มาร์คัสกอดเอวบางของน้องสาวแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของบิดามารดา พอท่านจากไปมาร์คัสก็เลยยกให้กับน้องสาวและน้องเขยส่วนตัวเขานั้นจะไปพักที่เพนเฮาส์ทุกครั้งที่กลับมากรุงเทพ
“พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้น้องยังไงคะ”
“ยังไม่รู้เลย อาจจะลองคุยกับเธอดูก่อนดีไหม”
“น้องว่ามันจะเสียเวลาเปล่านะคะ ผู้หญิงหน้าไม่อายพวกนั้นจ้องแต่จะจับคุณต้น”
“แต่ที่ผ่านมาเราก็จัดการเองได้นี่ ทำไมครั้งนี้ถึงต้องเรียกพี่มาล่ะ” มาร์คัสถามน้องสาวด้วยความสงสัย เพราะที่ผ่านมาจัสมินจัดการกับผู้หญิงที่เข้ามายุ่งกับสามีได้อย่างดีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเธอจะทำไม่ได้อย่างเคย
“คนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นค่ะ คนนี้พี่ต้นจริงจังมาก แต่ก่อนถ้าน้องจับได้เขาก็จะขอโทษแล้วก็ยอมเลิก แต่กับคนนี้เขานิ่ง ไม่เถียงแต่ก็ไม่ทำตาม”
“หรือมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นเขาเลยนิ่ง”
“น้อยไปสิคะ ปกติพี่ต้นก็แค่ให้เงินใช้ ซื้อของแบบรนด์เนมให้แต่นี่มาขอเงิน 30 ล้าน น้องว่ามันเยอะไปไหม”
“แล้วต้นเขาว่ายังไงบ้าง”
“เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย เด็กนั่นเข้าไปขอเงินถึงบริษัทเลย ดีนะเลขาพี่ต้นแจ้งน้องก่อน”
“ถ้าเขาอยากได้ก็ให้ไปสิ แลกกับต้องเลิกกันยุ่งเกี่ยวกับคนของเรา”
“น้องไม่ยอมหรอกค่ะ ได้ไปตั้งเยอะแล้วยังจะมาขออีก ทำเหมือนเราเป็นธนาคาร พี่ต้นก็ทั้งรักทั้งหลงมีอะไรก็ประเคนให้หมด พี่คิดเหรอคะว่าได้เงินไปแล้วมันจะยอมจบง่ายๆ” จัสมินเป็นกังวลว่าจ่ายไปแล้วมันจะไม่จบและจะมีครั้งต่อไปอีกเรื่อยๆ
“พี่ว่าคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง ถึงต้นมันจะเจ้าชู้แต่มันก็รักเรามากนะ”
“ถ้าเขารักน้องจริงเขาคงไม่มีคนอื่นไหมคะ พี่ต้องช่วยน้องจัดการนะ แยกเขาทั้งสองออกจากกัน”
“ยังไง”
“พี่ทั้งหล่อและรวยกว่าพี่ต้น ถ้าเธอเจอกับพี่เป้าหมายก็อาจจะเปลี่ยน”
“จะบ้าเหรอจัสมิน พี่ไม่มีทางใช้ผู้หญิงคนเดียวกับน้องเขยตัวเองหรอกนะ”
“ก็อย่าคิดแบบนั้นสิคะ คิดว่าเธอก็เหมือนกับผู้หญิงขายบริการสักคน ทำให้เธอหลงรักพี่ ทำให้พี่ต้นเห็นว่าเธอก็ไม่ต่างจากผู้หญิงชั้นต่ำทั่วๆ ไปที่เห็นเงินสำคัญกว่าทุกอย่าง”
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือไง”
“น้องว่าทางนี้ง่ายที่สุดค่ะ”
“พี่จะลองไปเจอเขาก่อน น้องใจเย็นๆ นะ”
“พี่ต้องจัดการให้เร็วที่สุดนะคะ เงิน 30 ล้านน้องไม่เสียดายหรอกค่ะ แต่มันเสียศักดิ์ศรีค่ะ”
จัสมินพูดอย่างเอาแต่ใจและรู้ว่ามาร์คัสจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
“พี่จะกลับแล้วน้องรอฟังข่าวอยู่ที่นี่แล้วกันนะ”
“ไม่อยู่ทานข้าวเย็นกับน้องเหรอคะ”
“ไม่ดีกว่า พี่ว่าจะออกไปดื่มสักหน่อยจะได้ดูด้วยว่าผับของเราเป็นยังไงบ้าง”
