มาร์คัสมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน เขายอมรับว่าสนใจทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแต่มันติดตรงที่ว่าเธอคือเมียน้อยของเขมทัต
“ขอโทษที่ให้รอนาน แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ ลูกน้องคนสนิทไปไหน”
“แพทริคไปคุยโทรศัพท์ส่วนจอมทัพกลับไปแล้ว”
“ครั้งนี้จะอยู่นานไหม” พูดพลางเทบรั่นดีราคาแพงส่งให้เพื่อน
“ก็คงสักพัก ฉันไม่ได้มากวนเวลางานใช่ไหม”
“ไม่หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไป”
“เด็กที่เอาเหล้ามาให้เมื่อกี้ทำงานเป็นไงบ้าง”
“ก็ดีนะ ขยันและมาทำงานตรงเวลา สนใจเหรอ”
“ไม่หรอกก็แค่ถามดูเพราะเพิ่งเคยเจอ”
“สนใจไปก็เท่านั้น น้องเขาไม่ทำงานเสริม”
“เหรอ” มาร์คัสอยากจะหัวเราะที่เพื่อนบอกว่าเธอไม่รับงานเสริม
“ไม่ใช่นายคนแรกที่สนใจหรอก”
“คงเนื้อหอมน่าดูเลย”
“ประมาณนั้นถ้าน้องมันสนใจป่านนี้คงรวยไปแล้ว ฉันว่านายอย่าไปสนใจเลย เสียเวลาเปล่า ฉันตามน้องพลอยให้แล้ว”
“ขอบใจนะ กำลังเมื่อยพอดีเลย”
“พอพูดถึงหญิงตาก็เป็นประกายเลยนะครับคุณมาร์คัส”
“มันก็แน่อยู่ แล้วไปก่อนนะ ไม่อยากให้น้องพลอยรอนาน”
น้องพลอยหรือพลอยนิชาที่ชายหนุ่มพูดถึงก็คือเด็กสาวที่เขานอนด้วยเมื่อหนึ่งปีก่อน เธอเป็นคนสวยและเก่งเรื่องบนเตียงจึงไม่แปลกที่มาร์คัสจะเรียกหาเธอทุกครั้งที่กลับมาที่นี่
มาร์คัสเดินขึ้นไปยังชั้นสามที่มีห้องนอนไว้คอยบริการแขกอยู่หลายห้อง เขาผลักประตูเข้าไปก็เจอกับพลอยนิชาที่สวมเกาะอกสีแดงรออยู่แล้ว
“คุณมาร์คัส พลอยคิดถึงคุณมาก” หญิงสาวเดินมาสวมกอดด้วยความดีใจ ทุกอย่างไม่ใช่การประจบเอาใจแต่เพราะเธอหลงรักผู้ชายคนนี้มาตลอด พอได้เจอก็อดที่จะแสดงออกไม่ได้
“อือ เตรียมน้ำแล้วใช่ไหมผมอยากอาบน้ำ” มาร์คัสทำหน้านิ่ง สำหรับเขาแล้วการไม่เจอใครสักคนไม่ได้ทำให้เกิดอาการคิดถึงแต่อย่างใด เพราะหัวใจของเขามันตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ทุกอย่างระหว่างเขาผู้หญิงที่ผ่านเข้ามามันก็เป็นแค่ความต้องการทางร่างกายเท่านั้น
“ค่ะ พลอยเตรียมน้ำอุ่นไว้แล้ว คุณจะให้พลอยช่วยอาบให้ไหมคะ”
“ไม่เป็นไร เตรียมนวดให้ผมก็พอ นั่งเครื่องมาหลายชั่วโมงเมื่อยไปทั้งตัวแล้ว”
“ได้ค่ะ” พลอยนิชารับคำอย่างว่าง่าย ไม่ว่ามาร์คัสจะให้ทำอะไรแบบไหนเธอก็ยินดีทำให้เขาทุกอย่าง เพราะอยากให้เขาประทับใจและมาเจอกับเธอทุกครั้งที่กลับมาประเทศไทย
มาร์คัสเดินออกมาจากห้องน้ำโดยนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
เขาเดินมาที่เตียงและล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง
“พลอยนวดให้นะคะ”
ฝ่ามือเล็กของหญิงสาวเริ่มขยับบีบนวดไปตามท่อนแขนแกร่งด้วยน้ำหนักมือไม่หนักไม่เบาจนเกินไป นวดแขนจนครบทั้งสองข้างจึงย้ายฝ่ามือลงมาบีบนวดบนขาทั้งสองข้างก่อนจะมากดลง บนฝ่าเท้าและหลังเท้าทั้งสอง
