หลังจากวางสาย คิ้วของมู่จ้านก็ขมวดแน่น สีหน้าไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้มู่ซินเฟยที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจพร้อมพูดว่า "นึกว่าเขาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง ที่ไหนได้ เขาก็แค่คนที่หวังผลประโยชน์ พึ่งพาความสัมพันธ์กับพ่อเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ช่างน่าผิดหวังจริงๆ!”บุตรสาวของท่านผู้บัญชาการส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเย่เฟิง “เฮ้อ พ่อเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะกระหายผลประโยชน์ถึงขนาดนี้ พยายามจะใช้ความสัมพันธ์ของพ่อเพื่อโปรโมตยาห้ามเลือดของเขาในกองทัพ?”มู่จ้านส่ายหัว ความประทับใจที่มีต่อเย่เฟิงลดลงอย่างมาก“พ่ออย่าช่วยเขานะ! ฮึ่ม!” มู่ซินเฟยพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ย“ไว้ว่ากันเขาบอกว่าจะทำตัวอย่างยาให้พ่อลองใช่ไหม? ถ้าผลลัพธ์ธรรมดา พ่อจะปฏิเสธเขา แต่ถ้าผลลัพธ์ดีจริงๆ พ่อก็อาจจะช่วยเขาได้บ้าง แต่ก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น!”ผู้บังคับบัญชามู่พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น“อืม รอดูตอนที่เขานำตัวอย่างมาแล้วกัน! หนูไม่เชื่อหรอกว่ายาของเขาจะดีกว่ายาห้ามเลือดของทหารที่เราใช้ในปัจจุบัน”มู่ซินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจทางด้านเย่เฟิง เมื่อวางสาย เขาก็รู้สึกถึงกา
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์หรือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ล้วนต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะประสบความสำเร็จ เย่เฟิงยังอายุน้อยแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็ยอดเยี่ยมแล้วแน่นอนว่าเขาคงมุ่งมั่นศึกษาเรื่องการแพทย์อย่างเต็มที่ ไม่อาจมีเวลาไปเรียนรู้สิ่งอื่นเย่เฟิงเห็นสีหน้าไม่สนใจของหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าคิดถึงอะไร ใบหน้าที่สวยงามของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหลังจากลังเลอยู่พักใหญ่ หลิงเอ๋อร์ก็ลองถามอย่างระมัดระวัง "จริงสิ เย่เฟิง คุณมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ไม่รู้ว่าสามารถรักษา... เรื่องทางนั้นได้หรือเปล่า?"“ทางไหน ?”เย่เฟิงแปลกใจและขมวดคิ้ว“ก็……เรื่องนั้นไง โอ๊ยนี่……”หลิงเอ๋อร์กระทืบเท้าด้วยความเขินอายเย่เฟิงมองหลิงเอ๋อด้วยสีหน้าแปลกๆ แล้วตอบพร้อมมีเหงื่อออก "คุณออกจะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยอะไรนะ"“ไม่ใช่ฉัน! และมันก็ไม่ใช่โรคภัย คือมัน... มันใช้การไม่ค่อยได้! เป็นลูกพี่ลูกน้องฉันที่เป็นผู้ชาย เคยได้รับบาดเจ็บตรงนั้นตอนเด็กๆ คุณ... สามารถรักษาได้ไหม?"หลิงเอ๋อร์ขบกัดริมฝีปากและหน้าแดงจัด“แบบนี้นี่เอง……น่าจะได้ไม่มีปัญหา!”เ