มาร์คัสออกมาจากบ้านน้องสาวแล้วก็ตรงไปยังผับที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนอยู่ เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเป็นโซนที่เปิดให้เฉพาะสมาชิกวีไอพีขึ้นมาเท่า
“ว่าไงมาร์คัส รอบนี้หายไปนานเลย เกือบสองเดือนแล้วมั้งฉันจะยืดกิจการอยู่แล้วนะ” ชายไทยรูปร่างสูงเดินเข้ามาทักทายมาร์คัสอย่างคุ้นเคย
“อยากยืดก็ยืดไปเลย แต่ต้องยืดทุกให้ครบทุกร้านนะ”
“ทุกร้านคงไม่ไหวว่ะ แค่ที่นี่ที่เดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่ยังไม่มีใครเอาอะไรมาให้หุ้นส่วนใหญ่ดื่มเลยเหรอ”
“วันนี้แขกเยอะหุ้นส่วนอย่างฉันรอได้ ว่าแต่นายเถอะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆ นะช่วงนี้มีร้านถูกสั่งปิดไปเยอะเพราะให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้า ร้านของเราก็เลยคึกคักเป็นพิเศษ”
“แล้วร้านเราไม่ปล่อยเด็กเข้าแน่นะ ฉันมาอยากมีปัญหากับตำรวจเท่าไหร่”
“เด็กที่ไหนจะเข้ามาละ ค่าสมาชิกรายเดือนเป็นหมื่น ถ้าจะมีก็มากับพวกเสี่ยกระเป๋าหนัก แล้วเสี่ยพวกนั้นก็คนใหญ่คนโต ตำรวจไม่กล้ายุ่งหรอก”
“มันก็จริงนะ”
“นายรอฉันก่อนนะเดี๋ยวจะกลับมาคุยด้วย ขอไปสั่งงานลูกน้องก่อน”
“อือ ไปเถอะ”
“จอมนายมาที่นี่บ่อยไหม” เขาหันมาถามลูกน้องที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว
“ไม่บ่อยครับ ที่นี่คุณศิลาเอาอยู่ครับไม่ต้องเข้ามาดูบ่อย”
มาร์คัสยังมีผับอีกหลายที่ซึ่งเขาจะให้จอมทัพเป็นคนคอยดูแลแทนตัวเอง
“บอสครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอตัวกลับก่อน”
“ไม่ดื่มด้วยกันเหรอ ฉันนั่งดื่มกับแพทริคสองคนเหงาแย่”
“ไม่ดีกว่าครับ พรุ่งนี้เช้ามีงานครับ”
“งั้นก็ตามสบายเลย”
พอจอมทัพออกไปแล้วแพทริคก็ขอตัวออกไปโทรศัพท์ ตอนนี้จึงเหลือเพียงมาร์คัสนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาเพียงคนเดียว
ขณะกำลังนั่งคิดว่าจะช่วยเหลือน้องสาวยังไง ก็มีพนักงานเอาเครื่องดื่มเข้ามาเสิร์ฟ
“คุณศิลาให้ฉันเอาเครื่องดื่มมาให้ค่ะ” พนักงานสาวพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะน่าฟังจนทำให้มาร์คัสนึกอยากเห็นหน้า
หญิงสาวเอาเครื่องดื่มออกจากถาด วางลงบนโต๊ะเตี้ยจนครบ ก็เงยหน้าขึ้น
มาร์คัสหัวใจกระตุกเมื่อตาคมของตนสบเข้ากับดวงตากลมโตของผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นดูสดใสและเป็นประกาย ชายหนุ่มจ้องมองเหมือนคนต้องมนตร์
“คุณจะรับอะไรเพิ่มก็บอกได้นะคะ” เสียงหวานบอกกับเขาพร้อมส่งวมาให้อย่างเป็นมิตร”
“ครับ”
เขานึกเสียดายหญิงสาวตรงหน้า เธอทั้งสวยทั้งหุ้นดีอีกทั้งน้ำเสียงก็ไพเราะน่าฟัง แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องเจ็บ
“นั่งลงก่อนสิ ฉันขอคุยด้วยหน่อย”
