มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน
ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง
“คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน
“นายผมขอคุณกับคุณหน่อย”
“นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ”
“เขารอคุณอยู่ในรถ”
“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ
“ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า
“ผมไปรอที่รถนะครับ”
ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้ามาใหม่ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไทย ถึงแม้จะพูดภาษาไทยก็ตาม
“สวัสดีครับคุณมิรันดาผมชื่อแพทริคเป็นผู้ช่วยของคุณมาร์คัส ถ้าคุณยังอยากได้เงินอยู่ก็รบกวนเดินตามผมมาคุยกับเจ้านายผมหน่อยนะครับ”
“ฉันจะเชื่อคุณได้ยังไงล่ะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรถามเขาดูสิ”
มิรันดาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนจากนั้นกดโทรออกไปยังเบอร์ล่าสุด
“คุณมาร์คัสใช่ไหมคะ”
“เธอจะโทรหาใครล่ะ” เขาถามกลับอย่างยียวน
“ฉันก็จะโทรหาคุณนั่นแหละคุณอยู่ที่ไหนคะ แล้วได้ส่งใครมาหาฉันหรือเปล่า”
“ถ้าอยากได้เงินก็เดินตามเขามาที่รถ” ปลายสายพูดเสียงห้วน
หญิงสาวเดิมตามแพทริคมายังรถตู้คันหรูสีดำที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนน
พอเดินมาถึงชายคนแรกก็เปิดประตูด้านหลังให้เธอขึ้นไปด้านในรถ ก่อนจะปิดประตูแล้วออกมายืนด้านรอด้านนอก
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม จนคนที่นั่งอยู่รีบรับไหว้พร้อมกับทำสีหน้าหนักใจ
“อือ ต่อไปห้ามไหวไว้ฉันอีก” เขารีบบอกเพราะไม่ชอบให้ใครยกมือไหว้ มันทำให้เขาดูแก่
“ค่ะ”
“ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม”
“คุณจะจ่ายฉันจริงใช่ไหมคะ”
“แล้วคิดว่าฉันต้องมาดักรอคุยกับคุณในเวลาตีสองมันคือเรื่องล้อเล่นหรือไงล่ะ”
“อย่างนั้นฉันขอบอกคุณอีกครั้งว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยของพี่ต้น”
“ผมมาถามว่าคุณจะรับขอเสนอของผมไหม ไม่ได้มาเพื่อฟังคำแก้ตัว”
“ฉันบอกคุณไปแล้วนะ แต่คุณไม่ยอมฟังฉันเอง”
“มันก็แค่ก็ขอแก้ตัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณจะคิดเลยค่ะ เพราะสำหรับฉันความจริงมันก็คือความจริง”
“จะพูดอีกนานไหม ฉันจะได้หลับรอ”
“ไม่พูดก็ได้ ไหนล่ะเงินของฉัน”
“คิดว่าฉันจะเอาเงินสดมาให้โดยที่ไม่มีสัญญาอะไรเลยหรือไงสาวน้อย”
“สัญญาอะไร”
“ก็สัญญาที่เธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายต้นอีก”
“ฉันสัญญา”
“แค่สัญญาปากเปล่าใครจะเชื่อ เธอต้องเซ็นสัญญาด้วย”
มาร์คัสยื่นสัญญาที่เขาเตรียมไว้ให้เธออ่าน
“มันมืดฉันมองไม่เห็น”
ชายหนุ่มสายหัวก่อนจะเอื้อมมาเปิดไฟสำหรับอ่านหนังสือที่อยู่บนเพดานฝั่งที่เธอนั่ง
มิรันดาใจเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เพราะลักษณะที่เขาเอื้อมมานั้นมันใกล้ชิดจนเธอได้กลิ่นหอมสดชื่นมาจากตัวเขา ผิดกับตัวเธอเองที่ตอนนี้มีทั้งกลิ่นควันบุหรี่และกลิ่นเหงื่อปะปนกันจนเหม็นไปทั้งตัว
มิรันดากระชับเสื้อคลุมตัวนอกให้แน่นขึ้นเพราะกลัวเขาจะได้กลิ่นเหม็นของตนเอง
“ทำไมต้องทำท่าทางกลัวขนาดนั้น”
“ไม่ได้กลัวก็แค่หนาว”
“อ้อ” มาร์คัสปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถให้เพิ่มขึ้นอีกสององศาเพราะกลั้วเธอจะหนาวตายก่อนที่จะได้เซ็นสัญญา
“เชิญอ่านตามสบาย เสร็จแล้วปลุกด้วย”
“ค่ะ”
มิรันดาอ่านสัญญาไปทีละข้อ มันไม่ได้มีอะไรยากเลยกับการที่เธอจะไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขมทัตอีก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องย้ายไปอยู่กับเขาถึงสามเดือน
“คุณมาร์คัสคะ” หญิงสาวเรียกคนที่นอนอยู่บนเบาะนั่งเบาๆ
“อือ ว่าไง”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่ที่กับคุณถึงสามเดือน”
“ก็เพื่อให้น้องสาวฉันสบายใจยังไงล่ะว่า ระหว่างนี้นายต้นจะไม่ติดต่อกับเธออีก”
