบ้าง”
“ก็ให้เขาเซ็นสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายต้นอีกแล้วต้องมาอยู่กับพี่สามเดือน”
“แล้วเธอยอมรับเหรอคะว่าตัวเองเป็นเมียน้อยพี่ต้น”
“เปล่า เธอพยายามบอกว่าไม่ใช่แต่พี่คิดว่าเธอกำลังแก้ตัว อีกอย่างเธอต้องรีบใช้เงินก็เลย”
“รีบใช้เงินเหรอคะ”
“ใช่เงินที่เธอกับเพื่อนไปขอนายต้น”
“พี่ยอมจ่ายเหรอคะ เงินตั้งเยอะ”
“ครับ พี่อยากให้น้องสบายใจ”
“น้องขอถามนะคะ ที่พี่ยอมจ่ายอยากช่วยน้องหรือเพราะเหตุผลอื่น”
“ไม่มีเหตุผลอื่น”
“น้องว่าพี่หลงเสน่ห์น้องรัน”
“เป็นไปไม่ได้”
“งั้นจะรั้งเธอไว้ทำไมตั้งสามเดือน”
“เอาน่า เรื่องมันผ่านมาแล้วอย่าพูดถึงมันอีกเลย แล้วตอนนี้นายต้นอยู่ไหน”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เขาไม่กลับมาบ้านหลายวันแล้ว คงไปกับเด็กนั้น”
“พี่ว่าไม่ใช่แล้ว เพราะรันเพิ่งบอกกับพี่ว่าเพื่อนของเธอบอกเลิกนายต้นไปแล้ว และตอนนี้เธอก็กลับไปคบกับแฟนคนเก่าของเธอ”
“จริงเหรอคะ แล้วทำไมพี่ต้นถึงไม่กลับบ้าน”
“จัสมินพี่ว่าเราเจ็บมาเยอะแล้วนะ ถ้าเขาไม่รักก็ปล่อยเขาไปดีไหม”
“แต่น้องไม่อยากเสียเขาไปนี่คะ”
“แต่รั้งไว้น้องก็ไม่มีความสุข”
“คนเจ้าชู้อย่างนั้นพี่ว่าพอเถอะ เดี๋ยวจัสมินก็จะเจอคนที่รักเราจริงสักคน”
“ใครเขาจะมารักคนที่มีสามีแล้วล่ะคะ”
“เอาน่าเชื่อพี่ ลองปล่อยเขาไปสักพัก ระหว่างนี้ก็ถามใจตัวเองว่าถ้าไม่มีเขาเราจะอยู่ได้ไหม เชื่อพี่นะจัสมิน”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คัสพูดกับน้องสาว เขาพูดกับเธอทุกครั้งที่เขมทัตมีผู้หญิงอื่น แต่จัสมินก็ไม่เคยเชื่อฟังเลย แล้วคนนอกอย่างเขาจะทำอะไรได้ ถึงแม้จะรักจะห่วงแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมตามใจน้องสาว แต่ยิ่งปล่อยให้นานไปจัสมินก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น
“น้องไม่อยากอยู่คนเดียว พี่มาพักกับน้องที่นี่ได้ไหมคะ”
“พี่มีงานที่ต้องทำ แล้วน้องก็รู้ว่าพี่ต้องไถ่โทษที่ทำผิดกับรัน แต่พี่ก็ไม่อยากทิ้งให้น้องอยู่คนเดียว พี่ว่าระหว่างนี้ให้จอมย้ายมาอยู่ที่นี่ดีไหมน้องจะได้ไม่เหงา”
“บอสครับ”
“เอาน่า ถือว่าเป็นคำสั่งเดี๋ยวจะเพิ่มโบนัส”
“จัสมินล่ะ โอเคไหม”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่จอมมาอยู่ด้วยน้องจะได้หายเหงา แล้วพี่จอมก็ทำอาหารอร่อยด้วย น้องชอบกับข้าวฝีมือพี่จอม”
“คุณจัสมินครับ พูดเบาๆ สิ เดี๋ยวแม่ครัวก็ได้ยินหรอกครับ”
“ไม่ได้ยินหรอกค่ะ ป้ามาลัยแกหูไม่ค่อยดี” จัสมินหัวเราะด้วยท่าทางผ่อนคลาย ทำให้มาร์คัสเบาใจขึ้น
“ตกลงตามนี้นะ เดี๋ยวนายกลับไปเก็บของเลย ฉันจะให้คนเตรียมห้องไว้รอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมพักกับการ์ดก็ได้”
“ถ้านายไปพักกับบอดี้การ์ดมันจะต่างอะไรกันล่ะ ที่ให้มาพักที่นี่ก็เพราะอยากให้อยู่เป็นเพื่อนจัสมินนะ”
“แต่ผมว่า...”
“เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายเป็นคนเรื่องเยอะ” มาร์คัสรีบขัด
“ก็ได้ครับคุณมาร์คัส” จอมทัพไม่อยากกลายเป็นเรื่องมากจึงยอมทำตามคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายบอก
เขารู้ว่ายิ่งอยู่ใกล้จัสมินเขาจะยิ่งเจ็บ แต่ก็ยอมเจ็บเพื่อที่จะได้เห็นว่าเธอสุขสบายดีไหม ยอมทนเห็นเธอร้องไห้เพราะคนอื่น เขาไม่เคยคาดหวังว่าความรักที่เขามีให้กับจัสมินนั้นเธอจะรู้หรือไม่เพราะสำหรับเข้ายอมทำทุกอย่างเพียงได้เห็นจัสมินอยู่ในสายตามันก็มากพอแล้ว
พอจอมทัพออกไปแล้วจัสมินก็คุยกับพี่ชายเรื่องมิรันดา
“ตอนนี้น้องรันยังอยู่กับพี่ไหมคะ”
“ครับ เธอยังอยู่กับพี่ จัสมินมีอะไรหรือเปล่า”
“พี่คิดอะไรกับเธอใช่ไหมคะ”
“ไม่เลย”
“ถ้างั้นก็ปล่อยเธอไปสิคะ ในเมื่อมันเป็นการเข้าใจผิด พี่จะรั้งเธอไว้ทำไม”
“พี่...” มาร์คัสไม่รู้จะตอบคำถามน้องสาวของตนเองยังไง เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตนเองรู้สึกยังไงกับมิรันดา
“น้องว่าพี่คิดอะไรกับเธอแน่ สีหน้าพี่มันบอก”
“น้องจะโกรธไหมถ้าพี่บอกว่ารู้สึกดีๆ กับเธอ”
“ชอบเธอเหรอคะ”
“ไม่รู้แน่ใจเท่าไหร่ รู้แต่อยู่ใกล้แล้วมีความสุข”
“พี่คิดดีๆ นะคะ พี่มีความสุขแค่เรื่องบนเตียงหรือเปล่า หรือมากกว่านั้น”
“มันก็คงจะเป็นเหมือนที่น้องพูดนั่นแหละ พี่อาจจะรู้สึกดีกับเธอเพราะแค่เรื่องบนเตียงก็ได้ น้องก็รู้ว่าพี่ไม่มีหัวใจเหลือให้รักใครอีกแล้ว”
“เพราะพี่ยังลืมพี่ไลร่าไม่ได้ใช่ไหม” จัสมินหมายถึงภรรยาของพี่ชายที่เสียชีวิตจากการลอบทำร้ายของศัตรูทางธุรกิจพร้อมกับบิดามารดาของเธอเมื่อห้าปีก่อน
“พี่ไม่เคยลืมเธอและไม่คิดจะลืม”
“น้องไม่ได้บอกให้พี่ลืมเธอนะคะ เธอก็ยังอยู่กับพี่อยู่ในความทรงจำของพี่ แต่ทำไมพี่ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับความรักครั้งใหม่บ้าง พี่ไลร่าคงไม่ชอบเท่าไหร่ที่เห็นพี่ไม่มีความสุขแบบนี้”
“จัสมิน พี่คงขี้ขลาดมากใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พี่เป็นผู้ชายที่ขี้ขลาดมาก มันห้าปีแล้วพี่ควรก้าวออกมาจากจุดนั้นได้แล้วนะคะ” จันมินเข้าใจว่าพี่ชายของตนเสียใจและรู้สึกผิดมาตลอดที่ไม่สามารถปกป้องคนรักได้
“บางพี่ก็อยากใช้ชีวิตแบบปกติ ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทำร้าย”
“ถ้าไม่ไหวพี่ก็ขายทุกอย่างทิ้งแล้วกลับมาอยู่เมืองไทยกับน้องสิคะ มาเริ่มต้นกันใหม่”
“แต่นั้นมันเป็นสิงที่พ่อของเราสร้างมานะ”
“ใช่ค่ะ พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างมา แต่พ่อกับแม่ก็จากไปเพราะธุรกิจสีเทาพวกนั้น”
“น้องอยากให้พี่วางมือใช่ไหม”
“ค่ะ น้องอยากให้พี่มีความสุขเหมือนคนทั่วไป ไม่อยากให้ทำงานแบบนั้น น้องรู้ว่าโรแบร์โต้ยินดีซื้อทุกอย่างจากพี่”
“พี่จะลองคิดดูนะ พี่เองก็อยากกลับมาอยู่เมืองไทยเหมือนกัน”
“น้องหวังว่าจะเป็นข่าวดีนะคะ”
“อือ พี่จะลองคุยกับโรแบร์โต้ดู”
“วันนี้พี่จะอยู่กินข้าวเย็นกับน้องไหม น้องว่าจะให้พี่จอมทำแกงเขียวหวานให้”
“ไม่ละ พี่ไม่อยากทิ้งให้รันอยู่คนเดียวนาน ก่อนออกมาเธอเหมือนไม่สบายนิดหน่อย”
“น้องว่าพี่ชอบเธอเข้าแล้วล่ะ”
“จัสมินจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง”
“เชื่อสิน้องดูออก ถ้าคิดว่าใช่ก็อย่าปล่อยมือเด็ดขาด”