“ค่ะ” หญิงสาวถอยห่างจากโต๊ะเล็กน้อยแล้วคุกเข่าลงบนพรมหนารอฟังคำสั่งจากแขกวีไอพีที่คุณศิลาบอกให้เธอขึ้นมาบริการเขา
“เธอชื่ออะไร”
“มิรันดาค่ะ เพื่อนๆ เรียกฉันว่ารันค่ะ”
“ชื่อเพราะดีนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ทำงานที่นี่มานานหรือยัง” มาร์คัสชวนคุย
“ทำได้สองเดือนแล้วค่ะ”
“ถึงว่าฉันเพิ่งเคยเห็น”
“ขอถามได้ไหม ว่าทำไมถึงเลือกมาทำงานที่นี่ล่ะ”
มิรันดามองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะตอบคำถามนั้นไปตามความจริง
“ที่นี่เงินดีกว่าที่อื่นค่ะ แขกก็ทริปเยอะค่ะ”
“อ้อ ฉันขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา”
มิรันดามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาและเธอไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เพราะเกรงใจคุณศิลาถึงได้ยอมนั่งคุยกับเขา
“ในเมื่อเธอก็ได้เงินจากน้องเขยของฉันทุกเดือนอยู่แล้วจะลำบากออกทำงานที่นี่ทำไม”
“น้องเขยของคุณใครคะ”
“สาวน้อย อย่าทำหน้าซื่อตาใสอย่างนั้นสิ ถึงฉันจะชอบมองก็เถอะ แต่ฉันรู้เรื่องของเธอมากเกินกว่าที่จะหลงไปกับท่าทางใส่ซื่อที่เธอกำลังแสดงอยู่”
“คุณพูดเรื่องอะไรคะ”
“ฉันถามหน่อย เธอรู้จักนายต้นไหมล่ะ”
“อ๋อ พี่ต้นรู้จักค่ะ แต่ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”
“อย่าปิดฉันเลยเรื่องของเธอน่ะ ฉันรู้มาหมดแล้ว รู้แม้จะกระทั่งเธอเข้าไปขอเงินน้องเขยฉันถึงบริษัท ฉันยอมรับเลยว่าคุณเป็นเมียน้อยที่กล้ามาก”
“ฉันไม่ใช่เมียน้อยใครทั้งนั้น”
“เก็บคำนี้ไปบอกคนอื่นเถอะนะสาวน้อย เอาล่ะ ฉันมีขอเสนอมาให้เธอด้วยนะ”
“ข้อเสนออะไรฉันไม่อยากฟังหรอกค่ะ ฉันยืนยันว่าฉันไม่ใช่เมียน้อยของเขา”
“ไม่ลองฟังฝังหน่อยเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“40 ล้าน ฉันให้มากกว่าที่เธอขอจากนายต้น”
“40 ล้าน”
มิรันดาตาโตที่ได้ยิน เงินจำนวนนี้มันจะแก้ปัญหาทุกอย่างที่เธอเจออยู่ในตอนนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณคงไม่ให้ฉันฟรีๆ”
“แน่นอนมันก็ต้องมีขอแลกเปลี่ยน”
“ลองบอกมาสิคะ” มิรันดาถามด้วยความตื่นเต้น
“เธอต้องเลิกยุ่งกับนายต้นและออกไปจากชีวิตเขา”
มิรันดาถอนหายใจอย่างหนัก เรื่องนี้เธอต้องคิดให้รอบคอบเพราะการเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขมทัตมันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียว
“นี่นามบัตรฉัน ถ้าเธอตัดสินใจได้ก็โทรมา ฉันให้เวลาถึงพรุ่งนี้เที่ยงคืน”
มาร์คัสยืนนามบัตรสีทองของตนเองให้กับหญิงสาวตรงหน้า
“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอนะคะ ฉันขอคิดดูก่อนแล้วจะรีบติดต่อมา”
“หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ” เขาบอกเธอพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์