“นวดดีใช้ได้เลย ไปเรียนมาเหรอ” มาร์คัสถาม เพราะตอนนี้เข้ารู้สึกผ่อนคลายความเมื่อยล้าลงมากทีเดียว
“พลอยดูตามยูทูปค่ะ”
“เคยนวดให้ใครมาก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ พลอยตั้งใจนวดให้คุณมาร์คัสคนเดียว พลอยขอตัวไปล้างมือก่อนเดี๋ยวจะกลับมานวดคิ้วกับท้ายทอยให้นะคะ”
“นวดแค่นี้ก็พอแล้วฉันไม่อยากเสียเวลา”
“อย่าใจร้อนสิคะยังไงคืนนี้พลอยก็อยู่กับคุณได้ทั้งคืน”
“ฉันไม่ได้จ่ายเงินมาเพื่อให้เธอนวดทั้งคืนหรอกนะ”
“เดี๋ยวสิคะ ว้าย!” พลอยนิชาร้องด้วยความตกใจ เมื่อถูกมาร์คัสรั้งจนล้มลงทับไปบนตัวของเขา
“หึหึ”
มาร์คัสหัวเราะกับท่าทางเหมือนไม่เต็มใจของเธอก่อนจะพลิกขึ้นมาคร่อมเหลือร่างพลอยนิชา ปากประกบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเปิดปากรอรับลิ้นแลกจูบอย่างดูดดื่ม จูบรุนแรงอย่างกระหาย ในขณะที่มือเริ่มปลดเปลื้องชุดสีแดงเพลิงออกจากร่างกายอวบอิ่มของเธอด้วยความชำนาญ
“เหมือนมันใหญ่ขึ้นนะพลอย”
“ใหญ่ขึ้นแล้วชอบไหมคะ” พลอยนิชาถามอย่างยั่วยวน ในเมื่อเธออุตส่าห์เจ็บตัวไปแล้วก็อยากจะได้ยินคำชมจากเขา
“อื้อ”
ชายหนุ่มกอบกุมเต้าอวบที่มันใหญ่จนล้นละลัก คลึงเคล้นราวกับว่ามันเป็นของเล่นชิ้นโปรด ปลายนิ้วโป้งบดบี้ยอดถันอย่างสนุกมือ แล้วงับยอดที่แข็งเป็นไตเข้าปากร้อนดูดกลืนอย่างหิวกระหาย พลอยนิชาครางเบาๆ รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย
“อื้อ คุณมาร์คัส”
เสียงหวานคราง ทรมานกับความเสียวซ่าน สองมือจิกไปบนผ้าปูเมื่อเขาดูดดื่มเต้าอวบอย่างตะกละตะกลาม มือใหญ่เลื่อนต่ำลงมายังใจกลางกายสาวส่งปลายนิ้ว เข้าไปยังกลีบสาวถูไถไปมาจนเธอดิ้นพล่าน
“คุณมาร์คัส อื้อ”
เธอครางเสียงสั่นยกสะโพกขึ้นสูงเหนือพื้นที่นอนเพื่อให้ช่องสวาทได้รับการปรนเปรอจากปลายนิ้วที่ขยับเข้าใส่ เสียงหวานกรีดร้องเมื่อเขาส่งเธอไปยังจุดสูงสุดของอารมณ์
เขาถอดปลายนิ้วออกก่อนแล้วล้มตัวลงนอนหงายบน ส่งนิ้วที่เปียกชุ่มเธอดูดเลีย
พลอยนิชาเข้าใจโดยไม่ต้องบอกว่าหลังจากดูดเลียปลายนิ้วที่เต็มไปด้วยกลิ่นกายของตนเองแล้วจะต้องทำยังไงต่อเพื่อให้เขาพอใจ
มือเล็กบรรจงปลดผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวของเขาออก หญิงสาวมองใบหน้าเขาสลับกับความใหญ่โตแล้วส่งยิ้มยั่วยวน ก่อนจะใช้มือเล็กเอื้อมมากอบกุมท่อนเอ็นร้อนที่ขยายใหญ่กว่าของทุกคนที่เธอเคยเห็น เธอรูดรั้งท่อนเหล็กร้อนขึ้นลงเป็นจังหวะก้มกดริมฝีปากสีแดงสดลงบนส่วนปลายของแก่นกายที่เป็นรอยบุ๋ม แล้วปลายลิ้นเล็กตวัดไปมารอบรอยหยักอย่างชำนาญ
“อื้อ ดีมากพลอย”
เสียงครางแหบต่ำออกจากปากหยักได้รูปของมาคาร์คัส เขาเสียวซ่านและร้อนผ่าวไปทั้งตัว พลอยนิชาปรนเปรอเข้าด้วยปากอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มดันข้อศอกกับพื้นที่นอนนุ่มผงกศีรษะดูเรียวปากที่กลืนกินมันน่ามองและกระตุ้นอารมณ์จนเขาแทบทนไม่ไหว ฝ่ามือใหญ่กดศีรษะให้แนบชิดสะโพกสอบขยับเข้าหาอุ้งปาก
“อือ พลอย อีกนิด อื้อ อ้าห์..”
