พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส
“ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า
“ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา
“ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่”
“เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น
“แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ”
“กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม”
“ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก
“งั้นเอามาสิ”
มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคนกลับอ้าปากกว้างรออยู่แล้วทำให้เธอต้องเป็นคนป้อน
การแสดงออกของมาร์คัสทำให้ยุทธนาและแพทริคหันมามองหน้ากันโดยไม่ต้องนัดหมาย เจ้านายของเขาทานไส้กรอกชิ้นละไม่กี่สิบบาทยังไม่แปลกใจเท่ายอมให้อีกคนป้อน ยุทธนารีบกดปุ่มยอกแผงก้นระหว่างผู้โดยสารและคนขับขึ้นเพราะไม่อยากจะเห็นอะไรที่มันแปลกกว่านี้อีกแล้ว
“เป็นไงคะ อร่อยไหม” หญิงสาวรอฟังคำตอบ
“ก็พอกินได้”
“พอกินได้แปลว่าไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ”
“บอกว่าพอกินได้ก็คือพอกินได้”
“ฉันรู้หรอกน่าว่าคุณไม่อยากให้ฉันเสียน้ำใจ แต่ไม่เป็นไรคุณไม่กินก็ดีแล้วจะได้ไม่เปลือง”
มิรันดาเลิกสนใจเขาแล้วนั่งทานไส้กรอกของตนเองจนหมด พอดีเมื่อรถมาจอดที่ห้างสรรพสินค้า
“เช็ดปากกินน้ำให้เรียบร้อยก่อนลงไปดีกว่าไหม”
หญิงสาวหันมายิ้มแหย่ๆ ก่อนจะหยิบขวดน้ำที่วางไว้ขึ้นมาดื่มและเข้าปากจนเรียบร้อยก็ลงจากรถ
“ซื้อของเสร็จฉันจะโทรตามนะ” เขาหันมาสั่งแพทริคและคนขับรถ
“มันจะดีเหรอครับบอส”
“อือ ที่นี่เมืองไทยนะ ไม่มีอะไรต้องน่าห่วง”
“ครับ”
แพทริคพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงไม่น่าห่วงเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นที่อิตาลี การปล่อยให้เจ้านายไปเดินไปไหนมาไหนคนเดียวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะที่นั่นมาร์คัสมีศัตรูอยู่รอบด้าน
ร้านแรกที่มาร์คัสพาหญิงสาวเข้ามาก็คือร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งมีทั้งชุดทำงาน ชุดอยู่บ้านและชุดสำหรับออกงาน
“คุณค่ะ ฉันว่าเราเปลี่ยนร้านดีไหม ฉันรู้จักร้านที่ประตูน้ำ ราคาก็ถูกกว่ามากนะคะ เดี๋ยวฉันพาไป” มิรันดาเข้ามากระซิบเบาๆ มันใกล้จนมาร์คัสได้กลิ่นกายหอมออกมาจากเรือนร่างของเธอ ชายหนุ่มรีบขยับออกห่างก่อนจะหันไปบอกพนักงาน
“คุณครับ เอาชุดสบายๆ สำหรับใส่อยู่บ้าน 20 ชุด ชุดสำหรับออกมาข้างนอก 20 ชุด ชุดราตรีหรือเดรสสำหรับออกงานอีก 10 ชุด อ้อ แล้วถ้าในเดือนนี้มีชุดออกมาใหม่ก็ส่งไปให้ผมตามที่อยู่นี้นะครับ” เขาจดที่อยู่ให้กับพนักงานที่ยิ้มกว้างเพราะเพียงแค่เขาเป็นลูกค้าคนเดียวพวกเธอก็คงได้เปอร์เซ็นต์จากยอดขายเยอะพอสมควร
“คุณมาร์คัส” มิรันดาแทบจะกรี๊ดกับจำนวนชุดที่เขาสั่ง
“อะไร ไม่พอเหรอ”
“เปล่า จะบอกคุณว่ามันมากไป ชุดที่ฉันเตรียมก็พอมีอยู่บ้าง”
“ไอ้ชุดเน่าๆ พวกนั้นฉันให้แม่บ้านเอาไปทิ้งหมดแล้ว”