มาร์คัสมองตามหลังหญิงสาวไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน เขายอมรับว่าสนใจทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแต่มันติดตรงที่ว่าเธอคือเมียน้อยของเขมทัต“ขอโทษที่ให้รอนาน แล้วนี่ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ ลูกน้องคนสนิทไปไหน”“แพทริคไปคุยโทรศัพท์ส่วนจอมทัพกลับไปแล้ว”“ครั้งนี้จะอยู่นานไหม” พูดพลางเทบรั่นดีราคาแพงส่งให้เพื่อน“ก็คงสักพัก ฉันไม่ได้มากวนเวลางานใช่ไหม” “ไม่หรอก ปกติฉันก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วก็แค่ดูความเรียบร้อยทั่วๆ ไป” “เด็กที่เอาเหล้ามาให้เมื่อกี้ทำงานเป็นไงบ้าง” “ก็ดีนะ ขยันและมาทำงานตรงเวลา สนใจเหรอ” “ไม่หรอกก็แค่ถามดูเพราะเพิ่งเคยเจอ” “สนใจไปก็เท่านั้น น้องเขาไม่ทำงานเสริม” “เหรอ” มาร์คัสอยากจะหัวเราะที่เพื่อนบอกว่าเธอไม่รับงานเสริม “ไม่ใช่นายคนแรกที่สนใจหรอก” “คงเนื้อหอมน่าดูเลย” “ประมาณนั้นถ้าน้องมันสนใจป่านนี้คงรวยไปแล้ว ฉันว่านายอย่าไปสนใจเลย เสียเวลาเปล่า ฉันตามน้องพลอยให้แล้ว” “ขอบใจนะ กำลังเมื่อยพอดีเลย” “พอพูดถึงหญิงตาก็เป็นประกายเลยนะครับคุณมาร์คัส” “มันก
มิรันดากลับมาถึงบ้านในเวลาเกือบตีสามหญิงสาวรีบอาบน้ำและเข้านอน แต่เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงก็ยังคงไม่อาจจะข่มตาหลับลงได้ เมื่อสองวันก่อนเธอกับเพื่อนรักอีกสองคนเข้าไปหาเขมทัตเพื่อยืมเงินจำนวน 30 ล้านจริงอย่างที่ผู้ชายผู้ชายคนนั้นพูด เพราะเขมทัตเป็นคนเดียวที่พอจะมีเงินมากขนาดนั้นให้พวกเธอยืมได้ ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอและเพื่อนกลับไปหาแม่ครูอรดีที่บ้านเด็กกำพร้าจึงได้รู้ว่าตอนนี้ที่นั่นกำลังเดือดร้อนเพราะเจ้าของที่คนเดิมเสียชีวิตลง ลูกชายก็เลยอยากจะขายที่ดินผืนนั้นให้กับนายทุนเอาไปสร้างเป็นศูนย์การค้า แม่ครูและเด็กจะต้องย้ายออกจากที่นั่นภายในเวลาหนึ่งเดือน ถ้าไม่ย้ายออกก็ต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังบวกกับค่าที่ดินรวมเป็นเงินถึง 30 ล้าน เดิมทีที่ดินผืนนั้นเป็นของคุณอรัญญา ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเมตตา ท่านให้แม่ครูสร้างสถานเลี้ยงเด็กบนที่ดินโดยไม่คิดค่าเช่า จนผ่านมาถึงตอนนี้ก็เกือบสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเดือนแต่นั้นก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แล้วเงินจำนวน 30 มิรันดาและเพื่อนก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมที่ไหน นอกจ