เว่ยเสี่ยวตงปิดหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้น ร่างกายเข้าเซเล็กน้อย ฝ่ามือเย่เฟิงนั้นทำเอาเขาเห็นดาวเลยทีเดียว ใบหน้าซีกหนึ่งก็บวมขึ้นมาความเคียดแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นของเขาเหล่าลูกน้องและบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขามองด้วยความตกใจในหมู่บ้านฮั่วหูนี้และในเมืองหยุนเฉิง ไม่คิดว่าจะมีใครขัดใจตบคุณชายปลิวได้?“เอาให้มันหมดสภาพ โยนแม่งออกไป!”เว่ยเสี่ยวตงพูดเน้นย้ำทีละคํา"ครับ!"พวกสุนัขรับใช้ตอบอย่างพร้อมเพรียงกันแล้วล้อมรอบเย่เฟิ่งแล้วจู่โจมโดยไม่พูดอะไรแต่ละคนดูมีออร่าชั่วร้ายและน่ากลัว“พวกแกคิดจะทําอะไร?”หลิงเอ๋อร์รีบเข้ามาขว้างด้านหน้าเย่เฟิงแล้วออกโรงสกัดกั้น!เธอเป็นคนเรียกเย่เฟิงมา แล้วก็เป็นคนก่อเรื่องนี้ หลิงเอ๋อร์เธอไม่อาจยืนดูเฉยๆได้หลังจากนั้น สาวสวยที่ดูอ่อนหวานคนหนึ่งก็เริ่มต่อสู้กับกลุ่มชายกำยำ“ลุย!ลุยไปพร้อมกันเลย!”เมื่อเห็นว่าหลิงเอ๋อร์ปกป้องเย่เฟิง เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องต้องมีเมตตาของสตรีด้วยสิ เขาตะโกนใส่ลูกน้องผู้หญิงสําหรับเขาแล้วก็แค่เอาไว้เล่นสนุกแค่นั้นอย่างไรก็ตาม หลิงเอ๋อร์หญิงสาวคนนี้พละกำลังไม่เลวเลย ถึงโดนรุมสิบคนก็ยัง
เย่เฟิงหรี่ตาลง รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาวินาทีถัดมา เขาดึงตัวหลิงเอ๋อร์ที่กำลังต่อสู้อยู่:“ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ คุณไปพักสักพักไป!”“ทำอะไรน่ะ อย่าเกะกะ! รีบวิ่งดิ!”หลิงเอ๋อร์ที่กำลังลงมือกับใครบางคนอยู่นั้น มาถูกเย่เฟิงดึงไว้แบบนี้จนแทบเสียการทรงตัว เธอตวาดขึ้นมาอย่างอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีฟังเสียงพูดคุยของคนรอบๆเธอ ในใจของหลิงเอ๋อร์ก็เริ่มมีความคิดเห็นเกี่ยวกับคนคนนี้อยู่บ้างถ้าไม่ใช่เย่เฟิงรักษาใบหน้าที่เสียโฉมของปู่เธอล่ะก็หลิงเอ๋อร์แทบไม่อยากจะสนใจเขาด้วยซ้ำชายผู้หนึ่งใช้โอกาสจู่โจมตอนหลิงเอ๋อร์หยุดชะงัก เขายกหมัดเข้าใส่สายตาเธอเห็นหมัดที่กำลังจะปะทะเข้าร่างเธอเพี๊ยะ!ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีเงาปรากฏขึ้น จู่ๆร่างของชายผู้นั้นก็ลอยกระเด็นออกไปทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นฉากที่ทำให้หลิงเอ๋อร์และทุกคนต้องพากันตะลึงตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ……เย่เฟิงดึงหลิงเอ๋อร์ไปไว้ด้านหลังเขา ก่อนที่เขาจะออกโรงต่างจากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งก่อนโดยสิ้นเชิง เผชิญหน้ากับกลุ่มชายร่างใหญ่นี้ เย่เฟิงแค่ซัดพวกเขากระเด็นไปทีละคนลงมือครั้งเดียวอย่างเรียบง่ายแต่กลับรุนแรงขั้นสุดทุก