“อะไรนะ คุณทำอย่างนั้นได้ยังไงชุดพวกนั้นฉันซื้อมาตั้งหลายบาท”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มาฟรีๆ แต่ในเมื่อเธอมาอยู่กับฉันก็ต้องทำตามที่ฉันอบอก ถ้าเธอโวยวายอีกฉันจะสั่งชุดเพิ่มอีกนะ” มาร์คัสขู่
“คุณคงรวยมากสินะ”
“ก็มากกว่านายต้นละกัน”
“งั้นฉันอยากได้เพิ่ม”
“อยากได้อะไรบอกมาสิ”
“ฉันอยากได้ชุดสำหรับเด็กด้วย”
“จะเอาไปทำไม”
“ให้น้องที่บ้านเด็กกำพร้า”
“แค่ชุดเหรอ”
“ค่ะ แค่ชุดก็พอ”
“ฉันไม่เคยซื้อชุดให้เด็กหรอกนะและก็ไม่รู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ ฉันจะโอนเงินให้แล้วเธอไปซื้อเองได้ไหม อยากได้เท่าไหร่ก็บอก”
“วันนี้คุณมีงบให้ฉันซื้อชุดเท่าไหร่”
“ไม่อั้น”
“ฉันขอหมื่นหนึ่งได้ไหม”
“มันจะพอเหรอ”
“พอสิ ตั้งหมื่นหนึ่งฉันจะซื้อชุดและก็พวกอุปกรณ์การเรียนให้เขา เดือนหน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว”
“ฉันให้สองแสนถ้าวันนี้เธอตามใจฉัน”
“แน่นะคะ”
“แน่สิ”
“คุณนี่นอกจากจะหล่อแล้วยังใจดีด้วยนะคะ”
มาร์คัสมองคนที่ยิ้มตาเป็นประกายแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ มิรันดามีอะไรแปลกจนเขานึกไม่ถึง เขาจะซื้อของให้เธอ เธอก็ทำหน้าบูดหน้าบึ้งไม่อยากได้ แต่พอบอกจะให้เงินไปซื้อของให้เด็กๆ เธอกลับดีใจแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
เขาให้พนักงานนำชุดทั้งหมดไปที่รถซึ่งแพทริครออยู่ที่นั่นแล้ว
ออกมาจากร้านเสื้อผ้าเขาก็ตรงมายังแผนกชุดชั้นในสตรี
“คุณ ฉันต้องซื้อของพวกนี้ด้วยเหรอ มันอยู่ข้างในนะ ใส่ยังไงก็ได้ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันว่าอย่าสิ้นเปลืองเลย”
“มิรันดา สองแสนนะ เอาไหม”
“เอาสิ”
“งั้นคุณไปรอข้างนอกก่อนฉันของเลือกเอง”
ผ่านไปยี่สิบนาทีมิรันดาก็ยังเลือกไม่ถูกเพราะปกติเธอจะซื้อชุดชั้นในตามตลาดนัดซึ่งราคาแต่ละชุดก็แค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น
“ยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ”
“ฉันเลือกไม่ถูกไม่เคยแพงแบบนี้”
“น้องครับช่วยเลือกม้เธอด้วยชุดชั้นใน 20 ชุด ชุดนอน 10 ชุด”
“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”
“มีชุดว่ายน้ำด้วยไหมครับ”
“มีค่ะ อยู่ทางนั้น” พนักงานชี้ไปยังอีกด้านที่มีชุดว่ายน้ำโชว์อยู่
“ผมเอาชุดว่ายด้วยครับ 5 ชุดครับ”
“คุณมาร์คัส” หญิงสาวหันมามองเขาตาเขียว แต่พอเห็นเขาทำปากว่าสองแสนเธอก็ยอมเดินตามพนักงานไปแต่โดยดี
“คุณมาซื้อของแบบนี้บ่อยเหรอคะ”
“แต่ก่อนบ่อยครับ” คำตอบที่เจอไปด้วยเสียงเศร้าทำให้มิรันดาไม่อยากจะถามต่อ
“กลับกันเลยไหมคะ ได้ของครบแล้ว”
“ยังไม่ได้รองเท้าเลยนะ”
“รองเท้าด้วยเหรอคะ”
“เธอคงไม่ใส่ชุดที่ฉันซื้อเมื่อครู่กับรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่หรอกนะ”
“แหม ฉันไม่ได้มีรองเท้าผ้าใบคู่นี้คู่เดียวสักหน่อยนี่ค่ะ”
“ไหนๆ ก็ออกมาแล้วก็ซื้อให้ครบละกัน ยังขาดอะไรบ้างก็ลองนึกดู”
ออกจากร้านรองเท้าก็มาเคาน์เตอร์เครื่องสำอางและต่อด้วยร้านกระเป๋า ซึ่งร้านสุดท้ายมิรันดาขอแค่ใบเดียวเพราะเห็นราคาแล้วแทบไม่กล้าใช้