มิรันดาเลิกงานในเวลาตีสอง เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเบอร์ที่ไม่ได้รับสายเลย หญิงสาวเดินคอตกออกมาทางด้านหลังผับเพื่อเดินไปถนนใหญ่ที่อยู่ถัดไปอีกซอยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินออกมาจากผับได้นิดเดียวก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามาขวาง “คุณชื่อมิรันดาใช่ไหมครับ” “ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางมองหน้าเขาอย่างงงๆ เพราะเธอจำได้ว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน “นายผมขอคุณกับคุณหน่อย” “นายคุณเป็นใครคะ ถ้าเขาอยากคุยกับฉันทำไมเขาไม่มาเองล่ะ” “เขารอคุณอยู่ในรถ” “อย่ามาหลอกกันหน่อยเลย ฉันเจอมาเยอะแล้วพวกมิจฉาชีพ แหมเป็นแต่งตัวดูดี กะจะหลอกฉันไปทำเรื่องอย่างว่าละสิ ไม่มีทางหรอกย่ะ” มิรันดาสะบัดหน้าใส่พร้อมกับเร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาปิดของสถานบันเทิงทุกคนต่างมุ่งหน้ากลับบ้านถ้าเธอยังเสียเวลาคุยกับคนแปลกหน้าอยู่อย่างนี้ก็คงได้ถึงบ้านดึกกว่าทุกวันแน่ๆ “ยุทธ เดี๋ยวผมคุยต่อเอง” ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินเข้า “ผมไปรอที่รถนะครับ” ชายคนแรกเดินออกไปแล้ว แต่คนที่เดินเข้า
มาร์คัสกดปุ่มแผงกั้นลงเมื่อรู้สึกว่ารถจอดสนิท เพื่อคุยกับคนขับและผู้ช่วยที่อยู่ด้านหน้า “บอสครับ บ้านเธอหลังไหนครับ” ยุทธนาซึ่งเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ดถามขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แพทริคนายรู้ไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ บอสจะเอายังไงดี ถ้าเราไปกดออดแล้วไม่ใช่บ้านเธอผมเกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่” ชายหนุ่มหันมาปลุกคนที่หลับอยู่ข้างๆ ทั้งเรียกทั้งเขย่าแต่เจ้าตัวก็หลับไปไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด แล้วมาร์คัสก็เป็นคนพูดขึ้น “ไปเพนเฮาส์เลย” รถคันหรูแล่นออกจากซอยเล็กๆ จากนั้นขึ้นสู่ถนนใหญ่ที่ค่อนข้างโล่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดหรูซึ่งห้องด้านบนหนึ่งในสี่ห้องเป็นเพนเฮาส์ของมาร์คัส ส่วนคนขับรถและแพทริคพักอยู่ต่ำลงมาอีกชั้น “ให้ผมช่วยไหมครับ” แพทริคเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่มิรันดานั่งอยู่ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไปเปิดลิฟต์รอแล้วกัน” ชายหนุ่มช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือเพราะกลัวคนที่กำลังฝันหวานจะตื่นขึ้นมาโวยวาย พอมาถึงชั้นบนสุดแพทริคก็เปิด
พอรถจอดสนิทแพทริคก็รีบลงไปเปิดประตูให้มิรันดาขึ้นมานั่งคู่กับเจ้านาย ส่วนเขากระเป๋าของเธอไปเก็บหลังรถ จากนั้นก็ตรงไปยังธนาคารที่ใกล้ที่สุด “กระเป๋ามีแค่ใบเดียวใช่ไหม” มาร์คัสถามอย่างแปลกใจเพราะเขาเคยพาผู้หญิงไปเที่ยวแม้จะไปแค่ไม่กี่วันกระเป๋าของพวกหล่อนก็ไม่ต่ำกว่าสองใบ “ค่ะ” “เอาสมุดบัญชีมาด้วยไหม” “ค่ะ ฉันเตรียมมาแล้ว คุณจะให้เงินสดเลยใช่ไหมคะ” “ฉันรู้ว่าถ้าให้เป็นเช็คเธอคงนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะกลัวเช็คจะเด้ง” “คุณนี่รู้ใจฉันที่สุดเลยค่ะ” มิรันดาส่งยิ้มหวานมาให้ มาร์คัสเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ใจเต้นแรง ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกับไลร่าเมื่อเจ็ดปีก่อน แต่จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่มิรันดาดูไม่สง่างามเท่ากับไลร่า จะเรียกอีกอย่างก็คือทั้งสองคนมีบุคลิกที่แต่งต่างกันอย่างลิบลับ ไลร่าสวยสง่าดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว กิริยามารยาทอ่อนหวานน่ามอง ส่วนมิรันดานั้นดูเหมือนเด็กกำลังโต ไม่มีความเรียบร้อยเลยสักนิดอีกทั้งการแต่งตัวก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั้งไปไม่มีจุดไหนที่ดึงดูดผู้ชายได้เลย แต่มาร์
พอใกล้ถึงเวลานัดมิรันดาก็รีบโทรบอกแพทริคให้ไปรอเธอที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกลเพราะเธอกลัวว่าแม่ครูจะเห็นเธอมีคนมารับ เธอกลัวว่าความลับจะแตกและแม่ครูจะเอาเงินมาคืนมาร์คัส “ทำไมมายืนรอตรงนี้ล่ะ” มาร์คัสถามอย่างไม่ไว้ใจ เพราะเธอตอนแรกเธอบอกว่าให้ไปรับที่บ้านเด็กกำพร้า “ฉันหิวไงก็เลยมาซื้ออะไรกินรองท้อง คุณกินไหม” มิรันดาจิ้มฟุตลองที่หันเป็นชิ้นเล็กๆ ส่งให้เขา “ไม่ล่ะ ฉันไม่หิว” “ไม่หิวหรือไม่กล้ากินกันแน่” “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้ากิน มันก็แค่ไส้กรอกธรรมดาไม่ใช่เหรอ” มาร์คัสถามขึ้น “แหม ก็พวกคนรวยน่ะ เขาไม่ค่อยกินอะไรแบบนี้กันหรอก แต่จะบอกให้นะ ของบางอย่างราคาไม่แพงแต่มันก็อร่อย คุณไม่เคยลองจะรู้เหรอ” “กินไปเถอะฉันกลัวเธอไม่อิ่ม” “ฉันว่าคุณไม่กล้ากินมากกว่า” มิรันดาอยากให้เขาได้ลองทานฟุตลองชีทที่ตัวเองใส่ซอสมะเขือเทศซอสพริกและมายองเนส ลงไปผสมกัน เธอคิดว่ามันอร่อยกว่าไส้กรอกที่เธอทานกับเขาเช้านั้นเสียอีก “งั้นเอามาสิ” มิรันดาจิ้มไส้กรอกยื่นให้อีกคน
กลับมาถึงห้องมิรันดาก็รีบอาบน้ำอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เอาน้ำหอมสองขวดถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไอจีและเฟซบุ๊ก ยังไม่ทันได้ดูว่ามีคนมากดถูกใจเยอะไหมโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเสียก่อน “สวัสดีค่ะพี่ต้น” “รันอยู่ที่บ้านหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ต้นมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ติดต่อโยไม่เลย ถ้ารันเจอบอกโทรหาพี่ด้วยนะพี่มีเรื่องจะคุยกับเขา” “ได้ค่ะ ถ้ารันเจอรันจะรีบโทรหาพี่ต้นนะคะ” “คุณคุยกับใครมิรันดา” เสียงมาร์คัสตะโกนถาม “พี่ต้นค่ะ พอดีว่าเขาโทรถามอะไรนิดหน่อย” “แต่ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าเธอจะติดต่อเขาอีก” “ก็แค่คุยกันทางโทรศัพท์เองนะคะ ไม่ได้มีอะไรเลย” “แล้วมันเรียกว่าติดต่อกันไหมล่ะ” “ฉันก็แค่คุยกับเขาเอง ไม่กี่นาที ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้ว่าสายล่าสุดฉันคุยไปนิดเดียว” “นิดเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อมาอยู่กับฉันก็ต้องเชื่อฟังฉัน” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ของเธอปาลงบนพื้นอย่างแรง จนมันแตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี “คุณมาร์คัส มันจะเกินไปแล้วนะ” “เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับ
จากที่คิดว่าจะอ่อนโยนและพูดดีทำดีกับมิรันดาให้มากขึ้น แต่หญิงสาวก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ ในเมื่อพูดกันดีๆ แล้วเธอไม่ฟัง เขาก็ไม่อยากเสียวเวลา เขาขึ้นมาพลิกกายเหนือร่างอีกครั้ง “คุณคงไม่ทำอีกใช่ไหม ก็คุณเพิ่งทำไป” “มันก็แค่ครั้งเดียว มิรันดาเชื่อสิคุณจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม” “แต่ฉันเจ็บ” “มันก็แค่แป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้เราจะมีความสุขด้วยกันนะรัน” มิรันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเมื่อเขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นและน้ำเสียงนั้นก็ฟังดูอ่อนโยนจนทำให้เธอยินยอมพร้อมใจให้กับเขาไปอีกครั้ง มาร์คัสเป็นประกายเมื่อเห็นท่าทางของเธออ่อนอ่อนลงเขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปากนุ่มอีกครั้ง มิรันดาไม่ได้ขัดขืน แถมยังตอบรับด้วยความเต็มใจ เมื่อปลายลิ้นหนาส่งเข้ามาในโพรงปากร้อน กวาดเอาหวานอย่างกระหาย มาร์คัสไม่เคยรู้สึกอยากจูบกับใครจนแทบจะกลืนกินมาก่อนเลย แต่กับมิรันดาเขาแทบไม่อยากจะหยุดจูบเลยสักนิดเสียงชายหนุ่มครางต่ำในลำคออย่างพอใจเมื่อหญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะหยอกเย้ากับลิ้นของเขาอย่ากล้าๆ กลัว ท่าทางไม่ประสานั้นกลับกระตุ้นความต้องการของเข้าไปอย่า
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่
มิรันดาขับรถออกจากโรงเรียนในเวลาเกือบจะหกโมงเย็นเพราะเธอนั่งตรวจการบ้านจนเสร็จ เนื่องจากไม่อยากหอบเอางานมาทำที่บ้าน เพราะเคยมีครั้งหนึ่งเอาการบ้านกลับมาตรวจแล้ว แต่พอวันรุ่งขึ้นก็ลืมสมุดทั้งกองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยก็ว่าตอนที่มีร้านอาหารร้านหนึ่งเพิ่งจะเปิดวันนี้วันแรก มิรันดารีบหยิบโทรศัพท์มาบันทึกรูปถ่ายหน้าร้านและเบอร์โทรไว้ วันนี้เธอคิดจะฝากท้องที่นี่แต่เพราะตอนนี้หน้าร้านไม่มีที่ว่างสำหรับจอดรถแม้แต่คันเดียว หญิงสาวจึงขับรถกลับไปบ้านก่อนแล้วค่อยโทรศัพท์มาถามว่าร้านปิดกี่โมง เพราะระยะทางจากร้านถึงบ้านของเธอนั้นไม่ได้ไกลมากถ้าเดินออกมาคงจะสะดวกกว่า พอกลับถึงบ้านมิรันดาก็โทรศัพท์ไปถามทางร้านว่ามีบริการส่งอาหารไหม เพราะถ้าไม่มีเธอก็จะเดินนอกไปทานเอง “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ” “พี่มาร์ค...” มิรันดาอุทานเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย “สวัสดีครับ ร้านทิรามิสุครับ จะสั่งอาหารเหรอครับ” “พี่มาร์คนั่นพี่มาร์คใช่ไหม รันจำเสียงพี่ได้นะคะ” “คุณครับนี่ร้านทิรามิสุครับ ถ้าไม่สั่งอาหารผมขอว