หลังจากจัดการลูกสมุนของเว่ยเสี่ยวตง และซัดคึนไปทีหนึ่ง เย่เฟิงก็พาหลิงเอ๋อร์ออกจากหมู่บ้านฮั่วหู“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเก่งกังฟูขนาดนี้!อาจารย์คุณคือใครล่ะ?”หลิงเอ๋อร์ถามพร้อมดวงตาสวยที่เปล่งประกาย“ผมไม่มีอาจารย์หรอก เรียนด้วยตนเองน่ะ!”เย่เฟิงยิ้มได้ยินแบบนี้ หลิงเอ๋อร์ก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้: “เจ๋งนี่!”เดิมทีเธอก็มีหน้าตาที่งดงามและน่ารักอยู่แล้ว ขนาดกลอกตามองบนยังสวยมีเสน่ห์หาที่เปรียบ เย่เฟิงที่เห็นนั้นก็แอบใจสั่น หลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองก็เปลี่ยนร้านอาหารเพื่อกินข้าว หลิงเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเรื่องของปู่เธอ ครั้งก่อนเย่เฟิงเคยพูดว่า “เป่ยเหล่า เดือนหน้ายังต้องรักษาอีกครั้งถึงจะหายดี” ครั้งนี้เธอนัดหมายเวลาที่แน่นอนสำหรับคุณปู่ไว้แล้วขณะรับประทานอาหารไปได้ไม่เท่าไหร่ เย่เฟิงก็ได้รับโทรศัพท์“คุณเย่หรือเปล่าครับ ผมเป็นคนของใต้เท้ามู่ เรื่องวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โฉลดกับกุญแจอีกสักครู่ผมจะส่งไปให้นะครับ ไม่ทราบว่าช่วงบ่ายสะดวกมาเจอกันไหมครับ?”อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างสุภาพแม้ว่าท่าทีของมู่จ้านที่มีต่อเย่เฟิงจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สัญญาไว้ไม
ทันใดนั้นพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์หญิงคนหนึ่งก็เดินออกมาจากสำนักงานขาย และพูดอย่างสุภาพว่า:"ทั้งสองท่านมาดูวิลล่าใช่ไหมคะ?”ไม่พูดคงไม่ได้ว่าพนักงานขายผู้หญิงที่นี่นั้นล้วนเป็นสาวงามที่หาจับยากยังไงวิลล่าที่สวนจักรพรรดิ์นี่ก็มีราคาเริ่มต้นหลายสิบล้านถึงพันล้านบาท สามารถซื้อบ้านที่นี่ได้นั้นต่างก็เป็นคนที่ร่ำรวยจริงๆทั้งนั้นจะต้อนรับลูกค้าระดับนี้ทั้งที จะเอาคนไม่สวยมาได้ยังไงเมื่อพนักงานขายเห็นว่าเย่เฟิงนั้นขับเบนท์ลีย์มา ท่าทีของเธอก็เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด เธอคิดว่าเย่เฟงคงเป็นลูกชายของคนรวยคนหนึ่งแม้ว่าเขาจะแต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่ในปัจจุบันคนรวยที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายก็มีมากมายอีกทั้งหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างเย่เฟิงนั้นก็งดงามเสียจนพนักงานขายรู้สึกต้อยต่ำไปเลยข้างกายมีสาวงามระดับนี้อยู่จะมาธรรมดาๆได้ไงกัน?“ผมมีบ้านที่นี้แล้วครับ แค่ยังไม่ได้เข้าอยู่ วันนี้แค่มาดูเฉยๆ! คุณไปจัดการงานตัวเองเถอะ”เย่เฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม“โอ้ งั้นเชิญคุณชายตามสบายเลยนะคะ”เมื่อพนักงานขายได้ยินเช่นนี้ แววตาผิดหวังของเธอก็ฉายแววขึ้นมาอ๋อ……ที่แท้เขาก็มีบ้านที่นี่แล้วไม่งั้นนะถ้าขายวิลล่าไ