“แต่ฉันต้องทำงาน และเดือนหน้าก็จะต้องไปฝึกสอนแล้วนะคะ”
“เรียนครูเหรอ”
“ค่ะ”
“น่าสงสารลูกศิษย์ของเธอนะ มีครูที่ชอบแย่งของคนอื่นแบบนี้”
“คุณจะดูถูกฉันยังไงก็ได้แต่อย่าดูถูกอาชีพและการศึกษาของฉัน” มิรันดาขึ้นเสียงด้วยความโมโห
มาร์คัสที่หลับตาอยู่ตกใจจนต้องรีบลืมตาขึ้นมามองเมื่อเห็นเธอโกรธจนหน้าแดงก็รีบกล่าวขอโทษ
“ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเอาล่ะเมื่อกี้เธอพูดถึงเรื่องไหนแล้วนะ” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ก็เรื่องที่ฉันต้องไปอยู่กับคุณ มันไม่สะดวกเพราะฉันยังต้องทำงานและเดือนหน้าก็จะฝึกงานแล้ว”
“ระหว่างนี้ฉันจะให้เงินเดือนเธอเอง ส่วนเรื่องฝึกงานก็ไม่ใช่ปัญหาเธอก็มาฝึกงานของเธอไป ตกเย็นก็กลับไปอยู่กับฉันแค่นั้นเองง่ายจะตาย”
“คุณคงไม่คิดจะทำอะไรฉันหรอกใช่ไหมคะ” มิรันดามองหน้าเขาอย่างหวาดระแวง
“ก่อนจะถามคิดดีหรือยังดูสภาพตัวเองสิ ว่ามันน่าพิศวาสตรงไหนตัวผอมซะขนาดนั้นแทบไม่ต้องจินตนาการเลยว่าไอ้ตรงนั้นนะมันจะแบนเป็นไม้กระดานแค่ไหน”
“อย่ามาดูถูกกันนะ”
“ทำไม จะแก้ผ้าโชว์หรือไง อย่าลำบากเลย”
“คุณนี่นะ หน้าไม่เหมือนคนไทยเลย แต่ปากคุณนี้มันยิ่งกว่าคนไทยบางคนเสียอีก”
“ผมถือว่านั่นเป็นคำชมนะ เอาล่ะ แล้วตกลงจะเซ็นไหม”
มิรันดาอ่านทบทวนอีกรอบก่อนจะเซ็นชื่อลงไปบนกระดาษแผ่นนั้น
“เรียบร้อยค่ะ แล้วฉันจะได้เงินเลยหรือเปล่า”
“เธอนี่ใจร้อนจริง พรุ่งนี้ฉันจะให้คนพาไปเบิกที่ธนาคาร”
“แน่นะคะ”
“ฉันไม่เบี้ยวหรอกน่า”
“บอกมาสิว่าบ้านเธออยู่ไหนจะได้ให้คนไปรับ”
“คุณมีไลน์ไหมล่ะ เดี๋ยวฉันส่งโลเคชันให้ค่ะ”
มาร์คัสส่งโทรศัพท์ของคนเองให้เธอสแกนคิวอาร์โค้ด
“ฉันส่งที่อยู่ให้แล้วนะคะ คุณจะไปรับตอนกี่โมง”
“บ่ายๆ”
“ก่อนบ่ายสามนะคะ เดี๋ยวธนาคารปิด”
“อือ รู้แล้ว”
“งั้นฉันกลับก่อนขอบคุณมากนะคะ” มิรันดากำลังจะยกมือไหว้แต่ก็รีบเอามือลงเมื่อนึกได้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบให้ทำแบบนั้น
“กลับยังไง”
“รถเมล์ค่ะ”
“ดึกอย่างนี้ยังมีรถเมล์อีกเหรอ”
“มีสิ มันมีทั้งคืนนั้นแหละ แต่ต้องเดินไปขึ้นไกลหน่อยเท่านั้นเอง”
“เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ”
“ที่ฉันบอกจะไปก็แค่กลัวว่าคืนนี้เธอจะแอบไปสั่งลาน้องเขยของฉันเป็นครั้งสุดท้าย”
“ถ้างั้นก็ไปตามที่อยู่นั้นเลยค่ะ เพื่อความสบายใจของคุณ”
มาร์คัสโทรตามยุทธนาให้ขับรถไปตามพิกัดที่เขาส่งให้ พอรถเคลื่อนออกจากหน้าผับได้นิดหน่อยมิรันดาก็หลับลงไปอย่างง่ายดาย
มาร์คัสปรับเบาะให้เอนลงก่อนจะกดปุ่มเพื่อให้แผงกันระหว่างห้องโดยสารกับส่วนคนขับขึ้นมากันเขาและเธอจากคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า “บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น “ไปเพนเฮาส์เลย” รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น “ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิด
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
มาร์คัสเล่าเรื่องราวของตัวเองและธุรกิจที่ทำอยู่ให้มิรันดาฟัง เขาเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่เสมอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้บอกว่าภรรยาของตนเองนั้นเสียชีวิตจากการลอบทำร้ายเพื่อหวังจะให้เขาเสียหลักแล้วตนเองจะเข้ามีอำนาจแทนตระกูลของเขาที่ทำธุรกิจเหล่านั้นมานาน “คุณคงเหนื่อยมาก” มิรันดาถามด้วยความเห็นใจ เธอรู้ดีว่าการรับผิดชอบอะไรสักอย่างนั้นมันทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจมากแค่ไหน “ผมชินแล้ว” มาร์คัสยิ้มเขารู้สึกดีที่เห็นว่ามิรันดาไม่ได้มีทีท่ารังเกียจอาชีพของเขา “คุณทำทุกอย่างเพราะความเคยชินเหรอคะ แล้วคุณมีความสุขไหม” “ไม่เลยครับ” “แล้วทำไม่ถอยออกมาล่ะคะ คุณจะหาเงินเยอะๆ ไปทำไมกันคะ” “ไม่รู้สิครับ” “ดูเหมือนคุณจะไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลยนะคะ” “มีสิ ผมเคยมีเป้าหมายในชีวิต แต่พอไลร่าตายทุกอย่างก็จบ” “คุณไว้ทุกข์มานานถึงห้าปี ฉันชื่นชมคุณนะคะ หาได้ยากมากผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเหมือนคุณ ฉันขอโทษนะคะที่เอาชุดสีดำของคุณไปเก็บฉันไม่รู้จริงๆ พรุ่งนี้ฉันจะให้แม่บ้านเอามาคืนให้นะคะ”มิรันดารู้สึกผิด
คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว “คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม” “ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ” “คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย” “บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้” “แล้วคุณจะใส่แบบไหน” “แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ” “เลือกแล้วต้องใส่นะ” “อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ” มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว “คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว” “คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย” “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว” มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้
มิรันดาหลับไปถึงสามชั่วโมงพอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้น เธอพยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ บางอย่างมันเสียไปแล้วก็ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้ และการร้องไห้ฟูมฟายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ระหว่างนี้เธอก็เรียบคำพูด เธออยากขอกลับไปอยู่ที่บ้านเช่าอย่างเดิม เพราะคิดแล้วว่าถ้าอยู่กับเขาก็คงหนีไม่พ้นตำแหน่งนางบำเรอ แล้วมิรันดาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสไม่ได้สวมถุงยางอนามัยนั่นเท่ากับว่าเธอมีโอกาสตั้งท้องหรือติดโรคจากเขา มิรันดารีบลุกจากที่นอนเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็วเธอต้องไปร้านยาที่ใกล้ที่สุดเพราะเท่าที่เคยอ่านเจอต้องทานยาภายใน 24 ชั่วโมงแต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องมาร์คัสก็กลับมาจากทำธุระข้างนอกแล้ว “จะไปไหน”เขาถามด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคิดว่ามิรันดาจะหนีกลับบ้าน “ไปซื้อของค่ะ” “ครั้งต่อไปถ้าจะออกไปข้างนอกต้องบอกผมหรือไม่ก็แพทริคก่อน” “ฉันไม่ใช้นักโทษนะ” “แล้วผมเคยพูดไหมล่ะว่าคุณเป็นนักโทษ ออกไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย” “นี่คุณที่ผ่านมาฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวมาตลอดไม่
ทันทีที่ร่างสูงของมาร์คัสเดินเข้ามายังห้องรับแขกจัสมินก็รีบวิ่งมากอดพี่ชายอย่างประจบ “เรียบร้อยไหมคะพี่” “ยังจ้ะ ติดปัญหานิดหน่อย แล้วนี่จอมทัพมาหรือยัง” “มาแล้วค่ะ น้องให้ไปทำอะโวคาโดปั่นนมสดอยู่ในครัวนู่นค่ะ” “แม่บ้านก็มีทำไมต้องให้เขาทำล่ะ” “ก็พี่จอมทำอร่อยที่สุด” “แสดงว่าช่วงพี่ไม่อยู่ใช้ให้เขามาทำให้บ่อยเหรอ” “ไม่ได้ใช้เลยนะคะ เขาก็แวะมาตามคำสั่งของพี่นั่นแหละ” “อ้อ แล้วมาบ่อยไหม” “วันเว้นวันค่ะ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้เขามาบ่อยๆ ก็ได้ เกรงใจเขา” “ก็พี่เป็นห่วงน้อง”อันที่จริงแล้วมาร์คัสไม่เคยสั่งให้จอมทัพมาบ่อยขนาดนั้น เขาบอกแค่ว่าให้แวะเข้ามาดูบ้างก็เท่านั้นเอง แต่คงเป็นเจ้าตัวมากกว่าที่ทำเกินหน้าที่ เขาไม่โกรธจอมทัพเลยแต่กลับเห็นใจด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่าจอมทัพชอบน้องสาวของเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกที่อังกฤษพอจัสมินแต่งงานเขาก็คิดว่าจอมทัพคงตัดใจได้ แต่ไม่เลยสักนิด เพราะแววตาที่จอมทัพมองจัสมินนั้นมันเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากมายจนปิดไม่มิด จะมีก็เพี
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์