มาร์คัสแปลกใจกับทาทางของมิรันดามากเพราะทุกร้านที่พาเธอเข้าไปซื้อราวกับว่าเธอไม่เคยใช้ของเหล่านั้นมาก่อน หรือที่ทำแบบนี้เพราะเธอกำลังแกล้งทำเป็นไม่เคยใช้ของเหล่านี้เพื่อตบตาเขา
“คุณมาร์คัสคะ มีอย่างหนึ่งที่ฉันอยากได้”
“อะไร”
“คุณเห็นน้ำหอมร้านนั้นไหม”
“อือ เขาไปดูสิ”
“คือฉันรู้ว่ามันราคาแพงมากแค่ไหน แต่ฉันไม่ได้จะใช้เองหรอกนะ ฉันอยากคุณซื้อแล้วใช้”
“ทำไม”
“คือฉันชอบกงยูแล้วเขาก็โฆษณาน้ำหอมนี้ ฉันก็เลยอยากได้ขวดมันมาเก็บไว้ ส่วนน้ำหอมฉันให้คุณใช้หมดก่อนค่อยเอาขวดมาให้ฉัน
“ใครคือกงยู”
“โอ๊ย คุณไปอยู่ไหนมาเนี่ยไม่รู้จักกงยูโอปป้า เขาน่ะ ทั้งหล่อทั้งดูดี”
มิรันดารีบเอารูปของนักแสดงหนุ่มคนโปรดให้เขาดู
“ฉันว่าเขาดูมีอายุ”
“แน่นอนสิเข้าน่ะอายุ 40 กว่าแล้วแต่ยังหล่อและดูดีมาก”
“สเปกคุณเป็นแบบนี้เหรอ”
“ใช่ฉันชอบคนโตกว่า ทั้งอบอุ่นและใจดีอีกอย่างคนอายุมากว่าเขาก็ผ่านอะไรมามาก ถ้าเป็นแฟนก็คงดี”
“อือ” มาร์คัสไม่ค่อยพอใจที่เธอพูดแบบนี้เท่าไหร่ เพราะมันเหมือนกับเธอกำลังคิดไปถึงน้องเขยของเขาอีกครั้ง
“คุณมาร์คัส ซื้อนะคะ” เป็นครั้งแรกที่มิรันดาทำท่าทางอ้อนแบบนี้กับเขาและนั่นมันก็ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบลงมาทันที
ทั้งสองคนเดินไปยังร้านน้ำหอมและได้มากันคนละขาดของเขาขวดสีน้ำตาลเข้มส่วนของเธอขวดสีขาว
“ขอบคุณมากนะคะ ฉันว่าต้องมีคนอิจฉาฉันแน่เลยถ้าฉันจะโพสต์ขวดน้ำหอมแบบเดียวกับกงยูลงในไอจี รีบกลับกันเถอะค่ะ ฉันอยากลับไปถ่ายรูปอวดเพื่อนแล้ว เธอรีบจนมาร์คัสเดินตามแทบไม่ทัน
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
“มาร์คัสเราเพิ่งสนุกกันไปนิดเดียวเองนะคะ คุณจะรีบไปไหน” นางแบบสาวหุ่นเซ็กซี่ถามชายหนุ่มลูกครึ่งอิตาลี-ไทย ที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คผ้าเนื้อดี“ขอโทษนะลีน่า ผมมีธุระ” พูดพลางติดกระดุมเชิ้ตเม็ดที่เหลืออย่างเร่งรีบ“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าเรื่องบนเตียงของเราอีกเหรอคะที่รัก” หญิงสาวลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เบียดอกอวบแนบชิด แขนคล้องไปยังลำคอแกร่งอย่างประจบ“ผมต้องบินไปเมืองไทยด่วน จัสมินมีเรื่องให้ช่วย”“โธ่! ก็นึกว่าเรื่องอะไร น้องสาวคุณก็คงโทรมาฟ้องเรื่องสามีอย่างเคยนั่นแหละ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสักหน่อยเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้นี่คะ” เพราะเป็นคู่ควงของมาร์คัสมานานหญิงสาวก็เลยพอจะรู้ว่าน้องสาวของเขามักจะโทรมาฟ้องพี่ชายเรื่องความเจ้าชู้ของสามีอยู่บ่อยๆ เอลลีน่าจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องด่วนหรือสำคัญอะไรเลยสักนิด “สำหรับผมทุกเรื่องของจัสมินคือเรื่องสำคัญ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“นี่คุณเห็นน้องสาวของคุณสำคัญกว่าเรื่องของเราอีกเหรอคะมาร์คัส”“ลีน่าคุณรู้จักผมมานาน ก็น่าจะรู้นะครับว่าใครสำคัญที่สุดในชีวิตผม” ชีวิตของมาร์คัสเหลือเพียงน้องสาวเพียงคน
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์