“เดี๋ยวสิรัน พี่มีเรื่องจะถามอะไรรันหน่อย มันอาจจะกระทบจิตใจรันบ้าง แต่พี่คิดว่าเรื่องนี้ต้องถามให้แน่ใจ” “ได้ค่ะ พี่ถามรันได้ทุกเรื่องเลย” “ตอนนี้รันเป็นยังไงบ้าง” “รันสบายดีค่ะ”“พี่หมายถึงข้างใน หมายถึงสภาพจิตใจ”“รันว่ารันโอเคค่ะ วันก่อนรันไปคุยกับแม่ครูมา แม่ครูสอนรันหลายๆ อย่าง แม่ครูสอนให้รันเข้มแข็งสอนให้รันมองไปข้างหน้าโดนใช้ความคิดถึงและความรักของพี่เขาแรงผลักดัน” “ถ้าคิดแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้ล่ะ” จัสมินรู้ว่าการจะลืมใครสักคนนั้นมันยาก และเธอก็ไม่อยากให้มิรันดาจมอยู่กับความเศร้า “ก็รันไม่คิดจะลืมนี่คะ รันสัญญากับเขาไว้แล้วว่ารันจะมีเขาคนเดียวจะรักเขาคนเดียว” “แต่เขาไม่อยู่แล้วนะ รันจะไม่มองคนอื่นเลยเหรอ” “ไม่ค่ะ รันจะเป็นเหมือนแม่ครูที่รักเดียวใจเดียวแล้วทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ได้สอนให้เด็ก เติบโตไปเป็นคนดีค่ะ” “ถ้ามาร์คัสมาได้ยินคงจะดีใจ” “ค่ะ รันอยากให้เขารู้ว่าตอนนี้รันเข้มแข็งแล้ว รันอยากให้เขาภูมิใจในตัวรันค่ะ” “พี่ถามหน่อยสิ รันเคยคุยกับเขาเรื่องแต่งงานไหม”
ครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่มาร์คัสจากไป จัสมินจัดการทุกอย่างแทนพี่ชายได้อย่างดีเยี่ยม เธอเข้มแข็งขึ้นมาก ลูกน้องของมาร์คัสเชื่อฟังเธอและมั่นใจที่จะอยู่ทำงานกับต่อ และเมื่อเธอขอตัวกลับมาที่ประเทศไทยทุกคนก็ให้สัญญาว่าจะทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ ความจงรักภักดีนี้ไม่ได้ซื้อหามาด้วยเงินแต่ได้มาจากความจริงใจและความเอาใจใส่ต่อลูกน้องที่บิดาและพี่ชายของเธอปฏิบัติมาตลอด มันเลยทำให้หญิงสาวทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านจัสมินเลือกที่จะปล่อยผ่านและปล่อยให้กฎหมายจัดการ เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีกแล้ว ทางวาเลนติโน่เองก็ดูจะไม่เข้ามายุ่งเพราะถือว่าได้แก้แค้นมาร์คัสสมใจแล้ว แต่เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโรแบร์โต้เพราะเพิ่งรู้ว่าคนที่ทำให้กาสิโนของเขาถูกบุกจับนั้นไม่ใช่มาร์คัสอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พรุ่งนี้หญิงสาวก็จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว จัสมินโทรศัพท์ไปหามิรันดาเพื่อถามว่าเธออยากจะได้อะไรเป็นของฝากบ้าง “รันไม่อยากได้อะไรหรอกค่ะ” “พี่รู้ว่ารันเกรงใจพี่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะพี่ไม่ได้กลับคนเดียว พี่จอมเขามารับจ้ะ