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด “สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคน
มาร์คัสกอดเอวบางของน้องสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของบิดามารดา พอท่านจากไปมาร์คัสก็เลยยกให้กับน้องสาวและน้องเขยส่วนตัวเขานั้นจะไปพักที่เพนเฮาส์ทุกครั้งที่กลับมากรุงเทพ “พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้น้องยังไงคะ” “ยังไม่รู้เลย อาจจะลองคุยกับเธอดูก่อนดีไหม” “น้องว่ามันจะเสียเวลาเปล่านะคะ ผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นจ้องแต่จะจับคุณต้น” “แต่ที่ผ่านมาเราก็จัดการเองได้นี่ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องเรียกพี่มาล่ะ” มาร์คัสถามน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาจัสมินจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับสามีได้อย่างดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างเคย “คนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นค่ะ คนนี้พี่ต้นจริงจังมาก แต่ก่อนถ้าน้องจับได้เขาก็จะขอโทษแล้วก็ยอมเลิก แต่กับคนนี้เขานิ่ง ไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม” “หรือมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นเขาเลยนิ่ง” “น้อยไปสิคะ ปกติพี่ต้นก็แค่ให้เงินใช้ ซื้อของแบบรนด์เนมให้แต่นี่มาขอเงิน 30 ล้าน น้องว่ามันเยอะไปไหม” “แล้วต้นเขาว่ายังไงบ้าง” “เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เด็ก
มาร์คัสมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน เขายอมรับว่าสนใจทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแต่มันติดตรงที่ว่าเธอคือเมียน้อยของเขมทัต“ขอโทษที่ให้รอนาน แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ ลูกน้องคนสนิทไปไหน”“แพทริคไปคุยโทรศัพท์ส่วนจอมทัพกลับไปแล้ว”“ครั้งนี้จะอยู่นานไหม” พูดพลางเทบรั่นดีราคาแพงส่งให้เพื่อน“ก็คงสักพัก ฉันไม่ได้มากวนเวลางานใช่ไหม” “ไม่หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไป” “เด็กที่เอาเหล้ามาให้เมื่อกี้ทำงานเป็นไงบ้าง” “ก็ดีนะ ขยันและมาทำงานตรงเวลา สนใจเหรอ” “ไม่หรอกก็แค่ถามดูเพราะเพิ่งเคยเจอ” “สนใจไปก็เท่านั้น น้องเขาไม่ทำงานเสริม” “เหรอ” มาร์คัสอยากจะหัวเราะที่เพื่อนบอกว่าเธอไม่รับงานเสริม “ไม่ใช่นายคนแรกที่สนใจหรอก” “คงเนื้อหอมน่าดูเลย” “ประมาณนั้นถ้าน้องมันสนใจป่านนี้คงรวยไปแล้ว ฉันว่านายอย่าไปสนใจเลย เสียเวลาเปล่า ฉันตามน้องพลอยให้แล้ว” “ขอบใจนะ กำลังเมื่อยพอดีเลย” “พอพูดถึงหญิงตาก็เป็นประกายเลยนะครับคุณมาร์คัส” “มันก
มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้ ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจ
มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง “คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน “นายผมขอคุณกับคุณหน่อย” “นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ” “เขารอคุณอยู่ในรถ” “อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ “ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า “ผมไปรอที่รถนะครับ” ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้า
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์