น้ำขาวขุ่นพุ่งแรงเข้าไปลำคอขนพลอยนิชาจนหญิงสาวแทบสำลัก แต่เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
มาร์คัสพลิกให้ตนเองมาคร่อมเธอเอาไว้อีกครั้ง สวมถุงยางอย่างรวดเร็ว มือใหญ่แยกขาออกกว้างแล้วขาทั้งสองข้างของเธอพาดลงบนบ่า จากนั้นสอดความแข็งร้อนเข้าไปในโพรงลึกทีเดียวจนสุดลำ
“อ๊ะ คุณมาร์คัส”
พลอยนิชาร้องเสียงหลง ตัวสั่นคลอนจากแรงกระแทกที่เข้ามาทีเดียวอยากไม่ทันตั้งตัว
มาร์คัสเร่งเครื่องขยับเข้าออกอยากรุนแรง ไม่สนใจว่าเธอ จะรู้สึกเจ็บหรือไม่เพราะอารมณ์ของเขากำลังพุ่งสูงขึ้น
ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มมองเห็นหน้าของพลอยนิชาเป็นหน้าของหญิงสาวที่คุยด้วยเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กระแทกกระทั้นเข้าลึกอย่างรุนแรง สาดอารมณ์ลงไปอย่างเต็มที่
พลอยนิชาครวญครางออกมาฟังไม่เป็นศัพท์ ความเจ็บเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน มันมากล้นจนเธอแทบรับไม่ไหวหน้าอกอวบกระเพื่อมไปตามแรงกระแทก
“คุณมาร์คัสขา พลอยเสียวไปหมดแล้ว อื้อ”
เสียงครวญสั่นของหญิงสาวที่เขาได้ยิน ทำให้เขาออกแรงมากขึ้น แรงขึ้นและเร็วขึ้น สองมือบีบเคล้นเต้าอวบอย่างไม่ปรานี
“ตอดแรงอีกนิด พลอย แบบนั้นแรงอีก อื้อ”
เสียงชายหนุ่มครางอย่างพอใจ
“คุณมาร์คัสขา เสียว พลอยเสียวมาก แรงๆ เลยนะคะ”
เขาตอกอัดความแข็งร้อนลงไปอีกไม่กี่ครั้งพลอยนิชาก็กรีดร้องอย่างสุขสม
มาร์คัสถอนตัวตนออกจากนั้นพลิกให้เธออยู่ในท่าคลานเข่าก่อนจะสอดตัวตนเข้าไปทางด้านหลัง กระแทกเข้าลึกจนสุดโคนแล้วถอนออกเกือบสุด ทำแบบนั้นสลับกับจังหวะรัวเร็ว
ผ่านไปอีกเกือบสิบนาทีร่างกายของเขาก็ร้อนราวกับไฟ เลือดในกายมารวมกันที่ส่วนปลาย มันปวดหนึบจนแทบคลั่ง เมื่อตอกอัดเข้าไปอย่างรุนแรงอีกไม่กี่ครั้ง เสียงแหบพร่าก็ครางอย่างสุขสม
ชายหนุ่มเพิ่งปลดปล่อยไปได้แต่เพียงครั้งเดียวก็รู้สึกไม่อยากทำต่อ เพราะรู้สึกหมดสนุกเมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องสาว อีกทั้งใบหน้าหวานของมิรันดายังคอยตามมากวนใจอยู่ตลอด
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโอนเงินให้กับพลอยนิชาเป็นจำนวนที่คนรับเห็นแล้วยิ้มหายเหนื่อยราวกับปลิดทิ้ง
“คุณจะกลับเลยเหรอคะ พลอยนึกว่าเราจะอยู่ด้วยกันทั้งคืน พลอยไม่ได้เจอคุณนานเลยนะคะคิดถึงคุณมาก”
“เอาไว้ฉันจะนัดใหม่นะ”
“แน่นะคะ แล้วคุณจะกลับอิตาลีตอนไหน”
“คงอยู่เมืองไทยอีกนาน”
“ถ้าคุณว่างโทรหาพลอยนะคะ ช่วงที่คุณอยู่เมืองไทย พลอยจะไม่รับงานอื่นเลย”
“อือ” มาร์คัสตอบสั้นๆ ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและแต่งตัวในชุดเดิมแล้วเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นสองที่ผู้ช่วยของเขารออยู่
มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้ ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจ
มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง “คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน “นายผมขอคุณกับคุณหน่อย” “นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ” “เขารอคุณอยู่ในรถ” “อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ “ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า “ผมไปรอที่รถนะครับ” ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้า
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า “บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น “ไปเพนเฮาส์เลย” รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น “ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิด
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว “ตื่นแล้วเหรอ” “คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้ “ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ” “ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน” “ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา “รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายน
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