เย่เฟิงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับพวกนี้หลิงเอ๋อร์ที่ได้ยินคำเย้ยหยันจากจ้าวเหม่ยฟ่งและโจวชิ้งก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เย่เฟิง พวกเขาคือใครเหรอ?”“ไม่รู้จัก ไม่ต้องสนใจหรอก”เย่เฟิงพูดอย่างสงบท่าทีของเขาทำให้โจวชิ้งกัดฟันด้วยความโกรธบนโลกนี้ การถูกดูหมิ่นที่แรงที่สุดไม่ใช่การด่าทออย่างรุนแรง แต่เป็นการถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิงท่าทีที่เย่เฟิงมองข้ามเธอนั้นทำให้โจวชิ้งรู้สึกบิดเบี้ยวอยู่ในใจไอ้คนจนที่รับเป็นลูกเขยปลอมคนอื่นจะสิทธิ์อะไรมาเมินเธอกัน?“ฮ่าฮ่า... ไม่รู้จักเหรอ? หรือว่าไม่กล้ารับว่ารู้จักฉัน? กลัวว่าฉันจะเผยความจริงจนคุณขายหน้าต่อหน้าสาวสวยคนนี้สิท่า?”โจวชิ้งโกรธจนหัวเราะออกมา เธอชี้ไปที่จมูกของเย่เฟิงหลิวหาวยิ้มเยาะและพูดว่า: “ไอ้จน! ก็คิดว่าจะแน่ ที่ไหนได้ไปขายตัวไปเป็นหมาให้คุณหนูใหญ่ของตระกูลหลี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลิวหาวพูดพลางมองไปที่หลิงเอ๋อร์: “คนสวย เขาพาคุณมานี่คงไม่ใช่หลอกว่าจะซื้อวิลล่านี่ให้หรอกใช่ไหม? อย่าไปเชื่อเขาเลย เขาก็แค่คนจนๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะผมพาภรรยาและครอบครัวมาซื้อวิลล่าแล้วบังเอิญเจอกันพอดี คุณคงโดนหลอกไปแล้ว!”หลิวห
พนักงานขายเบ้ปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย“ฮ่า……ตลกชิบหายเลย! เขามีวิลล่าที่นี่แล้วงั้นเหรอ? โกหกซะไม่เกรงใจพื้นเพตัวเองเลยนะ!”โจวชิ้งพูดอย่างหัวเราะเยาะ“มิน่าล่ะถึงคบกับสาวงามได้เยอะแยะแบบนี้ ช่างกล้าพูดคำใหญ่คำโตจริงๆ”หลิวหาวหัวเราะลั่นจ้าวเหม่ยฟ่งขยับกำไลทองดำเธอก่อนจะชี้ไปที่เย่เฟิง: “งั้นบอกมาสิ ว่าวิลล่าหลังไหนของแก?”“นั่นสิขอเราเขาไปนั่งชมหน่อยได้ไหม?”โจวเพ่ยหยินยิ้มเยาะและมองเย่เฟิงราวกับกำลังดูหนังตลกเย่เฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา:“พวกคุณคู่ควรจะได้เข้าเหรอ?”“แกพูดอะไรนะ? ไอ้ยาจกนี่ ถูกถอดหน้ากากแล้ว ยังดื้อรั้ปากแข็งอยู่อีกเหรอ? ถ้ามีปัญญาก็บอกมาสิว่าหลังไหนของแก!”โจวชิ้งด่าออกมา“จริงค่ะวิลล่าไหนของคุณเหรอคะ? ดิฉันรู้จักเจ้าของวิลล่าทุกคนที่นี่ แต่คุณฉันไม่คุ้นเลยจริงๆ”พนักงานขายเอ่ยอย่างขบขัน “เย่เฟิง คุณบอกพวกเขาไปจะได้หุบปากกันสักที !”หลิงเอ๋อร์เชื่อมั่นในตัวเย่เฟิง เมื่อได้ยินคนเหล่านี้เยาะเย้ยเย่เฟิง จู่ๆ เธอก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อยเย่เฟิงยักไหล่:“ก็ได้! เขตเอ วิลล่าเลขที่ศูนย์ศูนย์หนึ่ง!”เมื่อพูดจบ พนักงานขายก็ตกตะลึงอยู่ครู่หน